แน่นอนว่าการนอนนอกถ้ำย่อมไม่อบอุ่นเหมือนอยู่ในถ้ำ
แม้จะเติมฟืนใส่กองไฟจนลุกโชน แต่พอถึงกลางดึกเซวียเสี่ยวหรั่นก็ยังคงหนาวจนตื่นขึ้นมา
เธอขยี้ตา ตัวหนาวสั่นเขยิบเข้าใกล้กองไฟ และเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองกลิ้งเข้าไปในกองไฟ ก่อนเข้านอนยังคงวางกิ่งไม้ยาวสองสามท่อนกั้นระหว่างตนเองกับกองไฟเหมือนเดิม
เธอยื่นมือข้ามกิ่งไม้ เพื่อรับความอบอุ่น
"เหลียนเซวียน ท่านยังไม่นอนอีกหรือ พรุ่งนี้ยังต้องเดินทางอีกนะ"
อาเหลยขดตัวนอนหลับฝันหวานอยู่ข้างกองไฟ เซวียเสี่ยวหรั่นกดเสียงต่ำ
เหลียนเซวียนนั่งขัดสมาธิดูเหมือนว่าจะยังไม่นอน
เหลียนเซวียนส่ายหน้า เขาเงียบแค่ชั่วยามเดียวก็พอแล้ว
"ท่านต้องรักษาสุขภาพ พวกเรายังต้องเดินทางอีกไกลเลยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นอ้าปากหาวพลางกำชับเสียงเบา
เหลียนเซวียนผงกศีรษะ เขารู้
เอื้อมมือไปหยิบฟืนดุ้นหนาท่อนหนึ่งใส่เข้าไปในกองไฟ ให้ไฟแรงขึ้นอีกหน่อย
เซวียเสี่ยวหรั่นผิงไฟครู่หนึ่ง หนังตาก็เริ่มทะเลาะกัน ไม่อาจต้านทานความง่วงได้ ล้มตัวนอนบนเสื่อหลับสนิท
ฟังเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ เหลียนเซวียนจ้องไปที่นางอย่างครุ่นคิด
ท้องฟ้าปลอดโปร่งต่อเนื่องกันเป็เวลาสามวัน
การเดินทางนับว่าราบรื่น เจอเนินเขาและหลุมบ่อเป็ระยะ เสียเวลาเดินอ้อมไปมาก แม้ไม่พบสัตว์ใหญ่แต่กลับเจอฝูงลิงแปลกหน้าฝูงหนึ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นดีใจมาก เสี้ยมสอนให้อาเหลยเข้าไปทำความรู้จัก
แต่อาเหลยกลับหลบเลี่ยงไม่ยอมเข้าไป เซวียเสี่ยวหรั่นจนปัญญา อุ้มมันเข้าไปสื่อสารกับพวกลิง ผลก็คือเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงคำรามกับ 'อาวุธลับ' ล้นหลามก็ระดมขว้างปามาไม่ยั้ง
เซวียเสี่ยวหรั่นใอุ้มอาเหลยวิ่งหนีออกมา ถูกสิ่งของขว้างปาอยู่สองสามหน ต้องถอยร่นกลับไปยังระยะปลอดภัย
"ฮึ่ย เ้าลิงเหม็นพวกนี้ ทำไมถึงไม่เป็มิตรเอาเสียเลย อาเหลยไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกับพวกมันหรือไง" เซวียเสี่ยวหรั่นวางอาเหลยลง สีหน้าหงุดหงิดอารมณ์เสีย
เหลียนเซวียนยืนเงียบอยู่ด้านข้าง คาดเดาผลลัพธ์ล่วงหน้าได้อยู่แล้ว ฝูงลิงจะรับลิงแปลกหน้าเข้าฝูงส่งเดชได้อย่างไรกันเล่า
"ไป อาเหลย พวกเราไม่ต้องไปเล่นกับพวกมันแล้ว ใจแคบชะมัด" เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ฝูงลิง
บนต้นไม้ ลิงตัวใหญ่แข็งแรงตัวหนึ่งแยกเขี้ยวใส่นางอย่างดุร้าย
"ไอ้หยา ดุเสียด้วย ไม่น่ารักเลยสักนิด" เซวียเสี่ยวหรั่นถอยหลังอย่างลนลาน
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยมองฝูงลิงที่กระจัดกระจายอยู่บนต้นไม้ ดวงตากลมโตแลดูซึมเซาอย่างเห็นได้ชัด
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวของมันพลางปลอบประโลม "อาเหลย อย่ากลัวไปเลย พี่สาวอยู่นี่ พี่สาวจะอยู่กับเ้าเอง"
