‘หมู่บ้านไป๋กู่’ ตัวอักษรเพียงสี่ตัวนั้นเขียนได้น่ามองนัก ลายมือของท่านนายอำเภอเฉินนับว่าไม่เลวเลยจริงๆ ยามยังเรียนอยู่ในสำนักเชินเขาก็นับว่าโดดเด่นที่สุด
ในตอนแรกนั้นเป็เพราะเขาเป็คนพูดจาเถรตรงเกินไป ทั้งยังไม่มีภูมิหลังลึกซึ้งเช่นลูกหลานตระกูลใหญ่ จึงได้จับพลัดจับผลูโดนเนรเทศให้มารับตำแหน่งนายอำเภออยู่ที่อำเภอิเหอ
ระยะห่างระหว่างอำเภอิเหอกับเมืองหลวงความจริงหากวัดจากระยะทางก็ไม่นับว่าห่างไกลกันเพียงนั้น ทว่าหากเทียบพื้นที่ทางภูมิศาสตร์แล้วก็นับว่าย่ำแย่
เมื่อมองเหล่าสมาชิกครอบครัวขุนนางทรราชที่โดนเนรเทศมาที่นี่ เขาก็พอจะเดาได้ว่ามีความรู้สึกอย่างไร ที่นี่เป็ทุ่งหญ้ารกร้างห่างไกลไร้ซึ่งความเจริญ โจรขโมยก็ชุกชุม วัฒนธรรมแสนจะแปลกประหลาด วันดีคืนดีก็มีคนจากแคว้นจิงเข้ามาไล่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง ฝนฟ้าก็วิปริตแปรปรวน กล่าวได้ว่าอยู่ที่นี่มีโอกาสตายมากถึงเก้าในสิบส่วน
ทว่าสภาพจิตใจของท่านนายอำเภอเฉินยังนับว่าดีอยู่ เมื่อมาถึงอำเภอแล้วก็ยังสามารถรักษาสมดุลไว้ได้ เพียงแต่ซึมกะทืออยู่นานสักหน่อย จนไม่ค่อยจะสนใจงานการเท่าใดนัก แต่ก็ไม่ได้เกิดข้อผิดพลาดมากมาย
เขาก็ได้ใช้่เวลานี้ในการฝึกฝนเขียนตัวอักษรให้ดีกว่าเดิม จนบัดนี้งดงามมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิมมาก
การแสดงออกของปัญญาชน ความอัดอั้นตันใจที่ไม่อาจได้แสดงฝีมือ ความฝันที่มีในอนาคตล้วนปรากฏอยู่ในตัวอักษร
หมู่บ้านไป๋กู่สี่คำนี้ เขาเห็นมันจนรู้สึกคุ้นเคย
ทั้งยังรู้สึกว่าหมู่บ้านแห่งนี้ช่างน่ารัก ผู้คนที่นี่ก็แสนจะจริงใจ ทั้งยังเอาป้ายที่เขาเขียนให้กับมือมาแขวนไว้หน้าทางเข้าหมู่บ้าน
ดูแล้วน่าเกรงขามไม่เบาเชียว
แต่ใครเลยจะรู้ ตัวอักษรที่ท่านนายอำเภอเขียนนั้น สำหรับคนในหมู่บ้านแห่งนี้แล้วก็ไม่ได้นับว่ามีราคาอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชครูที่เป็ยอดนักปราชญ์ ทั้งนายท่านสามที่เมื่อครั้งยังเยาว์เคยมีคนทำนายว่าจะได้เป็ขุนนางใหญ่โต กระทั่งแม่นางหลัวก็ยังเขียนอักษรได้งดงามกว่าเขา หรืออาสวินที่เก่งยิ่งกว่าอาจารย์ของตน ดังนั้นพวกเขาจึงได้เลือกลายมือของท่านนายอำเภอมาแขวนไว้หน้าหมู่บ้าน
ยามนี้คนในรถม้านั่งเบียดแนบชิดกัน ใบหน้าเจือไว้ด้วยแววหวาดหวั่น ตอนที่พวกนางถูกส่งมายังค่ายทหารชายแดน นั่นนับว่าเป็ฝันร้ายของทุกคน ทว่าบัดนี้กลับมีคนฉุดพวกนางออกมาจากที่นั่นจริงๆ ทั้งยังเป็ขุนนางสุนัขที่ใช้เงินไถ่ถอนพวกนางมา กระทั่งคนใกล้ตายอยากแม่นางซื่อที่นอนอยู่บนพื้นก็ถูกเก็บขึ้นรถมา
ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฉียนบัดนี้ประคองสะใภ้ของตนไว้ในอ้อมกอด
ในอดีตความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้ตระกูลเฉียดก็ไม่นับว่าดีนัก ด้วยฮูหยินเฒ่านั้นรังเกียจชาติกำเนิดของลูกสะใภ้ของตน เมื่อก่อนนางก็ทรมานลูกสะใภ้ไว้ไม่น้อย แต่ตอนนี้กลับไม่สนรอยแผลเน่าเปื่อยบนร่างกายนางด้วยซ้ำ สองมือเหี่ยวย่นยังคงประคองสตรีตรงหน้าเข้าสู่อ้อมกอดให้แน่นขึ้น
ไม่มีใครถากถางสตรีตรงหน้า และไม่มีใครคัดค้านด้วยเช่นกัน
เมื่อเดินทางมาจนถึงทางขึ้นูเา รถม้าก็หยุดลง
ป้ายใหญ่เขียนว่าหมู่บ้านไป๋กู่ สี่ตัวอักษรก็ปรากฏแก่สายตาสตรีบนรถ ใบหน้าของพวกนางพลันปรากฏแววหวาดกลัวเด่นชัดขึ้น
ยามที่ทหารทรามเ่าั้ย่ำยีพวกนางก็มักจะกล่าวว่าพวกนางยังโชคดีที่มีอาหารให้กิน ไม่เหมือนกับคนบนทุ่งหญ้ารกร้างที่ฆ่าแกงกันเองเพื่อนำมาเป็อาหาร
ยามนี้ขุนนางสุนัขคนนั้นใช้เงินซื้อพวกนางมา กระทั่งหญิงชราที่พิการก็ยังเอามา หรือแม้แต่ร่างบนถนนก็ยังเก็บมา
เกรงว่าคงจะเอาพวกนางมากินเป็อาหารกระมัง
ความหวาดกลัวแพร่สะพัดไปทั้งคันรถ ทว่าก็ไม่มีใครก่อความวุ่นวายขึ้นมา เพราะพวกนางชินชาเสียแล้ว
ความกลัวที่ท่วมท้นอยู่ในใจแสดงออกผ่านร่างกายที่สั่นระริกเท่านั้น
ตลอดการเดินทางสำหรับพวกนางแล้วช่างยาวนานราวกับผ่านมาแล้วชั่วชีวิต แต่จะว่าไปแล้วชีวิตนี้ของพวกนางก็คงจะได้ผ่านมาหลายชาติภพแล้วกระมัง
คนเฝ้าประตูเมื่อเห็นรถม้าก็ลั่นระฆังทองแดง เป็สัญญาณว่าท่านนายอำเภอได้นำแรงงานหญิงมาส่งแล้ว ท่าทางของชายหนุ่มดูดีใจเหลือล้น
หมู่บ้านไป๋กู่ยิ่งนานวันก็ยิ่งมีคนเพิ่มขึ้น
เมื่อก่อนที่พวกเขาต้องเป็โจรก็เพราะหากไม่เป็ก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ บนทุ่งหญ้ารกร้างแห่งนี้คนที่ไม่อาจมีชีวิตรอดได้อย่างเขาก็มีมากเสียยิ่งกว่ามาก จวบจนบัดนี้ที่หมู่บ้านไป๋กู่ของพวกเขา้าแรงงานที่แข็งแรงเพิ่มมากขึ้น จึงพอจะดึงดูดคนให้เข้ามาไม่น้อย
ทว่าสตรีกลับมีน้อยนัก ชีวิตของคนบนูเานับว่าเริ่มมีความสุขพอตัวแล้ว ทว่ากลับยังขาดแคลนสตรี วันนี้ท่านนายอำเภอนึกจะส่งมาก็ส่งมาเป็คันรถ คาดว่าคงจะใช้เงินไปไม่น้อย
วิธีการส่งสัญญาณเตือนคนบนูเานั้นก็ได้ท่านอาจารย์กัวเป็คนต้นคิด
ท่านอาจารย์กัวช่างมากความสามารถ
เมื่อก่อนนั้นหากอยากจะแจ้งเตือนก็ต้องส่งคนวิ่งขึ้นไปบนเขา วิ่งไปถึงครั้งหนึ่งก็เล่นเอาขาแทบหัก
ยามนี้แค่ดึงเชือกหนึ่งครั้ง หรือหลายครั้ง เพื่อเป็สัญญาณเื่ต่างๆ เมื่อคนบนเขาได้ยินแล้วก็เป็อันเรียบร้อย
ยามที่เสียงระฆังดังขึ้น เฉินโย่วนั้นกำลังเรียนอยู่ เมื่อได้ยินว่าท่านลุงนายอำเภอมาส่งคนแล้ว ก็แทบอดใจไม่ไหว อยากไปชมความสนุกสนาน กระทั่งอาลู่และเสี่ยวอู่ก็ยังทำท่าแปลกใจ มีเพียงอาสวินที่ยังคงสงวนท่าทีนั่งหลังตรงเช่นเดิม แต่ว่าราชครูเองก็รู้สึกสงสัยไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าทุกคนล้วนแต่นั่งไม่ติดแล้ว เช่นนั้นก็ถือโอกาสไปชมเื่สนุกกับทุกคนก็แล้วกัน
