ขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานมือประคองถ้วยรางวัลพร้อมกับกล่าวขอบคุณมหาวิทยาลัยและเหล่าอาจารย์ หวังก่วงผิงอยู่ที่ไหนน่ะหรือ?
แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยู่ที่สนามสอบแข่งขัน
เขาได้ติดตามจานอ้ายฉวินไปเลี้ยงอาหารพวกคณะกรรมการกับเ้าหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์โดยอาศัยความหน้าหนาฝ่าฝืนกฎระเบียบ แน่นอนว่าหน่วยงานมีกฎระเบียบของตัวเอง อย่างเช่นการแข่งขันภาษาอังกฤษในครั้งนี้ ความจริงเริ่มเตรียมการมาั้แ่เดือนเมษายนปีที่แล้ว ทว่าตอนนั้นหวังก่วงผิงยังคงทำงานอยู่ที่ไร่ พอเขากลับมาภายในหน่วยงานก็ได้ปรึกษาและเตรียมการกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งการเตรียมงานขั้นแรกและขั้นสุดท้าย หวังก่วงผิงไม่มีส่วนร่วมแม้แต่น้อย ดังนั้นหน่วยงานไม่มีทางส่งเขามาแทรกกลางคันอย่างแน่นอน
เื่นี้เป็ความรับผิดชอบของรองหัวหน้าฝ่ายอุดมศึกษาอีกคนหนึ่ง แต่หวังก่วงผิงกลับยื่นมือเข้ามายุ่มย่ามในวันแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งถือได้ว่าเป็การทำลายกฎระเบียบนั่นเอง
ต่อให้เขาอยากใช้เส้นสายเพื่อลูกชายแท้ๆ อย่างหวังเจี้ยนหัว หวังก่วงผิงก็ควรไปกดดันรองหัวหน้าฝ่ายอีกคน หาใช่กระทำการข้ามหน้าข้ามตาผู้รับผิดชอบการจัดงานไปหาเหล่าคณะกรรมการเช่นนั้น แน่นอนว่ารองหัวหน้าฝ่ายจะช่วยหรือไม่ก็เป็อีกเื่
จานอ้ายฉวินมีอำนาจหน้าที่น้อยกว่าเขา หวังก่วงผิงจึงไม่จำเป็ต้องสนใจความคิดเห็นของเธอ
แต่การตามไปถึงสนามสอบแข่งขันรอบชิงชนะเลิศคงจะเกินไปสักหน่อย ดังนั้นหวังก่วงผิงจึงขอให้คนอื่นคอยส่งข่าวแก่เขา ซึ่งก็คือสหายเพื่อนร่วมงานในฝ่ายอุดมศึกษา โดยวันนี้รับหน้าที่เป็ลูกน้องของเขา
รองหัวหน้าหวังมีญาติลงแข่งขันภาษาอังกฤษในครั้งนี้ด้วย ดังนั้นการที่เขาจะอยากรู้ผลการแข่งขันย่อมเป็เื่ธรรมดา
สหายหนุ่มผู้นี้มีความทะเยอทะยานในหน้าที่การงาน หลังประกาศอันดับรางวัล เขาก็วิ่งแจ้นไปรายงานข่าวให้กับรองหัวหน้าหวังทันที เขาปั่นจักรยานมาหาหวังก่วงผิงอย่างรวดเร็ว เมื่อเจอหวังก่วงผิงจึงมีอาการหายใจหอบถี่
“หะ หัวหน้าครับ...”
หวังก่วงผิงทำสีหน้ามีเมตตา “เสี่ยวเกา ไม่ต้องใจร้อน มีอะไรค่อยๆ พูดเถิด มาดื่มน้ำก่อนสิ”
บนโต๊ะทำงานมีน้ำชาอุ่นๆ และถ้วยใบใหม่ตั้งอยู่ เห็นได้ชัดว่าถูกเตรียมไว้ให้เสี่ยวเกาโดยเฉพาะนั่นเอง
เสี่ยวเกาขอบตาร้อนผ่าว หัวหน้าของเขาช่างเอาใจใส่กันเหลือเกิน!
