ผู้ศักดิ์สิทธิ์!
เสียงนี้ดังก้องออกไปทุกแห่งในเขตกู่ซวี และดังอยู่นานไม่จางหายไป
เพียงคำเดียวกลับโจมตีเข้าไปถึงจิตใจของทุกคน เครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในหัวของทุกคน
เป็ไปได้อย่างไร
จะมีผู้ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไร
“เขาคือผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ”
าามารตะวันตกลอยอยู่ข้างๆ เริ่นเสี้ยวเทียน เอ่ยถามอย่างระแวดระวัง
“ใช่แล้ว ผู้ศักดิ์สิทธิ์”
เริ่นเสี้ยวเทียนพยักหน้าเป็การตอบรับอีกครั้ง
“ผู้ศักดิ์สิทธิ์ในโลกมีเพียงเจ็ดคน ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีคนนี้ด้วย”
าามารตะวันตกส่ายหัว ยังคงไม่อยากเชื่อว่าจะเป็ไปได้
แต่พลังของอีกฝ่ายเหนือไปกว่าที่เขาจะรับรู้ได้ ตอนนี้เขายังไม่ถึงขั้นจักรพรรดิเลยด้วยซ้ำ แต่ไอพลังของอีกฝ่ายกลับทำให้เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่ง มิอาจมองเห็นได้เลยว่าอยู่ในขั้นไหนแล้ว
“เขาคือผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวง ฝึกตนอย่างสันโดษ ก่อนหน้านี้ตอนที่แม่ทัพเทพปรากฏตัวขึ้นข้าสงสัยอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเป็เื่จริง”
เริ่นเสี้ยวเทียนเปิดเผยตัวตนของอีกฝ่ายออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่คนทั่วโลกยอมรับมีเพียงเจ็ดคน หากถามว่ามีคนที่แอบซ่อนอยู่อีกไหมก็ต้องบอกว่ามี ซึ่งไม่มีทางที่คนทั่วไปจะรู้จักได้ โดยเฉพาะขั้นราชันในหุบเขาสุขาวดียิ่งไม่น่าจะรู้
แต่เริ่นเสี้ยวเทียนกลับรู้ได้ แสดงให้เห็นว่าเื้ัของเขาไม่ธรรมดาเลย
“เขาคือข้ารับใช้ของผู้เฒ่าจี๋เล่อ หลังจากผู้เฒ่าจี๋เล่อล่วงลับไปก็ขโมยของล้ำค่าของผู้เฒ่าจี๋เล่อ ทำให้ตนเองได้กลายเป็ผู้ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้”
เสิ่นเสวียนยืนอยู่กลางอากาศ อธิบายให้ทุกคนรับรู้โดยอ้างอิงจากที่เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวมา
“ข้ารับใช้ของผู้เฒ่าจี๋เล่อ! เมื่อพันปีก่อน!”
จี๋เล่อน้อย าามารทิศเหนือ และผู้แข็งแกร่งอีกมากมายต่างถอนหายใจออกมา ไม่รู้จะกล่าวอะไรแล้ว
“เ้ารู้ได้อย่างไร”
จี๋เล่อน้อยถามเสิ่นเสวียน
“เพราะก่อนหน้านี้ข้าเจอเขาในสุสาน สุสานมีข้อจำกัดคือห้ามคนอายุมากกว่ายี่สิบปีเข้าไป เขาจึงหาภาพวาดภาพหนึ่ง แล้วยึดครองร่างคนอื่นแฝงกายเข้าไปในภาพ จากนั้นพวกเราได้สู้กันแล้วเขาก็โดนฆ่าตาย และเมื่อออกมาอยู่ด้านนอกแล้วเขาจึงมาหาข้าเพื่อแก้แค้น”
เสิ่นเสวียนอธิบายให้ทุกคนรู้ต่อไป
หลังจากได้ยินคำของเสิ่นเสวียน เริ่นเสี้ยวเทียนและจี๋เล่อน้อยต่างตื่นใ
พวกเขาเข้าไปในนั้นด้วยกัน กลับไม่รู้เื่ที่เสิ่นเสวียนต้องเผชิญเลยแม้แต่น้อย
“ข้ารู้แล้ว ก่อนหน้านี้ที่เกิดการต่อสู้ขึ้นในถ้ำคือเ้ากับเขา”
จี๋เล่อน้อยคิดไปถึงร่องรอยการต่อสู้ก่อนหน้านี้ และเข้าใจเื่ราวทั้งหมดได้ทันที
ในตอนนั้นหลังจากรับรู้ได้ถึงร่องรอยการต่อสู้ เขาก็เข้าไปยังที่แห่งนั้นทันที เมื่อไปถึงแล้วที่นั่นเหลือเพียงร่องรอยการต่อสู้เท่านั้นแต่ไม่เจอใครเลย เขาในตอนนั้นพยายามตามหาอยู่นานมากแต่ก็ไม่เจออะไร
คิดได้ดังนั้นทำให้เขาอดเลื่อมใสเสิ่นเสวียนไม่ได้ เขาใช้ชีวิตมาอย่างยาวนาน เพียงแต่ร่างกายไม่แก่ลงเท่านั้น กลับมิอาจเทียบคนรุ่นหลังอย่างเสิ่นเสวียนได้เลย
