ณ โรงเตี๊ยมเมฆแดง… จื่อต้าหลงกับเฉิงไฉเซียวสั่งอาหารและสุราเมฆแดงมาดื่มกินกันจนเมามาย โดยปกติแล้วยามค่ำ ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีนางรำออกมาร่ายรำ ร้องรำทำเพลงอยู่่หนึ่ง เป็ที่ให้หนุ่มๆ บันเทิงใจ
“ต้าหลง เ้าดูแม่นางที่อยู่ตรงกลางนั่นสิ ช่างร่ายรำได้งดงามยิ่งนัก อึ้ก..!!” เฉิงไฉเซียวที่กำลังเมากล่าวขึ้น
“หนายยย ตรงกลางงั้นรึ ว้าวว งามไม่เบาเลย ถึงจะเทียบกับจิ้งจอกน้อยไม่ได้ก็เถอะ” จื่อต้าหลงตอบเมาๆ
“ใครงั้นรึจิ้งจอกน้อย” เฉิงไฉเซียวถาม
“ก็นางไง หลิวสุ่ยเยว่ ตอนข้าประมือกับนาง ใบหน้าที่กำลังมุ่งมั่นของนางถูกใจข้ายิ่งนัก นางดูราวกับจิ้งจอกขาวตัวน้อยๆ จ้องมาที่ข้าอย่างน่าหลงใหล ตาโตๆของนาง ทั้งยังท่วงท่ากริยาสง่างามน่ารัก อีกทั้งกลิ่นกายก็หอมหวนชวนหลงใหล ได้ประมือกับนาง นับว่าข้าโชคดีอยู่นะ ฮ่า!! ฮ่า!! ฮ่า!!”
“อุบ๊ะ เ้าเริ่มสนใจในอิสตรีแล้วงั้นรึ อายุเพียงสิบสามเท่านั้น” เฉิงไฉเซียวที่สภาพเขาตอนนี้หน้าแดงก่ำถามขึ้น
“ห๋าาา? ใครบอกท่านว่าข้าสิบสาม ข้าอายุครบสิบสี่ไปตั้งกะเดือนที่แล้ว” จื่อต้าหลงกล่าวพร้อมอมยิ้ม
“ฮ่าๆ ๆ ๆ งั้น รึ ข้าจะบอกอะไรให้เ้าฟังนะ ชาวยุทธอย่างเรา ได้ลิ้มรสสุราดื่มด่ำบรรยากาศไปพร้อมกับสาวงาม นี่คือวิถีขั้นสุดยอด ว่างๆ เ้าก็ลองชวนหลิวสุ่ยเยว่ดื่มดูสิ คิคิ” เฉิงไฉเซียวยุยง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไว้ว่างๆข้าจะลองชวนนางดูนะ ่นี้ข้าขลุกอยู่แต่กับท่าน ฝึกแต่วิชา เริ่มเบื่อแล้ว ต้องลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างแล้ว” จื่อต้าหลงตอบ
ณ จวนตระกูลหลิว…
หลิวสุ่ยเยว่กำลังหารือเื่ฝึกวิชากับหลิวหานบิดาของนางอยู่ ดูเหมือนหญิงนางนี้ในสมองมีแต่ฝึกวิชาเท่านั้น เพื่อที่จะเป็อันดับหนึ่งในสำนักปลาทองให้ได้ นางจึงพยายามอย่างมาก
“เ้าเร่งฝึกมากไปก็ไม่ดี ควรที่จะพักผ่อนเสียบ้าง บัดนี้เ้าก้าวหน้าขึ้นมาเยอะ ไปเถอะลองไปเดินเล่นในเมืองดู ยามท่องราตรีจะทำให้จิตใจเ้าสงบขึ้น เมื่อก่อนข้าเองก็ใช้วิธีนี้” หลิวหานกล่าวแนะนำอย่างเอ็นดูลูกสาว
“ลูกทราบแล้ว” หลิวสุ่ยเยว่กล่าวอย่างเชื่อฟัง
ณ โรงเตี๊ยมเมฆแดง
