บรรยากาศภายในลานกว้างตึงเครียดขึ้นมาทันที
ด้านเวินติ่งเทียนนั้นวินาทีที่หลินหยางเสนอตัวออกมาช่วยด้วยตัวเองนั้นเขาก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอะไรต่อ
เขาะโออกคำสั่งให้เวินชงด้วยเสียงอันดัง“จัดเตรียมสนามให้เรียบร้อย เตรียมพร้อมเริ่มการประลองอีกครั้ง”
แต่หลังจากที่เขาลองหยุดคิดไปครู่หนึ่งเขาก็ประกาศเพิ่มไปอีกว่า “ไม่ต้องไล่คนนอกออก ข้าอนุญาตให้คนนอกชมการประลองได้ ข้าจะให้ชาวเมืองอวิ๋นเฉิงทุกคนทราบผลการประลองยุทธภัณฑ์ครั้งนี้ด้วย”
“ขอรับ”เวินชงเข้าใจความคิดของเวินติ่งเทียนในทันที
การประลองครั้งนี้จะเป็การเดิมพันครั้งใหญ่เป็การเดิมพันที่ตระกูลไม่สามารถปฏิเสธได้
เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันกลายเป็เื่ใหญ่ไปเสียแล้วเกรงว่าอีกไม่นานทั้งเมืองอวิ๋นเฉิงก็จะรู้แล้วว่าเลี่ยนเทียนเฮ่าถูกคนของตระกูลเฉินส่งมาก่อกวน พวกตระกูลเฉินมันมั่นใจเกินไปพวกมันคิดว่าซ่างกวันเฟยเก่งกาจไร้คู่ต่อกร พวกมันคงคิดที่จะทำลายชื่อเสียงและความมั่นใจของตระกูลเวินให้พังราบคาบก่อนวันจัดงานเทศกาลเพื่อที่จะให้ตระกูลเวินทิ้งความคิดที่จะต่อต้านพวกมันออกไป
ดังนั้นแล้วการประลองในวันนี้จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด
การเดิมพันครั้งนี้สำหรับเวินติ่งเทียนแล้วสิ่งที่เขาวางเดิมพันเอาไว้ ไม่ได้มีแค่ชีวิตของหลินอี้ และแขนขวาของวู๋กังเท่านั้นเขายังใช้ชื่อเสียงนับร้อยปีของเลี่ยนเทียนเฮ่าและตระกูลเวินในการเดิมพันครั้งนี้ด้วย
ถ้าแพ้ก็สูญเสียทุกอย่าง
ถ้าชนะการประลองครั้งนี้ก็จะเปรียบเสมือนหมัดเหล็กที่ใช้สวนกลับเข้าไปที่กลางหน้าของพวกตระกูลเฉินเต็มๆต่อหน้าประชาชนชาวเมืองอวิ๋นเฉิงทั้งหมดทันที
..................................
