หลินกู๋หยู่มองฉือหางด้วยความฉงนสนเท่ห์ สงสัยว่าฉือหางหกล้มได้อย่างไร นางคิดเกี่ยวกับเื่นี้แต่ยังไม่ได้เอ่ยถามเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้ชายอายุเท่านี้แล้วยังหกล้มได้อีก หากพูดออกไปคงจะไม่ดี
หลินกู๋หยู่อุ้มโต้ซาวางลงบนเก้าอี้ ปล่อยให้โต้ซากินข้าวก่อน นางนำอาหารสำหรับฉือหางไปที่ข้างเตียง "เ้ากินเองได้ไหม?"
ฉือหางนอนอยู่บนเตียง พยักหน้าอย่างน่าสังเวช
วางชามข้าวไว้ด้านข้างมือของฉือหาง หลินกู๋หยู่ก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะกินข้าวถัดจากโต้ซา
ไข้ทรพิษ
โรคนี้ติดต่อได้ง่ายมาก หากมีการแพร่ระบาด น้อยคนนักที่จะรอดชีวิต
เมื่อหลินกู๋หยู่ออกไปเก็บสมุนไพรบนูเาใน่สองสามวันนี้ นางสวมเสื้อผ้าที่คลุมมิดชิดทั้งตัว
“พี่สะใภ้สาม?” หลินกู๋หยู่เพิ่งลงมาจากูเา การเก็บเกี่ยวในวันนี้ได้ค่อนข้างมาก นางถอนรากถอนโคนสมุนไพรจำนวนมากคิดจะนำกลับไปปลูก ก่อนที่จะเดินไปถึงประตูบ้าน จู่ๆ นางก็เห็นหวังเสี่ยวเชี่ยนที่สวมเสื้อผ้าคลุมตัวแ่ายืนอยู่หน้าบ้านของพวกนาง
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่กลับมา หวังเสี่ยวเชี่ยนก็รีบเข้าไปหาทันที
หลินกู๋หยู่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "เสี่ยวเชี่ยน เ้ามาที่นี่มีธุระอะไรหรือไม่ หรือจะเข้ามานั่งด้านในบ้านก่อน?"
ร่องรอยของความวิตกกังวลปรากฏบนใบหน้าของหวังเสี่ยวเชี่ยน นางมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างกังวลใจ "พี่สะใภ้สาม พี่รู้แล้วหรือยังว่าหลายคนในหมู่บ้านของเราป่วยเป็ไข้ทรพิษ"
อะไรนะ?
หลินกู๋หยู่มองหวังเสี่ยวเชี่ยนด้วยความประหลาดใจ คิ้วขมวดติดกัน "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
ใน่เวลาหลายวันนี้ หลินกู๋หยู่ให้ความสนใจกับบ้านสกุลฉือเป็พิเศษ ฉือเย่ก็ไม่ได้ออกไปไหน เห็นหมอหลายคนเข้าไปในบ้านแล้วก็รีบออกไป
“ข้าก็แค่จะมาบอกให้พี่ระวังตัว” ดวงตาราวกับลูกองุ่นของหวังเสี่ยวเชี่ยนมองหลินกู๋หยู่อย่างเป็ห่วง “เห็นปกติพี่ชอบออกไปข้างนอก ใน่เวลานี้พี่อย่าออกไปข้างนอกจะดีกว่า”
“ขอบคุณ” หลินกู๋หยู่ขอบคุณอย่างจริงใจ “เ้ากลับก่อนดีกว่า ระวังไว้เสมอย่อมถูกต้องแล้ว”
รอให้หวังเสี่ยวเชี่ยนเดินจากไป หลินกู๋หยู่เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับตะกร้าไม้ไผ่ที่ด้านหลังและปิดประตู
เป็อย่างที่นางได้คาดคิดไว้จริงๆ ไข้ทรพิษเริ่มแพร่ระบาดแล้ว
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เดินเข้ามา ฉือหางก็พยายามลุกขึ้นจากเตียง
ร่างกายไม่ได้เ็ปแล้ว แต่บนใบหน้าของฉือหางก็ยังคงแสดงอาการเหมือนเ็ปอยู่
"กู๋หยู่" ฉือหางเดินไปหาหลินกู๋หยู่ทีละก้าว เอ่ยอย่างเป็ห่วง "ท่านแม่เพิ่งมาบอกว่าด้านนอกไข้ทรพิษเริ่มแพร่ระบาดแล้ว เ้าอย่าออกไปด้านนอกเลย"
หลินกู๋หยู่ยืนง่วนทำงานอยู่ด้านหน้าถาดไม้ไผ่ในลานบ้าน รีบหยิบยาสมุนไพรออกจากตะกร้าไม้ไผ่
“ข้าได้ยินมาแล้ว” หลินกู๋หยู่กำลังง่วนอยู่กับการตากสมุนไพร นางพูดอย่างสบายๆ ว่า “ข้าจะไปต้มยาให้ อีกสักพักเ้าจะได้ดื่ม บางทีมันอาจจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานได้…”
