“ต่อให้สูบพลังิญญาระดับห้าดาราทั้งคน ก็สกัดพลังิญญาได้เพียงไม่กี่หยดเท่านั้น” ไป๋เสียที่ยืนยิ้มร่าอยู่บนโขดหินเอ่ยพลางมองน้ำในสระที่เต็มไปด้วยพลังิญญา “เ้าเข้าใจหรือไม่ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร”
“เอ๋?” ลู่เต้ามองสระน้ำแวบหนึ่ง ก่อนจะมองไป๋เสีย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบว่า “หมายความว่าในที่สุด เราก็สามารถหลีกเลี่ยงการสังหารหมู่ได้แล้ว”
“การสูบพลังิญญาของผู้ฝึกตนเป็เพียงคำเปรียบเปรยเท่านั้น...” ไป๋เสียกล่าวอย่างจนใจ “ภาพลักษณ์ของข้าในโลกนี้มันย่ำแย่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“ท่านอยากรู้หรือ ข้าบอกท่านได้นะ!”
“เอ่อ...เอาไว้ก่อนเถอะ”
“โครกคราก...” ท้องของลู่เต้าร้องขึ้นมา ตอนนี้เขารู้สึกหิวแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งจะดื่มน้ำจนอิ่มท้อง ท้องน้อยที่เคยป่องออกก็ยุบลงอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่รวดเร็วเช่นนี้ ทำให้ลู่เต้าตกตะลึง “นี่...เกิดอะไรขึ้น”
“พลังิญญาก็เป็แหล่งกำเนิดของชีวิตเช่นกัน มันอุดมไปด้วยสารอาหาร และร่างกายดูดซึมได้ง่ายที่สุด” ไป๋เสียขมวดคิ้วด้วยความแปลกประหลาด “ถึงกระนั้น ความเร็วในการดูดซึมของเ้าก็ไวเกินไปหน่อย”
ลู่เต้าเอามือกุมท้องไว้ด้วยสีหน้าทรมาน “แต่ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”
ไป๋เสียลุกขึ้นยืน “ไม่เกี่ยวอะไรกับเ้า”
สิ้นคำ เขาก็พุ่งทะยานออกไป กลายเป็แสงวาบหายเข้าไปในร่างของลู่เต้า ร่างจิตของไป๋เสียเคลื่อนไปตามร่าง จนกระทั่งมาถึงทะเลปราณของลู่เต้า
ไป๋เสียพบว่าใต้เท้าของเขายังคงเป็โขดหินแห้งแล้ง ตามหลักเหตุผลแล้ว หากพลังิญญาเ่าั้ถูกดูดซึมไปโดยลู่เต้า ที่นี่ควรจะเป็มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลแล้วซี
เขาค่อยๆ เดินไปตรงใจกลางทะเลปราณ เมล็ดพันธุ์ปริศนายังคงวางนิ่งอยู่บนชั้นหิน ไป๋เสียค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เมล็ดนั่นอย่างระมัดระวัง จากบทเรียนในครั้งก่อน เขาไม่กล้าปล่อยพลังิญญาออกมายามอยู่ใกล้เมล็ดพันธุ์นี้อีก
“ถูกเมล็ดพันธุ์นี้ดูดกลืนไปจนหมดอีกแล้วหรือ” ไป๋เสียเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ “ข้างในนี่มันจุพลังิญญาได้มากมายเพียงไหนกัน ราวกับเป็หลุมลึกไร้ก้นอย่างไรอย่างนั้น”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงคลื่นดังกระหึ่ม เสียงคลื่นั์ซัดสาดมาจากข้างหน้า ไป๋เสียรีบยกนิ้วชี้ขึ้นมากลางอก ปากขยับพึมพำเล็กน้อย เกราะป้องกันพลันปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มปกป้องร่างของเขาเอาไว้จากการโจมตีของคลื่นั์
