ซูเมี่ยวเออร์อยากทำลายอวิ๋นอี้ ทว่าน่าเสียดายที่นางมิมีหลักฐานเพียงพอ
แม้จะเป็เพียงการใส่ร้าย แต่ต้องเตรียมที่ทางก่อน รอให้ฝ่ายตรงข้ามะโเข้ามา จากนั้นก็รวบตาข่ายเสีย เพลานั้นถึงจะเรียกได้ว่าสำเร็จ
นางมิมีสิ่งใดเลย แม้จะพูดจนปากเปียกปากแฉะ เื่ที่มิมีอยู่จริงย่อมมิมีอยู่จริง ถึงครานั้นอวิ๋นอี้กัดกลับ คงจะไม่คุ้มกัน
อวิ๋นอี้เก่งที่สุดในเื่แว้งกัด
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูเมี่ยวเออร์พลันขมวดคิ้วจริงจัง นางต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเื่นี้
เพื่อรวบรวมหลักฐาน ยังมีอีกมีวิธี คือต้องค้นห้องของนาง
ใช่!
เช่นนั้นแหละ
ซูเมี่ยวเออร์คิดว่าแผนของนางยอดเยี่ยมมาก สีหน้าแสดงออกถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยม นางมองไปผู้ที่เดินไปไกล ยิ้มสดใสขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็เดินตามไป ผ่านอวิ๋นอี้และคนอื่นๆ ไปอย่างรวดเร็ว เดินตรงไปที่โรงอาหาร
"......"
อวิ๋นอี้และตู้ซือโหรวมองหน้ากัน ไม่ค่อยเข้าใจว่าซูเมี่ยวเออร์ที่ทำตัวอ่อนน้อมเสมอมา จู่ๆ พลันเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้นนางหมายความว่าอย่างไร
“ป่วยจิต!” กู่ซือฝานออกความเห็นอย่างโผงผางว่า “ชิ ข้าเข้าใจประโยคนั้นอย่างลึกซึ้งแล้ว กระไรคือให้ขุนนางวางเพลิง ห้ามชาวบ้านจุดตะเกียง [1] การเดินเช่นนั้น หากเป็พวกเรา เกรงว่าต้องโดนทำโทษอีกเป็แน่”
นางพูดความจริง ทุกคนชำเลืองมองทว่ามิพูดกระไร
อวิ๋นอี้มิรู้ว่าซูเมี่ยวเออร์คิดแผนกระไรอยู่ นางทานข้าวตามปกติพลันเดินกลับหอกับกู่ซือฝาน
นานๆ ที่บ่ายจะไม่มีการเรียน อยู่ในห้องน่าเบื่อ อวิ๋นอี้จึงชวนกู่ซือฝานไปแช่ตัวที่บ่อน้ำพุร้อน
“ยังไปอีกหรือเพคะ?” กู่ซือฝานส่ายหน้า “คราที่แล้วเกิดเื่ไปแล้วคราหนึ่ง ท่านพี่กล้าหาญเสียจริงเพคะ!”
“กลัวกระไรเล่า!” อวิ๋นอี้กระตือรือร้นมาก “เ้ามิได้บอกหรือว่าอยากเรียนว่ายน้ำ? ข้าจะสอนให้”
คราก่อนที่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน เพราะพื้นที่บ่อมีขนาดใหญ่ นางอดมิได้ที่จะว่ายน้ำ แสดงท่าว่ายน้ำหลายท่า กู่ซือฝานดูแล้วทั้งชื่นชมพลันขอร้องนาง บอกว่าอยากเรียนว่ายน้ำ
เมื่อได้ยินคำว่าว่ายน้ำ จะมีท่าทีขัดขืนได้อย่างไร?
กู่ซือฝานพยักหน้าราวทุบกระเทียม “ดีเลยเพคะ กระนั้นบ่ายนี้เราไปว่ายน้ำกัน ท่านพี่สะใภ้ต้องสอนข้าดีๆ นะเพคะ!”
