“ข้าขอโทษ รั่วเจี๋ย ข้าจะตามไปอยู่กับเ้าบัดเดี๋ยวนี้” เ้าตุ๊กตาหุ่นกระบอกกางมือขึ้น และขยับบรรดารากหมู่ซู่เพื่อเข้าโจมตีร่างของตัวเองให้ดับสูญไป แสงสว่างวาบขึ้นบริเวณหน้าผากชิงหลง เกราะถูกสร้างขึ้นเข้าป้องกันร่างหุ่นกระบอกก่อนที่จะโดนรากไม้นั้นเข้าแทง
“ปู๋จือเต๋อเ้าจงอย่าพึ่งหมดหวัง ภารกิจของเ้า และบาปกรรมที่เ้าก่อ เ้าเป็คนผูกเ้าต้องอยู่เพื่อเรียนรู้ และแก้ไขมันด้วยตัวเอง และภพุ์นั่นก็ยัง้าเ้าในฐานะเ้าภพ” ฮวาเฟยฟาเดินเข้าไปหาตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่นั่งหมดอาลัยตายอยากตรงนั้น พร้อมผายมือเรียวงามขึ้นปรากฏดวงแก้วสว่างสีขาว หัวใจบริสุทธิ์แห่งุ์ ด้านในปรากฏดวงจิตของซินรั่วเจี๋ยัดิน ยิ้มให้ปู๋จื๋อเต๋อที่นั่งคลุกอยู่บนพื้นดินข้างหน้าหน้าตามอมแมมเหมือนเหมือนเปื้อนดินโคลนเหมือนสมัยที่เค้าทั้งสองพบกันครั้งแรก ทั้งคู่ต่างเป็ตุ๊กตาที่ถูกทิ้งไว้ข้างกองขยะสกปรกมอมแมม ในขณะที่ทั้งโลกหันหลังให้พวกเค้า และโชคชะตาที่ถูกกำหนดมาก็โหดร้ายเกินกว่าจะฝ่าออกไป แต่แสงก็ไม่มืดซะทีเดียว เพราะทั้งคู่เกิดมาพร้อมโชคชะตา พลัง และ ภาระที่ยิ่งใหญ่ เค้าทั้งสองคือผู้ที่ถูกรับเลือก ทั้งสองมองตากันอย่างเข้าใจ และอภัยพร้อมยิ้มอ่อนโยนให้กัน
“ข้าขอโทษ รั่วเจี๋ย ที่ข้าทอดทิ้งท่านมานานเหลือเกิน” ปู๋จือเต๋อนั่งน้ำตานองหน้าเลอะเทะเหมือนหุ่นกระบอกสีตาเปรอะเปื้อน
“ข้าเองก็ต้องขอโทษเ้าจือเต๋อ ที่ข้าทอดทิ้ง และไม่วิ่งตามเ้าไปดั่งที่สัญญาว่าจะเคียงข้าง และตักเตือนกันเสมอ” ซินรั่วเจี๋ยพูดยิ้มอ่อนโยน เฟยฟายิ้ม และ ยื่นมอบหัวใจบริสุทธิ์แห่งุ์ที่มีดวงจิตของซินรั่วเจี๋ยให้กับเ้าตุ๊กตตาหุ่นกระบอก หุ่นกระบอกค่อยๆยื่นมือหนึ่งมารับและอีกมือก็ฉวยกลับคว้าเข้าหัวใจตัวเองและดึงดวงแก้วสีดำออกมา “หัวใจดำมืดแห่งุ์”
“รั่วเจี๋ยต่อไปนี้เราทั้งคู่จะอยู่ร่วมกันไม่แยกจากกันอีก” สิ้นเสียงปู๋จือเต๋อหัวใจทั้งสองดวงก็ลอยเข้าประสานกันเกิดแสงสว่างวาบ ร่างตุ๊กตาหุ่นกระบอกดับลงกลายเป็หุ่นไม้ไร้มีชีวิต แสงที่สว่างปะทะชนกันระหว่างหวัใจบริสุทธิ์ และหัวใจดำมืดนั้นก่อให้เกิดร่างที่หลอมรวมใหม่ของทั้งสองปรากฏร่างเป็ “สัตว์ดึกดำบรรพ์ร่างใหญ่โตลักษณะคล้ายั มีเขาเก้าอันม้วนขดเป็เกลียวสวยงามแผ่ไปด้านหลังเหมือนซินรั่วเจี๋ย และมีลำตัวเป็ไม้เหมือนหุ่นกระบอก มีต้นพืชงอกกิ่งก้านสาขาออกมาตามร่างรวมถึงกอปรกันขึ้นเป็ปีกเฉกเช่นปู๋จือเต๋อ”