ในพริบตาที่ทะเลปราณอันแห้งแล้งถูกเติมเต็มด้วยพลังิญญา ไป๋เสียที่อยู่ใต้ท้องทะเลก็กระโจนขึ้นไปบนอากาศด้วยฝ่าเท้าเพียงข้างเดียว ภาพที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาคือน้ำตกขนาดมหึมาที่ถาโถมลงมาจากฟากฟ้า
ที่แท้แล้วเป็เพราะลู่เต้าทนความหิวโหยไม่ไหว จึงกลับไปดื่มพลังิญญาข้างสระน้ำอีกครั้ง น้ำตกขนาดใหญ่ที่เห็นก็คือพลังิญญาที่เขาดื่มเข้าไปนั่นเอง
“ฮ่า...” ลู่เต้าที่ดื่มจนอิ่มท้องอีกครั้งก็นอนลงไปกับพื้นอย่างพึงพอใจ ในที่สุดเขาก็แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้แล้ว
ที่บอกว่าเป็การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า นั่นเป็เพราะไป๋เสียที่ลอยอยู่เหนือทะเลปราณเห็นน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา ใจกลางวังวนก็คือเมล็ดพันธุ์เมล็ดนั้น
พลังิญญาในทะเลปราณถูกดูดกลืนเข้าไปในอย่างน่าใจหาย ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่นานทะเลปราณก็แห้งขอดลงอีกครั้ง แม้แต่พลังิญญาเพียงเล็กน้อยที่ลอยอยู่ในอากาศก็ไม่เว้น
“ตราบใดที่เมล็ดพันธุ์นี้ยังอยู่ในร่างของเ้าหนูนี่ เขาก็ไม่อาจรวบรวมพลังิญญาในทะเลปราณได้แน่ หากเป็เช่นนี้ ชั่วชีวิตนี้เขาก็คงเลื่อนระดับได้แค่หนึ่งดาราเท่านั้น” ไป๋เสียคิดในใจ “เหตุใดท่านบรรพบุรุษถึงทิ้งเมล็ดพันธุ์นี้เอาไว้”
ไป๋เสียมิอาจเข้าใจความตั้งใจของท่านบรรพบุรุษแห่งวิถีมารได้ ขณะที่เขากำลังเตรียมตัวออกจากทะเลปราณไปพร้อมกับความฉงนสนเท่ห์ เปลือกนอกที่แข็งแกร่งของเมล็ดพันธุ์พลันมีรอยแตกเล็กๆ
เดิมทีดวงตากลมโตนั้นไร้ประกายเพราะความกังวล เมื่อได้เห็นรอยปริบนเปลือกเมล็ดพันธุ์ก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ไป๋เสียจ้องมองรอยแตกด้วยความสนใจโดยไม่รู้ตัว เท้าก็ก้าวเข้าไปหาเมล็ดพันธุ์ที่เกือบจะคร่าชีวิตของเขาอย่างช้าๆ
“หรือเมล็ดพันธุ์นี้ดูดซับพลังิญญาจำนวนมาก เพื่อที่จะแตกหน่อเติบโต” ไป๋เสียเบิกตากว้าง “ที่นี่น่ะหรือ ในทะเลปราณนี่นะ”
ไป๋เสียไม่จำเป็ต้องค้นหาตำราโบราณในหัวเลยแม้แต่น้อย เขาฟันธงได้เลยว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทว่าความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า เขาก็มิอาจปฏิเสธได้ เขาลังเลเพียงครู่เดียว ความสนใจของไป๋เสียก็กลับไปอยู่ที่เื่ที่เมล็ดพันธุ์กำลังจะแตกหน่ออีกครั้ง
“สุดท้ายแล้ว...มันจะเติบโตเป็อะไรกันแน่” ไป๋เสียตั้งตารอคอยอย่างยิ่ง เขามักกระหายใคร่รู้ในสิ่งที่ไม่รู้ และไม่เคยปฏิเสธความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ
“ช่างเถอะ คิดไปก็เท่านั้น” ไป๋เสียะโขึ้นไปบนฟ้า “เ้าหนู เ้าเป็อย่างไรบ้าง”
ลู่เต้าที่อยู่ข้างนอกเอามือกุมท้องที่ร้องโครกคราก แล้วลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางทรมาน “ไม่ค่อยดี...ข้าเริ่มหิวอีกแล้ว...”
