“พวกเ้าไร้ยางอาย คนจำนวนมากเช่นนี้รังแกข้าเด็กน้อยตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว ไร้ยางอายเสียจริง! แน่จริงก็มาสู้กับข้านายน้อยตัวต่อตัวสิ…” จ้านอู๋มิ่งมองดูกลุ่มคนชุดดำที่กำลังใกล้เข้ามา สีหน้าซีดเผือด ร่ำร้องขึ้นอย่างตะกุกตะกัก
สัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวที่อยู่ด้านล่างตะกุยพื้นไม่ยอมอยู่นิ่ง เสียงน้ำตกไหลลงอย่างเชี่ยวกรากดังก้องกังวานทางข้างหลัง ทำให้จ้านอู๋มิ่งตื่นตระหนกจนเสียขวัญ คนพวกนี้ไล่ล่าตามติดเขาอยู่ทางด้านหลังตลอดเวลาราวผีสาง ทำให้เขารู้สึกอับจนปัญญาจริงๆ ผู้ใดกันแน่ที่้าจัดการกับตน? กลับใช้โอกาสในฤดูกาลล่าสัตว์ของตระกูลมาดักซุ่มโจมตี เห็นได้ชัดเจนว่า คนพวกนี้ไม่ได้คิดจะฆ่าเขาให้เสียชีวิตทันที มิฉะนั้นเขาคงตายไปนับร้อยครั้งั้แ่แรกแล้ว
คนชุดดำแสยะยิ้มน่าเกลียดพลางค่อยๆ โอบล้อมเข้ามา
“พวกเ้าทุกคนจงหยุด มิฉะนั้นข้าจะะโลงไปจากที่นี่ พวกเ้าจะไม่ได้อะไรจากข้าไปแม้แต่น้อย…” พูดพลางจ้านอู๋มิ่งก็ก้าวะโถึงขอบน้ำตกพูดจาข่มขู่ขึ้น
คนชุดดำกลุ่มนั้นใ ไม่กล้าก้าวต่อไปข้างหน้าอีก ดูเหมือนพวกมันจะกลัวจ้านอู๋มิ่งะโลงไปจริงๆ
“เดรัจฉานนัก! น้ำลึกอะไรขนาดนี้ แค่มองก็เวียนหัวแล้ว จะทำอย่างไรดี? ไม่รู้ว่าบรรดาพี่ๆ จะพบว่าข้าสูญหายไปแล้วหรือยัง และจะรีบออกตามหาจนถึงที่นี่หรือไม่…” จ้านอู๋มิ่งหันไปเหลือบมองสายน้ำตกที่คล้ายดั่งกำลังพุ่งดิ่งลงไปในเหวลึก ในสายตาเขา เหล่าต้นไม้ใหญ่ ณ บริเวณก้นหุบเขาเฉกเช่นต้นหญ้าเล็กๆ กำลังพลิ้วไหวไปมาตามสายลมก็มิปาน ทำให้เขาท้อแท้หมดกำลังใจยิ่งขึ้น
ถ้าฝ่ายตรงข้ามล้อมบุกเข้าเพื่อจับตนจริงๆ ตนจะะโลงไปหรือว่าไม่ะโ? ถ้าไม่ะโ มิอาจรู้ได้ว่าคนชุดดำจะสังหารตนจริงๆ หรือไม่ ะโลงไปบางทียังมีโอกาสรอดชีวิตก็ได้…เดรัจฉานเอ๊ย พี่ชายเป็กลัวความสูงนะ!
