หลังจากทักทายกันเสร็จสรรพ จี้หยวนในฐานะที่เป็เสนาบดีกรมพระคลังก็กราบทูลรายงานเื่ความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นในหานโจว ซึ่งรวมถึงเื่รายรับโดยเฉลี่ยของชาวบ้านที่นั่นทั้งต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าาและต่อหน้าขุนนางบุ๋นบู๊ของราชสำนัก ชั่วขณะนั้นเมื่อทุกคนได้สดับรับฟังก็เป็อันต้องอึ้งไป
หานโจวเป็สถานที่เช่นไร? ทุกคนล้วนรู้ดีว่า ที่นั่นเป็สถานที่ที่รกร้างและกันดารที่สุดในหนานเย่าถึงขนาดที่ตอนนั้นฮ่องเต้ยังเคยตรัสไว้ว่า หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหานโจวได้ชั่วชีวิตนี้หานอ๋องก็อย่าได้คิดจะกลับมาที่เมืองหลวงอีก ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ต่างคิดกันไปว่าชีวิตนี้ของหานอ๋องคงจะจบสิ้นแล้วเช่นนี้ มิคาดสิบปีให้หลัง หานอ๋องจะมายืนอยู่ที่นี่ได้อีกครั้ง
อีกทั้ง ดูท่าฮ่องเต้จะยิ่งชมชอบในตัวเขามากขึ้น หากปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไปคนย่อมขวางทางเดินของผู้อื่น
“ดี ดี” เมื่อฮ่องเต้อ่านรายงานที่จี้หยวนถวายจนหมดแล้วหทัยัก็ปรีดายิ่ง จากนั้นจึงเปล่งสุรเสียงเพื่อประกาศให้ทุกคน ณ ที่แห่งนี้ได้ทราบ“หานอ๋องมีผลงานดีเด่น สามารถเปลี่ยนแปลงหานโจวให้ดีขึ้นได้ วันนี้เจิ้นจะแต่งตั้งให้หานอ๋องเป็หนิงชินอ๋องพร้อมด้วยสามโจวแห่งดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือก็ขอมอบให้เป็เขตแดนพระราชทานแก่หนิงชินอ๋องส่วนภรรยาอวิ๋นซี ด้วยมีความชอบช่วยเหลือหนิงชินอ๋องเสมอมา เจิ้นแต่งตั้งให้นางเป็พระชายาหนิงชินอ๋อง รุ่ยิ่จวิ้นจู่ อีกทั้ง ธิดาหวานหว่านจวิ้นจู่ก็ให้มีพระนามใหม่เป็โอวหยางหว่านเกอแต่งตั้งเป็ หวาหยางจวิ้นจู่ พร้อมด้วยอำเภอทั้งสามแห่งหวาหยางก็ขอมอบให้เป็เขตแดนพระราชทานแก่หวาหยางจวิ้นจู่”
ฮ่องเต้ทรงประกาศแต่งตั้งด้วยตนเอง เมื่อเทียบกับพระราชโองการแล้วก็นับว่าสำคัญยิ่งกว่าอย่างที่ไม่อาจประเมินค่าได้ไม่ว่าใครก็ย่อมคิดไม่ถึงว่า เมื่อหานอ๋องกลับมา คนจะถูกแต่งตั้งเป็ชินอ๋อง สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก่อนในราชนิกูลนั้น ผู้ที่ถูกแต่งตั้งเป็ชินอ๋องได้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
หากไม่ใช่คนที่มีผลงานยิ่งใหญ่ ปกติแล้วจะไม่ถูกแต่งตั้งเป็ชินอ๋องหากว่ากันตามหลักธรรมดา โดยปกติแล้วคนที่ถูกแต่งตั้งเป็ชินอ๋องได้นั้นล้วนมีความเป็ไปได้มากที่จะได้เป็รัชทายาทในวันหน้า