หลินกู๋หยู่หยุดชั่วครู่ แล้วพูดต่อว่า "มันแค่ทำให้ร่างกายของเ้าแข็งแรง ถ้าเ้าแข็งแรงเ้าจะไม่ติดเชื้อ"
ฉือหางก้มลงหยิบสมุนไพรในตะกร้าไม้ไผ่ออกมา แล้วเกลี่ยในถาดไม้ไผ่เหมือนที่หลินกู๋หยู่ทำ
“ดังนั้นใน่เวลาสองสามวันนี้เ้าก็อยู่บ้านเถอะ อย่าออกไปไหนเลย” ฉือหางชำเลืองมองหลินกู๋หยู่ที่อยู่ข้างๆ เขาอย่างเป็ห่วง และพูดอย่างกังวลว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…”
"ตอนนี้ยังไม่เป็ไร" หลังจากที่หลินกู๋หยู่กระจายสมุนไพรในถาดไม้ไผ่ นางขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงฉือเย่
ไม่รู้ว่าตอนนี้ฉือเย่เป็อย่างไรบ้างแล้ว หลายคนที่ป่วยเป็ไข้ทรพิษไม่สามารถอยู่รอดได้เกินเวลาครึ่งเดือน
ถ้าเป็ยุคปัจจุบันยังมีวิธีรักษา แต่ที่นี่ไม่มีเครื่องมือแพทย์
หากมีทางเดียวที่จะรักษาได้ คือใช้ฝีดาษวัวต่อสู้กับเชื้อไวรัส ใช้พิษสู้พิษ
คิ้วของหลินกู๋หยู่ขมวดแน่นยิ่งขึ้น นางรู้อยู่ในใจว่าฝีดาษวัวสามารถต่อสู้กับยาพิษ แต่นางไม่สามารถสกัดเชื้อไข้ทรพิษได้อย่างสมบูรณ์ นางใช้วัวที่เป็โรคฝีดาษและรีดนมโดยตรงเพื่อให้ผู้ที่เป็ไข้ทรพิษดื่ม ด้วยวิธีนี้บางทีพวกเขาอาจจะอาการดีขึ้นและสามารถหายจากไข้ทรพิษ
ในยุคปัจจุบัน อัตราการรักษาสำเร็จนั้นสูงมาก แต่ที่นี่นางไม่รู้จริงๆ ว่าทำเช่นนี้จะมีความเป็ไปได้ที่จะสำเร็จหรือไม่
ฉือหางมองหลินกู๋หยู่ที่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างว่างเปล่า ใบหน้าของนางดูวิตกกังวล เขาจึงยกมือขึ้นแตะที่หน้าผาก
หลินกู๋หยู่รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังจะแตะตัวนาง นางก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ สายตามองฉือหางด้วยความระแวดระวัง
“เ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?” ฉือหางดึงมือของเขาออกโดยที่ไม่มีความกระอักกระอ่วนใจแสดงออกบนใบหน้าของเขาแม้แต่น้อย เอ่ยถามเสียงเบา “เ้ามีไข้หรือ?”
“ไม่” หลินกู๋หยู่ตอบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและตากสมุนไพรต่อไป
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนี้ หลินกู๋หยู่ก็ไปล้างมือและเรียกให้ฉือหางล้างมือด้วย จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปด้านใน
เมื่อกลับมาที่ห้อง หลินกู๋หยู่มองไปที่ฉือหางอย่างลังเล นางถามเสียงเบา "อาการของน้องสี่เป็อย่างไรบ้าง?"
"ไม่ค่อยดี"
ฉือหางคิดถึงโจวซื่อที่กำลังร้องไห้น้ำตาไหลพรากเมื่อนางมาที่นี่ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียวไม่มีร่องรอยของสีเื เขาพูดต่อว่า "เชิญหมอมาหลายคนแล้ว แต่ไม่มีใครสามารถรักษาโรคนี้ได้แม้แต่คนเดียว"
โต้ซานั่งบนเตียง เล่นกับวัวไม้ตัวเล็กๆ ในมือ "ท่านแม่ ท่านย่ามอบให้ข้า"
หลินกู๋หยู่หรี่ตายิ้มลูบศีรษะโต้ซา แต่ใบหน้าของนางหดหู่
ต่อให้นางได้คะแนนลำดับที่หนึ่งในหลักสูตรวิชาชีพของมหาวิทยาลัยแล้วจะอย่างไร ตอนนี้นางทำอะไรไม่ได้เลย นางทำได้เพียงเฝ้าดูคนเ่าั้ล้มป่วยลงทีละคน
หลินกู๋หยู่กำลังทำอาหารกลางวันอย่างเหม่อลอย หลังจากทานอาหารและจัดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลินกู๋หยู่ก็มองไปที่ฉือหางอย่างเป็กังวล "ข้าอยากกลับบ้าน ไม่รู้ว่าท่านแม่และน้องชายของข้าจะเป็อย่างไรกันบ้าง?"