“ขอเพียงเ้ายอมตามพวกข้าไป พวกข้าจะไม่ทำร้ายเ้าอย่างเด็ดขาด…”
“ถ้าเช่นนั้นเ้าบอกข้าก่อนว่าผู้ใดบงการอยู่เื้ั ข้าค่อยพิจารณาดูอีกครั้งว่าจะยอมจำนนหรือไม่”
“เ้าอย่าได้รู้ความเป็มาของพวกข้าจะดีที่สุด มีเพียงคนตายเท่านั้นที่ไม่มีความอยากรู้อยากเห็น!” หนึ่งในคนชุดดำพูดเสียงเ็า
“ว้าว พวกเ้ามีความสามารถเล็กน้อยเพียงแค่นี้เอง ข่มขู่เด็กน้อยที่ไร้เรี่ยวแรงจะมัดขาไก่ผู้หนึ่ง นับเป็วีรบุรุษอันใดกัน?” จ้านอู๋มิ่งพยายามถ่วงเวลาสุดชีวิต เข้าใกล้ตัวสัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวมากขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ยืนอยู่ริมหน้าผาสูงชัน ฟังสายธาราของน้ำตกไหลลงซัดกระหน่ำใส่โขดหินใหญ่จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวแล้ว ในใจรู้สึกสับสนวุ่นวาย คล้ายดั่งกลองั์นับพันกำลังลั่นรัวบรรเลง
“เอ๊ะ…” คนชุดดำอุทานขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
ท้องฟ้ามืดครึ้มลงกะทันหัน ดุจดั่งม่านฟ้าถูกห้อยปิดลงมาอย่างฉับพลันก็มิปาน
“รวดเร็วถึงเพียงนี้ เดี๋ยวฝนก็จะตกแล้ว? ภูมิอากาศของป่าสัตว์อสูรช่างแปรปรวนสุดหยั่งถึงจริงๆ” ใครบางคนพึมพำ
“ไอ้หนู หากเ้ายังไม่อยากตาย ก็จงเชื่อฟังแต่โดยดี ตามพวกเราไปทันที” มีบางคนเริ่มขุ่นข้องรำคาญแล้ว
“อา โอ้์ เกิดอะไรขึ้น…” ทันใดนั้นจ้านอู๋มิ่งะโขึ้นเสียงดังลั่น มองท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัวยิ่งนัก
เหล่าคนชุดดำตื่นตระหนก มองขึ้นไปตามทิศทางสายตาจ้านอู๋มิ่ง ทันใดนั้นบนท้องฟ้ามืดครึ้มปรากฏกระแสวนอันใหญ่โตมโหฬาร แลดูน่าสะพรึงกลัวท่ามกลางเหล่าบรรดาก้อนเมฆที่กำลังปั่นป่วนสับสนอลหม่าน ทุกคนยังมิทันมีปฏิกิริยาใดๆ จู่ๆ ก็มีลำแสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นจากกลางกระแสวนขนาดั์นั้น
“ว้าว…” นอกจากนี้ จู่ๆ ยังเกิดประจุอสนีประกายสายฟ้ามหึมาสว่างวาบขึ้น ขับไล่ความมืดออกไปในทันใด ตามด้วยประกายลำแสงเจิดจ้าจากกลางกระแสวนสาดส่องพุ่งลงมา
“อา…” จ้านอู๋มิ่งยังมิทันตระหนักว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ก็เห็นประกายแสงลอยออกจากกลางกระแสวนตรงดิ่งตกลงมาที่ตน กระหน่ำลงบนศีรษะอย่างหนักหน่วง ร่างกายถูกแรงกระแทกมหาศาลจนตัวลอยขึ้นสูงลิ่วในทันที ก่อนร่วงหล่นตกลงไปในน้ำตกเหวลึกนับร้อยวาด้านล่าง