เสี่ยวเกาไม่ได้โง่ถึงขนาดดื่มน้ำก่อนแล้วค่อยพูด การทำเช่นนั้นจะดูทึ่มเกินไป เขาพยายามควบคุมจังหวะการหายใจของตน ก่อนจะแย้มยิ้มกว้างให้หวังก่วงผิงอย่างจริงใจ “หัวหน้าครับ ผมมาแจ้งข่าวดี นักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลานที่หัวหน้าให้ผมจับตาดู เธอตอบคำถามในรอบชิงชนะเลิศได้ดีมากเลยครับ นอกจากนี้เธอยังได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง! เก่งมากจริงๆ ครับ!”
ครั้งก่อนเขาได้ยินข่าวลือในที่ทำงานว่า แม้ลูกชายของหวังก่วงผิงจะยังเรียนมหาวิทยาลัย แต่เขาก็มีคู่หมั้นแล้ว แถมอีกฝ่ายยังเป็นักศึกษาเหมือนกันอีกด้วย
หรือว่าจะเป็เซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้?
หัวหน้าหวังช่างมีบุญเหลือเกิน มีลูกสะใภ้ที่ทั้งสวยและชาญฉลาดเช่นนี้ เสี่ยวเกายังคิดอยู่เลยว่าทำไมตนถึงไม่ได้เกิดเป็ลูกชายของหัวหน้าหวัง เขาจะได้มีคู่ครองที่สมบูรณ์แบบดั่งเช่นเซี่ยเสี่ยวหลานบ้าง
หวังก่วงผิงนึกว่าตนฟังผิด
“ไหนคุณพูดอีกทีสิ”
ดูสิว่าหัวหน้าหวังดีใจแค่ไหน คงไม่อยากเชื่อเลยสินะ
เสี่ยวเกาพูดด้วยน้ำเสียงประจบประแจง “ขนาดกรรมการเปลี่ยนโจทย์อย่างกะทันหันก็ไม่ส่งผลกระทบกับนักศึกษาเซี่ยเสี่ยวหลานเลยครับ เธอได้คะแนนทักษะการพูด 98.2 คะแนน เป็คะแนนที่สูงที่สุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน 20 คนของวันนี้ ทำให้เธอสามารถคว้ารางวัลอันดับหนึ่งมาได้ครับ ผมยังเห็นผู้เชี่ยวชาญจากอังกฤษที่ชื่อแคทเธอรีนดูเหมือนจะชอบเธอมากทีเดียว ถึงกับออกปากชวนนักศึกษาเซี่ยไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษต่อหน้าคนทั้งงานเลยครับ...”
หากหวังก่วงผิงไม่ใช่คนหลายหน้า เขาคงปาถ้วยชาลงพื้นไปแล้ว
ทว่าหนุ่มซื่ออย่างเสี่ยวเกากลับดูไม่ออกว่าหัวหน้าของตนกำลังอารมณ์ไม่ดี เขาเล่าการแสดงออกของเซี่ยเสี่ยวหลานให้หวังก่วงผิงฟังอย่างละเอียด ั้แ่ผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 1 ได้คะแนนสูงที่สุด แต่พอหมายเลข 17 อย่างเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นเวทีก็สร้างสถิติใหม่ หมายเลข 19 เองก็ได้คะแนนสูงมากเช่นกัน ทว่าก็ไม่อาจเอาชนะเซี่ยเสี่ยวหลานได้ ก่อนที่หมายเลข 19 จะคว้าอันดับที่สองไปด้วยคะแนน 98 คะแนน
เสี่ยวเกามีความสามารถในการพูดมากทีเดียว หวังก่วงผิงรอให้เขาพูดจบแล้วถึงจะคลี่ยิ้มออกมา