ทั้งสองเดินกลับหอพัก พลันเจอแม่นมผู้ที่คุ้นเคยอยู่ที่ประตูหอพัก
แม่นมยืนอยู่หน้าห้องอวิ๋นอี้ เมื่อนางได้ยินเสียง จึงมองตามเสียงไป เห็นว่าเป็อวิ๋นอี้และกู่ซือฝานพลันคำนับด้วยความเคารพ
อวิ๋นอี้หรี่ตาจ้องนางครู่หนึ่ง แก้มของนางค่อยๆ แดง จำได้ว่านางเป็ผู้ที่เอาจดหมายมาให้เมื่อวานนี้
ตอนนั้นเองในมือของแม่นมมิมีซองจดหมาย มีเพียงกล่องข้าว
อวิ๋นอี้รับรู้ได้ "องค์ชายส่งมาหรือ?"
"ใช่เพคะ" แม่นมยื่นกล่องอาหารให้อวิ๋นอี้ "ฝ่าาบอกให้พระชายาบำรุงร่างกาย นี่เป็ขนมโปรดของท่านที่จวน ฝ่าานำมาให้เพคะ"
กู่ซือฝานเข้าใจความเป็ไปเป็มาแล้ว นางพูดพลางยิ้มอยู่ข้างๆ "โอ้ พลอดรักกันสินะเพคะ..."
เดิมอวิ๋นอี้อายเล็กน้อย เมื่อถูกแซวเช่นนี้ ใบหน้าของนางพลันแดงก่ำด้วยความเขินอาย
นางคว้ากล่องอาหารแล้วเขม่นกู่ซือฝาน ที่ใดได้นางมิได้หยุดเลย ทั้งยังคงหยอกล้อนางต่ออีก อวิ๋นอี้ทำได้เพียงกระทืบเท้าวิ่งออกไป
กู่ซือฝานะโไล่หลัง “ท่านพี่สะใภ้ เขินเป็ด้วยหรือเพคะ?”
ไร้สาระ!
นางหน้าบางมาก เขินไปหมดแล้ว!
อวิ๋นอี้แอบดุตนเองในใจ กลับถึงห้องก็เปิดกล่องอาหาร
มีขนมอยู่ทั้งหมดห้าอย่าง อย่างที่แม่นมพูดจริงๆ เป็ขนมที่นางชอบทั้งนั้น อวิ๋นอี้ทำตัวราวกับเด็ก หวงแหนขนมเหล่านี้มาก
แม้ว่านางเพิ่งจะทานอาหารกลางวันไป ทว่าก็อดมิได้ที่จะกินขนมอย่างละชิ้น ถอนหายใจด้วยความพอใจ
อร่อยมาก!
อวิ๋นอี้หยิบจานขนมทั้งหมดออกจากกล่องอาหาร เมื่อครู่คิดเพียงเื่กิน มิได้สังเกตกระไร ตอนนี้อิ่มแล้วนั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาถึงได้เหม่อมองไปทั่ว พลันพบว่ามีจดหมาย
“...…”
มิต้องคิดเลยต้องเป็หรงซิวที่เขียนแน่
นางยังจำเนื้อหาในจดหมายเมื่อวานนี้ได้ เพียงแค่คิดถึงเื่นี้ หูของนางก็ร้อนขึ้น
อวิ๋นอี้ส่ายหน้า แอบบอกตนเองให้นิ่งไว้
หยิบซองจดหมายออกจากกล่องอาหารกลางวัน สูดหายใจเข้าลึกๆ เปิดออกช้าๆ
“อวิ๋นเออร์ชายาข้า:
เมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่? มิมีข้าเคียงข้าง มิรู้ว่าเ้าจะหลับฝันดีหรือไม่? ในวังมีเื่มากมาย ข้ากลับถึงจวนก็รุ่งสางแล้ว ที่พูดถึงเื่เล็กๆ น้อยๆ นี้ มิมีกระไรมากไปกว่าอยากรายงานให้เ้ารู้ หวังให้อวิ๋นเออร์มิต้องคิดมาก ข้ารู้ว่าสตรีคิดมากง่าย ใจของข้ามีเพียงผู้เดียวเท่านั้นคืออวิ๋นเออร์ คืนนี้ข้ายังมีเื่ต้องทำ อวิ๋นเออร์อย่าได้กังวล อย่าลืมดูแลตนเองแทนข้าด้วย”
อวิ๋นอี้อ่านแล้ว อดมิได้ที่จะถอนหายใจ ใจง่าย! ยังใจง่ายเช่นเดิม!
