สีหน้าองค์หญิงหลานซินขาวเผือด นางรีบสอดนิ้วมือลงไปในปากหวังว่าจะอาเจียนสิ่งที่กินเข้าไปออกมา
“องค์หญิง!” โจวหมัวมัวร้อนใจเช่นกัน นางรีบเข้าไปช่วยตบหลังองค์หญิงหลานซินพร้อมกับถลึงตาใส่เฟิ่งเฉี่ยน “นางปีศาจ เ้าใส่ยาอะไรไว้ในน้ำชากันแน่?”
“ไม่มีอะไร แค่ยาพิษชนิดหนึ่งเท่านั้น!” เฟิ่งเฉี่ยนพูดอย่างสบายใจเฉิบ จากนั้นคลายมือปล่อยให้ถ้วยน้ำชาตกลงบนพื้น เมื่อน้ำชาสาดลงบนพื้นก็บังเกิดควันสีขาวกลุ่มหนึ่งลอยขึ้นมาพร้อมกับเสียง ซื้ดๆๆๆ ชัดเจนเหลือเกินว่านี่เป็ปฏิกิริยาของยาพิษ!
องค์หญิงหลานซินและโจวหมัวมัวมองหน้ากัน ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อเย็น
“เฟิ่งเฉี่ยน เ้าวางยาพิษอะไรเปิ่นกงกันแน่?” องค์หญิงหลานซินเบิกตากว้างด้วยโทสะที่แล่นขึ้นมาเป็ริ้ว นางคิดไม่ถึงว่านางที่ระมัดระวังมาโดยตลอด ถึงกับมีวันที่ต้องตกอยู่ในมือของศัตรู
“บอกเ้าก็ได้!” เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วมั่นอกมั่นใจ “พิษชนิดนี้ ชื่อของมันไพเราะยิ่งนัก มันชื่อ หญิงงามดั่งบุปผา บุปผาดั่งฝัน เป็พิษชนิดหนึ่งที่ศิษย์พี่ของข้า ฮวาเมิ่งหยิ่ง คิดค้นขึ้นมา! มันสกัดมาเพื่อใช้กับหญิงขี้ริ้วโดยเฉพาะ เพื่อให้พวกนางได้เป็หญิงงามอย่างที่ใฝ่ฝันไว้! หญิงสาวที่ใช้พิษชนิดนี้จะเปลี่ยนโฉมในระยะเวลาสั้นๆ เปลี่ยนเป็คนละคนราวกับเกิดใหม่เป็โฉมสะคราญปานบุปผา งดงามดึงดูดสายตา หญิงขี้ริ้วก็กลายเป็เป็หญิงงามได้!”
นางหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดอีกว่า “แต่คิดจะเปลี่ยนเป็หญิงงามก็ต้องสูญเสียอะไรบางอย่างเพื่อแลกมา! ดังนั้น หากผู้ใช้พิษชนิดนี้ไม่อาจใช้ยาถอนพิษตามระยะเวลาที่กำหนดได้ ก็จะกลายสภาพเป็หญิงชราในวันเดียว กระทั่งผิวพรรณทั่วทั้งร่างพุพองเป็หนองจนตาย!”
สีหน้าขององค์หญิงหลานซินเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา นางพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของเฟิ่งเฉี่ยนด้วยโทสะ “เ้าถึงกับกล้าวางยาพิษเปิ่นกง? เ้าไม่กลัวว่าเปิ่นกงจะบอกกับฝ่าาและไทเฮาหรือ?”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ดิ้นรนต่อสู้ นางมีท่าทีอยู่เหนืออีกฝ่ายอย่างมั่นใจ “เ้าไปบอกพวกเขาได้ แต่บนโลกนี้นอกจากข้าและศิษย์พี่ของข้าแล้วไม่มีใครถอนพิษชนิดนี้ได้! เ้าบอกเื่นี้กับพวกเขา อย่างมากข้าก็กลับเข้าไปในตำหนักเย็นอีกครั้ง! แต่เ้าเล่า? เ้าก็คงได้นั่งมองใบหน้าของตัวเองค่อยๆ เน่าเฟะพุพองตาปริบๆ เปลี่ยนสภาพเป็หญิงชราวันแล้ววันเล่า กระทั่งกลายเป็หนังหุ้มกระดูก...”
“ไม่ ไม่!” มือขององค์หญิงหลานซินสั่นสะท้าน ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สำหรับสตรีคนหนึ่งแล้วไซร้ เื่ที่รับไม่ได้ที่สุดก็คือเสียโฉม นั่นน่ากลัวกว่าการสังหารนางเสียอีก เฟิ่งเฉี่ยนจับจุดอ่อนนี้ของนางได้อย่างแม่นยำ และเป็จุดที่นางเ็ปที่สุด!