ทุกอย่างอุบัติขึ้นรวดเร็วเกินไป การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ทำให้บรรดาคนชุดดำใจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เบิกตามองจ้านอู๋มิ่งร่วงหล่นลงไปในเหวน้ำตก
“ตูมมม……” ประจุสายฟ้าที่ตามมาฟาดลงมาจากกลางอากาศ กระหน่ำใส่หน้าผาจนเกิดหลุมลึกขึ้นหลุมหนึ่ง สัตว์อสูรวิหคกระจอกขาวไร้พลังต้านทานใดๆ กลายเป็ขี้เถ้ากองหนึ่งไปทันที ผู้คนชุดดำโดยรอบต่างถูกคลื่นความร้อนจู่โจมแผดเผาจนชุลมุนวุ่นวาย
“น้องสี่……”
“นายน้อย……”
่เวลาชั่วพริบตาที่ร่วงหล่น จ้านอู๋มิ่งคล้ายดั่งได้ยินเสียงะโเรียกของคนในครอบครัว แต่เขาไร้ความคิดใดๆ ในห้วงคำนึงแล้ว กระแสความร้อนแปลกประหลาดพุ่งตรงดิ่งเข้าไปในห้วงความคิด ยังมีเสียงกระจัดกระจายแว่วมาจากส่วนลึกของจิติญญา
จ้านอู๋มิ่งทอดถอนใจเบาๆ ภายในจิตใจ “ไม่คิดเลยว่าพี่ชายจะตกตายเช่นนี้ั้แ่อายุยังน้อย อีกทั้งยังโดนอะไรก็ไม่รู้ ทำให้ตกลงจากฟ้ากระแทกจนตาย…บรรลัยนัก ก่อนตายพี่ชายยังได้ยินเสียงศีรษะตนเองแตกกระจุยด้วย นับได้ว่าไม่มีอีกแล้วทั้งในอดีตและอนาคต…”
“โจรฟ้าเฒ่า เ้า้าให้ข้าเกิดใหม่ในวัฏสงสาร เพื่อซีรั่วแล้ว ข้าจะไม่ยอมเกิดใหม่…ชีวิตข้ากำหนดเอง ข้ามิยอมให้ฟ้าลิขิต นี่คือมรรคาของข้า ต่อให้เ้าเป็ฟ้า! ก็ไม่คู่ควรรับรู้เข้าใจ!” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูอย่างกะทันหันและคล้ายดังอยู่ในส่วนลึกของจิติญญา พร้อมด้วยความโกรธเคืองและความไม่ยินยอมไร้สิ้นสุด รวมทั้งร่องรอยความเพียรและความนุ่มนวลอ่อนโยน
เสียงนี้รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างและชัดเจนอย่างยิ่ง ถึงกับกลบเสียงกึกก้องกังวานของน้ำตกไป
ยังมิทันตระหนักว่าเสียงนี้มาจากที่ใด ทันใดนั้นจ้านอู๋มิ่งรู้สึกร่างกายสั่นะเืขึ้นคราหนึ่ง
“ตูมมม……” ความเร็วที่ตกลงมาชะลออย่างรวดเร็ว ร่างของจ้านอู๋มิ่งกระแทกลงในแอ่งน้ำลึกเบื้องล่างใต้น้ำตกอย่างหนักหน่วง และจากนั้นเขาก็หมดสติไป
……
สามเดือนต่อมา ลานหลังบ้านตระกูลจ้าน เมืองมู่เหย่
“นายน้อยมาแล้ว……นายน้อยมาแล้ว……” ท่ามกลางเสียงกรีดร้องแหลมเล็ก คนใช้เต็มทั่วลานกระจายออกหายลับไปทันใด บางคนซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ บางคนซ่อนตัวอยู่ในเรือน……ในลานเหลือเพียงรองเท้าคู่เดียวที่คนใช้ทิ้งไว้ยามวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