แก่แล้ว เขาแก่แล้วจริงๆ
“คนผู้นี้อายุถึงพันปีแล้วหรือเปล่า! และยังเป็ผู้ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย พวกเราจะสู้เขาได้หรือ”
ผู้นำอำนาจหนึ่งกล่าวกับเสิ่นเสวียน
แม้พวกเขาจะอยู่ในหุบเขาสุขาวดีมานาน ไม่หวั่นเกรงสิ่งใดเลย แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มิอาจเอาชนะได้เช่นนี้ พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอยู่เหมือนกัน
ร่างกายมีเืมีเนื้อ ใครบ้างไม่กลัวตาย
“หรือว่าพวกเรายอมแพ้เลยดีไหม! ไม่แน่ว่าอาจรอดชีวิตไปก็ได้”
ผู้นำอีกอำนาจหนึ่งกล่าวขึ้น
ระหว่างความเป็และความตาย คนโง่ยังรู้เลยว่าต้องเลือกอย่างไร
ผู้ศักดิ์สิทธิ์เจ็ดคนในทวีปหลิงโซ่ว แต่ละคนมากฝีมือทั้งนั้น การต่อสู้ของพวกเขาเหนือไปจากที่ตนเองจะรับรู้ได้ การยอมแพ้เป็ทางเลือกที่ดีที่สุด
แม้อำนาจอื่นๆ จะไม่แสดงท่าทีออกมา แต่ความคิดของพวกเขาก็ชัดเจนมาก ไม่ว่าใครก็อยากมีชีวิตต่อไป ต้องเผชิญหน้ากับผู้ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่มีพลังที่จะตอบโต้กลับได้เลย
ก่อนหน้านี้ที่สู้ได้เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าผู้ศักดิ์สิทธิ์จะมาที่นี่ด้วย ไม่อย่างนั้นจะสู้ไปทำไม เข้าอ้อนวอนร้องขอชีวิตยังไม่ทันเลย!
ที่ไม่แสดงท่าทีออกมาตอนนี้เพราะอยากดูว่าผู้ศักดิ์สิทธิ์จะทำอย่างไรต่อไป เพราะตนเองเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ไปแล้ว อีกฝ่ายจะยอมให้ตนเองกล่าวอะไรอีกหรือเปล่า!
หากว่าไม่ยอม ต่อให้ตนเองอ้อนวอนอย่างไรก็คงไม่เป็ผล หากว่ายอม แสดงท่าทีช้าสักหน่อยก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
“มดฝูงหนึ่ง หุบเขาสุขาวดี ดินแดนสกปรก เดิมทีไม่คู่ควรที่จะอยู่บนโลกนี้อยู่แล้ว นับแต่วันนี้ไปจงสลายหายไปซะ”
ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สีม่วงมอง ‘ฝูงมด’ เบื้องล่างอย่างเหยียดหยาม พลางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พวกเ้าไร้ประโยชน์ยิ่งนัก แม้แต่เื่เล็กน้อยแค่นี้ก็ทำกันไม่ได้”
ผู้ศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความโกรธ ทำให้แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตื่นใจนเสียงสั่นเครือ
“นายท่านไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว”
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิสองคนนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวง โค้งกายคารวะไม่หยุด ้าให้อีกฝ่ายให้อภัย ั้แ่เสียงอ้อนวอนไปจนถึงร่างกายสั่นเทิ้ม พอมองออกได้ว่าพวกเขารู้จักนิสัยของผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงอย่างแท้จริง
หากไม่อ้อนวอน พวกเขาคงต้องตายอย่างน่าอนาถ
“พวกเ้าทำข้าเสียหน้าไปแล้ว ไม่มีครั้งหน้าอีกต่อไปแล้ว”
ชายชราชุดม่วงส่ายหัว พลางมองแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิสองคน
ทันใดนั้นเอง ลำแสงสว่างจ้าสองสายพุ่งออกมาจากดวงตาของผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวง ยิงเข้าที่ร่างของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิสองคนนั้นอย่างแม่นยำ
เกราะสีเงินที่แข็งแกร่งบนร่างของพวกเขาลุกไหม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับเป็เชื้อเพลิง
“อ๊าก!!!”
“อ๊าก!!!”
