เจียงหงหย่วนถอดเสื้อ กินน้ำเย็นที่ห้องครัวไปหลายขันแต่ก็ไม่อาจดับไฟในร่างกายให้ดับลงไปได้
เขาไปผ่าฟืนทั้งหมดในลานบ้านต่อ เก็บฟืนเข้าที่อย่างเป็ระเบียบที่มุมกำแพง จากนั้นถือถังน้ำไปตักน้ำกลับมา ตักจนเต็มแล้วก็ไปแปรงขนให้ล่อที่ลานด้านหลัง แย่งงานเจียงไฉทำเสียหมด
ทำเอาเจียงไฉคิดว่าตัวเองจะถูกขายทิ้ง
เขาทำงานนอกบ้านจนถึงบ่าย แม้แต่หลังคาบ้านก็ปีนขึ้นไปทำความสะอาด ไม่กล้าให้ตัวเองอยู่เฉย
กระทั่งถึงเวลาทานมื้อเย็น ชายฉกรรจ์ไม่พูดกระไรสักคำ ไม่มองหลินหวั่นชิวเช่นกัน
จากนั้น…เขาแยกไปนอนคนเดียว!
ไม่แม้แต่จะบอกกล่าวนาง
หลินหวั่นชิวอุตส่าห์กังวลว่าครั้งนี้จะรอดไปได้หรือไม่
คิดไม่ถึง…
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินหวั่นชิวเพิ่งตื่นนอนก็ได้ยินยายสวีบอกว่าเจียงหงย่วนกลับหมู่บ้านั้แ่ฟ้ายังไม่สาง ทั้งยังพาลูกสุนัขสองตัวกลับไปด้วย
บอกว่าสุนัขสองตัวนั้นเชื่อฟังมาก ถูกขังในกรงทั้งคืนแต่ก็ไม่เห่า
หลินหวั่นชิวงุนงง มีลูกสุนัขด้วย?
นางไม่รู้เลย
เจียงหงหย่วนเป็กระไรไป?
จู่ๆ ก็เ็าไม่พูดไม่จา พาสุนัขกลับบ้านก็ไม่บอกนาง
แต่เมื่อนางหันไปยุ่งกับงานก็ลืมเื่นี้
ทว่า เมื่อเจียงหงหย่วนเป็แบบนี้ติดต่อกันสองสามวัน หลินหวั่นชิวก็เริ่มอยู่ไม่สุขเสียแล้ว
ตกดึก เจียงหงหย่วนกลับถึงบ้านดึก ทุกคนในบ้านนอนกันหมดแล้ว
ทั้งบ้านเงียบงันและมืดสนิท
เจียงหงหย่วนไม่จุดตะเกียง เดินไปตักน้ำล้างหน้าบ้วนปากที่ห้องครัว
แต่เขาเพิ่งเดินเข้าห้องครัวก็ต้องใผงะ
หลังจากกินโอสถชำระไขกระดูก วิสัยทัศน์ตอนกลางคืนของเขาดีมาก
ภรรยาตัวน้อยกำลังนั่งเงียบๆ ในห้องครัวที่หนาวเหน็บ
ทั้งที่ในเตาไฟยังคงมีถ่านที่ยังไม่ดับ แต่ประตูห้องครัวเปิดกว้าง ลมหนาวพัดเข้ามา ตอนนี้ห้องครัวจึงเย็นสะท้านประหนึ่งถ้ำน้ำแข็ง
เจียงหงหย่วนขมวดคิ้วแน่น “เหตุใดยังไม่นอน มานั่งกระไรที่นี่?”