สัญชาตญาณของเขา้าจะปฏิเสธ ฉือหางรู้ว่าตราบใดที่หลินกู๋หยู่ออกไป อันตรายของการป่วยจะเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน
"พบพวกเขาแล้วข้าจะกลับมาทันที" เมื่อเห็นท่าทีลังเลของฉือหาง หลินกู๋หยู่ก็กล่าวให้คำสัญญา
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ฉือหางขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงของเขาค่อยๆ เบาลง “ข้าแค่กลัวว่าเ้าจะพลอยป่วยไปด้วย”
เขาเป็ห่วงนางหรือ?
หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองฉือหางอย่างตะลึงงัน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าไม่เป็ไรอย่างแน่นอน เ้าไม่ต้องกังวล"
สิ่งที่หลินกู๋หยู่้าทำ ฉือหางไม่เคยหยุดยั้งนางได้ เขาจึงพยักหน้า
เมื่อเห็นว่าหลินกู๋หยู่กำลังจะจากไป โต้ซาก็โผเข้ากอดต้นขาของหลินกู๋หยู่ทันที แนบทั้งร่างของเขาเข้ากับร่างของหลินกู๋หยู่ "ท่านแม่ ข้าจะไปด้วย"
สิ่งที่โต้ซาพูดสามารถแสดงความหมายของเขาได้เพียงประโยคสั้นๆ
“เ้าอยู่บ้านกับพ่อ” หลินกู๋หยู่รีบอุ้มโต้ซาลงมา นางเป็ผู้ใหญ่ภูมิต้านทานย่อมดีกว่าโต้ซามาก “อีกสักพักแม่จะกลับมา”
หลังจากจัดการกับทั้งสองคนที่บ้านเรียบร้อยแล้ว หลินกู๋หยู่ก็เดินออกมาพร้อมเสื้อคลุมตัวมิดชิด
หลินกู๋หยู่กระวนกระวายจนต้องเร่งฝีเท้า ในที่สุดนางก็ตัดสินใจวิ่งออกไป
เมื่อวิ่งไปถึงทางแยกของทั้งสองหมู่บ้าน หลินกู๋หยู่ก็เห็นว่ามีคนเข้ามาล้อมหมู่บ้านของพวกนางแล้ว
“กลับไป ห้ามออกมา!” ชาวบ้านในหมู่บ้านที่สกุลหลินอาศัยอยู่แต่ละคนถือจอบในมือ ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็มองหลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้าขรึม
หลินกู๋หยู่ก้าวถอยหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ มองไปที่บุรุษผู้นำด้วยท่าทางที่สับสน "พวกท่านกำลังทำอะไรหรือ?"
บุรุษที่เป็หัวหน้ารูปร่างสูงและดูแข็งแรงกำยำ ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมด้วยอะไรบางอย่างหนึ่งชั้น "คนในหมู่บ้านของเ้าป่วยเป็ไข้ทรพิษ ห้ามออกมาแม้แต่คนเดียว แล้วถ้าเกิดแพร่เชื้อมาให้พวกเราจะทำอย่างไร?"
