ยามจ้องมองร่างของบิดาที่ลับสายตาไป แววตาของฉู่อี้ยิ่งทวีความเ็า
ผ่านไปเนิ่นนาน เขาก็หยิบตุ๊กตาที่ชำรุดขึ้นมาตัวหนึ่ง ใช้ผ้าเช็ดหน้าค่อยๆ เช็ดคราบโคลนออกอย่างเบามือ “เตียวซวี่อันลงมือเร็วไป หรือว่าชุยิเสวียลงมือช้าไป?”
จางหลิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาจับใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก ท่านโหวในยามนี้ ดูภายนอกเหมือนสงบนิ่ง แต่มีเพียงคนสนิทอย่างพวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่า ท่านโหวในยามนี้น่ากลัวที่สุด ท่านโหวพิโรธอย่างแท้จริงแล้ว
“เตียวซวี่อันช่างกล้าหาญนัก เื่ใส่ร้ายป้ายสีชาวบ้านก็กล้าทำ แจ้งข่าวให้หลิวจ้าน ให้เขาไปบอกชุยิเสวีย ภายในวันนี้ถ้าเขาไม่ลงมือ ก็ไม่ต้องลงมือแล้ว!”
จางหลิงรับคำ “ขอรับ! ท่านโหว!”
เขาเดินออกจากห้องหนังสือ รีบเขียนจดหมายลับหลายฉบับ ก่อนจะผูกไว้ที่ขาของนกพิราบสื่อสารแล้วปล่อยออกไป
สามชั่วยามหลังจากที่จางหลิงปล่อยนกพิราบ ผู้ว่าการมณฑลชุยิเสวียก็พาคนมาถึงอำเภอจิ่วจิ้นด้วยตนเอง สั่งให้คนประกาศความผิดห้าสิบข้อหาของเตียวซวี่อันกลางท้องถนน เขาให้คนจับกุมเตียวซวี่อันขณะที่กำลังสอบสวนอวิ๋นโส่วจู่อยู่ในโถงยุติธรรม ปลดชุดขุนนางเปลี่ยนเป็ชุดนักโทษ
ทำให้ชาวบ้านในอำเภอจิ่วจิ้นที่มามุงดูต่างตื่นตะลึง เมื่อครู่เตียวซวี่อันยังเป็นายอำเภอผู้สูงส่ง เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นักโทษเช่นเดียวกับอวิ๋นโส่วจู่ไปเสียแล้ว
ขณะเดียวกัน ก็มีทหารกลุ่มหนึ่งไปปิดล้อมเรือนหลังของเตียวซวี่อัน จับกุมทุกคนในเรือนหลัง อูซื่อกับเก๋อซื่อก็รวมอยู่ด้วย เทียบกับพวกอูซื่อที่ตื่นตระหนกแล้ว แม้เก๋อซื่อจะถูกจับ แต่ก็ยังคงสวดมนต์ภาวนา ดูสงบนิ่งเป็อย่างยิ่ง
ส่วนทหารอีกกลุ่มหนึ่งก็ไปปิดล้อมร้านยาจี้เหรินถังที่ตำบลไป๋อวิ๋น และจวนตระกูลอู จับกุมคนทั้งตระกูล ล่ามโซ่แล้วคุมตัวไปยังศาลาว่าการอำเภอ
การพิจารณาคดีของผู้ว่าการมณฑลนั้นเป็ไปอย่างรวดเร็วนัก เขาแยกผู้ที่เกี่ยวข้องออกไปสอบสวนทีละคน หากใครกล้าปกปิดก็จะถูกลงโทษ คนพวกนี้จะทนไหวได้อย่างไรเล่า ต่างก็สารภาพออกมาทั้งหมด
สิ่งที่ผู้ว่าการมณฑลถามก็ตอบอย่างหมดเปลือก สิ่งที่ยังไม่ได้ถามก็ต่างแย่งกันสารภาพออกมา ไม่นาน ความผิดของเตียวซวี่อันก็เพิ่มเป็หกเจ็ดสิบข้อหา
ชุยิเสวียก็สั่งให้คนติดประกาศ เขียนเื่ราวที่เตียวซวี่อันกดขี่ข่มเหงชาวบ้านทั้งหมดเพื่อตามหาผู้เสียหาย เนื่องจากกลัวว่าจะมีคนที่อ่านไม่ออก ชุยิเสวียจึงสั่งให้คนตีกลองประกาศไปทั่วอำเภอโดยเฉพาะ
การกระทำเช่นนี้ทำให้ชาวบ้านในอำเภอต่างปรบมือชื่นชม ยกย่องท่านผู้ว่าการมณฑลว่าเป็ขุนนางน้ำดี ชาวบ้านที่เคยถูกเตียวซวี่อันหรือขุนนางในอำเภอกดขี่ข่มเหงต่างก็หลั่งไหลกันมาที่ศาลาว่าการประจำอำเภอ...
ท่านผู้ว่าการมณฑลสอบสวนคดีจนถึงกลางดึก ชาวบ้านในอำเภอจิ่วจิ้นต่างซาบซึ้งใจ บอกเล่าต่อๆ กันไป ต่างก็ชื่นชมท่านผู้ว่าการมณฑล
ชุยิเสวียสั่งลงโทษทุกคน มีเพียงเตียวซวี่อันเท่านั้นที่ไม่ถูกลงโทษ ตามกฎหมายของแคว้นต้าเยี่ย มิอาจลงโทษขุนนาง
หลังจากสอบสวนความผิดของเตียวซวี่อันเสร็จสิ้น ก็จะต้องส่งตัวเตียวซวี่อันไปยังเมืองหลวง ให้กรมอาญาเป็ผู้ตัดสินโทษ
เตียวซวี่อันฟังคำให้การของพยานแต่ละคนที่มาชี้ตัวเขา มองดูหลักฐานที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า สีหน้าซีดเผือด เหลือเพียงความหวาดกลัว
เมื่ออูซื่อและพี่ชายถูกคุมตัวมาถึงโถงยุติธรรม ผู้ดูแลจางกับอวิ๋นโส่วจู่ก็ถูกคุมตัวมาถึงเช่นกัน เื่ราวการใส่ร้ายป้ายสีอวิ๋นโส่วจงจึงถูกเปิดโปงกลางโถงยุติธรรม
เมื่ออวิ๋นโส่วจู่ได้ยินว่าพวกของเตียวซวี่อันเพียงแค่ใช้ตนเป็เครื่องมือ หลังจากใส่ร้ายอวิ๋นโส่วจงจนถูกจองจำแล้ว พวกเขาก็วางแผนที่จะยึดทรัพย์สมบัติของอวิ๋นโส่วจง อวิ๋นโส่วจู่ก็คลุ้มคลั่งพุ่งเข้าไปหาคนพวกนั้น ทั้งตบทั้งตี
อวิ๋นโส่วจู่โกรธจนแทบคลั่ง เหตุผลที่เขายอมช่วยใส่ร้ายอวิ๋นโส่วจงก็เพราะเขาอยากได้ทรัพย์สมบัติของอวิ๋นโส่วจง แต่คนพวกนี้เพียงแค่หลอกใช้เขา หลังจากใช้เขาเสร็จแล้ว ก็ยังคิดจะฆ่าปิดปาก...
อวิ๋นโส่วจู่โกรธจนแทบอยากฆ่าคนพวกนี้ให้ตายทั้งหมด! กระทั่งใบหน้าของเตียวซวี่อันถูกข่วนจนเือาบ ผู้ว่าการมณฑลจึงสั่งให้คนลากอวิ๋นโส่วจู่ออกไป
หลังจากพิจารณาคดีมาทั้งวัน คดีของเตียวซวี่อันก็สิ้นสุดลง เตียวซวี่อันถูกคุมขังในคุก รอวันส่งตัวไปยังเมืองหลวง
อวิ๋นโส่วจู่และคนอื่นๆ ถูกตัดสินให้เนรเทศและส่งไปเป็ทหาร ส่วนตระกูลอูถูกริบทรัพย์สิน ผู้ใดที่ร่วมมือในการกระทำความผิดจะถูกลงโทษตามกฎหมาย ส่วนผู้ที่ไม่มีความผิดจะถูกปล่อยตัวในทันที
ครอบครัวของเตียวซวี่อันนอกจากเก๋อซื่อ ล้วนมีส่วนพัวพันกับการรับสินบนและปล่อยเงินกู้นอกกฎหมาย ต่างถูกลงโทษกันถ้วนหน้า บางคนถูกตัดสินให้ไปเป็หญิงบำเรอในค่ายทหาร บางคนถูกตัดสินให้เป็ทาสของทางการ
เพียงชั่วข้ามคืน อำเภอจิ่วจิ้นก็พลิกแผ่นดิน ในวันรุ่งขึ้น ข่าวนี้ก็แพร่ไปถึงหมู่บ้านไหวซู่ และไปถึงหูของอวิ๋นเจียว มีเ้าหน้าที่ทางการนำเงินชดเชยสามพันตำลึงมาส่งที่บ้านของอวิ๋นโส่วจง พร้อมกับแจ้งข่าวคร่าวๆ เกี่ยวกับคดีของเตียวซวี่อัน
หลังจากเ้าหน้าที่ทางการออกไป ครอบครัวของอวิ๋นเจียวก็เงียบไป ตอนนั้นที่เก๋อซื่อมาแจ้งข่าว ในจดหมายเขียนอย่างเรียบง่าย แต่ตอนนี้คดีถูกตัดสินแล้ว รายละเอียดเื้ักลับทำให้ผู้คนตกตะลึง
อวิ๋นโส่วจงถอนหายใจ “อำนาจหากอยู่ในมือของคนดี ก็สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้กับราษฎร แต่หากอยู่ในมือของคนชั่วร้ายเช่นเตียวซวี่อัน ก็เปรียบเสมือนดาบที่สังหารผู้คน!”
ฟางซื่อเอ่ย “นั่นน่ะสิ ครั้งนี้พวกเราโชคดีที่รอดพ้นมาได้ หากถูกคนพวกนั้นเล่นงานเข้าจริงๆ ผลที่ตามมาคง...”
อวิ๋นเจียวเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เหตุใดท่านผู้ว่าการมณฑลถึงได้มาตรวจสอบเตียวซวี่อันที่อำเภอจิ่วจิ้นกะทันหันเช่นนี้ล่ะเ้าคะ? แถมยังตัดสินโทษเตียวซวี่อันภายในวันเดียวอีก!”
ประสิทธิภาพสูงเกินไปแล้วกระมัง? เื่นี้มองอย่างไรก็รู้สึกแปลกประหลาด
อวิ๋นโส่วจงและฟางซื่อสบตากัน ฟางซื่อจึงเอ่ยขึ้น “บางทีท่านผู้ว่าการมณฑลอาจจะจับตาดูเตียวซวี่อันมานานแล้ว ในมือมีหลักฐานเพียงพอ จึงได้กวาดล้างคนพวกนั้นได้ในคราวเดียว”
อวิ๋นโส่วจงเอ่ย “ว่าไปแล้ว ผู้ว่าการมณฑลผู้นี้ก็มีความเด็ดขาดอยู่ไม่น้อย!”
พวกเขาคิดหาเหตุผลอื่นไม่ออก จึงสรุปได้ว่าความดีความชอบครั้งนี้คงเป็เพราะผู้ว่าการมณฑลผู้นี้ไม่ใช่คนที่อยู่เฉยๆ แต่เป็คนทำงานจริงจัง
ทว่าพวกเขาไม่รู้เลยว่า อาจารย์ตั่งกลับเดาออกว่าเื้ัเื่นี้เป็ฝีมือของใคร เขาอดถอนหายใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าตระกูลอวิ๋นจะมีความสำคัญในใจของท่านโหวมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
อวิ๋นเจียวเงยหน้าขึ้นถามอวิ๋นโส่วจง “ท่านพ่อ เช่นนั้นพวกเราจะออกเดินทางไปเมืองจิ่วเจียงเมื่อไหร่เ้าคะ?”
อวิ๋นโส่วจง “อีกไม่กี่วันก็ออกเดินทางได้ ่นี้ก็จัดการเื่ต่างๆ ในบ้านให้เรียบร้อยก่อน”
ฟางซื่อเอ่ยเสริม “ถ้าจะออกเดินทางไกล ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม อยู่ข้างนอกไม่เหมือนในบ้านเราเอง”
ฟางซื่อเพิ่งพูดจบ ชุนเหมยก็เดินเข้ามาจากข้างนอก “นายท่าน ของที่ท่านให้บ่าวไปส่งที่บ้านหลังเก่า ถูกฮูหยินผู้เฒ่าโยนออกมาหมดแล้วเ้าค่ะ”
อวิ๋นโส่วจงได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็บึ้งตึง “ฮึ นางมีสิทธิ์อะไรมาโยนทิ้ง ของพวกนั้นเป็ของที่ให้ท่านพ่อ ไม่ใช่ของที่ให้นางเสียหน่อย!”
ฟางซื่อให้ชุนเหมยออกไป แล้วหันมาเอ่ยปลอบว่า “ท่านอย่าโกรธไปเลย พวกเราทำหน้าที่ของพวกเรา ส่งของไปแล้ว จะใช้หรือจะทิ้งก็เป็เื่ของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อนบ้านต่างก็เห็นกันอยู่ ทุกคนต่างก็รู้ดีแก่ใจ!”
อวิ๋นเจียวเอ่ย “ท่านพ่อ พวกเขาไม่้าของของพวกเรา ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องส่งไปให้แล้วเ้าค่ะ”
หากไม่ใช่อวิ๋นหลานเอ๋อร์มาบอกว่าผู้เฒ่าอวิ๋นโกรธจนล้มป่วย พวกเขาก็คงไม่ส่งยาบำรุงไปให้ ไม่คิดเลยว่าจะถูกเถาซื่อโยนทิ้ง
อวิ๋นโส่วจงพยักหน้า “ตกลง ต่อไปพวกเราไม่ส่งไปให้แล้ว! อย่างไรเสียทุกคนก็รู้ ต่อให้พวกเราส่งไป สุดท้ายก็ถูกโยนทิ้ง เสียของเปล่าๆ”
“ท่านแม่ พวกเราจะไปจิ่วเจียง เช่นนั้น่นี้ข้าจะทำเครื่องประทินผิวส่งไปให้ร้านฝูหรงเซวียนสักหน่อยนะเ้าคะ”