่ระหว่างที่รอฉู่ลี่มา ไทเฮาเจิ้ง ลี่เฟยและฉู่ชิงเฉียงต่างสนทนากันอย่างออกรสออกชาติ โดยที่ฉินไท่เฟยกับมู่อวิ๋นจิ่นนั่งจิบชาเงียบเชียบ
“องค์ชายหกเสด็จแล้ว!”
เสียงรายงานดังขึ้นจากด้านนอก
ทุกคนในสวยดอกเหมยต่างหันหน้ามองจับจ้องไปพร้อมกัน เห็นฉู่ลี่สวมชุดขาวบริสุทธิ์ย่างกายผ่านต้นเหมยมาอย่างเชื่องช้า เสมือนเทพบุตรเดินลงมาจากสรวง์
พอฉู่ลี่เดินเข้ามากลับไม่ได้มองเหลือบมองไทเฮาเจิ้งแม้แต่น้อย กลับหันไปทำความเคารพให้ฉินไท่เฟย
ฉินไท่เฟยเชิดหน้าใส่ไทเฮาเจิ้งอย่างเหนือกว่า “ลี่เอ๋อร์ไม่ต้องมากพิธีรีตอง รีบนั่งเร็วเข้า”
ฉินไท่เฟยยกมือชี้ไปนางที่นั่งด้านข้างมู่อวิ๋นจิ่น
ฉู่ลี่พยักหน้ารับทราบแล้วเดินไปทางที่มู่อวิ๋นจิ่นนั่งอยู่
มู่อวิ๋นจิ่นที่เห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ๆ กลับทำมองบรรยากาศรอบข้าง เสมือนฉู่ลี่เป็อากาศธาตุในสายตาของนาง เพราะว่าเื่เมื่อวานนี้ ความโกรธเคืองของนางยังไม่ลดน้อยถอยลงไป!
ถึงแม้ขนมเปี๊ยะปิ้งเมื่อยามเช้าที่ผ่านมาจะทำให้นางเกือบลืมเื่นี้ไปแล้ว ทว่าทันทีที่เห็นหน้าฉู่ลี่ ความรู้สึกพลันปะทุขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เื่คำสัญญาที่ฉู่ลี่มีไว้ให้กับฉินมู่เยว่
หลังจากที่ฉู่ลี่นั่งเก้าอี้เป็ที่เรียบร้อย ไทเฮาเจิ้งกำลังจะเอ่ยปากถามขึ้นมา กลับเห็นฉู่ลี่หันไปถามมู่อวิ๋นจิ่นขึ้นว่า “เ้ามาถึงที่นี่ั้แ่เมื่อไหร่?”
“ราวๆ ครึ่งชั่วยามได้แล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นตอบเสียงเรียบ โดยไม่สบสายตา
ฉู่ลี่พยักหน้ารับแล้วสัพยอกกลับไป “วันนี้ไม่ได้นอนี้เีอยู่บนเตียงก็ดีแล้ว”
ทางด้านไทเฮาเจิ้งและพวกลี่เฟยได้ยินได้ฟัง ต่างตระหนกใกันไปหมด ที่เห็นฉู่ลี่ยิ้มออกมา ที่สำคัญดันยิ้มให้กับมู่อวิ๋นจิ่นอีกด้วย!
หลายปีมานี้ พวกนางต่างรู้กันเป็อย่างดีว่าฉู่ลี่เป็คนพูดน้อย และเ็าไม่ชอบสุงสิงกับผู้ใด ทั้งยังไม่เคยเห็นใครทำให้เขายิ้มได้
หรือว่าฉู่ลี่เปลี่ยนไปแล้ว!!!
ฉินไท่เฟยเหลือบเห็นไทเฮาเจิ้งแววตาแตกตื่น จึงแซะกลับไปบ้าง “ดูสิ อายเจียนึกว่าจับคู่เราทั้งสองคนแล้วจะเข้ากันไม่ได้เสียอีก ดูตอนนี้ทั้งสองเข้ากันได้ อายเจียค่อยวางใจได้แล้ว”
“คนบางคน อย่าคิดเอาคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาแทรกเลย” ฉินไท่เฟยกัดฟันพูดย้ำอย่างแรง
พอเห็นฉินไท่เฟยฟาดกลับ ไทเฮาเจิ้งไม่มีทางยอมรีบหันไปถามฉู่ลี่ด้วยเสียงอ่อนโยน “ลี่เอ๋อร์ ไม่กี่วันมานี้อายเจียได้ยินมาว่า เ้าได้ให้คำสัญญากับมู่เยว่ไว้เื่หนึ่งใช่ไหม?”