จ้านอู๋มิ่งใช้คิ้วขโมยั์ตามุสิก[1] ชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในเรือน ค้นพบด้วยความประหลาดใจว่า ในเรือนไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว พลันรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง กระแอมไอคราหนึ่ง เลียนแบบผู้ใหญ่สองมือไพล่ไว้ข้างหลัง วางมาดเดินส่ายอาดๆ อย่างสง่าผ่าเผยเข้าไปในเรือน
“ข้านายน้อยมาแล้ว พวกเ้าผู้น่าชังทั้งหลายล้วนเกียจคร้านแอบอู้งาน ไม่มาต้อนรับข้านายน้อย อีกสักครู่ข้าจะไปบอกท่านแม่ หักค่าจ้างทุกคน คนละหนึ่งเดือน” จ้านอู๋มิ่งพูดขึ้นเสียงดังๆ
พอได้ยินคำพูดนี้ เหล่าบ่าวรับใช้ต่างพากันออกจากที่ซ่อน แต่ละคนหน้านิ่วคิ้วขมวดแทบร้องไห้และหวาดหวั่นพรั่นใจ มองดวงตาโตคล้ายดั่งใสซื่อคู่นั้นของจ้านอู๋มิ่ง ใจล้วนสั่นสะท้านแล้ว ใบหน้าน้อยๆ ที่ดูคล้ายดั่งไร้เดียงสานั่น ถึงกับทำให้พวกบ่าวกลัวจนขาสั่นพั่บๆ เกิดความหวาดกลัวว่าจะถูกงูพิษตัวเล็กตัวนี้หมายตาตนเอง
นายน้อยมาที่ลานคนใช้ นอกจากจะหาคนมาทดสอบโอสถแล้ว กลับมิมีเื่อื่น ถ้าเป็เมื่อสามเดือนก่อนยังมิเป็ไร ถึงแม้นายน้อยชอบซุกซนสร้างปัญหาอยู่เนืองๆ แต่ก็ดีต่อบ่าวไพร่ยิ่งนัก เพียงแค่แอบลอบขโมยเม็ดโอสถเสริมสุขภาพร่างกายจากหอโอสถมามอบให้คนใช้ เรียกว่าโอสถทดสอบ ซึ่งความจริงบ่าวไพร่ได้ประโยชน์มากมาย
แต่ทว่าหลังกลับจากฤดูกาลล่าสัตว์ใน่ฤดูใบไม้ผลิเมื่อสามเดือนที่แล้ว มิทราบนายน้อยเกิดนึกพิเรนทร์อะไรขึ้นมา เริ่มต้นระดมหลอมโอสถของตนเองออกมา ท่านว่าคนที่พูดพล่ามตลอดทั้งวันผู้หนึ่ง ไม่ได้ประกอบสัมมาอาชีพ ไม่ได้ฝึกฌานบ่มเพาะพลัง คนที่แม้กระทั่งจิติญญาแห่งการต่อสู้ก็ไม่มี จะสามารถควบคุมไฟหลอมโอสถได้หรือไม่? เ้ามีเพลิงโอสถหรือไม่? รู้จักคุณสมบัติเข้ากันได้ของยาและการผสมผสานหลอมรวมของโอสถหรือไม่?
ได้ยินจากผู้สันทัดกล่าวว่านายน้อยได้รับความตื่นตระหนกในเทือกเขาสัตว์อสูร จู่ๆ ก็ถูกจู่โจมโดยกลุ่มคนลึกลับหน่วยหนึ่ง พลัดหลงกับสมาชิกในตระกูล ตอนที่พบเขา นายน้อยอยู่ในสภาพป่วยหนักสะลึมสะลือบนชายหาดหุบเขาสุนัขป่าห่างจากพื้นที่ล่าสัตว์มากกว่าสามร้อยลี้ เด็กน้อยวัยสิบสองขวบผู้หนึ่ง เืฝาดสดใสผิวขาวเนียนมีน้ำมีนวล สลบไสลอยู่ ณ บริเวณแม่น้ำสุนัขป่าที่สัตว์อสูรชุกชุมยิ่งนัก กลับมิได้ถูกสัตว์อสูรดุร้ายจับกิน ช่างเป็ปาฏิหาริย์เื่หนึ่งจริงๆ!