ไป๋เสียหัวเราะเบาๆ “ถอดเสื้อผ้าออก แล้วลงไปในสระ ข้าจะช่วยระงับความหิวของเ้าเอง”
ลู่เต้าพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อออกจนเผยให้เห็นร่างกายส่วนบน ก่อนจะเดินโงนเงนไปที่สระพลังิญญา
เมื่อลู่เต้าเดินไปกลางสระ ผิวน้ำที่สงบนิ่งพลันเกิดระลอกคลื่น
ทันทีที่ลงไปในน้ำ ความหนาวเย็นะเืก็แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กายผ่านิั ลู่เต้าอดไม่ได้ที่จะหดคอและตัวสั่นเทาอยู่ในพลังิญญาอันเย็นเฉียบ แต่เพราะเช่นนี้ ความสนใจของเขาก็ถูกเบี่ยงเบนไป ความปั่นป่วนในท้องก็สงบลงเล็กน้อย
ความหนาวเย็นและความหิวโหยกำลังแย่งชิงความเ็ปในร่างกายของลู่เต้าไป สุดท้ายแล้วเมื่อทั้งสองอย่างค่อยๆ หายไป ลู่เต้าจะกลับรู้สึกดีขึ้นมากเอง
ไป๋เสียที่อยู่ในทะเลปราณมองเมล็ดพันธุ์บนพื้น และเอ่ยถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ควรทำเช่นนี้จริงๆ หรือ
“บนโลกนี้มีใครบ้างที่จะยอมเทพลังิญญาทั้งสระลงไปในเมล็ดพันธุ์เพียงเมล็ดเดียว เพียงเพื่ออยากรู้ว่าหลังจากมันแตกหน่อแล้วจะเป็อะไร” ไป๋เสียหัวเราะ “คนโง่เง่าแบบนี้ คงมีแค่ข้าคนเดียวกระมัง”
“ข้าไม่เชื่อว่าเมล็ดพันธุ์เล็กๆ เช่นเ้าจะสามารถดูดซับพลังิญญาทั้งสระนี้ได้!” ไป๋เสียะโขึ้นไปบนฟ้า “เ้าหนูลองจินตนาการว่าน้ำสระพลังิญญาเป็พลังิญญา จากนั้นค่อยๆ นำมันเข้าสู่ร่างกายดูสิ!”
ลู่เต้าตัวสั่นเทิ้ม ปากและจมูกพ่นควันสีขาวออกมา “จินตนาการว่าเป็พลังิญญาหรือ”
ลู่เต้าที่แช่อยู่ในสระพลังิญญาหลับตาลง หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ไม่นานนักผิวน้ำสีเขียวมรกตก็เปล่งประกายเจิดจ้า
ในเวลาเดียวกัน ไป๋เสียที่อยู่ในทะเลปราณก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ ช่วยลู่เต้านำพลังิญญาจากสระพลังิญญาเข้าสู่ร่างกาย
ลู่เต้ารู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากจุดชีพจร พลังิญญาถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายทันทีที่ัักับิั
ระหว่างนั้น ลู่เต้ารู้สึกได้ถึงพลังที่ไหลเวียนไปทั่วร่างอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้ฝึกตนหน้าใหม่ เขารู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลที่อยู่ในสระพลังิญญา
ไป๋เสียเองก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาที่สวมชุดขาวอยู่ในร่างกายของลู่เต้าก็หลับตาและลอยอยู่กลางอากาศ เส้นผมยาวสลวยปลิวไสวอย่างสง่า
ร่างกายของเขาเปล่งประกายจางๆ เสมือนกำลังใช้จิตช่วยลู่เต้านำพลังิญญาเข้าสู่ร่างกาย
ไม่นานนัก คลื่นที่ไหลบ่าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง พลังิญญาที่ไหลรินไม่ขาดสายราวกับตกลงมาจากฟากฟ้าซัดสาดลงบนเมล็ดพันธุ์
เป็อย่างที่ไป๋เสียคาดการณ์ไว้ พลังิญญาถูกเมล็ดพันธุ์ดูดซับทันที
“เปรี๊ยะ!”