ฉู่ลี่ตอบกลับด้วยเสียงเรียบ “ใช่ขอรับ”
พอฉู่ลี่ยืนยันว่าเื่นี้เป็จริง ไทเฮาเจิ้งและพวกลี่เฟยต่างแสดงสีหน้าเย้ยหยันที่เหนือกว่า
ครั้งนี้ถึงคราวที่ฉินไท่เฟยร้อนใจขึ้นมาบ้าง จนต้องรีบสวนกลับ “ลี่เอ๋อร์ เหตุใดถึงได้ให้คำสัญญ่ากับคนอื่นง่ายดายถึงเพียงนี้ ถ้าเกิดมู่เยว่อยากแต่งกับเ้าจะทำอย่างไร?”
มู่อวิ๋นจิ่นคว้าถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อย และคิดว่าเื่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวนางแม้แต่น้อย
เพราะว่าไม่ช้าก็เร็วนางต้องหลุดจากพันธนาการของฉู่ลี่ หลุดจากการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในราชวงศ์ ส่วนฉู่ลี่กับฉินมู่เยว่จะเป็อะไรกันนั้น นางไม่ขอทราบแล้วกัน
แต่ในเวลานี้อยู่ๆ นางก็อยากทราบคำตอบจากปากฉู่ลี่เสียหน่อย
หลังจากฉู่ลี่ฟังคำถามที่ฉินไท่เฟยเอ่ยถาม เขาครุ่นคิดและกล่าวอย่างจริงจัง “กระหม่อมไม่มีทางแต่งกับฉินมู่เยว่”
“พูดจริงหรือ?” ฉินไท่เฟยถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
ฉู่ลี่พยักหน้าอย่างหนักแน่น “เปิ่นหวงจื่อ[1]เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน พวกท่านกลับพูดเื่แต่งงานใหม่ ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่”
“อืม ใช่ๆๆๆ อายเจียเห็นด้วย ลี่เอ๋อร์เป็ทำอะไรคิดหน้าคิดหลังอยู่แล้วนี่หน่า” ฉินไท่เฟยเบิกตาโพลงใส่ไทเฮาเจิ้งแสดงความเหนือกว่า
มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกเหนือความคาดหมายที่ได้ยินคำตอบของฉู่ลี่ เพราะก่อนแต่งงานฉู่ลี่กับนางได้ตกลงกันแล้วต่างใช้ชีวิตของใครของมัน ไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันในฐานะสามีภรรยาที่แท้จริง
“อายเจียยังมีธุระอื่นที่ต้องจัดการ ขอตัวก่อน” ไทเฮาเจิ้งรีบลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ลี่เฟยและฉู่ชิงเฉียงจึงเข้าไปประคองไทเฮาเจิ้ง เดินออกจากสวนดอกเหมยไป
พอไทเฮาเจิ้งไปแล้ว ฉินไท่เฟยค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก “ยัยแก่นั่นมาทีไร สวนดอกเหมยที่หอมหวลของข้า กลับมลายหายไปจนหมดสิ้น”
“ฉินไท่เฟยยอดเยี่ยมไปเลย ทุกครั้งสามารถไล่ไทเฮาเจิ้งให้กลับไปอย่างขัดเคือง” มู่อวิ๋นจิ่นส่งยิ้มให้
ฉินไท่เฟยรีบเชิดหน้าอย่างภาคภูมิ “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้านางไม่ได้เกิดในตระกูลที่สูงกว่าข้านิดหน่อย มีหรือที่นางจะมีโอกาสกุมอำนาจในวังหลัง”
“ดีที่พวกเ้าทั้งสองอยู่ที่นี่ วันนี้มาทานอาหารกลางวันก่อนแล้วค่อยกลับแล้วกัน”
……
ทั้งคู่อยู่กับฉินไท่เฟยจนถึงยามหวงฮุน[2] กว่าจะเดินทางกลับจวน
ตลอดทั้งวัน มู่อวิ๋นจิ่นไม่ได้เอ่ยปากคุยกับฉู่ลี่ก่อนแม้แต่คำเดียวจนกระทั่งเดินทางถึงจวน
ส่วนฉู่ลี่ดูออกว่านางยังไม่หายขัดเคืองเขา ตลอดเส้นทางจึงมิกล้าส่งเสียงพูดเช่นกัน
ทั้งสองคนต่างเงียบงันใส่กันจนรถม้ากลับมาถึงจวน
เมื่อก้าวลงจากรถม้า แม่นมเสิ่นรีบสาวเท้าออกมารอรับ ในมือถือกล่องไม้ที่ถูกปิดผนึก “องค์ชาย พระชายา นี่เป็กล่องที่ท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนแห่งวัดสุ่ยอวิ๋นให้คนนำมาให้ โดยเล่าว่ากล่องนี้ได้เจอในห้องลับของท่านอาจารย์คงซื่อเพคะ”
พอได้ยินว่าเป็ของที่ท่านอาจารย์คงซื่อเหลือทิ้งไว้ มู่อวิ๋นจิ่นเกิดความรู้สึกแปลกใจขึ้นมา จนหันไปสั่งฉู่ลี่ “ไหนเปิดดูสิ”
ฉู่ลี่หยักหน้าให้มู่อวิ๋นจิ่น จากนั้นยื่นมือไปรับกล่องไม้มา “พวกเรากลับไปดูที่ห้องกัน”
มู่อวิ๋นจิ่นตอบรับ ทว่ารู้สึกแปลกๆ กับคำว่า “กลับไปดูที่ห้องกัน”
แม่นมเสิ่นที่ยืนอยู่ด้านข้าง ยกมือขึ้นป้องปากที่อมยิ้ม และขอตัวออกไปจัดการงานอื่น
เมื่อเดินกลับไปถึงเรือนลี่เฉวียน มู่อวิ๋นจิ่นเดินตามฉู่ลี่เข้าไปในห้อง เขาก็เปิดกล่องไม้ออก
ฉู่ลี่มองเข้าไปด้านในแล้วต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนยื่นมือไปหยิบของที่เป็แท่งสีดำขึ้นมาพินิจพิเคราะห์
มู่อวิ๋นจิ่นมองไปที่มือฉู่ลี่และร้องออกมาด้วยความใ ในมือของฉู่ลี่ถือเครื่องควบคุมเปิดปิด และปุ่มเปิดปิดนั้นมีอักษรเขียน “on” และ “off” อยู่้า
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเห็นแล้วกลับหัวเราะคิกคัก อกมือขึ้นกอดอก พลางพึมพำไปด้วยว่า “ท่านอาจารย์คงซื่อช่างน่าสนใจจริงๆ รอบกายของเขาเต็มไปด้วยเทคโนโลยีในยุคปัจจบัน”
“เ้ารู้จักตัวอักษรพวกนี้?” ฉู่ลี่มองแววตามู่อวิ๋นจิ่นก่อนถามเสียงเรียบ
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับ จากนั้นหยิบเครื่องควบคุมมาถือไว้ “สิ่งนี้อาจสามารถช่วยไขความลับรังสีอินฟราเรดและเสียงกลไกลเตือนภัย ทว่าดูแล้วไม่น่ามีประโยชน์มากมายนัก ที่สำคัญภายนอกเครื่องควบคุมนี้ยังมีกลไกที่ท่านอาจารย์คงซื่อออกแบบไว้โดยเฉพาะ ยากมากที่จะแก้ไข”
หลังจากสิ้นเสียงแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นโยนเครื่องควบคุมเปิดปิดนี้ไปไว้บนโต๊ะ และขณะที่จะกลับตัว หางตากลับเห็นบางอย่างปรากฏขึ้นจนอ้ำอึ้งขึ้นมา
“เ้าลองทุบให้มันแตกเป็เสี่ยงๆ เร็วเข้า” มู่อวิ๋นจิ่นดึงแขนฉู่ลี่ให้รีบทำตาม
ฉู่ลี่มองไปตรงแขนที่มู่อวิ๋นจิ่นจับ พร้อมกับเม้มปากกลืนน้ำลายเฮือกๆ เขาหยิบกล่องมาไว้โดยใช้พลังลมปราณใส่กล่องไม้ที่วิจิตร จนกระทั่งกลายเป็เสี่ยงๆ
มู่อวิ๋นจิ่นออกปากชม พร้อมกับยื่นมือเข้าไปหยิบเศษกระดาษที่ซ่อนไว้ด้านในออกมาเปิดดู
ในกระดาษนั้นเขียนไว้ดังนี้ ‘ฮัลโหล อยากจะทำลายกลไลที่มีไว้ใช่ไหม? หากมีเวลาต้องไปวัดสุ่ยอวิ๋นบ่อยๆ ข้าได้ซ่อนวิธีทำลายไว้ตามหลืบตามซอกต่างๆ หมดแล้ว!’