“พี่ไฉเซียว ข้าว่าวันนี้พอแค่นี้เถอะนี่สุราก็หมดไปหลายป้านแล้ว” จื่อต้าหลงกล่าว ตอนนี้เขาอยากไปเดินชมจันทร์ท่องราตรีแล้ว
“อึ้กก…!! ข้าเห็นด้วยงั้นแยกย้ายกันก่อนเถอะ มีอะไรค่อยไปหารือกันวันหลัง” เฉิงไฉเซียวกล่าวจบเขาก็กลับไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
หลังจากเฉิงไฉเซียวจากไป จื่อต้าหลงก็สั่งสุราเมฆแดงอีกหนึ่งป้าน เพื่อเอาไว้ดื่มตอนเดินชมเมือง พอได้สุรามาแล้วเขาก็เดินท่องราตรี บรรยากาศยามค่ำค่อนข้างดี โคมไฟต่างส่องสว่างไปทั่วเมืองราวกับอยู่่กลางวัน บรรดาโรงเตี๊ยมและหอนางโลมก็เปิดกันเรียงราย ข้างทางยังมีแผงสินค้าของแปลก ของหายากมาขายกันเต็มไปหมด จื่อต้าหลงเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศเช่นนี้ ทุกวันหลังจาก ฝึกวิชาเสร็จเขาต้องมาร่ำสุราและเดินเล่นเช่นนี้เสมอ
ด้านหลิวสุ่ยเยว่ เป็ครั้งแรกที่นางเดินท่องราตรี ไม่คิดเลยว่า ถนนหลายสายจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายขนาดนี้ นางพบเจอสิ่งแปลกประหลาดมากมายผู้คนดูแล้วกลับมีความสุขมากมาย ในขณะที่นางกำลังเดินผ่านถนนสายหนึี่งก็ได้ยินเสียงเอะอะดังขึ้น จึงไปยืนดูกับเค้าด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เ้า!! ปล่อยมือข้านะ”
ภาพที่หลิวสุ่ยเยว่เห็นคือมีกลุ่มชายวัยหนุ่มห้าคน ใช้กำลังบังคับหญิงสาวใบหน้างดงามนางหนึ่ง หลังจากได้ยินที่ผู้คนคุยกัน นางก็ได้รู้ว่า พวกนั้นกำลังเกี้ยวสาว แต่อีกฝ่ายไม่เล่นด้วยเลยใช้กำลังบังคับ ในฐานะอิสตรีนางหนึ่งย่อมไม่พอใจชายกลุ่มนี้เป็อย่างยิ่ง
“เพี๊ยะ!!” เสียงหญิงสาวตบใบหน้าชายที่กำลังดึงแขนนางไว้ ทำให้อีกฝ่ายของขึ้นหมายใช้กำลังชกต่อยหญิงสาว เห็นดังนั้นหลิวสุ่ยเยว่จึงเตรียมพร้อมจะทะยานเข้าไปช่วยเหลือ แต่ในขณะนั้นกลับมีเสียงเอ่ยขึ้นมาว่า
“โฮ่ววว พบเจอพวกลูกหมารังแกหญิงสาวกลางตลาดด้วยแฮะ เปิดหูเปิดตาข้าดีแท้” เ้าของเสียงกล่าวจบก็ทะยานร่างไปยังชายคนแรกที่คว้าจับมือหญิงสาวไว้ เขาใช้สันมือสับไปที่แขนของชายคนนั้นอย่างแม่นยำ “ปั๊ก!!” เกิดเสียงกระแทกดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มต้องปล่อยมือหญิงสาวหน้าตาน่ารักนางนั้น
“อ๊ากกก!!”
ชายคนที่โดนสับด้วยสันมือกรีดร้องลั่น “เป็ใครกันที่ทำร้ายข้า?!!”
“ข้าเอง พ่อเ้าไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เ้าของเสียงตอบกวนๆ
“แม่นางท่านกลับไปก่อนได้เลย” เขาหันมาพูดกับหญิงสาว
“ขอบคุณจอมยุทธน้อย” หญิงงามนางนั้นกล่ามพร้อมกับรีบหนีไปจากบริเวณนั้นทันที
ที่แท้เ้าของเสียงคือจื่อต้าหลงนั่นเอง เขาบังเอิญผ่านมาทางนี้แล้วเห็นเหตุการณ์พอดีจึงเข้าไปช่วยเหลือ
ชายหนุ่มห้าคนเห็นว่าผู้มา อายุน่าจะไม่เกินสิบสี่ปี หนึ่งในนั้นจึงกล่าวว่า
“ไอ้หนู!! เ้าอย่ามายุ่งเื่ของพวกข้าดีกว่า”
จื่อต้าหลงยกสุราเมฆแดงขึ้นมาซดอึกใหญ่ กล่าวว่า “พอดีข้าชอบสอดน่ะ เห็นหมาขี้เรื้อนหลายตัวแล้วข้าคันเท้า”
“เ้า!! ไอ้ปากสุนัข!! พวกเรารุมมัน!!” หลังจากล่าวจบ ทั้งห้าคนก็มารายล้อมรอบจื่อต้าหลง ดูแล้วถนัดในการกลุ้มรุมอย่างมาก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่สินะ ที่เข้าเรียกกันว่า หมารุมกัด พวกเ้า อึ้ก…!! เขามาเด้!!” จื่อต้าหลงกล่าวอย่างห้าวหาญ
ชายทั้งห้าพุ่งเข้ามาหมายล้อมโจมตีเด็กหนุ่ม ทันใดนั้นชายหน้าแหลมพุ่งเข้ามาเป็คนแรกดูแล้วนี่คือตัวเปิด เขาพุ่งเข้ามาพร้อมกับซัดฝ่ามือไปที่จื่อต้าหลง จื่อต้าหลงลอบโคจรวิชาเกราะกายาขั้นต้น รอไว้อยู่แล้ว ฝ่ามือนี้เขาโดนไปเต็มๆ หลังจากนั้นก็โดนทั้งหมัด เท้า ฝ่ามือตามมาอีกหลายชุด
ด้วยที่ว่าวิชาเกราะกายาเป็วิชาขั้นสูง แถมเขายังฝึกถึงขั้นสามแล้ว จึงเสริมให้ร่างกายของเขาคงทนกว่าคนทั่วไปมาก เด็กหนุ่มจึงไม่ได้รับาเ็อะไรมากมายนัก แม้อีกฝ่ายจะอยู่ในขั้นลมปราณก่อเกิดขั้นกลางเหมือนกัน อีกอย่าง พลังที่แท้จริงที่เขาสะกดไว้คือ ลมปราณก่่อเกิดขั้นที่เจ็ดซึ่งเทียบได้กับศิษย์หลักสำนักปลาทองเลยทีเดียว
“อู้ยยย… หมากัดนี่ก็เจ็บเหมือนกันแฮะ” จื่อต้าหลงกล่าวติดตลก ตอนนี้เขาเริ่มสร่างเมาแล้ว
ห้าหนุ่มได้ยินดังนั้นก็หมายเข้าไปรุมกระทืบเขาอีกรอบให้หายแค้น พวกมันพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มอย่างว่องไวปานวอก จื่อต้าหลงแววตาทอประกายสีม่วงอ่อน หลบการโจมตีจากชายคนแรก จากนั้นจึงสวนไปด้วยฝ่ามือัม่วง เขาใช้เพียงพลังสองในสิบส่วนเท่านั้น ชายคนแรกที่เข้ามาโดนไปเต็มๆมันกระเด็นไปชนชายอีกคนที่กำลังจะเข้ามารุมเด็กหนุ่ม ส่งผลให้ทั้งคู่ล้มไปตามๆกัน อีกสามคนก็หมายใช้จังหวะนี้ปลดปล่อยพลังยุทธใส่จื่อต้าหลง แต่พวกมันก็พลาด เพราะจื่อต้าหลง หลังจากโจมตีไปแล้ว เขาก็หันมาหลบได้ด้วยท่วงท่าผิดธรรมชาติราวกับเป็ปลาไหล พริ้วไหวดั่งสายน้ำ
แม้จื่อต้าหลงจะมีพลังที่เข้มแข็งกว่าอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่เลือกที่จะปะทะตรงๆ เพราะเขาชอบแบบนี้มากกว่า ชายทั้งสามที่หมายลอบกัดเขาต่างก็โดนกันไปคนละหนึ่งฝ่ามือ เคล็ดวิชาฝ่ามือัม่วงหาได้ธรรมดาไม่ ถึงจะแฝงพลังปราณแค่สองส่วนแต่ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายกระอักเืได้แล้ว
เมื่อเห็นว่าฝ่ายตนเองไม่สามารถสู้ได้เลย ชายผู้นำกลุ่มเลยจำต้องะโออกมา “พวกเราถอย!! ฝากไว้ก่อนเถอะ!!” กล่าวจบพวกมันก็หนีไปอย่างหางจุกตูด
“ฮ่า ฮ่า ข้าไม่รับฝากโว้ยย!!” จื่อต้าหลงะโตอบด้วยรอยยิ้มหวานซึ้ง