ฉวยโอกาสที่นางกำลังจิตใจเลื่อนลอย เฟิ่งเฉี่ยนกระชากมือของนางออกแล้วมองนางด้วยสายตาเ็า “เ้า้าให้ข้าไปจากวังหลวง ข้าให้เ้าสมปรารถนาได้ เ้าก็ต้องใช้อะไรมาแลกเปลี่ยนบ้าง นี่มันยุติธรรมที่สุด! เ้าวางใจ ขอเพียงเ้าทำตามที่ข้าบอก ข้าจะให้คนนำยาถอนพิษมาส่งให้เ้าทุกเดือนตามเวลา รับรองว่าเ้าจะปลอดภัยทุกอย่าง ทั้งยังงดงามประหนึ่งบุปผา เป็อย่างไร? ข้อตกลงนี้น่าสนใจมากกระมัง?”
“เ้า...” องค์หญิงหลานซินถลึงตามองนางด้วยโทสะแต่ไม่อาจทำอะไรได้
เมื่อเป็เช่นนี้ เท่ากับนางตกอยู่ในการควบคุมของเฟิ่งเฉี่ยน ชาตินี้ทั้งชาติต้องฟังคำสั่งนางตลอดชีวิต
แต่เมื่อคิดได้ว่าทันทีที่เฟิ่งเฉี่ยนไปจากวังหลวง นางก็มีโอกาสก้าวขึ้นอยู่ตำแหน่งฮองเฮา
สำหรับยาพิษนี้ นางไม่เชื่อหรอกว่า ใต้หล้านี้นอกจากเฟิ่งเฉี่ยนและศิษย์พี่ของนางแล้วจะไม่มีใครถอนพิษได้อีกจริงๆ?
ยามนี้เื่สำคัญที่สุดคือให้เฟิ่งเฉี่ยนไปจากวังหลวง ขอเพียงนางจากไป ทุกอย่างย่อมจัดการได้ง่าย
สำหรับไท่จื่อน้อยและคนเ่าั้ในตำหนักเว่ยยาง ในสายตานางแล้วไม่มีค่าคู่ควรจะเอ่ยถึงด้วยซ้ำ ตกลงตามเงื่อนไขของนางก็ไม่กระไร
หลังจากใคร่ครวญดีแล้ว นางสูดลมหายใจลึกๆ พยายามควบคุมไฟโทสะในใจตน “ได้ เปิ่นกงรับปากเ้า แต่ต้องมีกำหนดเวลาที่แน่นอน? เปิ่นกงไม่อาจฟังคำสั่งของเ้าไปตลอดชีวิต!”
“เื่นี้...” เฟิ่งเฉี่ยนเท้าคางครุ่นคิด “ดูความประพฤติของเ้าก่อนก็แล้วกัน!”
“เ้า...” องค์หญิงหลานซินยังคิดจะต่อรอง ทว่าเฟิ่งเฉี่ยนตัดบทนาง “เ้าไม่มีสิทธิ์ต่อรอง! ในเมื่อ้าให้ข้าไปจากวังหลวง แล้วยัง้าทุกสิ่งทุกอย่าง บนโลกนี้ไม่มีเื่ได้เปรียบเช่นนี้หรอก!”
องค์หญิงหลานซินถึงกับเป็ใบ้ไปชั่วขณะ
โจวหมัวมัวพยายามเกลี้ยกล่อม ทว่าองค์หญิงหลานซินห้ามนาง หลังจากไตร่ตรองดีแล้วนางจึงกล่าวว่ “ได้ ตกลงตามนี้! หากเ้าไม่ให้คนมาส่งยาถอนพิษตามกำหนดเวลา ถึงเวลานั้นเปิ่นกงจะลากบุตรชายของเ้าลงไปในโลงกับเปิ่นกงด้วย!”
เมื่อเป็เช่นนี้ ต่างฝ่ายต่างมีตัวประกันอยู่ในมือ ข้อตกลงนี้จึงนับว่ายุติธรรม
เฟิ่งเฉี่ยนเดาได้แต่แรกว่านางต้องตกลง เพราะตำแหน่งฮองเฮาสำหรับองค์หญิงหลานซินแล้วมันเย้ายวนกิเลสเหลือเกิน นางไม่มีทางหักใจได้ และนางตัดสินใจจากไป เื่ที่วางใจไม่ได้ที่สุดก็คือบุตรชายและคนในตำหนักเว่ยยาง ตอนนี้ตกลงกันเรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์ที่้า นางย่อมจากไปอย่างวางใจ
หลังจากออกมาจากตำหนักยีหลัน เฟิ่งเฉี่ยนกลับตำหนักเว่ยยาง เพิ่งจะก้าวเข้าประตูมาก็เห็นชิงเหอกูกูออกมายืนต้อนรับด้วยสีหน้ายินดี “เหนียงเหนียง ยินดีกับเหนียงเหนียงด้วยเพคะ! ยินดีกับเหนียงเหนียงด้วย!”
เฟิ่งเฉี่ยนพูดเรียบๆ “ข้ามีอะไรน่ายินดีหรือ?”
ชิงเหอกูกู “เมื่อสักครู่ใต้เท้าลั่วหยิ่งมาบอกความเพคะ บอกว่าคืนนี้ฝ่าาจะเสด็จมาเสวยพระกระยาหารค่ำที่ตำหนักเว่ยยาง ให้พวกเราเตรียมตัวให้ดี!”
