เมื่อมองเหยียนเสี่ยวเสียวิ่งไปทางมู่หรงชิวสุ่ยด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งก็ปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา เขาไม่ได้ะโหยุดเหยียนเสี่ยวเสียเอาไว้ แต่เขากลับเดินตามไปด้านหลังของเหยียนเสี่ยวเสียช้าๆ
“พี่สาวท่านนี้ไม่ทราบว่ากำลังเก็บเลเวลอยู่เหรอ? อยากไปด้วยกันหรือเปล่า?”
ภาพของเหยียนเสี่ยวเสียที่อยู่ด้านหน้าของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งดูเหมือนลูกน้องที่คอยติดตามเ้านายไปทำงาน แต่เมื่อมาถึงตรงหน้าสาวงามเขากลับกลายเป็ชายผู้องอาจที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนและดวงตาอบอุ่นที่ทำให้คนมองเกิดความประทับใจต่อเขาได้โดยง่าย หรืออย่างน้อยก็ไม่มีความรู้สึกไม่ดีล่ะนะ ถ้าอายุของเขามากกว่านี้อีกสักหน่อยรอยยิ้มนั่นคงจะยิ่งมีพลังทำลายล้างมากยิ่งขึ้นไปอีกแน่นอน
แต่สำหรับการทักทายผู้หญิงแล้วเหยียนเสี่ยวเสียที่ทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนกลับทำมันออกไปได้อย่างง่ายดายและเป็ธรรมชาติ เขาข้ามผ่าน่เวลาที่จะมาหน้าแดงมือสั่นเวลาทักผู้หญิงมานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้เขาเข้าหาเป้าหมายผิดคนเสียแล้ว
แน่นอนว่าการเอาชนะใจหญิงงามโดยอาศัยเพียงรูปลักษณ์ภายนอกและคำพูดไม่กี่ประโยคนั้นยังไม่เพียงพอ เหยียนเสี่ยวเสียพูดจบเขาก็จัดการเปลี่ยนไอเทมต่อสู้บนร่างของเขาเป็ชุดนักฆ่าเต็มยศ..........จากนั้นเขาก็หยิบกริชสีเงินเล่มหนึ่งออกมาแล้วถือเอาไว้ในมือ
อาวุธเงิน.......... ใน่เวลาแบบนี้ผู้เล่นที่สามารถอาวุธระดับเงินได้สักชิ้นก็เหมือนกับคนที่สามารถรถโรลส์รอยซ์ในโลกจริงได้นั่นแหละ.......... แน่นอนว่าต้องเป็รุ่นท๊อปด้วยนะ ทันทีที่กริชเล่มนั้นปรากฏขึ้นมาไม่ว่าใครก็ต้องรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา และความมั่นใจของเหยียนเสี่ยวเสียก็มาจากกริชเล่มนี้นี่แหละ เขามั่นใจว่าทันทีที่อาวุธเงินปรากฏออกมาจะสามารถทำให้สาวงามที่อยู่ตรงหน้าเบิกตาโตได้
ดวงตาทั้งสองข้างของมู่หรงชิวสุ่ยเริ่มมีประกายวิบวับ เขามองสำรวจเหยียนเสี่ยวเสียสักพักก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ทันใดนั้นรอยยิ้มทรงเสน่ห์ก็ปรากฏขึ้นมา มันทำให้เหยียนเสี่ยวเสียตกอยู่ในภวังค์จนแทบจะทรุดลงไปบนพื้น
“นี่! น้องชาย ที่แท้นายก็มีอาวุธเงินด้วย”
ร่างนุ่มนิ่มของคนตรงหน้าทำให้ร่างของเหยียนเสี่ยวเสียชะงักค้างไปครึ่งหนึ่งและเสียงที่เรียกเขาว่า “น้องชาย” ก็ทำให้ร่างอีกครึ่งหนึ่งของเขานิ่งไป แต่ยังดีที่เขาถือว่าเป็ “ยอดฝีมือ” เขารีบรักษาท่าทีสงบนิ่งแล้วพูดออกไป “อาวุธเงินชิ้นนี้น่ะเหรอ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก........ เธอดูสิ เธอเห็นคนนั้นไหม? นั่นคือผู้ดูแลของฉัน เขาดูไม่เลวเลยนะภายใต้การชี้นำของฉัน ชื่อของเขาเองก็ไม่ธรรมดา เขามีชื่อว่า ‘ดาวิญญาเจี๋ยอิ่ง’ ตอนนี้เขาเป็อันดับที่ 9 ในรายการจัดอันดับเลเวลเลยนะ”
