รสชาติไก่ย่างไม่ใส่เกลือจืดสนิท แต่เนื้อไก่มีกลิ่นหอมโดยธรรมชาติ จึงยังคงเย้ายวนสำหรับคนสองคนที่หิวท้องหิวโซมาทั้งวัน
เซวียเสี่ยวหรั่นกินน่องไก่หนึ่งน่องกับปีกสองชิ้น ก็นับว่าอิ่มสบายท้อง
เนื้อส่วนที่เหลือ ให้เกลี้ยกล่อมอย่างไรเธอก็ไม่ยอมกิน
"หากเ้ายังผอมไปมากกว่านี้ก็คงเหลือแต่กระดูกแล้ว" เหลียนเซวียนขึงตาใส่นางอย่างไม่สบอารมณ์
"ที่ไหนกัน ก่อนหน้านี้ข้ากินผลนมแพะไปเยอะแล้ว อีกอย่างวันนี้ทั้งวันข้าเดินแค่ไม่กี่ก้าว มิได้ออกแรงอะไรเลย กลับเป็ท่านเสียอีก วิ่งมาทั้งวัน ทั้งยังได้รับาเ็ เนื้อแค่นี้ไม่พออิ่มครึ่งท้องของท่านด้วยซ้ำ หรือไม่อย่างนั้นท่านไปล่าสัตว์มาอีกตัว ข้าจะย่างให้ท่านเอง"
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งไปล้างมือที่ริมสระน้ำ พลางหันมาพูดกับเขาเหยียดยาว
"ไม่ต้องหรอก เ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เข้านอนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า" เหลียนเซวียนเอ่ยพลางกินไก่ส่วนที่เหลือ
"ไม่ต้องเดินกลางคืนหรอกหรือ พวกเขาจะตามมาทันหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นมองไปในป่าท่ามกลางความมืด
"ไม่หรอก ข้าล่อพวกเขาไปอีกทางแล้ว"
เขาลอยคออยู่ในน้ำใต้ดินค่อนข้างนาน หลังขึ้นฝั่งก็เดินอ้อมไปอ้อมมาอยู่หลายทาง หลังจัดฉากลวงศัตรูเสร็จเรียบร้อยถึงย้อนกลับมาทางนี้
นี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้เขากลับมาช้า
พอได้ยินว่าไม่ต้องเร่งเดินทาง่กลางคืน เซวียเสี่ยวหรั่นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากนั้นก็หยิบเสื้อของเหลียนเซวียนไปริมสระน้ำ
เสื้อตัวนอกกับเสื้อตัวในมีรอยขาดหลายแห่ง หลังซักสะอาดแล้ว กางเสื้อออกมาดู ด้านหลังมีรอยขาดยาวสองรอย
แต่เธอไม่มีเข็มและด้าย จึงได้แต่ถอนหายใจ นำเสื้อไปพาดบนกิ่งไม้ด้านข้าง หลังจากนั้นก็แวะปีนขึ้นไปบนโขดหิน เก็บสเปรย์พริกใส่กลับลงไปในกระเป๋า
ขณะที่นางกลับมานั่งข้างกายเหลียนเซวียน เขาก็กินไก่ย่างหมด และล้างมือสะอาดเรียบร้อย
"เหนื่อยไหม" เขาโยนฟืนเข้าไปในกองไฟ ก่อนกระซิบถามเสียงเบา
เซวียเสี่ยวหรั่นสั่นศีรษะ เขาแบกเธอมาตลอดทาง แล้วเธอจะพูดได้อย่างไรว่าเหนื่อย
เหลียนเซวียนมองดวงหน้าดื้อดึงอันเล็กจ้อย ไหนเลยจะไม่รู้ทันความคิดของนาง
"นอนเถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะออกจากเขาแล้ว"
"คนร้ายเ่าั้จะไม่ตามมาอีกใช่ไหม" เห็นเขาสงบนิ่งเช่นนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นก็ถามอย่างอดไม่ได้
"เหลิ่งอีาเ็สาหัส ไม่มีหัวหน้าคอยบัญชาการ พวกเขาตามไม่ทันอยู่แล้ว"
หากไม่ใช่เพราะเหลิ่งอีคุ้นเคยกับการกระทำและกิจวัตรประจำวันของเขาเป็อย่างดี วันนี้จะถูกดักรอที่ทุ่งหญ้าแห่งนั้นได้อย่างไร