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้น ทว่าไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น
ชิงเหอกูกูประหลาดใจ “เหนียงเหนียง หรือท่านไม่ดีใจเพคะ?”
เฟิ่งเฉี่ยนแบมือหัวเราะเสียงขื่น “ได้แล้ว เ้าไปทำงานของเ้าเถิด! คืนนี้เตรียมอาหารและสุราอย่างดีโต๊ะหนึ่ง ข้าจะรอเขาแน่นอน!”
ชิงเหอกูกูได้ยินเช่นนั้นรู้สึกยินดียิ่ง ด้วยคิดว่าเหนียงเหนียงคิดตกแล้ว จึงรับคำแล้วเดินออกไปอย่างดีใจ
เฟิ่งเฉี่ยนกลับทอดถอนใจเบาๆ บางทีนี่อาจเป็อาหารค่ำมื้อสุดท้ายจะให้นางดีใจไดอย่างไร?
ใกล้เวลาอาหารค่ำ เฟิ่งเฉี่ยนเข้าไปในพื้นที่เสมือนจริง ทำหมูสามชั้นในน้ำซอสขั้นแอดวานซ์สิบจานและจับรางวัล!
ติ๊งง-- การจับรางวัลครั้งนี้คือความว่างเปล่า! เชิญท่านมาจับรางวัลครั้งหน้า!
เฟิ่งเฉี่ยนหมดอารมณ์ ไฉนกระทั่งการจับรางวัลของระบบก็ยังไม่ละเว้นนาง ไม่ให้ความตื่นเต้นประหลาดใจแก่นางสักเล็กน้อย?
คิดถึงว่ากำลังจะไปจากวังหลวงแล้ว อารมณ์ของเฟิ่งเฉี่ยนหดหู่สุดๆ
หลังจากออกมาจากพื้นที่เสมือนจริง นางนั่งใจลอยอยู่ในลานเรือนเพียงลำพัง...
ตำหนักหงเหวิน
เหล่าขุนนางกำลังปรึกษาหารือเื่การบรรเทาสาธารณภัย ระยะนี้ฝนตกหนักติดต่อกันเป็เวลาหลายวัน แต่ละท้องที่เริ่มมีสภาพน้ำท่วม ไม่เพียงแต่ราษฎรของแคว้นเป่ยเยียนเท่านั้นที่ได้รับความเดือดร้อน ราษฎรของแคว้นหนานเยียนก็ไม่ได้ต่างกัน
ที่แตกต่างกันคือ ั้แ่วันแรกที่เกิดสาธารณภัย ราชสำนักของแคว้นเป่ยเยียนได้ให้การช่วยเหลือที่รวดเร็วและเด็ดขาดแก่ราษฎร ขอเพียงเป็ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ล้วนได้รับการช่วยเหลือทางการเงินและที่อยู่อาศัย ส่วนราชสำนักของแคว้นหนานเยียนนั้นไม่ได้แก้ไขปัญหาสาธารณภัยอย่างทันท่วงที และยังคงไม่มีการลงมาช่วยเหลืออย่างจริงจัง ดังนั้นจึงส่งผลให้ราษฎรของแคว้นหนานเยียนที่อาศัยอยู่ตามชายแดนอพยพเข้ามาในดินแดนของแคว้นเป่ยเยียน
สำหรับราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนส่วนนี้ ราชสำนักจะให้การช่วยเหลือทางการเงินและที่อยู่อาศัยหรือไม่ บรรดาขุนนางทั้งหลายยังมีความเห็นไม่เป็เอกฉันท์ ปรึกษาหารือกันั้แ่ประชุมเช้าจนถึงเวลาอาหารค่ำก็ยังไม่ได้ข้อสรุป!
หากฟังให้ละเอียดถี่ถ้วนจะพบว่า ความเห็นของขุนนางทั้งหลายแบ่งออกเป็สองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งนำโดยหลี่เต๋อหรง มีความเห็นให้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย อีกฝ่ายหนึ่งนำโดยเฟิ่งชัง มีความเห็นไม่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
“แต่ไรมาฝ่าาทรงปกครองแผ่นดินอย่างมีคุณธรรม หากครั้งนี้ขับไล่ราษฎรของแคว้นหนานเยียน ย่อมต้องได้รับการโจมตีจากราชสำนักของแคว้นหนานเยียนเป็แน่ เพราะคิดว่าฝ่าาไม่จริงใจ! แต่หากพวกเราให้ความช่วยเหลือราษฎรของแคว้นหนานเยียนในยามวิกฤติ ให้ความช่วยเหลือพวกเขา ราษฎรแคว้นหนานเยียนย่อมต้องซาบซึ้งใจ พวกเขาย่อมสรรเสริญฝ่าาว่ามีมนุษยธรรม! ครั้งนี้สูญเสียทรัพย์สินเงินทองแลกมาซึ่งคำสรรเสริญของคนนับหมื่น เหตุใดจึงไม่ทำเล่า?” หลี่เต๋อหรงพูดราวกับมีเหตุผลเต็มประดา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้