อย่างมากต่อไปถ้ามีโอกาส เธอจะซื้อลิงตัวเมียสักตัวจากคณะละครลิงมาอยู่เป็เพื่อนอาเหลย หลังจากนั้นก็หาสถานที่อยู่อาศัยใกล้กับูเา ให้อาเหลยมีฝูงลิงเป็ของตนเอง แบบนี้ก็สามารถแก้ปัญหาให้อาเหลยได้แล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นฉีกยิ้มอย่างภาคภูมิใจในแผนการอันงดงามหมดจดของตนเอง
เพียงแต่ซื้อลิงตัวหนึ่งต้องใช้เงินเท่าไร
น่าจะไม่ใช่ถูกๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นเกาศีรษะ ไม่ว่าจะไปที่ไหน หากไม่มีเงินจะขยับตัวครึ่งก้าวก็ยังยาก
ภารกิจแรกหลังจากออกจากป่าก็คือ คิดหาวิธีหาเงิน
เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มเข้าสู่ภวังค์ความคิด ว่าจะทำอย่างไรถึงจะสร้างฐานะในโลกแปลกแยกแห่งนี้ให้เร็วที่สุด
คณะเดินทางยังคงเดินหน้าต่อ แต่เซวียเสี่ยวหรั่นกลับเงียบขรึมผิดปรกติ ชวนให้คนรู้สึกอึดอัด
แม่นางผู้นี้วิตกถึงอนาคตของลิงน้อยอยู่รึ เหลียนเซวียนนึกว่านางเศร้าซึมเพราะฝูงลิงปฏิเสธไม่ให้ลิงน้อยเข้าฝูง
นางกับลิงน้อยต่างไม่เปล่งเสียงทั้งคู่ เหลียนเซวียนจึงจำต้องเดินตามเสียงลมหายใจของพวกนางอย่างเงียบเชียบ
รอจนกระทั่งถึงเที่ยงวัน ขณะเตรียมหาสถานที่พักผ่อน ก็พบสาขาเล็กๆ ของแม่น้ำสายหนึ่งอยู่เบื้องหน้า
"ยะฮู้ มีปลากินแล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นผู้คิดหาลู่ทางสู่ความมั่งคั่งมาตลอดการเดินทางดวงตาทอประกาย
ปักหลักตั้งค่ายใกล้กับลำธารทันที
"อาเหลย พวกเราจับปลากันเถอะ อีกประเดี๋ยวจะย่างปลาหอมฉุยให้เ้าตัวหนึ่ง" เซวียเสี่ยวหรั่นกล่าวด้วยรอยยิ้มชี้ไปที่ลำธาร
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยที่ตอนแรกยังดูซึมเซื่องตื่นเต้นขึ้นมาทันควัน
นักกินตัวฉกาจหนึ่งคนกับหนึ่งตัวดวงตาวับวาว
เซวียเสี่ยวหรั่นย่องไปข้างลำธาร พอหาสถานที่เหมาะสมได้แล้ว ถึงวิ่งไปหยิบตาข่ายดักปลา
"ปลาไม่น้อยเลย ข้าจะลองดูก่อน หากไม่ได้ เหลียนเซวียน คงต้องไหว้วานท่านอีกครั้งแล้ว ฮ่าๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งไปอย่างเริงร่า วางตาข่ายลงไปในน้ำอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็เริ่มเฝ้าตอรอกระต่าย
อาเหลยวิ่งไปอยู่ข้างๆ จ้องเขม็งลงไปในน้ำ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ก็ได้ยินเสียงบุ๋ง ตาข่ายถูกกระตุก
เหลียนเซวียนมุมปากกระตุก แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่านางจับพลาด
"ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ปลาเข้ามาติดร่างแหแล้วชัดๆ " เซวียเสี่ยวหรั่นโมโหกระทืบเท้า
พลาดอีกแล้ว ปลาตัวใหญ่ขนาดนั้นหนีไปต่อหน้าต่อตา
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยมองไปมองมาอยู่ด้านหลัง พอไม่เห็นปลาก็หงุดหงิด
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ยอมแพ้ วางตาข่ายลงไปในน้ำอีกหน