“ข้าคือ “ปินลู่ซีเฉิน” ร่างสมบูรณ์ที่รวมเอาทั้งหัวใจบริสุทธิ์ และดำมืดเข้าไว้ด้วยกัน เ้าแห่งภพุ์” ข้าขอขอบใจพวกท่านมากที่ทำให้ฟื้นคืนสติร่างต้นกำเนิด ในร่างนี้และจิตดวงนี้ พวกท่านอย่าได้กังวลว่าจะเกิดอาเพธใดๆอีก สำหรับุ์ทั้งหมดข้าจักนำทางพวกเค้ากลับสู่มาตุภูมิ ในกาลนี้ต้องรบกวนท่านคุณชายเ้าเปิดประตูสู่ภพ”
ปินลู่ซีเฉินดวงตาสว่างวาบขึ้นและเริ่มส่งพลังสะกดโดยการผิวปาก “ลำนำเพรียกหาุ์” ไปที่เหล่าุ์ที่ข้ามมาทุกตนสะดุดกึก และหยุดฟัง มองหาที่มาของเสียงลำนำพลังนั้น และหันหลังเดินกลับมาทางทิศหุบเขาจินลู่ซี เ้าวั่งซูพยักหน้า และลอยขึ้นเหนือท้องฟ้า พร้อมเหวี่ยงเคียวสู่ภพตัดจนเกิดช่องอากาศโดยบริเวณรอบ
“ด้วยอำนาจแห่งข้า เ้าวั่งซูรุ่นที่11 ประตูสู่ภพจงเปิดออกเพื่อนำทางกลับบ้านให้เหล่าุ์” สิ้นเสียงเ้าวั่งซูพร้อมการตวัดเหวี่ยงเคียวคว้านเปิดช่องอากาศจนครบวง ลำแสงจากปลายทางอุโมงค์สาดลอดผ่านช่องที่ถูกเปิด พลังมากมายไหลรวม และสวบพุ่งในทีเดียว ทำให้เกิดช่องประตูสู่ภพที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ช่องมิติแห่งเวลาถูกเเปิดขึ้นบริเวณกลางสนามประลองหุบเขาจินลู่ซี เหล่าุ์มากมายต่างเดินต้องสะกดตามทำนองเพรียกหาที่ปินลู่ซีเฉินผิวร้องเรียก ตนแล้วตนเล่า ในภารกิจนี้เกิดขึ้น และใช้เวลานานหลายวันหลายคืน ลำนำเพรียกหาุ์นั้นถูกฮัม และร้องต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนกินเวลาเกินกว่า9วัน9คืน เ้าวั่งซูจึงปิดประตูสู่ภพและปิดผนึกจนไร้อยต่อแห่งภพ
“ขั้นต่อไปก็ตาข่ายดักิญญา” สิ้นเสียงปินลู่ซีเฉิน เขาทั้งเก้าก็สว่างขึ้นและลอยหลุดออกขึ้นบนอากาศ และเปลี่ยนขยายร่างออกเป็เหมือนถุงของเทพคนโท และเริ่มดูดหมอกทั้งหมดกลับเข้าด้านใน บรรยากาศ หุบเขาเก้ากระจก และหมู่บ้านชุนเทียนกลับคืนสู่ปกติ แต่บริเวณทั้งหมดก็เกลื่อนกลาดไปด้วยศพ และคราบเื คนตายมิอาจฟื้นคืนมีร่างมากมาย และดวงิญญาที่ต้องสูญเสียไปมากมายจริงๆ ทั้งผู้คนของหมู่บ้านชุนเทียน เหล่าปรมาจารย์ มือปราบมารสำนักเก้าจักยุตกรา เทพเซียนจากภพ และตัวแทนจากภพอื่นๆ อีกมากมาย ก็แทบจะไม่เหลือทุกคนถูกหมู่ซู่ดูดพลังแห้งตายหมดสิ้น
