ผู้สืบทอดนับรุ่นไม่ถ้วน ปั้นให้ ‘แดนเทพประทับ’ จารึกเป็สีสันของตำนานและปกรณัมไป
ในสายตาของเหล่าศิษย์ทั้งหลาย มีเพียงบรรดาผู้มีตำแหน่งสูงจนไม่เหลือขั้นให้เลื่อนเท่านั้นที่จะอยู่ที่แห่งนี้ สังคมของศิษย์อื่นมักยากจะไต่เต้าให้เท่าได้ หลายปีมานี้ แม้จะเป็ศิษย์จากวงสังคมชั้นสูงของสำนักก็ตาม การจะกระโจนเข้าในวังวนนี้ ก็ต้องคิดหนักไม่น้อยเลย
แต่หากพูดถึงมุมมองของศิษย์คนอื่นๆ แค่ได้เข้ามาเหยียบ ‘แดนเทพประทับ’ ก็ถือเป็สัญลักษณ์ของฐานันดรแล้ว
แสงจันทร์กำลังสุกสกาว
‘แดนเทพประทับ’ ในคืนนี้คึกคักเป็พิเศษอย่างเห็นได้ชัด
พอศิษย์ปีสี่รุ่นที่แล้วจบออกไป ศิษย์ปีสี่รุ่นใหม่ก็กลายเป็พี่ชายใหญ่ พี่สาวใหญ่ของสำนักกันหมด คนควบคุม ‘แดนเทพประทับ’ ก็มีการเปลี่ยนผู้ควบคุมใหม่ มีศิษย์ชั้นสูงโดดเด่นที่สุดสามคนทุกอย่างภายในนี้
งานเลี้ยงมีไว้เพื่อประการนี้เอง
เปลวแสงของอักขระปราณดูจะอยู่กันคนละโลกกับดาดฟ้าสวนน้ำนี้ ภายใต้แสงจันทร์ แสงสว่างประกายวิบวับ งดงามเหลือเกินจะเอ่ย
ศิษย์ทุกผู้ที่เดินผ่านเข้ามา ได้ยินเสียงบรรเลงหวิวๆ ของกิ่งไผ่ ล้วนแล้วแต่ริษยาอย่างปิดไม่อยู่
น่าเสียดาย ที่เงื่อนไขในการเข้ามานั้นสูงเกินเอื้อม แม้แต่ตระกูลชั้นสูงชั้นปลายแถวยังไร้สิทธิ์ย่างกรายเข้ามา
เหมือนดั่งราตรี ใจของเี๋เี่าเปรมปรีดิ์ไม่แพ้กัน
เพราะนี่เป็ครั้งแรกที่นางได้เข้ามาเหยียบ ‘แดนเทพประทับ’
นับแต่วินาทีแรกที่เข้าสำนักกวางขาวมา หนึ่งในเป้าหมายของนางก็คือ มีความสามารถมากพอที่จะเข้า ‘แดนเทพประทับ’ เป็หนึ่งในสมาชิกกลุ่มศิษย์เหนือชั้นเหล่านี้ให้ได้ในสักวัน
จนบัดนี้นางลงทุนไปไม่รู้เท่าไร เคยแม้กระทั่งถูกปฏิเสธและเย้ยหยันครั้งแล้วครั้งเล่า
นางเกลียดตัวเองที่มิได้เป็ชนชั้นสูงแต่กำเนิด เกลียดพ่อแม่ที่เป็แค่คนจนต้อยต่ำ
เี๋เี่ามีวรยุทธ์ล้ำเลิศขนาดนั้นชัดๆ เหนือกว่าพวกลูกคุณหนูเมาหยำเปนั่นเป็ไหนๆ แต่กลับต้องมารับกรรม น้อยเนื้อต่ำใจกับฐานะต้อยต่ำของตัวเอง ต้องพยายามมากกว่าคนอื่นร้อยเท่าพันเท่าถึงมายืนอยู่จุดนี้ได้
และที่นางมาปรากฏตัวใน 'แดนเทพประทับ' ในคืนนี้ มิใช่เพื่อเพราะวงสังคมนี้ยอมรับนางแล้วเลย แต่เป็เพราะหานเซี่ยวเฟยให้บัตรเชิญเข้างานกับนางมาต่างหาก
ดูสิ นี่แหละความเป็จริงอันน่าขำ
ลูกคุณหนูสามารถส่งบัตรเชิญใครก็ได้ตามใจชอบ แต่คนชั้นต่ำยากจนแม้จะพยายามเืตากระเด็นขนาดไหนก็ไม่มีทางได้มา
แม้ในใจนางรู้สึกเศร้าสลดเหลือเกิน แต่กลับสวมชุดราตรีที่งามที่สุดเท่าที่มี ให้ตนสวยเจิดจ้าแทงตาไปสี่ทิศ ดวงหน้าประดับรอยยิ้มสมจริงและสะสวยที่สุด นางโอบแขนหานเซี่ยวเฟยไว้แล้วเผยตัวเข้างานเลี้ยง
นางรู้สึกได้แจ่มชัด ว่าเพียงตนปรากฏตัวชั่ววินาที ศิษย์ชายนับไม่ถ้วนก็ั์ตาเป็ประกาย
เหล่าหญิงชั้นสูงทั้งหลายทั้งแหล่ ไม่อาจเปรียบปานนางได้แม้แต่คนเดียว
“เซี่ยวเฟย เ้ามาช้า ช้าอีกหน่อยได้ลงโทษดื่มเหล้า...” หนุ่มร่างสูงผู้หนึ่งเดินเข้ามาทักทายหานเซี่ยวเฟย หลังจากนั้นสายตาก็มองมาที่นางโดยอัตโนมัติ เขาเอื้อนเอ่ย “คนรักเ้างามนัก ทายาทตระกูลมั่งคั่งบ้านใดกันนี่...คุ้นๆ อยู่นะ...”