ไม่ช้า หลังจากได้ยินเสียงบุ๋งดังขึ้นอีกระลอก ต่อจากนั้นก็มีเสียงกระทืบเท้าอย่างโมโหโทโสตามมา
"น่าโมโหจริงๆ ไม่จับแล้ว เ้าปลานี่มันต้องเป็คู่แค้นกับข้าแน่เลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นโยนตาข่ายทิ้ง เดินกระฟัดกระเฟียดมาหาเหลียนเซวียน
"เหลียนเซวียน ท่านไปจับเถอะ"
เธอไม่ทรมานตัวเองอีกต่อไป ่บ่ายยังต้องเดินทาง ไม่อาจเสียเวลาอยู่ที่นี่
ก้นบึ้งดวงตาของเหลียนเซวียนฉายแววยิ้ม ค่อยๆ ลุกขึ้น เซวียเสี่ยวหรั่นประคองแขนของเขาไปยังสถานที่จับปลา
"อืม... จับแค่สามตัวก็พอนะ จับมากเกินไปก็กินไม่หมด ข้าไปจะก่อไฟก่อน"
เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยสงบใจลง ทั้งสองแบ่งงานกัน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตนเอง
เซวียเสี่ยวหรั่นจุดไฟเสร็จ เหลียนเซวียนก็ได้ปลามาจำนวนหนึ่ง อาเหลยจดจ้องปลาที่ะโอยู่ไม่วางตา
ปลาสองตัวเล็ก สองตัวใหญ่ กำลังเหมาะสม ปลาเฉ่าหนึ่งตัว ปลาเหลียนหนึ่งตัว อีกสองตัวเธอไม่รู้จัก
แต่ไม่ว่าจะเป็ปลาอะไร แค่ไม่ใช่ปลาปักเป้าก็พอ เซวียเสี่ยวหรั่นนำปลาออกมาจัดการ ตุ๋นปลาตัวใหญ่ สามตัวที่เหลือก็เอาไปบั้ง โรยเกลือ แล้วเอามาเสียบไม้ย่าง
กลิ่นหอมปลาย่างฟุ้งไปทั่ว
อาเหลยจ้องปลาย่างตาไม่กะพริบ น้ำลายแทบหก
"อาเหลย ให้เ้า เป่าก่อนนะ มันร้อน" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งปลาย่างตัวเล็กให้อาเหลย หลังจากนั้นก็ทำท่าเป่าให้มันดู
เื่นี้อาเหลยทำมาแล้วหลายครั้ง หลังรับปลาย่างมาก็เป่าฟู่ๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มจนตาหยี ย่างปลาต่อ "เหลียนเซวียน ท่านตกปลาเป็ไหม"
ดวงตาของเธอกลอกไปมา
เหลียนเซวียนเหลือบมองนางปราดหนึ่ง ไม่รู้ว่านางคิดอะไรได้อีกแล้ว เขาพยักหน้า
เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาเป็ประกายระยิบระยับ นางนึกแล้ว เขาต้องรู้ว่าตกปลาอย่างไร จอมยุทธ์ผู้นี้มีทักษะติดตัวมากมาย หากเขาไม่ต้องพิษ ไหนเลยจะมาทนอยู่กับคนไร้ประโยชน์อย่างเธอ ป่านนี้คงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
"รอพวกเราออกจากเขาเมื่อไร ท่านช่วยสอนข้าตกปลาได้หรือไม่"
ไฉนจู่ๆ ถึงอยากเรียนตกปลา เหลียนเซวียนจ้องนาง
"การตกปลาเป็ความสามารถพิเศษที่ต้นทุนต่ำแต่ผลตอบแทนสูง แค่มีเบ็ดตกปลาคันหนึ่งก็ตกปลาได้ทั่วทุกที่ ไม่ต้องกลัวอดตาย ทั้งยังสามารถเอาไปขายแลกเงินได้ด้วย มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต อีกอย่าง ภายหน้าข้าต้องเลี้ยงอาเหลยอีกตัว ภาระมีไม่น้อย ต้องหาเงินให้ได้มากๆ อาเหลยของพวกเราถึงจะไม่ถูกรังแก"
ต้องหาเงินซื้อบ้านสักหลัง ถึงจะปักหลักได้อย่างอุ่นใจ เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกว่าหนทางในภายภาคหน้ายังอีกยาวไกลนัก
สิ้นคำนาง แววตาของเหลียนเซวียนก็ไหววูบ สีหน้าแลดูซับซ้อนแกมตื่นตระหนก