กล่าวกันว่ายามนั้นนายน้อยนอนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโดยมิรู้สึกตัว ยังมีสัตว์อสูรจระเข้กระหายเืนอนตายมากมายในแถบน้ำตื้นของฝั่งแม่น้ำ ไม่มีผู้ใดทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กที่ไม่มีแม้แต่จิติญญาแห่งการต่อสู้ จะต่อกรกับจระเข้กระหายเืที่แม้แต่ยอดยุทธ์ระดับหนึ่งดาวเจอเข้ายังต้องวิ่งหนีหน้าตั้งนั้นได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็จระเข้กระหายเืฝูงหนึ่งอีกด้วย และั้แ่นั้นมา นายน้อยที่รอดพ้นจากความตายเห็นได้ชัดว่ายิ่งบ้าคลั่งกว่าเดิมแล้ว
ไม่กี่วันก่อน นายน้อยระดมหลอมโอสถรูปลักษณ์น่าเกลียดที่สุดออกมาหลายเม็ด เม็ดโอสถทดสอบโดยองครักษ์ส่วนตัวของนายน้อยเอง นักสู้ชั้นหนึ่งต้วนเหยีย ฉายา “ไหว้จ้านอีเถียวหลง เน่ยจ้านอีเถียวฉยง[2]” ผู้ใดจะทราบว่าท่านต้วนกินโอสถนั้นแล้วกลับฟื้นฟูความคึกคักเปี่ยมพลังในอดีตคืนมา กรำศึกาภายในต่อเนื่องกลายเป็ัคะนองมิได้ลงจากเตียงถึงสามวันสามคืน ศรีภรรยาทั้งสี่สลับหน้าหมุนเวียนผลัดกันทำศึก แต่ละนางล้วนถูกถอดหมวกออกและทำลายชุดเกราะทิ้งจนหมดสภาพ พูดได้ว่าเฉกเช่น “เสียงกลองาลั่นกระทบคานไม่ได้หยุด ลมวสันตฤดูพัดกระทบผ่านด่านประตูหยกนับครั้งมิถ้วน!”
ต่อมามีคนถามว่าประสิทธิภาพโอสถได้ผลเพียงใด คำตอบของต้วนเหยียมีแค่สองคำ “เหอะ เหอะ” พอถูกถามมากเข้า เขาตอบเพียงว่า “ผู้ใดใช้ผู้นั้นทราบเอง! ”
และก็เนื่องเพราะนายน้อยหลอมกลั่นโอสถตามอำเภอใจ ยังมักหาคนมาทดลองโอสถ ฟูเหริน[3]สี่ทนดูต่อไปมิไหวแล้วจริงๆ ตามหานายน้อยจนพบด้วยความเดือดดาล บทสนทนาระหว่างมารดาและบุตรสุดแสนธรรมดาจนน่าใ
“เ้าทราบหรือไม่ว่ากำลังหลอมกลั่นโอสถใดอยู่?” ฟูเหรินสี่ถามอย่างขุ่นเคือง
นายน้อยตอบอย่างไร้เดียงสา “ไม่ทราบ ข้าหยิบวัตถุดิบยาสมุนไพรอย่างลวกๆ ขึ้นมาสักหลายชนิด จากนั้นต้มมันในหม้อ ในที่สุดก็กลายเป็โอสถเหนียวหนืดติดก้นหม้อชนิดนี้ ข้าขูดมันออกแล้วปั้นๆ ดู ก็กลายเป็เม็ดโอสถแล้ว”
คนอื่นใช้เตาหลอมยาเพื่อหลอมเม็ดโอสถ ใช้เพลิงโอสถโดยเฉพาะ ยังต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง นายน้อยจ้านประเสริฐแท้ หลอมโอสถโดยใช้หม้อเหล็กใบใหญ่ต้มเอยต้ม มิต้องพูดถึงไม่มีเพลิงโอสถ อีกทั้งยังใช้ไม้ฟืนเป็เชื้อเพลิง…แม้แต่ฟูเหรินสี่ก็ยังจัดการกับความซุกซนของเขามิได้เช่นกัน