หลังจากดูดซับไปรอบหนึ่ง รอยปริบนเปลือกเมล็ดพันธุ์ก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้น ไม่นานนัก ต้นอ่อนก็แทงยอดขึ้นสวนทางกับน้ำที่ไหลบ่า มันกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งภายใต้แรงกระแทกจากน้ำอันมหาศาล
ไป๋เสียที่ลอยอยู่กลางอากาศมองดูด้วยความตกตะลึง นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นพืชที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งเช่นนี้
“ช่าง...มหัศจรรย์ยิ่งนัก” ไป๋เสียไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่จนตัวสั่นเช่นนี้มานานแล้ว
พลังิญญาถูกนำเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องตามจังหวะการหายใจเข้าออกของลู่เต้า เวลาผ่านไป น้ำในสระสีเขียวมรกตก็ค่อยๆ จางลง ระดับน้ำค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ
ในขณะเดียวกัน พลังิญญาก็ชะล้างทั่วทั้งร่างกายของลู่เต้า ทุกๆ ส่วนของกระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นชีพจรที่ถูกปิดกั้นก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง
ในขณะที่ลู่เต้ารู้สึกดีขึ้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกแน่นหน้าอก แล้วไอออกมาเป็ลิ่มเืก้อนใหญ่ ไป๋เสียที่อยู่ในร่างกายเอ่ยขึ้นว่า “นี่เป็สิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในร่างกายของเ้า อย่าเสียสมาธิ รีบนำพลังิญญาเข้ามา”
หลังจากที่ลู่เต้าไอออกมาเป็ลิ่มเื เขาก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้น ทั่วร่างกายมีพลังที่อธิบายไม่ถูกผุดขึ้นมา
โดยไม่รู้ตัว เขาได้ชำระไขกระดูกเสร็จสิ้นแล้ว นี่เป็สิ่งที่ไป๋เสียเองก็คาดไม่ถึง
ในเวลานี้เมล็ดพันธุ์ได้เติบโตเป็ต้นไม้เล็กๆ และหยั่งรากลึกลงไปบนโขดหินในทะเลปราณ มันกำลังเติบโตอย่างแข็งขัน ต้นไม้เล็กๆ ค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามพลังิญญาที่ราดรดลงมา ไม่นานก็กลายเป็ต้นไม้สูงใหญ่ กิ่งก้านสาขาแผ่ขยาย
ดูเหมือนว่าการเจริญเติบโตของเมล็ดพันธุ์นี้ขึ้นอยู่กับปริมาณของพลังิญญา ยิ่งมีพลังิญญามากเท่าใดก็ยิ่งเติบโตเร็วขึ้นเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยที่มันอยู่ในร่างกายของเ้าหนูนี่หลายวันแล้ว แต่กลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ หากไม่ใช่เพราะโชคดีที่ได้พบกับสระพลังิญญาแห่งนี้ ลู่เต้าเพียงคนเดียวอาจต้องใช้เวลาหลายพันปีกว่าเมล็ดพันธุ์นี้จะแตกหน่อได้
ทันใดนั้น บนยอดไม้สีเขียวมรกตมีผลสีเขียวงอกออกมา ไป๋เสียเห็นก็ดวงตาเป็ประกายด้วยความตื่นเต้นทันใด “นี่อย่างไรเล่า! นี่แหละ มรดกที่แท้จริงของท่านบรรพบุรุษ!”
ผลไม้ที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีขนาดเท่าฝ่ามือ สีของมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเขียวเป็สีเหลือง ทั้งรูปร่างและสีสัน ล้วนไม่ใช่พืชพันธุ์ที่ไป๋เสียเคยเห็นมาก่อน
“ใกล้แล้ว... ผลไม้ใกล้จะสุกแล้ว!” ไป๋เสียยิ้มมองผลไม้ที่กำลังสุกงอม
พลังิญญาในสระพลังิญญาถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายของลู่เต้าจนเกือบหมด พลังิญญาไหลเข้าร่างกายน้อยลง น้ำเหนือทะเลปราณก็ไหลช้าลง ความเร็วในการเจริญเติบโตของผลไม้จึงช้าลงไม่ต่างกัน
ไป๋เสียกำลังจะอ้าปากถามว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำที่ไหลลงมาก็หยุดลงพอดี
“สระพลังิญญา... แห้งแล้ว” ลู่เต้าเอ่ยอย่างจนปัญญา
เห็นได้ชัดว่าผลไม้นั้นใกล้จะสุกเต็มที่แล้ว แต่กลับมาติดขัดเอาในตอนนี้เสียได้ ไป๋เสียร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน
