ที่เชิงเขา มีชายชุดดำเจ็ดถึงแปดคนกำลังล้อมชายชุดขาวคนหนึ่งที่าเ็หนัก เสื้อบริเวณหน้าอกของชายชุดขาวมีเืสีแดงสดไหลออกมา ทว่าในมือของเขายังกำดาบเพื่อต่อสู้กับชายชุดดำสุดชีวิต
มู่อวิ๋นจิ่นะโขึ้นไปบนกิ่งไม้ใหญ่ มองดูการต่อสู้ด้านล่าง โดยที่กลิ่นคาวเืค่อยๆ ลอยโชยมา
วรยุทธ์ของชายชุดขาวไม่ธรรมดา แม้ได้รับาเ็หนักก็ยังใช้วรยุทธ์ที่รุนแรง ทว่าแต่ละครั้งที่ใช้วรยุทธ์ร่างกายจะได้รับาเ็ไปด้วย
ในเวลานี้ การต่อสู้เช่นนั้น ได้ร่นขึ้นมาบนูเาเรื่อยๆ
มู่อวิ๋นจิ่นดูการต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ โดยไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วย จนกระทั่งเห็นสีหน้าของชายชุดขาวที่อ่อนล้าสุดกำลังยากจะต้านทาน นางจึงทิ้งตะกร้าสาน สะบัดเข็มใส่ชายชุดดำเ่าั้ไป
ชายชุดดำคนหนึ่งนึกไม่ถึงว่าจะมีคนรอบโจมตี สหายที่โดนเข็มปักเข้า ล้มพับหมดลมหายใจลงตรงหน้า
ชายชุดดำที่เหลือต่างชะงักไปชั่วขณะ หันดาบชี้ไปทิศที่เข็มสะบัดมา
มู่อวิ๋นจิ่นกำแส้หางหงส์ มองดูคนเ่าั้หยุดนิ่ง แสยะยิ้มออกมา “เ้าหลายคนมาเล่นงานคนคนเดียว ไม่ต่างอะไรกับหมาหมู่เลย”
“นึกไม่ถึงว่าจะมีคนช่วย……” หัวหน้าชายชุดดำพึมพำ ใช้แววตาที่แข็งกร้าว สั่งการชายชุดดำที่เหลือ “เ้านายมีคำสั่ง วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ต้องจัดการให้ได้เท่านั้น!”
“รับทราบ!”
ด้านชายชุดขาวก็ตะลึงพรึงเพริดที่มีสตรีคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา จนต้องผงะถอยหลังไปสองสามก้าว เพื่อมองดูมู่อวิ๋นจิ่นให้ชัดเจน “ที่นี่ไม่เกี่ยวกับเ้า รีบไปซะ!”
“พวกมันขวางทางลงเขาของข้า ข้าลงไปไม่ได้” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มเย้ย สะบัดแส้หางหงส์เพื่อเข้าสู่การต่อสู้ด้วยอีกคน
เนื่องจากชายชุดดำและชายชุดขาวได้ต่อสู้กันมาเป็เวลานาน ต่างก็เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าไปหมดแล้ว ในเวลานี้มู่อวิ๋นจิ่นสะบัดแส้หางหงส์เพื่อโจมตี ทำให้พวกเขาไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อกร
มู่อวิ๋นจิ่นใช้วิชาหนึ่งจิตสองกร มือซ้ายใช้เข็มรอบโจมตี ส่วนมือขวาบังคับแส้ฟาดไปพร้อมกัน วรยุทธ์นี้ไม่เพียงเพิ่มพลกำลังการโจมตีเป็ทวีคูณ ยังช่วยรักษากำลังร่างกายให้คงที่
ภายใต้การช่วยเหลือของมู่อวิ๋นจิ่น ชายชุดขาวก็พยายามรวบรวมกำลังในเฮือกสุดท้าย ใช้วิชากระบวนดาบขั้นสูง พุ่งล้อมชายชุดดำและสังหารที่ละคนจนไม่เหลือ
……
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นเก็บแส้หางหงส์ปรายตามองที่ร่างไร้ิญญาของชายชุดดำเ่าั้ ก่อนเดินไปหยิบตะกร้าสานที่มีสมุนไพร เตรียมเดินจากไป