เขาาเ็สาหัส ต่อให้ฝืนติดตามทั้งที่าเ็ ก็หาใช่สิ่งที่ต้องหวาดกลัว
เหลียนเซวียนดวงตาเยียบเย็นดุจวารี
เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขาปราดหนึ่ง ทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูดแต่กลับอมพะนำ
"มีอะไรหรือ?" เหลียนเซวียนไม่คลาดจากสีหน้าของนาง
"อืม... ไม่อย่างนั้น หลังกลับไป พวกเราแยกกันเดินทางกันเถอะ"
วันนี้ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสมองไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง เซวียเสี่ยวหรั่นกลัวว่าเขาจะพลาดพลั้ง
เหลียนเซวียนอึ้งงัน หันไปมองนางด้วยแววตาสับสนว้าวุ่น
"ท่านอย่าเข้าใจผิด ข้ารู้สึกว่าท่านรีบเร่งกลับเมืองหลวง แต่ความเร็วของรถม้ากลับช้ามาก คงทำให้ท่านเสียเวลาเป็แน่ ดังนั้นพวกท่านจะไปก่อนก็ได้ พวกเราจะค่อยๆ ตามไปทีหลัง"
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบชี้แจง
"เสี่ยวหรั่นไม่พอใจข้าที่ทำให้เ้าเดือดร้อน" น้ำเสียงของเหลียนเซวียนนิ่งลึก
"แน่นอนว่าไม่ใช่ พวกเราต่างหากที่สร้างความยุ่งยากให้การเดินทางของท่าน" เซวียเสี่ยวหรั่นส่ายหน้ารัว
หากพวกเขาใช้ม้าเร็วลงแส้ พวกเขาจะเสียเวลาเดินทางน้อยลงมากอย่างแน่นอน
เหลียนเซวียนมองนางด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่หัวใจกลับปั่นป่วน ความรู้สึกสูญเสียวนเวียนอยู่รอบตัวเขา
นางหาได้สนใจเขาอย่างที่จินตนาการไว้
ถึงนางจะเชื่อมั่นในตัวเขามาก แทบไม่เคยปฏิเสธเขาเลย แต่ยังห่างไกลกับสิ่งที่เขาคาดหวังในใจมากนัก
แม้เขาจะจุมพิตนาง นางก็ไม่ร้องขอความรับผิดชอบจากเขา ท่าทีก็ไม่ต่างจากเดิมมากนัก
ดูสิ แม้แต่บอกให้แยกกันเดินทาง ก็ยังพูดออกมาได้สบายๆ
เหลียนเซวียนนึกถึงตอนอยู่ในป่า นางเคยกล่าวไว้ว่า มหามรรคาเทียบเทียมฟ้า ต่างคนต่างเดินไปตามเส้นทางของตนเอง
เขาคิดถึงเื่นี้เรียบง่ายเกินไป เหลียนเซวียนรู้สึกพ่ายแพ้เล็กๆ ในใจ
"พักก่อนเถอะ ปรกติเวลานี้เ้าหลับนานแล้ว"
เหลียนเซวียนเปลี่ยนเื่คุย แต่ไรมานางเป็คนขี้เซา ยามอยู่ในป่า เหนื่อยขึ้นมาแค่ล้มตัวลงนอนก็หลับเป็ตาย
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขาไม่รับปากก็จนใจอย่างถึงที่สุด
ประเสริฐ... เธอเองก็ง่วงแล้ว ั้แ่มาถึงที่นี่ เธอเคยชินกับการเข้านอนเร็ว หลังผ่านวันอันแสนระทึกใจ เธอรู้สึกอ่อนล้า ความง่วงยิ่งเพิ่มเป็ทวี
เซวียเสี่ยวหรั่นมองซ้ายมองขวา ที่พื้นมีแต่กรวดหิน "ข้าจะไปนอนบนโขดหินก้อนนั้น หินกรวดมันคมเกินไป"
จากนั้นก็สนใจแต่ปีนขึ้นไปนอนบนโขดหินใหญ่ เอากระเป๋าสะพายมาหนุนแทนหมอน
มองท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่ไพศาลล้ำลึกไร้ขอบเขต หมู่ดาวทอประกายระยิบระยับ เซวียเสี่ยวหรั่นกะพริบตาอย่างง่วงงุนก่อนจะเคลิ้มหลับไป