ตอนที่พูดนั้น ก็มีคนรู้จักกับหานเซี่ยวเฟยเข้ามาทักทายอีกสองสามคน
“ข้าขอแนะนำสักหน่อย นางคือเี๋เี่าแห่งลู่ิ เข้ามาเมื่อยี่สิบวันก่อน” หานเซี่ยวเฟยยิ้มพลางเอ่ยแนะนำ เขาทั้งอ่อนโยนและงามสง่า
“เี๋เี่า? โอ้ ข้าเคยได้ยิน...” บุรุษร่างสูงคิดขึ้นมาได้ เขาย่นคิ้ว
เี๋เี่าเองก็เป็เพชรเม็ดงามของศิษย์ปีสี่ แต่เป็เพราะชาติกำเนิด ถึงไม่มีโอกาสได้เข้ามายัง ‘แดนเทพประทับ’ คิดไม่ถึงเลยว่าหานเซี่ยวเฟยจะพานางมาด้วยจริงๆ ไม่เหมาะสมกับกฎระเบียบอย่างไรก็ไม่รู้
แต่หากครุ่นคิดดูอีกที หนึ่งในผู้นำ ‘แดนเทพประทับ’ ตอนนี้ ก็ยังเป็ลูกพี่ลูกน้องของหานเซี่ยวเฟย หานซวงสวี่ ข้องเกี่ยวกันเช่นนี้แล้ว เ้าตัวคงไม่ถูกทำโทษหรอกกระมัง
ไม่ทันอึดใจดี รอบกายหานเซี่ยวเฟยก็ห้อมล้อมไปด้วยคนไม่น้อยมารวมตัว
เี๋เี่าใช้ความพยายามทุกรูปแบบ จึงได้คุยถูกคอกับลูกหลานชนชั้นสูงอย่างรวดเร็ว สำเร็จไปหนึ่ง ไม่อาจไม่ยอมรับว่าสตรีงามนางนี้มีเสน่ห์และทักษะหาตัวจับยาก
“ได้ยินมาว่าศิษย์พี่เซี่ยวเฟยกับศิษย์น้องเสี่ยวหานก็ไปดูสนามสอบเข้าปีนี้มาหรือ? เจออะไรน่าสนใจหรือเปล่า?” หนุ่มร่างสูงดื่มกรึ่มๆ ได้ที่แล้วไถ่ถามขึ้น
หานเซี่ยวเฟยยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ศิษย์น้องเสี่ยวหานบังเอิญเจอศัตรูเก่าเข้า...”
“โอ้? ศัตรูไหน ว่ามาข้าพร้อมฟัง” มีคนไหลตามน้ำไปด้วย
เี๋เี่าวางแก้วเหล้าในมือลง ก่อนแย้มยิ้มงามจับจิตแล้วตอบสบายอารมณ์ “เป็เพื่อนเล่นสมัยเด็กข้าน่ะ แล้วก็มาสอบเข้าสำนักด้วยเหมือนกัน แต่เพราะหลายปีมานี้เขาเจออะไระเืใจบ่อยครั้ง สมองถึงไม่ค่อยปกติบ้างบางส่วน คิดว่าตัวเองมีพร์ พอหลังชนฝาแล้วก็เสียใจจนสติแตก ข้าเห็นเขาน่าสงสาร ก็เลยชี้แนะไปตามเื่...”