หลังจากที่เวลาผ่านไปนานประมาณชาหนึ่งถ้วยหายร้อน
ด้วยประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยมของตระกูลเวินสนามประลองก็ถูกจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ลานกว้างสำหรับการช่างถูกทำความสะอาดอย่างเรียบร้อยเหลือเพียงแค่แท่นตีอุปกรณ์อันเรียบง่ายสองแท่นตั้งอยู่
แท่นตีอาวุธสำหรับใช้งานคนเดียวแบบนี้ประกอบด้วยส่วนการทำงานรูปแบบต่างๆ สี่ส่วน ส่วนที่ใหญ่ที่สุดคือเตาหลอมภายในตาหลอมมีไฟิญญาจุดเอาไว้ ส่วนนี้เป็ส่วนที่ใช้ในการสกัดวัตถุดิบและการเพิ่มความบริสุทธิ์ให้กับวัตถุดิบ
ข้างกันนั้นเป็ส่วนของเบ้าหลอมโลหะซึ่งเป็ส่วนที่เอาไว้หลอมรวมวัตถุดิบที่สกัดหรือทำให้บริสุทธิ์แล้วเข้าด้วยกันเพื่อขึ้นเป็รูปส่วนต่อมาคือทั่งตีเหล็กขนาดใหญ่ และสุดท้ายคือส่วนที่เป็บ่อน้ำเอาไว้ทำให้ยุทธภัณฑ์เย็นตัวลง
แท่นตีอาวุธในตอนนี้เปรียบเสมือนสมรภูมิขนาดย่อมที่รอให้หลินหยางและซ่างกวันเฟยเข้าไปสำแดงเดชกันอย่างเต็มที่
รอบๆ แท่นตีอาวุธจะมีชั้นวางวัตถุดิบขนาดใหญ่ตั้งล้อมเอาไว้อยู่เป็ส่วนที่ตระกูลเวินสร้างขึ้นแบบเฉพาะกิจ บนชั้นวางเต็มไปด้วยวัตถุดิบระดับสองเกือบทุกประเภทที่มีอยู่บนโลกใบนี้ รวมๆแล้วมีมากกว่าพันชนิดรอให้ทั้งสองคนเลือกใช้ตามใจชอบ
รอบๆ ชั้นวางวัตถุดิบก็มีคนงานของเลี่ยนเทียนเฮ่ามายืนล้อมเอาไว้เป็กำแพงมนุษย์อีกชั้นหนึ่งส่วนนอกสุดก็คือเหล่าชาวเมืองอวิ๋นเฉิงที่มีจำนวนมากกว่าพันคน
ทุกคนที่มาในวันนี้ต่างก็รู้ว่าการประลองครั้งนี้มีความสำคัญมากขนาดไหนเหล่าชาวบ้านต่างก็รู้สึกตื่นเต้นจนตาเป็ประกายถึงแม้ว่าพวกเขาจะดู่ที่กำลังสร้างยุทธภัณฑ์ไม่รู้เื่ก็ตามแต่พวกเขาต่างก็กำลังเฝ้ารอผลของการประลองครั้งนี้
สองตระกูลอันยิ่งใหญ่ของเมืองมาประลองหาผู้ชนะกันแบบนี้เป็เื่ที่ไม่ได้เห็นมากี่ปีแล้วก็ไม่รู้
ฝ่ายที่ชนะจะได้รับการสรรเสริญเยินยอไปอีกนานแสนนานแน่นอนส่วนฝ่ายที่แพ้ก็จะต้องกลายเป็ตัวตลกให้ชาวบ้านเอาไปล้อเลียนนินทากันอีกยาวนานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ไม่อยากแพ้ไม่ว่าฝ่ายไหนก็แพ้ไม่ได้
และสิ่งที่ทำให้การประลองครั้งนี้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีกก็คือเป็การประลองที่เดิมพันด้วยชีวิต ของเ้าหนูน้อยคนนั้นถ้ามันแพ้ขึ้นมาก็คงต้องถูกฆ่าตายคาที่ แค่คิดก็รู้สึกว่ามันโหดร้ายป่าเถื่อนแล้วแต่มันกลับทำให้การแข่งขันดูน่าตื่นเต้นกว่าปกติหลายเท่า
“นี่นี่เ้าเลือกฝั่งไหนหรือ?”
“ถามโง่ๆ! ข้าก็ต้องเลือกซ่างกวันเฟยนั่นอยู่แล้ว เ้าไม่เห็นหรืออย่างไร ขนาดอาจารย์อี้ทั้งสองคนนั้นยังไม่กล้าออกไปประลองกับมันเลยนะเ้าหนูนี่ไม่มีทางรอดแน่!”
“ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น...”
“ไม่แน่หรอกเมื่อสองวันก่อน ข้าได้ยินมาว่าเ้าหนุ่มแซ่หลินคนนั้นมันไล่นักการช่างที่ชื่อลู่หยวนออกไปได้ด้วยนะ!”