บนเขามีคนมาใหม่เช่นนี้ นับว่าเป็เื่ใหญ่นัก หากว่าราชครูไม่ได้เป็คนร่วมสร้างหมู่บ้านแห่งนี้มาเองกับมือ เขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าหมู่บ้านห่างไกลความเจริญกลางป่ากลางเขา บัดนี้จะพัฒนาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
หิมะหยุดตกไปพักใหญ่แล้ว ทว่าอากาศก็ยังคงหนาวเย็นอยู่
ชาวบ้านบนูเานั้นขยันขันแข็ง หิมะที่ทับถมบนถนนกระดูกก็ถูกกวาดจนสะอาด เผยให้เห็นกระดูกสีขาวเบื้องล่าง เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ นายท่านสามและแม่นางหลัวก็ออกมาชมความครื้นเครงด้วยเช่นกัน
เมื่อท่านนายอำเภอเดินทางมาถึง จึงเป็ธรรมดาที่นายท่านสามจะต้องออกมาต้อนรับ อีกทั้งเพราะท่านนายอำเภอเป็คนมาส่งแรงงานหญิง แม่นางหลัวในฐานะผู้ดูแลโรงทอผ้า จึงต้องออกมาด้วยเช่นกัน
นั่นเท่ากับว่าใครที่ยังอยู่บนเขาแล้วมีเวลาว่าง ต่างก็วิ่งมาร่วมชมเื่สนุกกันทั้งนั้น คนกลุ่มใหญ่มองรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นเขามาอย่างอึกทึก ม้ากำยำลักษณะดีเกือบสิบตัวยามวิ่งมาถึงยอดเขาก็แทบจะขาดใจอยู่รอมร่อ
ท่านนายอำเภอเฉินเมื่อเห็นว่าูเาหิมะสีขาวโพลนที่ตนคารวะไปครั้งที่แล้ว ความจริงคือกระดูกที่กองสุมรวมกันก็พลันใ แต่เมื่อคำนึงถึงวัฒนธรรมของพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้ เขาก็พยายามข่มใจตนให้ชิน อีกทั้งวันนี้เขายังมีเื่ในใจ ทว่าเมื่อหันไปเห็นฝูงชนที่มารอต้อนรับอย่างแน่นขนัด กลับรู้สึกกังวลขึ้นมา
โดยเฉพาะยามที่เห็นเด็กหญิงตัวน้อยกำลังโบกไม้โบกมือมาให้ตน ในใจเขาพลันรู้สึกไม่สงบนัก
ทว่าเมื่อได้เห็นท่านอาจารย์ที่ยืนอยู่ข้างกายเด็กหญิง ไฉนช่างคล้ายกับว่าเขาคุ้นเคยกับใบหน้านี้นัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าเคยเห็นจากที่ใด
เมื่อเขาคิดจะมองให้เต็มตาอีกครั้ง ร่างของชายคนเมื่อครู่ก็ถูกฝูงชนบดบังจนมองไม่เห็นเสียแล้ว
รถม้าค่อยๆ หยุดลง ยามนี้ท่านนายอำเภอไม่อาจทำอันใดได้อีกแล้ว เขาใช้เงินซื้อคนเหล่านี้มา แม้ว่าจะเป็เงินของหมู่บ้านไป๋กู่ แต่เขาก็ช่วยเติมให้อีกไม่น้อย เช่นนั้นขืนยังปล่อยให้อยู่บนรถต่อ ไม่แน่ว่าอาจจะได้ตายกันยกคัน
อากาศเริ่มเย็นลงอีกแล้ว เื่ราวก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
เขาไม่อาจกลับไปยังศาลาว่าการอำเภอได้ ทำได้เพียงตรงมาที่นี่เลย อีกทั้งเขายังไม่อาจทนมองคนเหล่านี้ได้ อยากเร่งส่งตัวพวกนางไปให้เรียบร้อย เพราะตามกฎแล้วเขาไม่อาจซื้อตัวพวกนางไว้ได้ ครอบครัวขุนนางทรราชมีความผิดที่ต้องชดใช้
“อา!”
เฉินโย่วน้อยเกิดนึกซน จึงได้แอบอ้อมไปหลังรถม้าแล้วแอบแหวกผ้าตรงหน้าต่างดู เมื่อนางได้เห็นคนภายในรถ ภาพตรงหน้าก็พลันดับวูบลง