“ก็แค่พวกชั้นต่ำไม่มีแม้กระทั่งสมองตัวเองน่า ศิษย์น้องเสี่ยวหานจิตใจงามเกินไปแล้ว ที่จริงเ้าไม่ต้องสนใจอะไรเขาเลยก็ได้นะ” สตรีคนหนึ่งกะพริบตาโตๆ นั่นพลางเสริม
“เฮ้อ ข้าทนไม่ไหวน่ะสิ...” เี๋เี่าถอนหายใจ สีหน้าสลดหดหู่
“เพื่อนเล่นสมัยเด็กของศิษย์น้องหรือ? ถ้าอย่างงั้นอย่าบอกนะว่า มันอายุสิบสี่สิบห้าแล้วน่ะ? ฮ่าๆ ป่านนี้แล้วยังสอบไม่ผ่านอีก ต้องเป็ไอ้โง่เง่าเต่าตุ่นไม่มีผิด...” บุรุษร่างสูงหัวเราะฮ่าๆ
จวนจบแล้ว เขาจึงเอ่ยถาม “ไม่รู้ว่าเ้าเขลาคนนี้ชื่อว่าอะไรหรือ? บอกให้ทุกคนรู้ซิ ฮ่าๆ!”
“จริงด้วย อย่างไรก็เป็เื่ที่น่าสนใจพอตัวเลยนะ” หานเซี่ยวเฟยว่ายิ้มๆ “ใช่แล้ว ปลาไหลในตมตัวนั้นมีนามว่ากระไรหรือ? ศิษย์น้องเสี่ยวหาน”
เจี๋ยงเสี่ยวหวานได้ฟังแล้วก็ตอบด้วยอารมณ์ขัน “จะว่าไปแล้ว เด็กผู้ชายคนนี้ก็มีชื่อเสียงเล็กๆ ในลู่ิเหมือนกันนะ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทางด้านดีเลย...เขาชื่อเ่ิู!”
เสียงจอแจเงียบลงทันที
เด็กหนุ่มร่างสูงกับทายาทคนอื่นต่างก็ยิ้มค้าง
“เ่ิู?” น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย “เด็กคนนั้น คือเพื่อนสมัยเด็กเ้าหรือ?”
เี๋เี่าในตอนแรกยังไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าของผู้คน นางจึงตอบยิ้มแย้ม “ใช่แล้ว เป็คนที่ถูกเรียกว่าฟ้าประทานอันดับหนึ่งเมื่อก่อนน่ะ ตอนที่ท่านเ้าสำนักล้อเล่นขำๆ เขาก็คิดเป็ตุเป็ตะ จะว่าไปแล้วก็น่าสงสารจริงๆ เลยนะ...”
หลังเี๋เี่าจากสนามสอบเืลมปราณมา นางก็ไปเลือกอาภรณ์งามๆ จัดเตรียมสำหรับสวมมางานเลี้ยงฉลองกับหานเซี่ยวเฟยคืนนี้ ด้วยเหตุนั้นเองเหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างนางจึงไม่รู้เลย
การเข้าร่วมงานเลี้ยงของ ‘แดนเทพประทับ’ ได้ สำหรับเด็กสาวที่รักชื่อเสียงเรียงนามยิ่งชีพเช่นนาง คือสิ่งสำคัญที่สุดั้แ่เข้าสำนักกวางขาวมาอย่างไร้กังขา ทั้งจิตทั้งใจของเธอจึงมุ่งมั่นอยู่กับความยินดี ไม่ได้ไปติดตามดูเ่ิูอีกเลย
และคนที่อยู่เป็เพื่อนเี๋เี่าตลอดอย่างหานเซี่ยวเฟย ก็ย่อมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นเดียวกัน
แต่บุรุษร่างสูงและเหล่าสหายศิษย์ปีสี่รู้จริงเห็นแจ้งนักถึงความน่ากลัวของเ่ิู
และผลลัพธ์ทั้งห้าด่าน ไม่เพียงเข้าสำนักกวางขาวได้เท่านั้น ผลทดสอบยังเป็ลำดับที่ยี่สิบเอ็ดอีก คนเช่นนี้น่ะหรือ ที่เี๋เี่าพูดออกมาได้ว่าน่าสงสาร?
ทั้งนคร ไม่รู้มีกี่คนที่รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างจัง และยังไม่รู้อีกกี่คนที่หวังจะเป็อย่างคนที่นางเรียกว่าน่าสงสารได้!
“เอ้อ ศิษย์พี่หาน เื่เ่ิูน่ะ...ท่านก็คิดว่าเขาเป็หนอนน่าสมเพชเหมือนกันหรือ?” หนุ่มร่างสูงชักเยือกเย็น แต่ไหนแต่ไรมาเขาไร้เื่บาดหมางกับหานเซี่ยวเฟย จึงได้กระแอมไอสองครั้ง จงใจตักเตือน อย่าริพูดอะไรแสลงหู
แต่หานเซี่ยวเฟยกลับคิดไม่ถึง เขายิ้มสบายอารมณ์ “มีอะไรผิดแปลกไปหรือ? แค่ปลาไหลในตมฝันอยากเป็ฟ้าประทาน เพ้อพกจะะโเข้าประตูั ฝันลมๆ แล้งๆ จนเกินตัว สุดท้ายก็เสียสติบ้าไปแล้ว!”