“แค่นั้นมันจะไปทำอะไรได้! ลู่หยวนมันเทียบกับเ้าซ่างกวันเฟยนี่ได้หรือ? เ้าเชื่อรึเปล่าว่า อีกเดี๋ยวเ้าหนูแซ่หลินนั่น มันต้องโดนซ่างกวันเฟยฆ่าทิ้งอย่างอนาถแน่ๆถ้าเ้าไม่เชื่อละก็ ข้าพนันสิบเหรียญทองแดงเลย”
“เออเออเออ...ข้ายอมก็ได้....”
เสียงพูดคุยที่ดังขึ้นภายในลานกว้างแห่งนี้ราวกลับเสียงคลื่นในมหาสมุทรชาวบ้านเกือบทั้งหมดต่างก็มองว่าหลินหยางไม่น่าจะชนะได้
คำพูดเหล่านี้ทำให้คนของตระกูลเวินที่อยู่ในลานกว้างนี้ด้วยเช่นกันรู้สึกอึดอัดและเป็กังวลจนหายใจแทบไม่ออกแต่ทุกคนต่างก็รู้ว่า คนที่กดดันที่สุดคงหนีไม่พ้นหลินหยางอย่างแน่นอน
แต่ตอนที่มองไปทางหลินหยางนั้นราวกับว่ามองเห็นูเาอันโดดเดี่ยวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางลมฝนอันเกรี้ยวกราดบนมหาสมุทรแต่หลินหยางกลับยังดูสุขุมเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้านกับบรรยากาศรอบตัวคำดูถูกเหยียดหยามของคนรอบข้างไม่สามารถทำอะไรหลินหยางได้เลยแม้แต่น้อย
ใจเด็ดมาก!
เวินติ่งเทียนและอาจารย์อี้ทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างนั้นแอบผงกหัวเงียบๆ
พวกเขาต่างก็รู้ว่าหลินอี้รู้ศาสตร์ลับในวิชาการช่างอยู่กับตัวมากมายแต่ยังไม่เคยมีใครเห็นวิชาการช่างจริงๆ ของเขาเลยสักคนเพียงแต่พวกเขาก็ยังคงเชื่อมั่นว่าหลินอี้จะต้องเป็ยอดฝีมือชั้นหนึ่งอย่างแน่นอน
อีกอย่างลูกศิษย์ของปรมาจารย์ระดับนั้นจะเป็พวกไม่ได้ความได้อย่างไร?
โดยเฉพาะภาพที่พวกเขาเห็นในตอนนี้คือภาพของหลินอี้ที่ยืนอยู่บนแท่นการช่างด้วยท่าทางสุขุม เยือกเย็น และหนักแน่นราวกับูเาไท่ซานนั้น มันยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกใจชื้นมากขึ้นหลายส่วน
ซ่างกวันเฟยเองก็มีท่าทีสบายๆ ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ เช่นกัน เขากำลังรอให้การประลองเริ่มขึ้นแบบเงียบๆ
“เอาละถ้าอย่างนั้นข้าขอประกาศกฎการประลองในครั้งนี้”
เวินติ่งเทียนก้าวออกมาพอเขาเริ่มเอ่ยคำพูดออกมา ทั่วทั้งลานกว้างก็เงียบสงบลงทันที
“การประลองยุทธภัณฑ์ในครั้งนี้จะเป็การแข่งขันกันระหว่างหลินอี้จากเลี่ยนเทียนเฮ่าและซ่างกวันเฟยจากตระกูลเฉินโดยหลินอี้ใช้ชีวิตตัวเองเดิมพันกับแขนข้างขวาของวู๋กังและแขนของซ่างกวันเฟย หากทั้งสองฝ่ายต่างก็เห็นพ้องต้องกันกับกฎนี้แล้วก็จะเริ่มการประลองในทันที” พอพูดถึงตรงนี้เวินติ่งเทียนก็เงยหน้าขึ้นไปมองทั้งสองฝ่าย