มีเหลียนเซวียนอยู่ใกล้ๆ เธอสามารถหลับได้อย่างอุ่นใจ
เหลียนเซวียนลุกขึ้น ะโเบาๆ ไปปรากฏตัวข้างกายนาง
นั่งลงในท่าขัดสมาธิ หลุบตามองคนที่หลับใหลอยู่ตรงหน้า
ดวงหน้าเล็กเพียงฝ่ามือ คิ้วเรียวได้รูปทรง หลับตาสนิท แพขนตายาวงามงอน จมูกเล็กๆ น่ารัก ริมฝีปากชุ่มชื้นอมชมพู เครื่องเคราใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา แม้ไม่งามถึงขั้นทำให้คนตกตะลึงยามพบเห็น แต่ก็เป็ดรุณีน้อยที่น่ารักสดใสคนหนึ่ง
ดวงตาของเขาเพิ่งกลับมามองเห็นเพียงแค่หนึ่งเดือน ดวงหน้านี้ยังไม่อาจนับว่าคุ้นเคยได้
แต่ความจริง พวกเขากลับอยู่ร่วมกันทั้งวันทั้งคืนมาครึ่งปีกว่าแล้ว
เขาสามารถคาดเดาความคิดของนางจากคำพูดเพียงประโยคเดียวหรือไม่ก็การกระทำเล็กๆ น้อยๆ
เขายื่นมือออกไปปัดลูกผมเล็กๆ ที่จอนผมให้นางอย่างอ่อนโยน
แม้ว่านางจะยอมรับสถานะใหม่ของตนเอง แต่เหลียนเซวียนไม่อาจรับประกันได้ว่านางจะยอมรับสถานะของเขาได้
เหลียนเซวียนมองดวงหน้ายามนิทราของนาง พลางประเมินสถานการณ์ในใจ
ก่อนถึงยามรุ่งอรุณ เซวียเสี่ยวหรั่นถูกปลุกให้ตื่นจากเสียงร้องอันเริงร่าของเหล่าสกุณา
นางลืมตา พลิกกายตะแคงข้างมาก็พบว่ามีของบางอย่างขวางศีรษะของตนเองอยู่ สีสันก็ยังดูคุ้นตาอีกด้วย
เธอลุกขึ้นมานั่ง กะพริบตาถี่ๆ "ท่านแล่นมาบนโขดหินได้อย่างไร"
"หากข้าไม่ขึ้นมา เ้าก็คงตกลงไปแล้ว" เหลียนเซวียนมองนางด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เขาสวมอาภรณ์ที่ซักสะอาดแล้วเมื่อคืน
เซวียเสี่ยวหรั่นตะลึงงัน รีบมองซ้ายมองขวา
ไอ้หยา หินก้อนใหญ่ขนาดนี้ เธอยังกลิ้งมาถึงริมสุดได้
เซวียเสี่ยวหรั่นเกาศีรษะอย่างเก้อเขิน "แปลกจัง ยามหลับบนเตียง ก็ไม่เห็นจะเป็แบบนี้เลยนี่นา"
"ต้องโทษหินก้อนนี้แข็งเกินไป" เหลียนเซวียนกลับเข้าใจเหตุผล เมื่อร่างกายทับถูกของแข็ง ย่อมนอนดิ้นไปหาที่สบายกว่าไม่อาจนอนนิ่งอยู่ที่เดียวนานเกินไป
เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้าคล้อยตาม "ข้าไปล้างหน้าก่อน"
เธอปีนลงมาจากโขดหิน วิ่งไปข้างสระน้ำ มองดูก่อนว่ามีงูน้ำหรือไม่ ถึงล้างหน้าบ้วนปากอย่างสบายใจ
จนกระทั่งเหลียนเซวียนหิ้วไก่มากลับมา เซวียเสี่ยวหรั่นเด็ดผลนมแพะมากำใหญ่กำลังเอาไปล้างให้สะอาด
ทั้งสองไม่คุยกันมาก ต่างคนต่างทำงานของตนเอง
เซวียเสี่ยวหรั่นล้างผลนมแพะสะอาดแล้วก็เอามากองไว้ด้านข้าง แล้วรับไก่ป่าซึ่งถอนขนแล้วมาจากมือของเหลียนเซวียน
"ท่านไปล้างหน้าบ้วนปากเถอะ ส่งมีดให้ข้า เดี๋ยวข้าจัดการเอง"
เซวียเสี่ยวหรั่นยื่นมือมา เหลียนเซวียนมองหน้านิ่งๆ พลางรับปาก "ได้"
แต่ไรมานางชอบดูแลผู้อื่น บางทีเขาควรเปลี่ยนวิธีการ
เหลียนเซวียนส่งมีดให้ เดินไปยังสระน้ำอย่างครุ่นคิด