“ความจริงก็เป็แค่ลูกของเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ฉันจึงให้ความสนใจเธออยู่บ้าง เสี่ยวเกา วันนี้ลำบากคุณแล้ว อย่างไรก็ตามคุณอย่าบอกเื่นี้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นล่ะ มันอาจจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีกับหน่วยงานของเราได้”
ได้รับคำว่า ‘ลำบากคุณแล้ว’ เสี่ยวเกาก็ใจเต้นรัวอย่างตื่นเต้น
“ผมทราบแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนท่านแล้ว ขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะครับ”
เสี่ยวเกายังต้องขี่จักรยานกลับไปอีก หวังว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ จะไม่เห็นว่าเขาแอบหนีออกมานะ น้ำชาบนโต๊ะยังคงอุ่นร้อน เสี่ยวเกาไม่ได้ดื่มมันแม้แต่อึกเดียว จนกระทั่งเขาปิดประตูห้อง หวังก่วงผิงถึงกระแทกถ้วยชาที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ
นี่เป็ผลลัพธ์ที่เขาคาดไม่ถึงแม้แต่น้อย
กรรมการตั้งข้อสงสัยในตัวเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วแน่นอน ดูได้จากการเปลี่ยนโจทย์อย่างกะทันหัน คงทำไปเพราะสงสัยว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะโกงข้อสอบสินะ
หวังก่วงผิง้าทำให้การโกงได้รับการพิสูจน์ว่าเป็เื่จริง ดังนั้นเขาถึงกับเตรียมแผนการต่อจากนี้เอาไว้หมดแล้ว
ข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในการแข่งขันของเซี่ยเสี่ยวหลาน เขาก็สามารถจับมันมาขยายให้เป็เื่ใหญ่โตได้
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับทำแผนการของเขาผิดพลาดไปหมด โจทย์ใหม่ที่คณะกรรมการตั้งขึ้นกลับทำให้เธอแสดงความสามารถได้ดียิ่งกว่าเดิม ถึงขั้นสามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้?!
ผลลัพธ์เช่นนี้ หวังก่วงผิงทำใจรับไม่ได้เด็ดขาด
เขาไม่อยากลดตัวลงไปเล่นงานนักศึกษาคนหนึ่ง เพราะมันดูเสียศักดิ์ศรีเกินไป แต่่นี้เขารู้สึกว่างเหลือเกิน
ั้แ่เกิดเื่เงินบริจาคของตู้เ้าฮุย หน่วยงานก็ละเลยหวังก่วงผิงอย่างไม่แยแส งานหลายอย่างของเขาถูกส่งมอบให้คนอื่นรับผิดชอบแทน เดิมทีหวังก่วงผิงก็เสียเวลามานานหลายปี อีกทั้งเขายังให้ความสำคัญกับอำนาจเป็อย่างมาก มีหรือที่เขาจะทนกับความหมางเมินจากหน่วยงานเช่นนี้ได้
การใส่ร้ายเซี่ยเสี่ยวหลานว่าโกงข้อสอบเป็แค่ขั้นตอนแรกเท่านั้น ขั้นตอนที่สองคือการฉวยโอกาสนี้โจมตีรองหัวหน้าฝ่ายอีกคนหนึ่งนั่นเอง
ทุกแผนการที่เตรียมไว้เชื่อมโยงกันทั้งหมด แต่ตอนนี้แผนการแรกกลับถูกเซี่ยเสี่ยวหลานที่ทำได้ดีเกินคาดจนถึงขั้นได้รางวัลชนะเลิศระดับประเทศมาขัดขวาง จะไม่ให้หวังก่วงผิงรู้สึกโมโหได้อย่างไร!
“คนแซ่เซี่ยทำตัวเป็ปฏิปักษ์กับตระกูลหวังกันหมดให้ได้สินะ...”