“ข้ารู้ ว่านี่คือวามผิดใหญ่หลวงที่ไม่อาจอภัย แต่พวกท่านอย่าได้กังวลไป ดวงจิตทุกดวงล้วนมีเหลือเศษเสี้ยวในตัวข้า ข้าจักส่งพวกเค้ากลับสู่อ้อมอกพระแม่แห่งจิติญญาเพื่อฟื้นฟูดวงจิตหลังจากพวกเค้าถูกส่งกลับมาหาข้า ข้าจะมอบชิ้นส่วนที่เหลือที่เป็เหมือนเสี้ยวความทรงจำในชาติที่ผ่านมาของเค้าเข้าไป และใส่พลังจักราแห่งเ้าภพุ์เข้า เพื่อคืนกายหยาบให้พวกเค้าทั้งหมด พวกท่านไม่ต้องกังวล ทุกคนจะได้คืนกลับในร่าง และหัวใจดวงเดิม และค่อยรบกวนท่าน คุณชายเ้า นำทางเค้ากลับบ้านที่เค้าจากมาตามสมควร” ปินลู่ซีเฉินกล่าวเศ้ราใจแต่ก็หนักแน่น ตอนนี้เมื่อพวกเค้าสองรวมเป็หนึ่งและดูช่าง แข็งแรง แข็งแกร่ง และยิ่งใหญ่ กว่าที่ผ่านมาที่ต่างแยกออกจากกัน
สิ้นเสียงปินลู่ซีเฉิน ดวงตาเค้าสว่างวาบขึ้นมองไปเหนือท้องฟ้าเป็เวลาสักพัก ก็มีแสงสว่างปะหลาดค่อยๆพวยพุ่งเข้ามาเป็หลุมก้อนใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหลังบริเวณที่ประตู่สู่ภพเปิด เหล่าดวงิญญามากมายที่ถูกลูกบอลสีทองฟาดกระหน่ำ และแยกพวกเค้าออกมาจากร่างุ์นั่น เกาะกลุ่มเป็เหมือนหมู่ดาวขนาดใหญ่แต่นิ่ง และ ไร้ทางไป สักพักปรากฏตัวขึ้นของกลุ่มผีเสื้อแห่งความตาย กระพือผีก เข้าโอบล้อมกลุ่มดวงิญญาผู้วายชนม์ไร้หนทางไปต่อ ทั้งหมดเข้ารวมกัน สว่างไสว และกลุ่มดาวที่สว่างระยิบระยับนั้นก็ค่อยๆ พากันเคลื่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า และ ลอยออกห่างไกลออกไปเรื่อยๆ สู่พระแม่แห่งจิติญญา
“พลังจักราุ์ที่จะกอปรรวม และคืนกายหยาบให้เหล่าิญญาที่ท่านว่า ก็คือ พลังชีวิตท่านใช่หรือไม่ ท่านปินลู่ซีเฉิน ถ้าเช่นนั่นตัวท่านเองจะต้องสูญเสียพลังน่าจะทั้งหมด แล้วท่านจะเป็อย่างไร” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม
“ท่านช่างปราดเปรื่อง องค์ชายั แต่ท่านไม่ต้องกังวลไปพวกเราุ์คือร่างที่เป็ะ และยิ่งเป็เ้าภพ ไม่ว่าจะนั่งแข็งอยู่บนบังลังค์เหมือนัดิน หรือ พลังจักรา พลังชีวิตของ เหล่าดวงิญญาทั้งหมดจะออกจากร่าง ร่างนี้ก็จะยังคงไม่มีวันดับสูญ เพราะข้ามีสุดยอดหัวใจแห่งุ์ถึงสองดวง แต่การสูญเสียพลังที่มากมายขนาดนั้นไปการเข้านิทราที่ยาวนานย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปข้าคงฟื้นคืนกำลังมาเอง ข้าเข้าใจว่ามันคงใช้เวลานานหลายร้อยปีทีเดียว เฉกเช่นกับ่เวลาที่ท่านหลับไหลเมื่อพันปีก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลที่มันควรเกิด และควรมีในเวลาที่ถูกที่ควร ล้วนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งเื่การจากไปของเ้าวั่งซู และการแตกสลายขององค์ชายั และการถูกครอบงำโดยด้านมืดของหุ่นกระบอก ความอ่อนแอของัดิน และการถือกำเนิดใหม่ของข้า ล้วนแล้วแต่เป็โชคชะตาที่ถูกกำหนดมา และดีที่สุดอยู่แล้วในตัวของมันเอง การนี้ที่เกิดกับภพภูมิมนุษย์ สิ่งมีชีวิต และตัวข้าเอง จึงเปรียบเสมือนเป็การเสียสละ และการรับการลงทัณฑร์ที่สมควร มันคือการหมุนวนของโชคชะตา” ปินลู่ซีเฉินกล่าวเชิดหน้ามองฟ้าดูสง่างามสมเป็เ้าภพ