บุรุษอย่างหรงซิว รูปลักษณ์เป็เลิศ มีความสามารถ หากเขาอยากได้ใจสตรี มิมีผู้ใดต้านทานเสน่ห์ของเขาได้
เป็บุรุษที่มีเสน่ห์กระไรเช่นนี้
บรรดาศักดิ์เขาสูงมาก ใจที่ถูกรักษาไว้ของอวิ๋นอี้ จะหนีรอดการล่าของเขาได้อย่างไรเล่า?
ถึงเวลายอมรับความพ่ายแพ้
อวิ๋นอี้คิดไปเรื่อยอย่างมีความสุข เมื่ออารมณ์คลั่งไคล้จบลง พลันคิดได้ว่าต้องเอาจดหมายเก็บไว้
มิมีผู้ใดเข้ามาในห้องของนาง ทั้งยังจะเอาจดหมายมาอ่านซ้ำๆ จึงเพียงวางไว้ใต้หมอน
เมื่อถึง่บ่าย กู่ซือฝานเรียกนางไปแช่น้ำพุร้อน อวิ๋นอี้คิดดูแล้วหยิบชุดว่ายน้ำทำเองอีกชุดออกจากตู้ เดินออกจากห้องไป
ข้างหน้านางกำลังเดินจากไป ร่างหนึ่งพลันโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกล
เป็ซูเมี่ยวเออร์
หลังจากอาหารกลางวัน นางมารออยู่ที่นี่ ในที่สุดก็มีโอกาสแล้ว
ซูเมี่ยวเออร์มองไปรอบๆ มิเห็นผู้ใดเลย จึงรีบเข้าไปในห้องของอวิ๋นอี้
นางลงกลอนประตูแล้วสอดส่ายสายตามองไปในห้อง
คราก่อนที่อวิ๋นอี้สร้างเื่คัน นางเคยมาที่นี่แล้ว คุ้นเคยกับสภาพห้องอย่างดี เมื่อมาที่นี่เพื่อรวบรวมหลักฐานหา "จุดดำ" ของนาง ซูเมี่ยวเออร์พลันไม่สนใจเครื่องเรือนที่มองเห็นได้ทันทีไป
เตียง โต๊ะ ตู้เสื้อผ้า กระจก
นางจดจ่ออยู่กับเตียงและตู้เสื้อผ้า
ซูเมี่ยวเออร์เขย่าผ้าห่มแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ ยกหมอนขึ้นพลันพบซองจดหมายสองซอง
“ข้าจับได้แล้ว! ดูสิว่าเ้าเขียนจดหมายกับบุรุษผู้ใด!”
นางยิ้ม หยิบกระดาษออกจากซองอย่างมิเกรงใจ สีหน้ายิ้มแย้มในตอนแรกค่อยๆ ลดลงเมื่อเห็นเนื้อหาบนนั้น
เมื่ออ่านจดหมายฉบับที่สองจบ ความหึงหวงและความโกรธของนางแทบจะกลืนกินนาง
นางมองไปที่จดหมายทั้งสองนั่น ขยำเป็ก้อนอย่างไร้ความปรานี
ทำไม ทำไม ทำไมกัน!
สมัยก่อนตอนที่อวิ๋นอี้เป็มนุษย์ไม้ เทียบนางไม่ได้สักนิด ทว่าหรงซิวยังอภิเษกกับนางโดยไม่พูดกระไรสักคำ!
เพลานี้ดนตรี หมาก อักษร วาดภาพ อวิ๋นอี้ทำมิได้สักอย่าง แม้แต่มารยาทพื้นฐานนางก็มิมี หรงซิวยังเขียนจดหมายรักที่น่าสะอิดสะเอียนให้นาง!
นาง ซูเมี่ยวเออร์คนนี้ มิดีตรงไหนกัน!
เชิงอรรถ
[1] ให้ขุนนางวางเพลิง ห้ามชาวบ้านจุดตะเกียง 叫只许州官放火,不许百姓点灯 หมายถึง ขุนนางทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจแม้เป็เื่ผิด แต่ชาวบ้านกลับถูกห้ามกระทำทุกอย่างแม้จะเป็เื่ชอบธรรม อีกนัยหนึ่งคือการใช้อภิสิทธิ์อำนาจในทางไม่ชอบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้