แค่ได้ยินเสียงเขา คำถามอัดแน่นเต็มท้องที่เตรียมมาทั้งวันกลับติดค้างอยู่ในลำคอ
หลินหวั่นชิวลนลานขึ้นมาอย่างฉับพลัน
นางกลัวได้ยินคำที่ไม่อยากฟังออกมาจากปากเจียงหงหย่วน
ทั้งที่ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับลุกขึ้นเดินออกไปอย่างขี้ขลาด
จังหวะที่นางกำลังจะสวนกับเขา จู่ๆ ข้อมือก็ถูกชายฉกรรจ์คว้าไว้
ชายฉกรรจ์แรงเยอะมาก บีบจนข้อมือของนางรู้สึกเจ็บ
ภายในใจปวดร้าวขึ้นมา น้ำตาไหลริน
เมื่อก่อนหลินหวั่นชิวไม่ชอบนางเอกละครที่นิดๆ หน่อยๆ ก็ร้องไห้มาก รู้สึกว่าก็แค่บุรุษคนหนึ่ง ถ้าไม่ดีกับเ้าก็แค่ทิ้งไป ไม่เห็นต้องร้องไห้
แต่ตอนนี้ นางกลับกลายเป็สตรีประเภทที่ตัวเองเคยไม่ชอบเสียเอง
ยังไม่ทันได้พูดกระไรก็ร้องไห้
แต่นางยิ่งอยากควบคุมมากเท่าไร น้ำตาก็ยิ่งควบคุมไม่อยู่ ไหลพรั่งพรูราวกับเขื่อนแตก
ที่แท้ ต่อให้เป็สตรีที่เข้มแข็งเพียงพอ หากมีความรักล้วนกลายเป็คนเปราะบางทั้งสิ้น
บางทีอาจเป็เพราะความใส่ใจ ด้วยเหตุนี้จึงกลัวที่จะสูญเสีย
“ปล่อย” นางรวบรวมแรงทั้งหมดแต่ก็พูดได้แค่คำนี้
ชายฉกรรจ์ไม่เพียงไม่ปล่อยนาง แต่ยังดึงนางเข้ามากอด แนบใบหน้าของเขาเข้ากับใบหน้าของนางและบีบมือนางเบาๆ
“เหตุใดมือเย็นเช่นนั้น? เหตุใดเ้าจึงร้องไห้? ผู้ใดรังแกเ้า? บอกข้ามา ข้าจะไปฆ่าเขา!”
ใบหน้าภรรยาตัวน้อยเต็มไปด้วยน้ำตา ชายฉกรรจ์ปวดร้าวในอก
พอเขาพูดเช่นนี้ น้ำตาหลินหวั่นชิวยิ่งไหลหนักกว่าเดิม
“ข้าจะกลับห้อง” นางพูดเสียงสะอึกสะอื้น
ชายฉกรรจ์ยังคงไม่ปล่อยนาง แต่โน้มตัวลงมาอุ้มนางเดินกลับห้อง
ในห้องมีถาดฟืน ประตูปิดสนิท หน้าต่างเปิดแค่ช่องระบายอากาศเล็กๆ ดังนั้นจึงค่อนข้างอุ่น
ชายฉกรรจ์ปล่อยภรรยาตัวน้อยลงแล้วไปจุดตะเกียง เห็นบุปผางามน้ำตานองหน้าเช่นนี้แล้วทั้งปวดใจทั้งลนลาน
“รีบบอกข้ามา ผู้ใดรังแกเ้า?” เจียงหงหย่วนร้อนใจแล้วจริงๆ เขาจับไหล่หลินหวั่นชิวแน่น น้ำเสียงมีความโมโห
“เหตุใดท่านไม่สนใจข้า?” หลินหวั่นชิวถาม
“หากไม่อยากอยู่กับข้าแล้วก็บอกข้ามาตามตรง ข้าจะไปเอง ไม่ดันทุรังเหนี่ยวรั้งท่านไว้”
“เ้ากล้าไปหรือ!” เจียงหงหย่วนกอดหลินหวั่นชิว “จับกลับมาได้ข้าจะตีให้ขาหัก!” เขากัดฟันพูด คิดจะไปจากเขาอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถิด
หลินหวั่นชิวยิ้มเยาะในอ้อมอกเขา พูดอย่างนิสัยไม่ดีว่า “ทั้งไม่อยากอยู่กับข้า ทั้งไม่ยอมปล่อยข้าไป คิดว่าข้าเป็หมาแมวที่ซื้อมาเลี้ยงหรือไร”