ทว่า ตอนนี้ในสถานการณ์ที่ฝ่าาทรงมีรัชทายาทอยู่แล้ว การที่พระองค์แต่งตั้งพระโอรสสายตรงเป็ชินอ๋องจะเป็การแสดงออกหรือไม่ว่าแท้จริงแล้วในพระทัยของพระองค์ตั้งใจจะปลดรัชทายาทออกจากตำแหน่ง? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ขุนนางจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ได้เลือกข้างต่างก็พากันรู้สึกโชคดีเป็ที่สุดโชคดีที่ตนยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกข้างอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นชีวิตนี้คงได้จบกัน
สามคนพ่อแม่ลูกพากันคุกเข่าลงไปอีกรอบ พร้อมโขกศีรษะลงพื้น เพื่อเป็การขอบพระทัยฝ่าา
เสี้ยวเหวินตี้มองพวกเขา จากนั้นยิ้มแล้วพูดว่า “เจิ้นได้ให้คนซ่อมแซมตกแต่งจวนเก่าในสมัยที่เจิ้นยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ให้ใหม่แล้วทั้งยังประดับป้ายหน้าประตูจวนเป็หนิงชินอ๋องแล้วด้วยเมื่อเ้าออกจากวังก็สามารถพาภรรยาและบุตรสาวกลับไปพักยังจวนชินอ๋องได้เลย”
จวินเหยียนคิดไม่ถึงว่า แม้แต่เื่เหล่านี้ฮ่องเต้ก็ทรงจัดการไว้เรียบร้อยหมดแล้วส่วนพวกขุนนางในท้องพระโรงต่างก็ได้แต่ตกตะลึงไปตามๆ กัน เื่ที่ฝ่าาทำการซ่อมแซมปรับปรุงจวนอ๋องนั้นขุนนางอย่างพวกเขาล้วนทราบอยู่ก่อนแล้ว เดิมทีคิดว่า เพราะจวนแห่งนั้นไม่มีคนมาอยู่อาศัยกว่ายี่สิบปีแล้วฝ่าาจึงได้คิดจะซ่อมแซมตกแต่งให้ดูใหม่ก็เท่านั้น มิคาดพระองค์จะถึงกับพระราชทานให้เป็ที่พำนักแก่หนิงชินอ๋อง
เมื่อเห็นทุกอย่างเป็เช่นนี้ ในสมองของขุนนางจำนวนไม่น้อยก็เริ่มคิดเองเออเองแล้วว่าในพระทัยของฝ่าาคงยังให้ความสำคัญกับหนิงชินอ๋องผู้นี้อยู่มาก ขณะเดียวกันทางด้านรัชทายาทนั้นยามนี้มีสีหน้าเขียวคล้ำ หนิงชินอ๋อง? หึหึนี่กำลังตบหน้าตนที่เป็รัชทายาทอยู่หรือ?
แท้จริงแล้วตัวเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ดี แต่เสด็จพ่อกลับแต่งตั้งหนิงชินอ๋องขึ้นมาหรือพระองค์ทรง้าจะบอกกับทุกคนว่า จะทรงปลดรัชทายาท? เขากำหมัดแน่นคิดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าจวินเหยียนจะกลับมาเปิดฉากสังหารอย่างไร้สุ้มเสียงเช่นนี้
ดูท่า พระมารดาตนจะอยู่ที่เขาอู่ไถต่อไปไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นตำแหน่งรัชทายาทของตนคงไม่อาจรักษาไว้ได้
นอกจากนี้ องค์ชายสามโอวหยางเทียนซิงเองก็กำลังมองไปทางโอวหยางจวินเหยียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความริษยามือกำเป็หมัดแน่น ตัวเขาเองก็เป็พระโอรสของฮ่องเต้เช่นเดียวกัน แต่เหตุใดอีกฝ่ายถึงได้โชคดีเพียงนั้น
ขณะที่องค์ชายสี่กลับเอาแต่หัวเราะเหอเหออย่างคนโง่งม หนิงชินอ๋อง? ดียิ่งในที่สุดพี่รองของเขาก็สามารถอดทนฝ่าความขมขื่นจนได้มาเจอกับความหอมหวานบ้างแล้ว
และสุดท้าย องค์ชายห้าที่มีรูปลักษณ์หล่อเหลาสง่างาม ใบหน้าเขาปรากฏเพียงรอยยิ้มบางๆคลับคล้ายว่า เป็น้องชายที่กำลังดีอกดีใจเมื่อได้เห็นพี่ชายกลับบ้านก็ไม่ปาน
หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้เสร็จแล้ว จวินเหยียนก็พาอวิ๋นซีและหวานหว่านไปยังตำหนักเฟิ่งอี้เดิมทีคิดจะไปถวายบังคมฮองเฮา แต่ใครจะไปรู้ว่า หมัวมัวกลับมาแจ้งว่าฮองเฮาทรงประชวรเกรงว่าจะเป็การแพร่เชื้อให้พวกเขา จึงให้พวกเขาโขกศีรษะอยู่เพียงด้านนอกตำหนักประทับและให้รอจนกระทั่งพระนางหายดีแล้ว หลังจากนั้นจึงจะให้คนไปเรียกพวกเขาเข้ามาพูดคุยกันในวัง
ระหว่างทางจากพระราชวังไปจวนหนิงชินอ๋อง อวิ๋นซีมองบุตรสาวตนที่กำลังหลับใหลนางลูบผมของเด็กน้อยเบาๆ จากนั้นก็หันมองสามี “ในใจรู้สึกเช่นไร? ” หากให้พูดตามจริง เื่ที่ถูกแต่งตั้งเป็หนิงชินอ๋องนี้ไม่มีทางอยู่ในความคิดของพวกเขาอย่างแน่นอน
ั้แ่ก่อตั้งแคว้นหนานเย่ามาจนถึงวันนี้ มีองค์ชายเพียงสามพระองค์เท่านั้นที่ได้รับการแต่งตั้งเป็ชินอ๋องซึ่งองค์ชายทั้งสามนี้ สุดท้ายแล้วล้วนได้ครองราชย์เป็ฮ่องเต้ทั้งสิ้น
จวินเหยียนพูดด้วยท่าทีสงบนิ่งว่า “ดียิ่ง”
เขารู้ดีว่า ยามนี้เสด็จพ่อมีพระชันษามากแล้ว หลายปีที่ผ่านมาก็มีเพียงรัชทายาทที่เป็ใหญ่เหนือผู้ใดส่วนอำนาจขององค์ชายสามที่ได้รับมาจากตระกูลของผู้เป็มารดาก็นับว่ามีไม่มากพอ ถึงกระนั้นก็เป็เพราะหว่านผินที่ทำให้ตระกูลของนางมีโอกาสได้เข้ารับตำแหน่งเป็ขุนนางในราชสำนักทว่า คนเ่าั้จะไปได้ไกลสุดสักเพียงไรก็เป็ได้แค่ขุนนางขั้นห้า
องค์ชายสี่ เื้ัของคนมีตระกูลมารดาที่แข็งแกร่งยิ่งอวี้เฟยนั้นเป็ธิดาเพียงคนเดียวของแม่ทัพใหญ่อวี้ แต่น่าเสียดายไม่ว่าจะอวี้เฟยหรือแม่ทัพใหญ่อวี้ รวมถึงตัวเ้าสี่เองก็ล้วนไม่มีความทะยานอยากที่จะเป็ฮ่องเต้ของแผ่นดิน
องค์ชายห้า โชคดีที่บรรดาศักดิ์ของท่านตาเป็ถึงโหว ทั้งยังกุมอำนาจทางการทหารไว้ด้วยเพียงแต่ น่าเสียดายที่หลายปีมานี้หลังจากที่ฮ่องเต้คอยช่วยสนับสนุนทั้งในที่แจ้งและที่ลับแต่พวกเขาก็ยังไม่มีความสามารถถึงขั้น ดังนั้น ฮ่องเต้ที่กังวลว่ารัชทายาทที่ยิ่งใหญ่อยู่เพียงคนเดียวจะเป็อันตรายต่ออำนาจกษัตริย์พระองค์จึงต้องหาใครสักคนขึ้นมาคานอำนาจกับรัชทายาท
ซึ่งเื่นี้จวินเหยียนถือเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุดเื้ัเขามีดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือ ทั้งยังมีเสด็จอาที่รักใคร่ยิ่งอย่างอวี๋อ๋องยิ่งกว่านั้น องค์ชายสี่เองก็ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา ด้วยเหตุทั้งปวง จวินเหยียนนับเป็พระโอรสเพียงพระองค์เดียวที่สามารถต่อกรกับรัชทายาทได้