การขึ้นมาอยู่ในจุดสุดยอดท่ามกลางผู้เล่นเป็ล้านๆแล้วเข้าสู่รายการจัดอันดับเลเวล 10 คนแรกได้หมายความว่าไงน่ะเหรอ? ในสายตาคนธรรมดา คนที่สามารถเข้ามาอยู่ในรายการจัดอันดับเลเวลได้ล้วนสามารถพูดได้ว่าพวกเขาคือบุคคลในตำนาน ั้แ่รายการจัดอันดับเลเวลประกาศออกมาชื่อของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งไม่เคยหลุดออกจาก 10 อันดับแรกเลย ชื่อของเขาอยู่ในความทรงจำของผู้เล่นชาวหัวเซี่ยมาเนิ่นนานแล้ว เหยียนเสี่ยวเสียนับได้ว่าฉลาดมาก เขาถือโอกาสดึงดาวิญญาเจี๋ยอิ่งเข้ามา........ ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งมักจะแสดงชื่อของตัวเองออกมาอย่างภาคภูมิใจตลอดเวลาอยู่แล้ว หากคนอื่นมองไปบนหัวของเขาก็จะรู้ได้ทันทีว่าเขาคือดาวิญญาเจี๋ยอิ่ง
“พี่สาว อยากให้ผมเรียกเขามาเก็บเลเวลด้วยกันไหม? อืม เ้านั่นน่ะทำอย่างอื่นไม่เป็ แต่พลังในการโจมตีของเขาน่ะถือว่าไม่เลวเลย เขาอยู่ใน 10 อันดับแรกของหัวเซี่ยเลยนะ......... ใช่แล้วพี่สาว ผมชื่อเหยียนเสี่ยวเสีย ยังไม่ได้ถามเลยว่าพี่สาวชื่ออะไร?” ที่จริงเหยียนเสี่ยวเสียมองเห็นชื่อ ‘ชิวสุ่ยอีเหริน’ ที่อยู่บนหัวของมู่หรงชิวสุ่ยตั้งนานแล้ว แต่ถ้าสามารถทำให้สาวงามพูดชื่อของตัวเองออกมาได้นั่นก็ถือว่าเป็จุดเริ่มต้นของความสำเร็จล่ะนะ
“ชิวสุ่ยอีเหริน” รอยยิ้มของมู่หรงชิวสุ่ยยิ่งทวีความงดงามมากยิ่งขึ้น น้ำเสียงของเขาเองก็อบอุ่นขึ้นอีกหลายส่วน ความเร็วของจังหวะหัวใจเหยียนเสี่ยวเสียเริ่มรุนแรงขึ้นมาหลายเท่าจนจวนจะะเิออกมา
“ว๊าว! พี่สาว ชื่อของพี่เพราะมากเลย เหมาะกับความสวยของพี่มากๆ........ พี่สาว พี่มีแฟนหรือยัง? ถ้าผมมีแฟนแบบนี้ล่ะก็คงจะโชคดีสุดๆไปเลย” รอยยิ้มของมู่หรงชิวสุ่ยยิ่งทวีความอบอุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ประสบการณ์โชกโชนของเหยียนเสี่ยวเสียกำลังบอกตัวเขาเองว่าควรจะเดินหน้าหรือถอยหลังดี.......... ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว
“โอ้ นายจะจีบฉันเหรอ?” มู่หรงชิวสุ่ยลูบไล้ธนูสีทองในมือของตัวเองไปมา ดวงตาของเขางดงามเหมือนดอกท้อ น้ำเสียงเวลาพูดของเขาก็นุ่มนวลเหมือนปุยฝ้าย
“เอ่อ...........” เหยียนเสี่ยวเสียไม่คิดเลยว่ามู่หรงชิวสุ่ยจะถามกลับมาตรงๆแบบนี้ เขาชะงักไปอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นก็รีบพูดออกไปด้วยใบหน้าเขินอาย “พี่สาว พี่เชื่อในรักแรกพบหรือเปล่าล่ะ?”
