เล่มที่ 2 บทที่ 32 เคล็ดวิชากระบี่ไฟอัสนี
‘กระบี่ของหลินเฟยช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน…’
คำที่กำลังจะพูดออกพลันติดอยู่ในลำคอ จนเกือบจะสำลักตายเสียตรงนั้น แต่ที่น่าแค้นใจก็คือ ปราณกระบี่ของหลินเฟยทั้งรวดเร็วและแสนร้ายกาจ หลี่ฉุนเองก็ว่องไวพอตัว ชั่วขณะที่ลำแสงกระบี่สีขาวปรากฏ เขาก็ชักกระบี่ที่เดิมทีชี้อยู่กลางอากาศกลับมาต้านรับได้ทันที ก่อนจะโคจรพลังปราณคล้ายคลื่นั์สะบั้นออกไปต้านลำแสงกระบี่สีขาว…
“ขี้โกง!” หลังจากรอดพ้นปราณกระบี่เมื่อครู่ ใบหน้าหลี่ฉุนก็ฉายแววดูแคลนยิ่งกว่าเดิม
ทว่า…
หลี่ฉุนเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทันใดนั้นเองไอเย็นก็แพร่กระจายออกมาจากดาบ ความหนาวเย็นเสียดกระดูกแทรกซึมจนหลี่ฉุนทำกระบี่หลุดออกจากมือ…
ไอเย็นที่หนาวเหน็บนั้นทำให้เขารู้สึกตระหนกจนขาทั้งสองก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แค่ครู่เดียวที่ััก็ทำให้กระบี่ของเขาถูกแช่จนเป็น้ำแข็งไปเสียแล้ว
กระบี่ของเขาถือว่าไม่ใช่กระบี่ธรรมดาทั่วไป แม้จะอยู่ขั้นย่างหยวนก็ตาม กลับไม่มีกายกระบี่ให้หลอมรวมผนึกจิติญญา แต่หลังจากที่ผ่านการหลอมจากเตาฟงอวี่แปดทิศของอาจารย์ พลังของมันก็ไม่น้อยไปกว่าศาสตราวุธขั้นอิงฝูทั่วไปเลยทีเดียว แล้วทำไมเ้าหลินเฟยถึงมีปราณกระบี่พิสดารเช่นนี้ได้?
โชคดีที่ยังไหวตัวทัน ไม่ได้ถูกปราณกระบี่นั่นแช่แข็งไปเสียก่อน…
ตอนนี้เขารู้ถึงการมีอยู่ของปราณประหลาดนั้นแล้ว หากหลินเฟยคิดจะฉวยโอกาสอีกครั้ง ก็คงไม่ง่ายแล้ว
คิดได้ดังนั้น หลี่ฉุนก็มีท่าทีสงบลงทันที เขาถอยหลังไปประมาณสิบจ้าง ก่อนจะโคจรพลังปราณทั้งหมดที่มี จากนั้นลำแสงกระบี่ก็ะเิออก โดยชั่วขณะนั้นเอง ภายในรัศมีสิบจ้างล้วนตกอยู่ภายใต้อาณัติพลังทำลายล้างของมัน นี่คือเคล็ดวิชากระบี่ไฟอัสนี แม้จะไม่ได้อยู่ในสามกระบี่ห้าเคล็ดวิชา แต่พลังของมันนั้นรุนแรงมาก ปราณกระบี่แฝงไปด้วยอัสนีและไฟโลกันตร์ ทุกบริเวณที่ลำแสงปราณกระบี่พาดผ่าน ก็ล้วนถูกเผาจนสิ้น
โดยปกติแล้วเมื่อมีการประลอง ทุกครั้งที่หลี่ฉุนใช้เคล็ดวิชานี้ ล้วนไม่มีใครเอาชนะเขาได้เลย แต่เพราะต้องรับมือกับปราณกระบี่พิสดารของหลินเฟย ทำให้เขาจำต้องใช้เคล็ดวิชาที่ไม่ค่อยได้ใช้เช่นนี้…
หลี่ฉุนแค่นหัวเราะออกมา หลังจากโคจรพลังปราณ ลำแสงกระบี่นับสิบจ้างที่แฝงไปด้วยอัสนีไฟโลกันตร์ก็พุ่งไปที่หลินเฟยอย่างรวดเร็ว…
ทันทีทันใดทั่วทั้งชั้นสี่ของหอว่านเป่าก็เต็มไปด้วยไอสังหาร อัสนีสีม่วงรวมกับสีแดงหม่นของไฟโลกันตร์ ทำให้ภายในรัศมีสิบจ้างล้วนถูกเผาจนวอดวาย
คราวนี้แม้แต่โจวเจิ้งก็ใจนร้องเสียงหลงออกมา เหล่าศิษย์ที่เฝ้าเวรก็สีหน้าไม่สู้ดี เอาแต่มองไปที่นอกประตู ‘ทำไมศิษย์พี่ข่งยังมาไม่ถึงอีก จะตีกันตายอยู่แล้วนะ!’
ทว่าชั่วขณะที่โจวเจิ้งร้องด้วยความใอยู่นั้น ลำแสงอัสนีไฟโลกันตร์ที่สว่างจนแสบตา ก็ถูกลำแสงกระบี่สีขาวโต้กลับ ราวกับเรือลำน้อยสีขาวที่กำลังต้านคลื่นทะเลสีม่วงแดงอันน่าสะพรึงกลัว
“ อะไรน่ะ? ” พริบตาต่อมา หลี่ฉุนก็ตะลึงขึ้น
สิ่งที่หลี่ฉุนเห็นก็คือ ลำแสงอัสนีสีม่วงและลำแสงสีหม่นแดงของไฟโลกันตร์ ล้วนถูกลำแสงสีขาวนั้นต้านจนถดถอย เหมือนว่ากำลังหนีศัตรูที่น่ากลัวอย่างไรอย่างนั้น ไม่นานก็พุ่งทำลายอัสนีสายฟ้าและไฟโลกันตร์จนแตกกระจาย
เมื่อไม่มีอะไรมาขวางกั้นอีก ลำแสงกระบี่นั้นก็แทงทะลุเข้าที่หัวไหล่ของหลี่ฉุนเข้าจังๆ…
หลี่ฉุนกระอักเืออกมา ในขณะที่ร่างของเขาลอยออกไปนับสิบจ้าง แม้แต่กระบี่ในมือก็ไม่สามารถถือได้อย่างมั่นคงจนร่วงหลุดจากมือไป ท้ายสุดทั้งร่างนั้นก็กระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรง…
รอบด้านเงียบสงบลงทันที
โจวเจิ้งใจนตาค้าง เหล่าศิษย์ที่เฝ้าก็เช่นกัน แม้แต่หลี่ฉุนเอง ก็ตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก…
หลี่ฉุนไม่รู้สึกถึงความเ็ปบริเวณแผลที่ไหล่ เนื่องจากไอเย็นนั้นได้แช่แข็งแผลของเขาไป แต่มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น หากไอเย็นแทรกซึมเข้าร่าง สิ่งที่ตามมาก็คือความเ็ปที่หนักหนาทวีคูณยิ่งกว่าการทรมานใดๆที่มี สำหรับเวลานี้หลี่ฉุนไม่มีเวลาคิดเื่พวกนี้แล้วเขาได้แต่ตกตะลึงและไม่สามารถทำความเข้าใจกันสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้เลย…
‘เป็ไปได้อย่างไร…’
‘กระบี่ไฟอัสนีที่เขาภาคภูมิใจที่สุด กลับถูกปราณกระบี่ประหลาดทำลายได้ด้วยกระบวนท่าเดียวเท่านั้น?’
‘แถมคนคนนั้นยังเป็ศิษย์หุบเขาอวี้เหิงอีกต่างหาก!’
สำหรับหลี่ฉุนแล้ว นี่มันฝันร้ายชัดๆ เขาแพ้ให้กับศิษย์หุบเขาอวี้เหิงอย่างนั้นหรือ?