หลินหยางนั้นมองไปที่แท่นตีอาวุธของตัวเองโดยไม่ได้พูดอะไรนิ่งสงบราวกับทะเลสาบที่ไร้คลื่นลมพัด นิ่งสงบจนไม่เห็นคลื่นน้ำเลยแม้แต่น้อย
ส่วนซ่างกวันเฟยนั้นยืนกอดอกด้วยท่าทางสบายๆไร้ซึ่งความกังวล
เวินติ่งเทียนจึงกล่าวต่อไปว่า“การประลองยุทธภัณฑ์ครั้งนี้ กำหนดเวลาไว้ที่หนึ่งชั่วยามรูปแบบการประลองจะเป็แบบหนึ่งโจมตีหนึ่งป้องกันตามฉบับดั้งเดิม วัตถุดิบที่ใช้จะเป็วัตถุดิบระดับสองทั้งหมดระดับของยุทธภัณฑ์ที่ต้องสร้างขึ้นคือระดับนิลกาฬสุดท้ายเราจะใช้คุณภาพของยุทธภัณฑ์ในการตัดสินผลแพ้ชนะ เอาละ สุดท้ายข้าจะถามอีกครั้งทั้งสองฝ่ายเตรียมตัวพร้อมแล้วใช่หรือไม่?”
ทั้งซ่างกวันเฟยและหลินหยางต่างก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแค่พยักหน้าหนึ่งครั้งเท่านั้น
“ดี ถ้าเช่นนั้นข้าจะจับสลากว่าฝ่ายไหนเป็ฝ่ายโจมตีฝ่ายไหนเป็ฝ่ายป้องกัน”พอกล่าวจบ เวินติ่งเทียนก็หยิบเอาเหรียณเงินออกมาหนึ่งเหรียญแต่ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากถาม ก็ถูกซ่างกวันเฟยขัดขึ้นด้วยรอยยิ้มเ็า “ให้มันเลือกก่อนเถอะ ตอนมันตายจะได้ไม่ต้องมาอ้างว่าข้ารังแกคนที่อ่อนแอกว่า”
แม่มันเถอะ
ไม่ทำท่าโอหังแบบนี้แล้วจะตายหรืออย่างไร?
ผู้คนต่างก็มองค้อนไปที่ซ่างกวันเฟยอย่างหมั่นไส้แต่กลับได้ยินเสียงของหลินหยางตอบกลับอย่างไม่เกรงใจว่า “ข้าเลือกเป็ฝ่ายป้องกัน”
“หึ...”
ซ่างกวันเฟยส่งเสียเยาะเย้ยอย่างเ็าเ้าหลินหยางนี่มันไม่เกรงใจเลยจริงๆ
“ได้!”เวินติ่งเทียนพยักหน้า แล้วจึงสะบัดมือลงอย่างแรง “เริ่มต้นการประลองอย่างเป็ทางการได้!!”
การประลองยุทธภัณฑ์ที่เกี่ยวพันถึงชะตาชีวิตของตระกูลเวินทั้งตระกูลและความเป็ความตายของหลินหยางนั้นได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็ทางการแล้ว
แต่ที่น่าแปลกก็คือเวลาผ่านไปหนึ่งนาทีเต็มๆ แล้ว ทั้งสองฝ่ายกลับยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเ กิดขึ้นเลย
ซ่างกวันเฟยจ้องมองไปที่หลินหยางดุจสัตว์ป่าอันดุร้ายที่กำลังประเมินความสามารถของศัตรูส่วนหลินหยางนั้นกลับทำเพียงแค่มองไปที่แท่นตีอาวุธของตัวเองเงียบๆ
“เ้าหนูนี่มันมือใหม่ชัดๆ”
หนึ่งนาทีผ่านไปซ่างกวันเฟยก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า หลินหยางไม่ใช่คู่มือของเขาแน่นอน
มือของหลินหยางไม่มีลักษณะของนักการช่างเลยแม้แต่น้อยมือของมันทั้งสะอาด เรียวยาว ไม่มีกล้ามเนื้อที่เกิดจากการฝึกฝนเป็เวลายาวนานเลยสักนิดดูแค่นี้เขาก็สามารถตัดสินชะตาชีวิตของหลินหยางได้แล้ว
ตัวตายตัวแทนของตระกูลเวิน...