“ท่านหมายถึงสิ่งใด ว่าเื่ข้ากับเ้าวั่งซูจำเป็ต้องเกิด หลีกเลี่ยงไม่ได้ และล้วนเป็เื่ที่เหมาะที่ควร” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม
“แล้วพวกท่านจะพบคำตอบ ไม่นานเกินรอ จงเริ่มต้นจากการออกเดินทางเพื่อทำหน้าที่ปกปักษ์ และปกป้องภพภูมิมนุษย์แห่งนี้ และระหว่างภารกิจนั้นความหมายของการมีอยู่แ ละการดับสูญของพวกท่านทั้งสองจะถูกตระตรียม และปรากฏขึ้น อย่างเหมาะสม” ปินลู่ซีเฉินกล่าว
“นี่ยังมีเื่ราวที่พวกข้ายังไม่รู้อีกหรือเนี่ย แต่เื่ของท่านปินลู่ซีเฉิน ถ้าท่านมีอะไรที่พวกข้าสามารถช่วยได้โปรดบอก” เ้าวั่งซูเอ่ย
“ขอบคุณท่านทั้งสองสำหรับมิตรภาพที่งดงามและความเอื้ออารีย์ ถ้าจะมีก็คงต้องฝากท่านแวะเวียนมาที่ภพุ์บ้าง ถ้าเป็พวกท่านน่าจะสามารถข้ามไปมาได้ ในระหว่างที่ข้าเข้าสู่การนิทราที่ยาวนาน ข้าเกรงถึงความโกลาหล และภัยร้ายที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น เพื่อเป็การไม่รบกวนพวกท่านมากจนเกินไปพวกท่านก็อาจจะแค่เป็หูเป็ตาให้แบบที่ท่านทำมาตลอดก็คงมากเพียงพอแล้ว ยังไงซะก่อนที่ข้าจะเข้าสู่นิทรา ข้าจะวางมนต์ป้องกัน และ ควบคุมเหล่าพี่น้องุ์ให้อยู่ในตามครรลองที่เหมาะที่ควร จนกว่าข้าจะกลับมา” ปินลู่ซีเฉินกล่าวนอบน้อม
“ได้สิ! ไม่ใช่เื่ใหญ่เลย อย่างที่ท่านว่าเป็หน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วในฐานะมือปราบมารผู้เฝ้าระวังสอดส่ายระหว่างภพ ท่านอย่ากังวลไป ช่วยเหลือดวงิญญาที่ดับสูญเ่าั้และเข้าสู่การนิทราให้สบายเถิด” เ้าวั่งซูเอ่ย
“แต่ มีอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าคงทำไม่ได้ มันอยู่นอกอาณาเขตข้า” ปินลู่ซีเฉินกล่าวขึ้น
“ท่านหมายถึงอะไร” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“บรรยากาศจากภพุ์นั้นถูกถ่ายเทมาที่นี่มากเกินไป ข้าเกรงว่าแม้นพลัง และพี่น้องแห่งข้าจะถูกพากลับหมดแล้วแต่บรรยากาศและผลเสียหายอื่นๆยังอยู่ ตาข่ายดักิญญานั้นไม่ใช่แค่เพื่อพรางตา ล่อลวง และกลืนกิน แต่มีพลังในการดึงดูดและรวบรวมความชั่วร้ายให้มาซ่องสุม อย่างที่พวกท่านทราบว่าในเวลาที่สิ่งชั่วร้ายมารวมกันย่อมเกิดความวิปริตกับสิ่งมีชีวิตในบริเวณนั้นๆ ในที่นี้คือเหล่ามนุษย์พวกพ้องของท่าน มนุษย์ในภพภูมิมนุษย์ต้องได้รับอานิสงค์จากไอบรรยากาศแห่งภพอนุษย์แน่นอน