“วันนี้ข้านายน้อยอารมณ์ดีเป็พิเศษ” จ้านอู๋มิ่งพูดเสียงดังใบหน้าเปื้อนด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา
พอได้ยินคำพูดเขา สีหน้าบ่าวไพร่ทุกคนล้วนเขียวคล้ำแล้ว ทุกครั้งหลังจากจ้านอู๋มิ่งพูดคำนี้จบ คำพูดต่อไปก็คือ——ข้าได้หลอมโอสถชนิดใหม่สำเร็จอีกหลายขนานแล้ว
“นายน้อย ข้าน้อยวันนี้ปวดท้อง ข้าผู้ชราท้องเสีย…” พูดพลาง บ่าวไพร่คนนั้นถึงกับผายลมออกมาหลายครั้งจริงๆ “ขออภัยจริงๆ นายน้อย ข้าท้องเสีย กลัวจะแปดเปื้อนั์ตานายน้อย ข้าต้องไปเข้าห้องสุขาก่อนแล้ว” พูดจบก็ไม่รอจ้านอู๋มิ่งเอ่ยปาก หันหน้าแล้ววิ่งออกไปทันที
“นายน้อย ลูกชายลูกพี่ลูกน้องของพ่อข้าแต่งงานวันนี้ เ้าบ่าวก็คือข้า โอ้ มิใช่…เพื่อนเ้าบ่าวก็คือข้า……ฤกษ์งามยามดีใกล้จะถึงแล้ว ข้าต้องไปแล้ว……” บ่าวไพร่คนหนึ่งพูดอย่างตื่นเต้นพูดยังมิทันจบก็วิ่งออกไปทันที บ้านเขามีเขาเป็ผู้ชายคนเดียว ยังต้องรอให้เขาสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นอีกนะ ชีวิตจะมาจบลงในมือนายน้อยไม่ได้เด็ดขาด
ครู่เดียวต่อมา บ่าวไพร่ในเรือนหายไปจนหมดสิ้นอีกครั้ง จ้านอู๋มิ่งยังมิทันยื่นมือไปจับได้ทัน ทั้งหมดล้วนวิ่งออกไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงจ้านอู๋มิ่งยืนอยู่กลางบ้านอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย เขาพึมพำว่า “พวกไร้ประโยชน์พวกนี้ ก็แค่ทดสอบโอสถเองมิใช่หรือ? ต้องกลัวมากถึงเพียงนี้ด้วย…” พูดยังมิทันจบ ดวงตาจ้านอู๋มิ่งเป็ประกายวูบ ใต้ต้นไม้ที่มุมกำแพงยังมีคนที่อายุค่อนข้างมากผู้หนึ่ง ดูแล้วเป็ท่านอาใหญ่ที่ซื่อสัตย์มาก
“ยังมีอีกคน ไม่เลว เ้าประเสริฐมาก ข้าจะให้บิดาเพิ่มค่าแรงให้เ้า” จ้านอู๋มิ่งดีใจสุดๆ เสาะหามารอบหนึ่งแล้ว คนใกล้ตัวมารดา คนใกล้ตัวตนเอง แม้กระทั่งคนใกล้ตัวพี่รองล้วนเคยถามแล้ว ไม่มีใครสักคนยินยอมทดลองโอสถของตน จะหาสัตว์อสูรมาทดลองโอสถ พวกมันก็พูดจาไม่ได้ จะรู้ข้อดีข้อเสียของคุณสมบัติโอสถได้อย่างไร พอเข้ามาถามบ่าวไพร่ ทุกคนล้วนวิ่งหนีไปหมดแล้ว โชคดี ยังมีอีกคนหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งยิ้มแย้มจนปากแทบฉีกถึงใบหูแล้ว