น่าเสียดายที่หลินเฟยไม่คิดจะอธิบายเพิ่มเติมอีก
แม้แต่มองยังไม่อยากจะชายตามอง ราวกับว่าการเอาชนะกระบี่ไฟอัสนีในครั้งนี้ ถือเป็เื่ที่เล็กน้อยมากสำหรับเขา
“ตอนนี้จะนำทางข้าไปพบกับเ้าของแร่ได้หรือยัง?”
จนหลินเฟยเข้ามาประชิดตัว เหล่าศิษย์ที่เฝ้าเวรก็ยังตกตะลึงไม่หาย หลินเฟยจึงต้องถามย้ำอีกรอบ ศิษย์ที่ดูาุโที่สุดได้สติก่อนใคร เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แสนเลื่อนลอย
“ได้ๆ ข้าจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้…”
“ดี” หลินเฟยพยักหน้า ก่อนจะหยิบหินิญญาหนึ่งก้อนออกมาให้โจวเจิ้ง
“ขอบใจศิษย์น้องโจวมากที่ช่วยนำทาง”
“หื้อ?”
โจวเจิ้งชะงักชั่วครู่ แต่พอมองเห็นหินิญญาที่หลินเฟยยื่นมา ก็รีบเอ่ยตอบ
“ขอบคุณศิษย์พี่หลี่มาก ขอบคุณ…”
หลินเฟยเผยยิ้มน้อยๆ ไม่ได้สนใจเขาอีก ทว่าตอนที่กำลังจะก้าวออกไปนั้น กลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเดินย้อนกลับไปหาหลี่ฉุน…
“เ้าๆๆ…คิดจะทำอะไรน่ะ?” หลี่ฉุนที่ยังใไม่หาย เมื่อเห็นหลินเฟยเดินมา ก็ลนลานขึ้นมาทันที มือก็พยายามควานหากระบี่ แต่กลับไม่พบ ก่อนจะคิดได้ว่าเขาทำมันหลุดมือไป…
“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดขึ้นมาได้ว่ามีเื่ต้องบอกศิษย์พี่หลี่ อีกไม่นานข้าจะไปหาผู้าุโอู๋ที่หุบเขาหมัวเจี้ยน เพื่อให้ช่วยหลอมกายกระบี่ แร่ที่ใช้หลอมก็คือแร่โฮ่วเทียนชิ้นนี้ หากผู้าุโอู๋ถามขึ้น ข้าอาจจะต้องพูดเื่หินิญญาห้าร้อยก้อนนี้…”
พูดจบหลินเฟยก็ไม่แม้แต่แยแสหลี่ฉุนอีก เขาหันหลังเดินออกจากชั้นสี่ของหอว่านเป่าไป
“หลินเฟย…” เมื่อมองแผ่นหลังที่เดินจากไป หลี่ฉุนเองก็ไม่มีเวลาคิดเื่แก้แค้นแล้ว เพราะตอนนี้เขากำลังร้อนใจเป็อย่างมาก
หากหลินเฟยไปหุบเขาหมัวเจี้ยนให้อาจารย์เขาช่วยหลอมกายกระบี่ล่ะก็ เื่ที่เขามัดมือชกซื้อแร่โฮ่วเทียนคงจะปิดไม่มิด ดังนั้นเขาต้องหาข้อแก้ตัวเสียก่อน ไม่อย่างนั้นแล้ว ด้วยนิสัยของอาจารย์ เกรงว่าผลที่ตามมาคงจะร้ายแรงเกินกว่าจะคาดคิดได้…
“มาแล้วๆ ศิษย์พี่ข่งมาแล้ว!” ในขณะที่หลี่ฉุนกำลังร้อนใจ ก็ได้ยินเสียงศิษย์ที่ออกไปตามคนมาช่วยกลับมา ศิษย์คนนั้นเหนื่อยหอบจนตัวโยน พูดไม่ทันจบสายตาก็ดันเห็นว่าหลี่ฉุนนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้นเสียก่อน เขาจึงหุบปากเก็บคำพูดที่เหลือทันที
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------