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิสองคนร้องโหยหวนด้วยความเ็ป เปลวเพลิงบนร่างลุกโชนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ชั่วพริบตาพวกเขาได้กลายเป็มนุษย์เพลิงไปแล้ว
หลังจากนั้นเจ็ดลมหายใจ
เสียงร้องโหยหวนจางหาย เหลือเพียงควันฟุ้งกระจายเท่านั้น
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิสองคนที่จี๋เล่อน้อยและาามารทิศเหนือต่อสู้กันมาอย่างยาวนานยังมิอาจเอาชนะได้ กลับกลายเป็จุณในพริบตาเพียงเพราะสายตาของผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวง
พลังของอีกฝ่ายเรียกได้ว่าน่ากลัวมาก!
ความสามารถเช่นนี้ประจักษ์แก่สายตาของทุกคนในที่นี้อย่างชัดเจน
ความน่ากลัวและความรู้สึกไร้แรงตอบโต้ต่างรับรู้ได้
แววตาที่มองผู้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเลื่อมใส พลันแปรเปลี่ยนเป็ความหวาดกลัวไม่มีที่สิ้นสุด
คนเลวไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือคนเลวที่มีพลังไร้เทียมทาน นี่ต่างหากคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
“ตายแล้วหรือ”
าามารทิศเหนือกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ อีกฝ่ายมีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน เขาได้สู้ด้วยตัวเองย่อมรู้ดี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ศักดิ์สิทธิ์ นึกอยากให้ตายก็ตายเลยเช่นนี้ ดูจะมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า!
“สหายเสิ่น ช่วยพวกข้าด้วย พวกข้ายังไม่อยากตาย...”
ผู้นำอำนาจเล็กๆ ที่กล่าวออกมาก่อนหน้านี้ได้เห็นด้านที่น่ากลัวของผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวง จึงหันไปอ้อนวอนต่อเสิ่นเสวียน
อีกฝ่ายบอกว่าจะทำลายที่นี่ให้สิ้น พวกเขาเป็คนที่นี่ก็จะถูกทำลายไปด้วย ตอนนี้คนที่ยังพอตั้งความหวังได้คงมีเพียงเสิ่นเสวียนเท่านั้น
“อ้อนวอนเขา? ลองดูซิว่าเขาจะช่วยเ้าได้ไหม”
ผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงกล่าวจบ ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากดวงตายิงเข้าใส่ร่างของผู้นำอำนาจเล็กๆ นั้นที่เพิ่งกล่าวไปก่อนหน้านี้ ทำให้ร่างของเขาเริ่มลุกไหม้ขึ้นมา อย่าว่าแต่เจ็ดลมหายใจเลย เสียงร้องโหยหวนจางหายไปทั้งที่ยังไม่ถึงสามลมหายใจเลยด้วยซ้ำ
ในที่นี้มีาามารทิศเหนือเพียงคนเดียวที่อยู่ในขั้นจักรพรรดิ ส่วนเหนือกว่าขั้นจักรพรรดิยังมีระดับกลาง ระดับสูง และระดับสูงสุดอีก ซึ่งห่างจากขั้นศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป
พลังของสองฝ่ายต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่ใช่เื่เกินจริงเลย
“ตอนนี้ถึงคราวของเ้าแล้ว เ้าสังหารศิษย์รักของข้าไป บอกมาเถอะ เ้าคิดจะตายอย่างไร”
ชายชราจื่อกวงแสดงท่าทีที่เป็มิตรออกมาั้แ่แรก จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาเปิดเผยเจตจำนงสังหารออกมาแล้วโดยไม่คิดปิดบังอีกต่อไป แสดงว่าเขาหมดความอดทนกับเสิ่นเสวียนแล้ว
“ถึงเวลาของข้าแล้ว ข้ายังคิดไม่ออกเลยว่าจะตายอย่างไรดี ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดเ้าถึง้าสังหารข้าขนาดนี้ เพราะข้าสังหารร่างนั้นของเ้าไปอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นเสวียนถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
ขณะที่เขากล่าว ในหัวของเขากำลังคิดอย่างรวดเร็ว อย่างแรกหาว่ามีวิธีใดบ้างในการรับมือ จากนั้นค่อยเข้าไปหาของล้ำค่าภายในผังเมืองซานเหอที่เพิ่งคลายผนึกได้เพียงเล็กน้อย หาไปหามาก็ยังไม่เจอสิ่งที่เหมาะสม
ทันใดนั้นเขาก็เจอขวดสีดำที่ใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ภายในผังเมืองซานเหอ
นี่คือขวดที่เคยบรรจุยาน้ำสกัดจากหลินจือโมรามาก่อน มันอยู่ในขั้นปฐีซึ่งใกล้เคียงกับขั้นเซียนมาก
“ขวดนี้ ยาน้ำสกัดจากหลินจือโมรา หม่าเมี่ยน?”
เสิ่นเสวียนกล่าวพึมพำ และค่อยๆ คิดไปถึงหม่าเมี่ยนที่ช่วยเขาสกัดหลินจือโมราก่อนหน้านี้