“เื่นี้...นายน้อย ผู้น้อยจ้านชวน คิด…คิด…” ชายกลางคนผู้นั้นตื่นเต้นจนมีอาการติดอ่างอยู่บ้าง มิทราบจะพูดอย่างไรดี
“คิดจะทดลองยาให้นายน้อยหรือ? ประเสริฐยิ่งแล้ว นี่มีอะไรไม่ได้ด้วยเล่า ขอเพียงเป็สิ่งที่เ้าคิด ข้าจะทำให้เ้าสมหวัง…”
“ไม่ ไม่ใช่หรอก ผู้น้อย ผู้น้อยคิดจะถาม ยานั่นที่ต้วนเหยียทานครั้งก่อน นายน้อยยังมีอีกหรือไม่?” อาใหญ่วัยกลางคนถามเสียงเบาเพราะว่ารู้สึกเคอะเขิน
จ้านอู๋มิ่งตะลึงงันไปแล้ว หมายความเช่นไร ทุกคนล้วนมิใช่บอกว่าโอสถนั้นไม่ดีหรอกหรือ? ทำให้ตนยังถูกมารดาดุด่าอบรมสั่งสอนไปรอบหนึ่ง บิดาชักแส้ฟาดใส่ตนจนแทบจะหาทิศเหนือไม่เจอ ไฉนจึงยังมีคนมากมายเช่นนี้้าโอสถนั้นกับตนเป็การส่วนตัว?
จ้านอู๋มิ่งถามด้วยความแปลกใจ “เ้าคิดจะทานโอสถนั้น?”
“ใช่ ใช่…ผู้น้อยก็คิดจะทานโอสถนั้น” จ้านชวนปีติยินดียิ่งนัก ดูแล้วทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี
“โอสถนั้นของครั้งก่อนยังมี แต่ว่า...หากเ้า้าโอสถนั้น จะต้องทดลองโอสถใหม่ให้ข้าก่อน” จ้านอู๋มิ่งครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น ในเมื่อคนมากมาย้าโอสถครั้งก่อนนั้น คาดว่าโอสถนี้ยังมีส่วนที่เป็ประโยชน์อยู่ มิฉะนั้นไฉนแม้กระทั่งปู่สามและปู่สองล้วนแอบขอโอสถและตำรับโอสถกับตนเป็การส่วนตัวด้วยล่ะ
จ้านชวนเริ่มสับสน พอนึกถึงข่าวลือวิธีการหลอมโอสถสุดสยองของนายน้อย เขาก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว แต่พอนึกถึงความสุขทางวสันต์ในอนาคต ยังมีสายตาดูถูกเหยียดหยามของสตรีหน้าเหลือง[4] ที่บ้าน เขากัดฟันพูดว่า “ได้ ขอเพียงนายน้อยให้โอสถของครั้งก่อนแก่ข้า ข้าก็จะทดลองโอสถให้นายน้อย”
จ้านอู๋มิ่งหัวเราะ ในที่สุดก็พบผู้ทดสอบโอสถแล้ว ซึ่งความจริงเขาไม่จำเป็ต้องมีผู้ทดสอบโอสถใดๆ เลย เขารู้ถึงประสิทธิภาพของโอสถที่ตนหลอมขึ้นมาทั้งหมดอย่างกระจ่างยิ่ง แต่ทว่าเขาจำเป็ต้องทำให้คนในตระกูลเห็นคุณค่าโอสถที่เขาหลอมขึ้นผ่านผู้ทดสอบโอสถนั่นเอง
[1] สำนวนว่าทำหน้าตามีเลศนัย ไม่น่าไว้วางใจ
[2] แปลตามตัวว่านอกศึกเป็ั ในศึกเป็หนอนตัวหนึ่ง กล่าวถึง ในสนามรบเป็เก่งกาจ แต่ในสนามรักกลับอ่อนด้อย
[3] ฮูหยิน
[4] กล่าวถึงภรรยาที่บ้าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้