เี๋เี่ายิ้มรับ นางกล่าวสมทบ “ใช่ เ่ิูเขาบ้าไปแล้ว กลายเป็เื่ตลกของลู่ิ เขามาเข้าร่วมการสอบเป็ครั้งที่ห้าแล้ว อาจารย์หลิวเหิงผู้คุมด่านเืลมปราณ เพราะไม่อยากให้เขาขายขี้หน้าถึงได้จงใจบอกให้เขารอจนไม่มีคนมาสอบอีกค่อยสอบ ใครจะรู้ว่าเขาไม่รู้เื่อะไรเลย หนำซ้ำยังปั่นป่วนสนามสอบ ข้าเห็นแก่ความหลังถึงได้เข้าไปตักเตือนเขา แต่กลับถูกเขาหัวเราะเยาะเสียอีก...”
พูดไม่ทันจบดี กลับมีเสียงแทรกเข้ามา
“เสแสร้ง! น่าขำ! น่าสมเพช! พวกโง่!” คำสองสามพยางค์นี้เน้นชัดยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ปิดความรังเกียจเหยียดหยามแม้เพียงนิด เป็ที่ชัดเจนว่า้าแทงทั้งเี๋เี่าและหานเซี่ยวเฟย
สีหน้าบุรุษผู้ถูกด่า เคร่งขรึมขึ้นมา
ใครมันกล้าทำโอหังต่อหน้าคนอย่างเขา
เขาหันขวับอย่างโกรธขึ้ง เห็นเส้นแสงวิบวับอยู่ไกลๆ ร่างสวมชุดกระโปรงยาวขาวผ่องดั่งหิมะย่างกรายเข้ามา
โทสะบนใบหน้าเขาหายไปอย่างสิ้นเชิง
อีกฝ่ายที่กำลังเดินมานั้นคือนารีงามล้ำราวกับเทพธิดา
รูปร่างดีพร้อม ทรวดทรงองค์เอวอ้อนแอ้น เส้นผมดำขลับหนาดั่งเมฆดำบิดม้วนกาย หลั่งรวมกับผิวพรรณหมดจดราวกับหยก งดงามราวเทพธิดา แม้จะเป็ชุดกระโปรงลูกศิษย์ลูกหาธรรมดา แต่ยามสวมอยู่บนร่างของนางก็ราวกับเป็สีสันแห่งเทพธิดา สวมใส่ขึ้นในสิ่งที่หญิงอื่นสวมใส่ไม่ขึ้น อาจเพราะขายาวกลมกลึงได้สัดส่วนนั่นด้วยกระมัง
นางเดินจากรัตติกาลเข้ามาหา ประดุจเซียนเ็าหลีกลี้การสมาคมกับโลกภายนอก
“ที่แท้ก็ไป๋อวี้ชิง ศิษย์พี่ชิง!”
“คารวะศิษย์พี่ไป๋”
“มิน่าเล่าแม้แต่หานเซี่ยวเฟยยังไม่ไว้หน้า ที่แท้ก็เซียนอันดับหนึ่งของสำนักกวางขาวไป๋อวี้ชิงนี่เอง ตอนนี้นางก็เป็หนึ่งในสามประธานของ ‘แดนเทพประทับ’ ด้วยนะ”
“อำนาจตระกูลไป๋ในลู่ิ ไม่มีอะไรด้อยหรืออ่อนแอไปกว่าบ้านตระกูลหานเลยแม้แต่นิดเดียว!”
ยามที่คนรอบด้านพูดคุยกันจอแจ ศิษย์ทั้งหมดก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพเซียนชุดขาวไป๋อวี้ชิง ความจริงแม่นางที่งามจนคนตะลึงนี้เป็หนึ่งในศิษย์ตำแหน่งสูงสุดของเหล่าปีสี่ชั้นสูงทั้งปวง
แม้แต่หานเซี่ยวเฟยยังมิกล้าละเลย รีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพนาง
เี๋เี่าก้มหัวเล็กน้อย ั์ตาเรืองรองด้วยความบ้าคลั่งและหักห้ามใจ นางรู้ดีว่าเมื่อครู่หญิงผู้นี้ฉะนางโดยตรง แต่ก็มิกล้าแม้แต่จะแสดงความไม่พอใจ
สถานะและตำแหน่งของไป๋อวี้ชิงนางนี้ คือศัตรูที่เี๋เี่าทั้งอิจฉาและริษยาเป็ที่สุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้