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นคำว่า “ฮัลโหล” พลันทราบได้ทันที นี่เป็การทักทายของคนในยุคปัจจุบัน ทว่าฉู่ลี่ที่อยู่ด้านข้างกลับมองกระดาษแผ่นนั้นด้วยสายตาที่ตกตะลึง พลางคิดว่าเขาได้เปิดความลับให้นางรู้มากเกินไปหรือไม่
ชั่วพริบตาเดียว มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วขึ้นมา พร้อมกับยื่นกระดาษส่งให้ฉู่ลี่ “บนกระดาษนี้เขียนว่าอะไรบ้าง ข้าไม่รู้ตัวหนังสือสักตัว…”
ฉู่ลี่เหล่ตายิ้มมุมปาก พร้อมเอ่ยว่า “บนกระดาษใบนี้ เขียนวิธีทำลายกลไล โดยซ่อนไว้ตามซอกตามมุมต่างๆ ของวัดสุ่ยอวิ๋นกระมัง”
มู่อวิ๋นจิ่นหัวเราะคิกคักออกมา “ท่านอาจารย์คงซื่อเป็บ้าอะไรกันแน่ วิธีทำลายกลไลต้องทำให้มันซับซ้อนขนาดนั้นเลย”
“มิอย่างนั้นเ้าอยากได้แบบไหนกัน?” ฉู่ลี่ถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“เหอะๆ ข้าไม่เชื่อว่าวิธีทำลายกลไกจะซับซ้อนขนาดนั้น ในเมื่อข้าสามารถทำลายรังสีอินฟราเรดได้แล้ว นั่นหมายความว่ากลไกจะไม่สมบูรณ์อีกต่อไป และต้องมีจุดบกพร่องให้เห็น” มู่อวิ๋นจิ่นพูดอย่างภาคภูมิ
ฉู่ลี่ขมวดคิ้วมองอย่างดูแคลน “การมีปณิธานเป็เื่ที่ดี แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เปิ่นหวงจื่อคิดว่าเ้าต้องเรียนรู้อักษรให้มากกว่านี้เสียก่อน”
มู่อวิ๋นจิ่นถึงกับพูดไม่ออก หันไปถลึงตาใส่ฉู่ลี่ เอ่ยอย่างหงุดหงิด “ข้าไม่เปลืองน้ำลายกับเ้าแล้ว ขอตัวก่อน!”
สิ้นเสียงมู่อวิ๋นจิ่นสะบัดหน้าสาวเท้าเดินออกจากห้องอย่างว่องไว ปิดประตูดังปึ้งปั้ง
หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นเดินออกไปแล้ว ติงเซี่ยนเดินเข้ามาด้านในยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงงงวย “องค์ชายทำพระชายาโกรธเคืองอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่เป็ไรหรอก คืนนี้ให้ห้องครัวทำขนมเปี๊ยะปิ้งหลายชิ้นหน่อย” ฉู่ลี่เอ่ยพลางมองไปที่กระดาษอย่างใจจดใจจ่อ
ติงเซี่ยนได้แต่เบือนปาก อยากต่อว่าวิธีการเอาใจสตรีที่ล้าสมัยของฉู่ลี่ ทว่าเขาเป็เพียงองครักษ์เท่านั้นจึงเงียบปากเสียดีกว่า
“นี่เป็เบาะแสที่ท่านอาจารย์คงซื่อทิ้งไว้เหรอพ่ะย่ะค่ะ?” ติงเซี่ยนถามอย่างใคร่รู้
ฉู่ลี่พยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นกวาดสายตาไปที่เครื่องควบคุมสีดำที่มีปุ่มเปิดปิด ใช้นิ้วกดลงไปที่สองปุ่มนั้นอย่างแปลกใจ
“ของสิ่งนี้ช่างน่าแปลกสิ้นดี ตัวอักษรที่อยู่้า ช่างเหมือนกับตำราประหลาดเล่มนั้นใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” ติงเซี่ยนขมวดคิ้ว
ฉู่ลี่เม้มปากครุ่นคิดบางอย่าง “่หลายวันนี้ องครักษ์ลับได้ติดตามมู่อวิ๋นจิ่นหรือไม่?”
“ั้แ่ที่องค์ชายมอบนกหวีดให้กับพระชายา องครักษ์ลับต่างติดตามไปด้วยทุกที่พ่ะย่ะค่ะ”
“เ้าไปตามองครักษ์ลับมาคนหนึ่ง ให้มารายงานเปิ่นหวงจื่อถึงความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของมู่อวิ๋นจิ่นใน่นี้”
[1] เปิ่นหวงจื่อ สรรพนามที่องค์ชายเรียกแทนตนเอง
[2] ยามหวงฮุน คือเวลาประมาณ 19.00 - 21.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้