ในเมื่อเขาคิดได้ แน่นอนว่าอวิ๋นซีเองก็คงคิดได้เช่นกัน นางยิ้มมองไปทางเขาพูดเสียงเบา “เื่บางเื่ ยามที่บังคับอยากได้ ไม่อาจบังคับมาได้ ทุกอย่างต้องเป็ไปตามธรรมชาติ”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินก็ยิ้มรับทันที แน่นอนว่า เขารู้ว่าภรรยาหมายถึงเื่ใดทว่าอย่างไรความรักใคร่ของเสด็จพ่อ และการให้ความสำคัญของเสด็จแม่ สำหรับตัวเขานั้นหาใช่สิ่งสำคัญมานานแล้วเพียงแต่ เ้าโง่งมน้อยผู้นี้ไม่เคยเชื่อเลยก็เท่านั้น
“ตอนนี้ พวกเราได้กลับมาที่นี่แล้ว มีเื่อีกมากนักให้ต้องทำ ส่วนเื่ในตอนนั้นตัวท่านเองก็สืบจนชัดแจ้งแล้วแน่ใจแล้วว่าเป็กับดักของหวงกุ้ยเฟย ดังนั้น พวกเราก็ควรถือโอกาสตอนนี้ที่หวงกุ้ยเฟยไปอยู่กับไทเฮาที่เขาอู่ไถลงมือทำอะไรบ้างได้แล้ว” เมื่ออวิ๋นซีนึกขึ้นได้ว่า ในตอนนั้นเป็หวงกุ้ยเฟยที่วางกับดักให้ฮ่องเต้เข้าพระทัยผิดคิดว่าโอรสตนล่วงเกินพระสนมของเขาในใจนางก็โกรธจัด นังชั้นต่ำผู้นี้ ในกาลก่อนก็เห็นนางผู้เป็สะใภ้ขัดหูขัดตาไปเสียทุกอย่าง
ยามนี้เมื่อได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง บุญคุณความแค้นของชาติก่อนและชาตินี้นางจะทวงคืนให้หมด
“ยามนี้รัชทายาทนั่งไม่ติดแล้ว ส่วนเื่ที่สตรีนางนั้นจะกลับมาที่นี่เมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นพวกเราอย่าเพิ่งรีบร้อนทำเื่ใดเลย นับแต่วันนี้เป็ต้นไป จวนหนิงชินอ๋องจะปิดประตูจวนไม่รับแขก ไม่ว่าใครก็ไม่ให้เข้าพบ” จวินเหยียนรับบุตรสาวมาจากอ้อมแขนนางจากนั้นก็กอดไว้แนบอกตน
ชายหนุ่มก้มมองใบหน้าของบุตรสาว มุมปากเขาโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มบางๆ
ทันทีที่หนิงชินอ๋องกลับถึงจวนก็มีประกาศสู่ภายนอก ให้ปิดประตูจวน ไม่ต้อนรับแขกด้วยเื่นี้ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่เตรียมตัวจะไปแสดงความยินดีต่างงุนงงตอนนี้เป็่ที่ฝ่าากำลังให้ความสำคัญกับเขา ไม่ใช่ว่าเขาควรจะไปมาหาสู่กับขุนนางให้มากๆจากนั้นก็ดึงคนไปเป็พวกหรอกหรือ?
การกระทำของจวนชินอ๋องนี้ลือเลื่องมาถึงในวัง เมื่อเสี้ยวเหวินตี้ได้ยินมือที่กำลังเปิดอ่านฎีกาอยู่ก็ถึงกับชะงักไป จากนั้นเป็นานถึงได้ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า“เ้าเด็กนี่คิดจะทำอันใดกันแน่? ” การปิดประตูจวนไม่รับแขกเช่นนี้ย่อมหมายความว่าคนจักต้องพลาดโอกาสที่จะได้ไปมาหาสู่กับขุนนางมากมาย
เขาไม่เชื่อหรอกว่า บุตรชายผู้นี้จะไม่มีใจทะเยอทะยาน แต่หากอีกฝ่ายกล้าทำเช่นนี้จริงแสดงว่าเป้าหมายที่อยู่เื้ัจักต้องเป็การใดที่ใหญ่กว่านี้แน่ จู่ๆ ชายผู้สูงศักดิ์ก็ให้รู้สึกรอคอยขึ้นมานิดหน่อย
สิ่งหนึ่งที่ควรต้องรู้ก่อน เมืองหลวงแห่งนี้เงียบสงบมานานแล้ว ยามนี้ถึงเวลาแล้วกระมังที่จะต้องทำให้วุ่นวายสักหน่อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้