“ข้าไม่ได้ป่วย!” หลินกู๋หยู่กล่าวอย่างกระวนกระวายใจ
“ไม่ว่าเ้าจะป่วยหรือไม่ก็ตาม เ้าก็ห้ามออกมา ห้ามแม้แต่คิดจะออกมาจากหมู่บ้าน ตอนนี้หมู่บ้านของเ้าถูกกักกันแล้ว” บุรุษผู้นำะโอย่างเกรี้ยวกราด
“ท่านหมายความว่า มีเพียงคนในหมู่บ้านของพวกเราเท่านั้นที่ป่วยเป็ฝีดาษ แต่คนในหมู่บ้านของพวกท่านไม่มีใครเป็งั้นหรือ?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามอย่างกระวนกระวายใจ
บุรุษที่เป็หัวหน้ายกจอบขึ้นด้วยท่าทีรำคาญ เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "ใช่ รีบกลับไปเถอะ"
หลินกู๋หยู่กล่าวว่า "ขอบคุณ" นางก็หมุนตัวเดินกลับ ฟังจากที่เขาพูดแล้ว ฝีดาษแพร่กระจายในหมู่บ้านของพวกนางเท่านั้น ไม่ได้เกิดขึ้นในหมู่บ้านอื่น
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหน้า หลินกู๋หยู่เร่งฝีเท้าเดินไปอย่างรวดเร็ว เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังดึงบุรุษคนหนึ่งที่อายุประมาณสี่สิบปี
“ท่านโกหก ยาที่ท่านให้นั้นไร้ประโยชน์ ลูกชายของข้าทั้งอาเจียนทั้งท้องเสีย แต่ท่านยัง้าเงินหนึ่งตำลึงจากข้า ท่านกำลังจะฆ่าคนในครอบครัวของพวกเรา! คืนเงินมาให้ข้าเดี๋ยวนี้" มือของสตรีคนนั้นดึงเสื้อของหมอ ส่วนมืออีกข้างตบแขนหมอด้วยความสิ้นหวัง
เมื่อได้ยินสิ่งที่สตรีคนนั้นพูด ฝีเท้าของหลินกู๋หยู่ก็ลดความเร็วลงอย่างช้าๆ
“เ้ามันโง่เอง ใครจะไปรู้ว่าลูกชายของเ้าเป็ไข้ทรพิษ แม้แต่์ก็ช่วยเขาไม่ได้ เ้ายอมรับเสียเถอะ” ในขณะที่ชายคนนั้นพูด เขาก็ผลักสตรีคนนั้นออกไปสุดแรง ก่อนจะเดินไปข้างหน้าด้วยความไม่พอใจ
หลินกู๋หยู่เดินไปด้วยความขุ่นเคือง คว้าแขนของหมอคนนั้นและพูดอย่างโกรธเคืองว่า "ในเมื่อท่านไม่สามารถรักษาคนไข้ให้หายดีได้ ท่านเรียกเก็บเงินจากนางมากขนาดนี้ได้อย่างไร หมอในเมืองยังไม่คิดราคาสูงเท่าท่าน"
หมอไม่ตอบสนองชั่วขณะหนึ่ง จ้องมองที่หลินกู๋หยู่อย่างงุนงง แม่หนูที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเื่ของคนอื่นมาจากที่ไหนกัน?
หลินกู๋หยู่ไม่รอให้หมอพูด นางเอ่ยถามด้วยใบหน้าเ็า "ท่านมีความมั่นใจมาจากไหนถึงได้เก็บเงินค่ารักษาจำนวนมากถึงเพียงนั้น? ยังไม่รีบคืนเงินให้นางอีก”
มือข้างหนึ่งของหมอถูกผู้หญิงที่กำลังร้องไห้คว้าไว้ หลินกู๋หยู่ก็จับแขนอีกข้างอย่างดุเดือด
"ปล่อย!" หมอมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างไม่พอใจ ้าจะสะบัดมือของหลินกู๋หยู่ออก แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลินกู๋หยู่จะจับแขนของเขาแน่นมากขนาดนี้
"คืนเงิน!" หลินกู๋หยู่มองไปที่หมออย่างจริงจัง นางเตะน่องของเขาโดยไม่ลังเล บิดมือของหมอไปด้านหลังอย่างสวยงาม มองดูหมอคุกเข่าลงบนพื้น กล่าวอย่างเย็นะเืว่า “เร็วเข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะหักแขนของท่าน!”
“เ้าทำผิดกฎหมาย!” หมอหันศีรษะไปมองหลินกู๋หยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสยดสยอง เสียงของเขาสั่นเครือ “ปล่อยข้าไป!”
“หมู่บ้านถูกปิดตายแล้ว” หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองหมออย่างประชดประชัน พูดอย่างใจเย็นว่า “พวกเขาจะรอให้พวกเราตายแล้วเผาทิ้งทั้งหมด ท่านคิดว่าแขนของท่านจะยังอยู่หรือไม่? อยู่หรือไม่อยู่มันต่างกันอย่างไรหรือ?"
ร่างกายของหมอสั่นเทิ้มมากยิ่งขึ้น ขาของเขาที่คุกเข่าบนพื้นก็สั่นอย่างอดไม่ได้ "ข้าจะคืนเงิน ข้าจะคืน พอใจหรือยัง?"
หลินกู๋หยู่ค่อยๆ ปล่อยมือและยืนอยู่ข้างๆ
หมอลุกขึ้นช้าๆ จ้องเขม็งที่หลินกู๋หยู่ ค่อยๆ สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขา หยิบถุงเงินออกมาอย่างไม่เต็มใจ
“อยากโดนต่อยหรือ?!” หมอกำถุงเงินไว้ในมือ ยกมือขึ้นเพื่อจะฟาดไปที่หลินกู๋หยู่
ใบหน้าของสตรีวัยกลางคนนั้นยังคงมีน้ำตาคลออยู่ ขณะมองดูกำปั้นกำลังจะฟาดใบหน้าของหลินกู๋หยู่ด้วยความสยดสยอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้