สมองเจียงหงหย่วนกำลังจะะเิ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดหลินหวั่นชิวจึงคิดเช่นนี้ แม้ชายฉกรรจ์จะเคยมีภรรยามาแล้วสองคน แต่สองคนนั้นเคยพูดกับเขารวมกันแค่ไม่กี่ประโยค อยู่ด้วยกันได้ไม่นานก็พาเงินบ้านเจียงหนีไปเสียแล้ว
เขาไม่เข้าใจความคิดของสตรีจริงๆ
“ข้าไม่ได้ไม่อยากอยู่กับเ้า” เจียงหงหย่วนถอนหายใจอย่างจนปัญญา ฝังหน้าลงในผมหลินหวั่นชิวและพูดเสียงต่ำว่า “ข้าอยากอยู่กับเ้าชั่วชีวิต แม้จะตายก็อยากให้ลูกหลานฝังพวกเราไว้ด้วยกัน”
“เช่นนั้นเหตุใดท่านไม่สนใจข้า? หลบหน้าข้าตลอดสามวัน ท่านรู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังทำาเย็น ขืนเป็เช่นนี้ต่อไปข้าคงได้กลายเป็บ้าแน่”
หลินหวั่นชิวใช้อารมณ์ ความอัดอั้นในใจถูกระบายออกมาหมด จงใจเช็ดน้ำมูกน้ำตากับอกเจียงหงหย่วน
เจียงหงหย่วนฟังนางพูดเช่นนี้แล้วตัวแข็งทื่อ จากนั้นถอนหายใจยาวๆ ดึงมือนางไปวางบนพรรคพวกที่ท่อนล่างของเขา
“ข้า…เห็นเ้าแล้วอยาก” เขาพูดเสียงแหบ
“ได้ยินเสียงเ้าก็อยาก”
“ที่ข้าหลบหน้าเ้า…เพราะอยากให้มัน…สงบ” สองสามวันมานี้ แค่นึกถึงทุ่งหิมะแห่งนั้น เืกำเดาเขาก็ไหลออกมาอย่างไม่มีเหตุผล
ด้วยเหตุนี้จึงหลบหน้านาง
เขากลัว
“ข้ากลัวตัวเองทนไม่ไหว…”
เสียงชายฉกรรจ์ดังวนเวียนกึกก้อง กลายเป็หลินหวั่นชิวที่ผงะแทน
นาง…
ไม่คิดมาก่อนว่าจะเพราะสาเหตุนี้!
เจียงหงหย่วน…เ้า…ยอดเยี่ยมมาก!
แต่แน่นอนว่าเ้าก็ยอดเยี่ยมเช่นกันนะหลินหวั่นชิว เขาไม่สนใจเ้าสามวัน เ้าก็ร้องไห้เป็วรรคเป็เวนเช่นนี้
เหมือนพวกที่ถูกด่าว่า ‘ขาดบุรุษแล้วอยู่ไม่ได้หรือ!’
“ข้าไม่ได้ไม่้าเ้า เ้าเองก็อย่าคิดจะไปจากข้า” เจียงหงหย่วนกุมมือหลินหวั่นชิว จับมือนางถูไปมาบนพรรคพวกตัวใหญ่…
หลินหวั่นชิว “…”
นี่นางตากลมหนาวทั้งคืนเพื่อสิ่งนี้หรือ?
หากไม่หาเื่ใส่ตัวก็คงไม่ต้องเจอสถานการณ์ยากลำบากเช่นนี้
“ข้าไปต้มน้ำให้” นางอยากหนี น่าเสียดายที่ดึงมือไม่ออก เจียงหงหย่วนไม่ยอมปล่อย
“รออีกประเดี๋ยว” เจียงหงหย่วนพูดเสียงแหบแห้ง
“ข้าไปต้มเอง เ้าอย่าลงกลอนประตู ห้องข้าหนาว เดี๋ยวข้ามาอาบที่ห้องเ้า” เจียงหงหย่วนไม่อยากทนแล้ว ทนแล้วเขาทรมาน ภรรยาตัวน้อยก็เข้าใจผิด
เขาไม่อยากทำเื่โง่เขลาเช่นนี้เป็ครั้งที่สอง
หลินหวั่นชิวจะปฏิเสธเหตุผลเช่นนี้ได้อย่างไร?
จะปล่อยให้ชายฉกรรจ์หนาว?
นางตอบว่า ‘อื้ม’ เบาๆ เหมือนเสียงยุง