เ้ารนหาที่ตายเองนะจงสำนึกเสียใจในระหว่างทางไปยมโลกเสียเถอะ!
ซ่างกวันเฟยเริ่มขยับตัวแล้วเสือดำจอมกระหายเืตัวนี้ราวกับว่ามันง้างเขี้ยวเล็บอันแหลมคมของตัวเองออกมาเขาจะใช้การประลองครั้งนี้ส่งหลินหยางไปลงนรกเสีย!
เขาเดินไปตรงหน้าชั้นวางวัตถุดิบขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ล้อมรอบแท่นตีอาวุธเมื่ออยู่ต่อหน้าวัตถุดิบนับพันชนิด เขาก็เหมือนกับแม่ทัพที่กุมกำลังทหารนับพันคนเอาไว้ในมือท่าร่างคล่องแคล้วว่องไว ออกมือรวดเร็วดุจสายฟ้าชั่วพริบตาก็สามารถเลือกหินแร่ระดับสองออกมาสิบกว่าชนิดได้โดยที่ไม่ซ้ำกัน
“เร็วมาก!”
อี้สิงอวิ๋นคำรามเสียงต่ำ
ซ่างกวันเฟยอี้สิงอวิ๋นใช้เวลาเลือกวัตถุไม่ถึงหนึ่งนาที
ต้องบอกก่อนว่าบนชั้นวางนี้มันวัตถุดิบอยู่นับพันชนิด และเป็ของที่วางไว้แบบสุ่มไม่มีการจัดระเบียบ ซ่างกวันเฟยไม่มีทางใช้ความคุ้นเคยในการเลือกหยิบวัตถุดิบได้แน่นอนแต่การที่เขาสามารถเลือกวัตถุดิบนับสิบชนิดออกมาได้ในเวลาสั้นๆ แบบนี้นอกจากจะต้องมีพลังสายตาที่แข็งแกร่งแล้วเขายังต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญในเื่ของวัตถุดิบที่ลึกซึ้งมากด้วย
อี้ชังไห่เห็นแบบนี้ก็พูดขึ้นมาว่า
“ไม่ใช่แค่เร็วเท่านั้นนะศิษย์น้อง เ้าสังเกตเห็นหรือไม่ เ้าหมอนั่นมันเลือกใช้ ‘เหล็กเย็นจากนอกโลก’ และ ‘ผลึกดำจี๋หยิน’ ด้วยเ้าเคยใช้วัตถุดิบทั้งสองอย่างนี้ในการสร้างยุทธภัณฑ์หรือเปล่า?”