ถ้าให้ข้าแนะนำ ข้าคิดว่าพวกท่านควรออกตรวจบริเวณทั้งหมดที่หมอกกลืนกินไป เพราะฤทธิ์ของตาข่ายดักิญญานั้นไม่ธรรมดามันไม่เกิดขึ้นหรือแสดงผลในวันนี้ แต่จะกัดกลืนกินิญญาจนบูดเบี้ยว และถึงเวลานั้นทุกอย่างก็จักสายเกินแก้เฉกเช่นที่ตุ๊กตาหุ่นกระบอกเป็ และที่สำคัญมากอีกอย่างคือไอหมอกนั้นนอกจากครอบงำ ยังดึงดูดสิ่งชั่วร้าย ที่ทั้งตายไปแล้วให้คืนกลับ หรือเปิดทางแก้สิ่งชั่วร้ายให้มารวมตัว ข้าพูดเท่านี้ข้าคิดว่าพวกท่านน่าจะพอเข้าใจว่าท่านควรทำอย่างไรกันต่อไปหลังจากนี้” ปินลู่ซีเฉินกล่าวสงบนิ่ง
“ในความหมายของท่านคือ พวกข้าควรออกเดินทางสำรวจ ป้องกัน กำจัดสิ่งชั่วร้ายก่อนมันขยายอาณาเขต และกลืนกินที่นี่ สิ่งชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่กำลังคลืบคลานมาที่ภพมนุษย์แห่งนี้ เหมือนที่พระแม่แห่งจิติญญาเตือนพวกเราก่อนหน้า” เ้าวั่งซูเอ่ย
“อย่างที่พวกท่านทราบว่า ที่แห่งใดเคยถูกความมืดครอบงำ ที่แห่งนั่นย่อมไม่มีวันเหมือนเดิม เฉกเช่นหมู่บ้านต้องสาบแห่งนี้ที่ถึงแม้จะมีความพยายามมากมายในการคืนชีวิตให้กับที่นี่แต่ความปรารถนานั้นก็เป็จริงได้แค่่สั้นๆคล้ายดังฝัน รวมถึงภพภูมิมนุษย์แห่งนี้เช่นกัน ถึงแม้จะมีการถือกำเนิดของเ้าวั่งซู บุตรแห่งเ้าปรภพ เพื่อเปิดปิดป้องกันและซ่อมแซมรอยแยกรอยต่อระหว่างภพมาอย่างยาวนานหลายร้อยปีแต่ความชั่วร้ายนั่นไม่เคยหมดไปจากจากภพภูมินี้
และ ณ ขณะนี้ความมืดได้คลืบคลานเข้ามา ถึงแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเนื่องจากส่วนหนึ่งของตัวข้าที่หลงผิดไปกับความเย้ายวนในด้านมืด แต่นั่นก็คืออดีต และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นล้วนแล้วแต่เป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ดั่งโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าความวิปริตและความเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิด ณ ที่แห่งนี้ ที่ใดมีแสงสว่างที่นั่นย่อมเรียกหาความมืด ความสว่างดึงดูดความมืดและความมืดก็โหยหาแสงสว่าง ดั่งหยินและหยาง เป็วัฏจักรธรรมชาติที่เป็สัจจะธรรมอันแท้จริง แต่บัดนี้หาใช่ข้าที่จะเป็ผู้ที่นำพาความมืดขนาดนั้นมา ณ สถานที่แห่งนี้ แต่สิ่งที่พวกเ้าจะต้องเผชิญต่อไปคือสิ่งที่ชั่วร้ายมากกว่าที่ข้าััได้ พวกท่านจงไปสืบหาและป้องกันก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