—---------------------------------------------
สนามสอบรอบชิงชนะเลิศบรรยากาศครึกครื้นยิ่งนัก
เซี่ยเสี่ยวหลานถูกคนรุมล้อมอยู่บนเวที คนที่อยากคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลานมีมากมายเหลือเกิน แม้แต่ผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบและชมการแข่งขันอยู่ด้านล่างเวทีก็อยากคุยกับเธอเช่นกันว่าฝึกทักษะการพูดอย่างไร
ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความปีติยินดี จางอ้ายฉวินลากกวนฮุ่ยเอ๋อหลบมุมออกมาเพื่อคุยเื่บางอย่าง
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่ได้เตรียมใจ และไม่เคยคิดมาก่อน ใช้หัวแม่เท้าทายก็ไม่มีวันทายถูก ว่าข้าราชการระดับสูงของฝ่ายอุดมศึกษาจะทำเื่ประเภทนี้ด้วย
“หวัง... ผู้ชายคนนี้น่าสะอิดสะเอียนเกินไปแล้ว”
จานอ้ายฉวินเห็นด้วยกับคำพูดนี้อย่างยิ่ง “น่าอาเจียนมากจริงไหม แต่ก็ไม่สามารถจับจุดตายเขาได้เลย ฉันจำได้ว่าครั้งก่อนลูกสะใภ้ที่หร่านซูอวี้พาไปงานเชื่อมสัมพันธ์ก็คือลูกพี่ลูกน้องของเสี่ยวหลานสินะ? หวังก่วงผิงสามารถอ้างได้ว่าเพราะเป็ห่วงญาติตัวเอง เขาแค่อยากฝากฝังให้ทุกคนดูแลเฉยๆ เท่านั้น พวกกรรมการกับเ้าหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์เข้าใจผิดกันไปเอง!”
ถุย ใครอยากนับญาติกับตระกูลหวังมิทราบ แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องคนนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่มีวันนับญาติด้วยแน่นอน!
กวนฮุ่ยเอ๋อหายใจแรง การแสดงทักษะการพูดที่น่าตื่นตาตื่นใจเมื่อสักครู่ กลับเกิดขึ้นภายใต้ความมุ่งร้ายเช่นนี้เสียได้
เธอนั่งดูอยู่ที่ข้างล่างเวที ไม่รู้เลยว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันแบบไหน ความจริงแล้วก็เป็เช่นนี้มาโดยตลอด เซี่ยเสี่ยวหลานเผชิญหน้ากับความยากลำบากที่ชะตาชีวิตนำพามาให้เพียงลำพัง เมื่อมีญาติเป็ศัตรู การลอบกัดลักษณะนี้ย่อมทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา
กวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกเหมือนตอนนี้เธอกำลังมีศัตรูคนเดียวกับเซี่ยเสี่ยวหลาน
“จะปล่อยให้เื่นี้จบลงแบบนี้ไม่ได้ เขาช่างเป็คนสารเลวหน้าไม่อายจริงๆ!”
จานอ้ายฉวินจับตัวเธอไว้ “อย่าเพิ่งไปไหน พวกเรามาปรึกษากันก่อน ฉันว่าเสี่ยวหลานเป็เด็กมีความคิด เธอควรลองถามความเห็นของเด็กคนนั้นดูเสียก่อนเถิด แต่เื่นี้อย่าบอกคุณนายใหญ่บ้านเธอเลยนะ เดี๋ยวท่านจะรู้สึกกังวลเปล่าๆ ”
ไม่ทันแล้ว เวลานี้ย่าโจวยืนหน้าบูดบึ้งอยู่ด้านหลังจานอ้ายฉวินอยู่น่ะสิ
“ฉันได้ยินหมดแล้ว!”
ย่าโจวไม่สนว่าทำไมหวังก่วงผิงถึงทำเช่นนี้ ความขัดแย้งระหว่างคนหนุ่มสาว พวกเขาจะทะเลาะกันอย่างไรตระกูลโจวไม่มีทางที่จะใส่ใจ
แต่ถ้าเป็ผู้ใหญ่แล้วรังแกเด็กเช่นนี้ หวังก่วงผิงคนนั้นไม่รู้สึกอับอายบ้างเลยหรืออย่างไร?!
“ไม่ต้องไปหาเสี่ยวหลานหรอก เื่นี้ฉันอยากคุยกับหัวหน้าของพวกคุณด้วยตัวเองสักครั้ง”