“เอ๋?ข้าไม่เคยใช้เลยสักครั้ง!” อี้สิงอวิ๋นขมวดคิ้วจนเป็ปม
ในวิถีการช่างนั้นมีรายละเอียดยิบย่อยมากมายมหาศาล สามารถพลิกแพลงได้นับหมื่นวิธี เราสามารถรู้ระดับฝีมือของนักการช่างได้ั้แ่การเลือกวัตถุดิบของนักการช่างคนนั้น
ดาบเล่มเดียวกันระดับนิลกาฬเหมือนกัน แต่คุณภาพอาจจะแตกต่างกันได้ราวฟ้ากับเหวโดยหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้คุณภาพแตกต่างกันก็คือการเลือกวัตถุดิบ
การผสมวัตถุดิบที่แตกต่างกันระดับความบริสุทธิ์ของวัตถุดิบที่ไม่เท่ากันระดับการหลอมรวมเป็เนื้อเดียวกันของวัตถุดิบ ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะส่งผลให้ผลงานที่ผลิตออกมามีคุณสมบัติที่แตกต่างกันทำให้ศาสตร์การช่างนั้นสามารถศึกษาได้อย่างไร้จุดสิ้นสุด
นักการช่างแต่ละคนก็จะมีเทคนิคและวิธีการสร้างในแบบฉบับของตัวเองบางเทคนิคก็ได้มาจากการตกตะกอนทางความรู้ด้านการช่างที่สืบทอดกันมานานนับหมื่นปีบ้างก็มาจากนักการช่างยุคใหม่ที่ทำการศึกษาวิจัยจนสามารถคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ ออกมาได้สรุปก็คือ แม้จะเป็แค่อาวุธระดับนิลกาฬ แต่ก็ไม่ควรไปดูถูกมัน เพราะมันอาจจะเกิดจากการผสมกันของวัตถุดิบแบบใหม่ที่นักการช่างคนอื่นอาจจะคิดไม่ถึงไปตลอดชีวิตเลยก็เป็ได้
อย่างที่เขาว่าคนเก่งจริงหรือไม่ แค่เริ่มลงมือก็รู้แล้ว
ซ่างกวันเฟยแค่เลือกวัตถุดิบที่จะใช้ออกมาก็สามารถทำให้เหล่านักการช่างทั่วทั้งลานกว้างถึงกับทึ่งในความสามารถของมันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมวู๋กังถึงแพ้ในการประลองเมื่อก่อนหน้านี้
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยิ่งเป็ห่วงหลินอี้มากกว่าเดิม
หลินอี้มันจะไหวหรือเปล่า...
หลินอี้...
เ้าบ้าเอ๊ย
ทำไมหลินอี้มันยังยืนเอ๋ออยู่แบบนั้นเล่า...
ทั้งเวินติ่งเทียน และอาจารย์อี้ทั้งสองต่างก็ขมวดคิ้วจะเป็ปมแล้วอีกฝ่ายเลือกวัตถุดิบจนเสร็จเรียบร้อย แต่หลินอี้มันยังไม่มีท่าทีว่าจะขยับตัวเลย
นี่มันจะทำได้จริงหรือเปล่านี่!
หลินหยางยังไม่อยากขยับ
เขาไม่ได้รีบร้อนอะไรในขณะเดียวกัน เขาก็กำลังสังเกตวิธีการเลือกวัตถุดิบของซ่างกวันเฟยอยู่
ความสามารถในการเลือกวัตถุดิบของอีกฝ่ายหลินหยางเองก็ยังต้องยอมรับว่าเขาไม่มีทางสู้ได้ดูแล้วมันคงฝึกเป็นักการช่างั้แ่อายุยังน้อย ถึงได้ดูเชี่ยวชาญขนาดนี้
ซ่างกวันเฟยคนนี้จะต้องมีเทคนิคการช่างที่เก่าแก่และทรงพลังแอบซ่อนเอาไว้แน่ๆ
แต่แค่นี้ยังไม่มากพอที่จะทำให้หลินหยางะเืเลยแม้แต่น้อยเป้าหมายของเขาในวันนี้ นอกจากจะจัดการเ้าหนุ่มจอมโอหังคนนี้ในการประลองยุทธภัณฑ์แล้วเขายัง้าจะหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนักการช่างที่คอยให้ความช่วยเหลือตระกูลเฉินจากเื้ัพวกนั้นด้วย
และตอนที่เขาเห็นซ่างกวันเฟยเลือกใช้‘เหล็กเย็นจากนอกโลก’ และ ‘ผลึกดำจี๋หยิน’ มุมปากของหลินหยางก็ค่อยๆ ยกขึ้น เขาได้ข้อมูลที่้ามาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงเริ่มออกไปเลือกวัตถุดิบที่จะใช้ทันที
ส่วนเื่ผลแพ้ชนะในการประลองครั้งนี้น่ะหรือ....
หลินหยางไม่เคยเอามาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
“ผลลัพธ์” นั่นมันถูกกำหนดเอาไว้ั้แ่แรกแล้ว