“แม่นางท่านนี้……” ชายชุดขาวเอ่ยปากรั้งไว้ และ เดินตรงมาหานาง
“ฟุบ” เสียงร่างของชายชุดขาวล้มพับลงไปกับพื้น
มู่อวิ๋นจิ่นหยุดเดินหันกลับมามอง เห็นชายชุดขาวล้มลงกับพื้น ใบหน้าสีขาว หายใจโรยรินสลบไป
“เห๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย!” มู่อวิ๋นจิ่นร้องตกอกใ
มู่อวิ๋นจิ่นลากชายชุดขาวอยากกินแรงไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ นางใช้มือถอดเสื้อของชายชุดขาวออก จึงได้เห็นทรวงอกที่ถูกดาบแทงมาหนึ่งแผล ซึ่งมีเืไหลออกมามิหยุด
ส่วนอื่นของร่างกายก็มีรอยด่างฟันส่วนต่างๆ ของร่างกายจนาเ็ไปทั่ว
มู่อวิ๋นจิ่นมองเขาอย่างจนปัญญา และพินิจมองชุดขาวที่เป็ผ้าชั้นเลิศและหายากในการถักทอ ส้นรองเท้าก็ใช้ทองคำตีเป็ลวดลาย ผ้าคาดเอวก็มีหยกขาวบริสุทธิ์ห้อย มองโดยรวมแล้วเป็คนที่ร่ำรวยมหาศาลไม่ผิดแน่
ในตอนนี้ นางี้เีรู้ว่าเหตุใดเขาจึงถูกไล่ฆ่า จึงหาหินมาบดสมุนไพนในตะกร้าสานให้แหลก โปะเข้าไปที่าแของชายชุดขาว โดยมิสนแล้วว่าสมุนไพรเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยเื่ไหน อย่างน้อยนางก็ทำเต็มที่เท่าที่จะช่วยได้
สมุนไพรโปะเข้าไปที่าแเรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นไปคว้าสมุนไพรที่เหลือไปวางไว้ที่ปาก ปล่อยให้น้ำจากสมุนไพรหยดเข้าปากชายชุดเขาทีละหยดๆ
ชายชุดขาวที่สลบไสลไป ค่อยๆ ดูเหมือนได้สติสัมปชัญญะกลับมา
“คุณชาย คุณชาย……” ด้านล่างูเามีเสียงคนวิ่งขึ้นมา และะโเรียกหา
มู่อวิ๋นจิ่นมองตามไปที่เสียงนั้น เห็นคนดูแลถือดาบในมือ วิ่งขึ้นมาเหมือนตามหาคน
“คุณชาย!” คนดูแลเห็นมู่อวิ๋นจิ่นก็รีบวิ่งเข้ามา จากนั้นเหลือบเห็นชายชุดขาวนอนแผ่อยู่บนพื้น
“เ้ารู้จักกับเขา?” มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้ว ถามคนดูแล
คนคุ้มกันเห็นมู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้ว จึงยกดาบขึ้นชี้หน้านาง “เ้าเป็ใคร?”
“แค่กๆ จางไป่ ห้ามเสียมารยาท…” ชายชุดขาวไอขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า
“คุณชายไม่เป็ไรใช่ไหม?” คนคุ้มกันถามอย่างเป็ห่วง เก็บดาบแล้วเข้าไปหาชายชุดขาว
ชายชุดขาวพยักหน้ารับ ด้วยสีหน้าสีเผือด
เมื่อเห็นสองคนนี้รู้จักกัน มู่อวิ๋นจิ่นก็ยกมือปัดเศษสมุนไพรที่ติดมือ “พวกเ้ารู้จักกันก็ดีแล้ว อย่างนั้นข้าไปก่อนล่ะ”
สิ้นเสียงนั้น นางก็คว้าตะกร้าสานลงูเาไป
เห็นมองตะกร้าสานเห็นสมุนไพรใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง นึกขึ้นได้ว่าชาวบ้านเมืองชิงโจวกำลังรอสมุนไพรเหล่านี้อยู่!
มิน่าเลย นางเสียเวลาไปยุ่งเื่คนอื่นอีกแล้ว!
คิดได้เช่นนั้น จึงหันหลังกลับมุ่งหน้าขึ้นูเาแทน เมื่อครู่จากเชิงเขาถึงกลางเขานั้น นางเก็บสมุนไพรจนแทบไม่เหลือ ตอนนี้ต้องเดินสูงขึ้นไป
เมื่อเห็นมู่อวิ๋นจิ่นเดินกลับขึ้นมาบนเขา คนดูแลใช้สายตาประหลาดมองมู่อวิ๋นจิ่น เอ่ยเสียงต่ำกับชายชุดขาว “องค์รัชทายาท สตรีผู้นี้ท่าทางประหลาดยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ…”
……
มู่อวิ๋นจิ่นเดินขึ้นไปจนถึงยอดเขา รีบลงมือเก็บสมุนไพร เพื่อนำกลับไปให้ก่อนที่ตะวันตกดิน
นี่เป็ครั้งแรกที่นางรวบรวมความกล้าหาญเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านเมืองชิงโจว จะให้ทางนั้นรอช้ามิได้ ยิ่งไปกว่านั้นฉินมู่เยว่ที่ร้ายกาจยังอยู่ที่เมืองชิงโจวมรเวลานี้
พอนึกถึงฉินมู่เยว่ มู่อวิ๋นจิ่นรีบลงมือเก็บสมุนไพรใส่ตะกร้าสานให้เร็วขึ้นอีก
เมื่อเห็นตะกร้าสามมีสมุนไพรใกล้เต็มแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นตัดสินใจเก็บอีกนิดหน่อยแล้วจะกลับไป แต่ระหว่างที่ก้มๆ เงยๆ หางตาของนางก็เห็นกองหญ้าคลุมบางอย่างเอาไว้…
มู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าไปเปิดกองหญ้านั้นออก หยิบผ้ายันต์สีเหลือง ที่ใช้ชาดวาดภาพ มู่อวิ๋นจิ่นดูอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เข้าใจเนื้อความด้านใน
ดังนั้นเลือกที่จะโยนผ้ายันต์ทิ้ง ลุกขึ้นเห็นของบางอย่างอยู่เบื้องหน้า จนกัดฟันเดินเข้าไปดูอีก
บัดนี้นางยืนอยู่บนยอดสูงสุดของูเา มองดูพื้นที่ว่างเปล่าเบื้องหน้า เห็นกระถางธูปสองใบมีธูปปักอยู่ โดยที่ธูปเ่าั้ถูกจุดไว้ครึ่งหนึ่งก่อนถูกดับลง ส่วนด้านล่างกระถางธูปมีผ้ายันต์สีเหลืองติดอยู่
มู่อวิ๋นจิ่นก้มเก็บผ้ายันต์ขึ้นมาดู พบว่าเป็ผ้ายันต์แบบเดียวกันกับเมื่อครู่นี้ ที่มีลวดลายพิเศษ แต่ว่านางกลับดูไม่รู้เื่
นี่มัน……
มีคนกระทำพิธีที่นี่?
มู่อวิ๋นจิ่นชะงักงัน มองตามทิศทางที่กระถางธูปและผ้ายันต์หน้าทิศไป จึงได้รู้ว่าเป็ทิศทางของเมืองชิงโจว
หรือว่ามีคนที่สามารถควบคุมฟ้าดินได้ กำลังพยายามควบคุมฟ้าฝนที่เมืองชิงโจว
“ไม่ๆๆๆ เป็ไปไม่ได้ จะต้องเป็นางที่คิดเพ้อเจ้อไปเอง ใต้หล้านี้จะมีเื่วิเศษเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!” มู่อวิ๋นจิ่นก้มเก็บผ้ายันต์ที่อยู่ในกองหญ้าไว้ในชุด และเตรียมตัวลงจากูเา
ยังเดินไปได้ไม่ทันสองก้าว ชายชุดขาวและคนคุ้มกันมาถึงยอดเขาพอดี
“เหอะ ร่างกายไม่เลวนี่หน่า” มู่อวิ๋นจิ่นสัพยอกไปประโยคหนึ่ง จากนั้นเตรียมตัวเดินผ่านพวกเขาลงไป
ชายชุดขาวแอบเห็นกระถางธูปและผ้ายันต์เ่าั้ หันจึงหันไปยิ้มจางๆ ให้กับมู่อวิ๋นจิ่น “วันนี้ขอบคุณแม่นางที่ช่วยชีวิตเอาไว้ มิทราบว่าแม่นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร?”
“ข้าไม่้าให้เ้าตอบแทนบุญคุณ ไม่จำเป็ต้องทราบชื่อข้าหรอก!” มู่อวิ๋นจิ่นตอบ
คนคุ้มกันของชายชุดขาวเห็นมู่อวิ๋นจิ่นตอบอย่างไม่ให้เกียรติ หมายจะเดินเข้าไปจัดการเสียหน่อย แต่ถูกชายชุดขาวจับเอาไว้ “เมื่อครู่แม่นางกำลังพิจารณาผ้ายันต์นี้อยู่หรือ?”
“อย่าบอกนะว่า ผ้ายันต์และกระถางธูปนี้ เ้าเป็คนเตรียมมา?” มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตาพิจารณาเครื่องแต่งกายของชายชุดขาว พบว่าเป็ของที่มีราคาสูงลิบลิ่ว
ชายชุดขาวส่ายหน้าระคนยิ้ม “เมื่อครู่เห็นแม่นางเดินขึ้นเขา ข้าจึงตั้งใจเดินตามขึ้นมาเพื่อขอบคุณ ที่แห่งนี้ข้าก็มาเป็ครั้งแรกเช่นกัน”
“ลวดลายและอักษรบนผ้ายันต์ผืนนี้ ถ้าดูไม่ผิดน่าจะเป็อักษรของกลุ่มคนที่อยู่แนวเขตชายแดน หากแม่นางสนใจใคร่รู้ สามารถไปตามสืบจากคนเ่าั้ได้” ชายชุดขาวอธิบายอย่างเชื่องช้า
มู่อวิ๋นจิ่นสีหน้าเรียบนิ่ง เมื่อได้ยินว่าเป็กลุ่มคนที่อยู่แนวเขตชายแดน นางััได้ถึงความไม่ธรรมดาของเื่นี้
“ข้าขอตัวไปก่อนแล้วกัน” มู่อวิ๋นจิ่นหยิบตะกร้าสานขึ้นมา และหันกลับมามองชายชุดขาว “ขอบคุณเ้าที่ช่วยชี้แนะ”
สิ้นเสียงนางก็ใช้วิชาตัวเบามุ่งตรงดิ่งไปด้านล่างูเา
ชายชุดขาวเห็นนางไปแล้ว จึงหันหน้าซีดขาวระคนยิ้มเอ่ยขึ้น “จางไป่ เ้าไปสืบเื่ราวของนางมาให้หมด เปิ่นไท่จื่อ[1]ต้องรู้เื่ราวของนางทั้งหมด”
“พ่ะย่ะค่ะ รัชทายาท”
……
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นลงมาถึงทางขึ้นเขา พบติงเซี่ยนกำลังพิจารณาร่างไร้ิญญาของชายชุดดำเ่าั้
พอเห็นมู่อวิ๋นจิ่นแล้วเขาจึงโล่งใจไปที
“พระชายาทำให้ข้าน้อยใแทบแย่ พอมาถึงูเาชิงเฟิงพบร่างนอนเกลื่อน นึกว่าพระชายาเป็อะไรไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นยื่นตะกร้าสานส่งให้ติงเซี่ยน “ข้าไม่เป็อะไรง่ายๆ หรอก!”
“นี่เ้ามาได้ยังไง?”
“หลังจากที่พระชายาเดินทางไปแล้ว องค์ชายไม่วางใจ สั่งให้ข้าน้อยติดตามมาด้วย” ติงเซี่ยนมองหน้ามู่อวิ๋นจิ่น เล่าต่อไปว่า “นึกไม่ถึงว่าพระชายาว่องไวปราดเปรียว ข้าน้อยไล่ตามผิดทางไปนิดหน่อย จึงเพิ่งมาถึงพ่ะย่ะค่ะ”
“ฉู่ลี่ดูถูกความสามารถข้าอย่างนั้นสิ!” มู่อวิ๋นจิ่นพึมพำ แต่ในใจกลับอบอุ่นกว่าสิ่งใด
ติงเซี่ยนหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยิน “เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้ในใจองค์ชายคิดแต่เื่ความปลอดภัยของพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
“นับว่าเขายังใช้ได้!” มู่อวิ๋นจิ่นอมยิ้ม
“ใช่แล้ว ร่างของชายชุดดำเหล่านี้มาได้ยังไงพ่ะย่ะค่ะ? เมื่อครู่ตรวจสอบดูยังมีความร้อนจากร่างกาย ดูแล้วเพิ่งตายมาไม่นานมานี้พ่ะย่ะค่ะ” ติงเซี่ยนเอ่ยถามขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นมิอยากเอ่ยถึงเื่ของชายชุดขาว จึงยกมือกอดอกและเอ่ยไปเรื่อยเปื่อย “พวกมันเป็คนอันธพาลถูกฆ่าเล่นงานจนตายเอง!”
ติงเซี่ยนมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความตกตะลึง พร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นมาแสดงความชื่นชม
ระหว่างเส้นทางกลับ ติงเซี่ยนเกิดความสงสัยขึ้นมาหลายจุด ร่างของชายชุดดำเ่าั้มีสัญลักษณ์พิเศษที่ร่างกาย ซึ่งดูยังไงก็คุ้นหูคุ้นตาเป็อย่างมาก ราวกับเคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน
เกรงว่าตะไม่ใช้พวกอันธพาลทั่วไปเป็แน่……
ในเวลานี้ บนยอดเขาชิงเฟิง ชายชุดขาวกำลังมองทั้งสองคนเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ก่อนหันกลับมาดูทิศทางตำแหน่งของกระถางธูป
“ทิศทางนั้นเป็ที่ไหนกันแน่? ชายชุดเขาเปรยขึ้น”
“ที่นั่นคือเมืองชิงโจวของอาณาจักรซีหยวน ่ที่ผ่านมาประสบอุทกภัย และถือเป็พื้นที่ห่างไกลทุรกันดารพ่ะย่ะค่ะ”
[1] เปิ่นไท่จื่อ สรรพนามที่รัชทายาทใช้เรียกแทนตนเอง