และทันใดนั้นเองดาวิญญาเจี๋ยอิ่งที่ค่อยๆขยับฝ่าเท้าเดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆก็ได้ยินประโยคที่เหยียนเสี่ยวเสียพูดออกมาพอดี ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งแทบจะสะดุดล้มหัวปักพื้น
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงชิวสุ่ยเลือนหายไป แล้วต่อมาเขาก็เปลี่ยนจากคนงามเป็คนงามที่เ็าและดุร้าย การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วทำให้หัวใจของเหยียนเสี่ยวเสียเกิดปั่นป่วนขึ้นมาทันที จากนั้นมู่หรงชิวสุ่ยก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและใบหน้าดุร้าย “นี่เพื่อนเอ้ย การเป็เกย์เนี่ยมันเป็กิจกรรมที่ยิ่งใหญ่และงดงามนะ แต่คนที่ยังไม่โตแบบนายจะมาเป็เกย์นี่มันไม่ถูกต้อง หน้าที่ของนายตอนนี้ก็คือตั้งใจเรียนให้ดีและต่อสู้เพื่อเป็ดอกไม้ที่งดงามของประเทศเราในวันหน้า เข้าใจไหม?”
ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ.......... เหยียนเสี่ยวเสียชะงักค้างเหมือนคนโง่อยู่ตรงนั้น
เสียงนุ่มนวลแ่เบานั่นหายไปแล้ว สิ่งที่ดังเข้ามาในหูของเขามีแต่เสียงของผู้ชายที่ดุร้าย ตรงไปตรงมา กดดัน และเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูด
เสียงของมู่หรงชิวสุ่ยมีทั้งหยินและหยาง เวลาเป็หยินก็เป็ผู้หญิงซะยิ่งกว่าผู้หญิงจริงๆเสียอีก แต่เวลาเป็หยางก็จะหยาบกระด้างเหมือนผู้ชายแท้ๆเต็มตัว ราวกับเป็ความสามารถอันแปลกประหลาดที่์มอบให้เขาซึ่งมันก็เหมาะสมกับรูปร่างและนิสัยของเขาเช่นกัน
“นายๆๆๆๆๆ...........” เหยียนเสี่ยวเสียถอยหลังไปก้าวนึง ขนทั่วทั้งร่างของเขาพร้อมใจกันลุกซู่ เขาพูดออกมาแค่ “นาย” เพียงคำเดียวโดยไม่พูดอะไรออกมาอีกเป็เวลานาน
มู่หรงชิวสุ่ยไม่ได้สนใจเขาอีก เขาหันไปทางดาวิญญาเจี๋ยอิ่งที่พยายามกลั้นขำสุดชีวิตก่อนจะถามออกมาอย่างเกียจคร้าน “เฮ้อ วันนี้อากาศไม่ดีจริงๆ จะว่าไปแล้วพวกเราก็ไม่ได้พบกันสักพักแล้วนะ เด็กน้อยในตอนนั้นเริ่มมีความเป็ผู้ชายมากขึ้นทุกวันซะแล้วสิ นี่มันเป็ใบหน้าที่ทำให้คนมองใจเต้นจริงๆ จริงๆแล้วการเป็เกย์ก็ดูเหมือนจะไม่เลวเหมือนกัน” พูดจบหางตาของเขาก็ส่งวิ้งค์ไปให้ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งหนึ่งครั้ง
ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งสะดุ้งไปทั้งร่างแล้วถอยหลังออกไปสองก้าวอย่างห้ามไม่ได้ แผ่นหลังของเขามีเม็ดเหงื่อเย็นๆผุดขึ้นมาจนชุ่ม..........ไม่เจอกันไม่กี่ปี พลังทำลายล้างของคนๆนี้มาถึงระดับที่ “น่ากลัว” ซะแล้ว
เขาเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากแล้วรีบถามออกไปด้วยความรวดเร็วสุดชีวิต “พี่มู่หรง ไม่เจอกันสามปี พี่ยังเป็เหมือนเดิมเลยนะ แหะๆๆๆๆๆ.........”
ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งหัวเราะแห้งๆออกมาไม่กี่ครั้งทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าเสียงหัวเราะของตัวเองดูแหบแห้งจนเกินไปจนเขาต้องยอมหุบปากสนิทแต่โดยดี
“เด็กน้อยโตแล้ว นายเมื่อสามปีก่อนก็เริ่มทำให้ฉันสนใจมากแล้ว นายในตอนนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันสนใจมากขึ้นไปอีกหลายเท่าเลย ตระกูลหลิงนี่ทำให้ฉันผิดคาดจริงๆที่มีคนก้าวเข้าไปในรายการจัดอันดับเลเวลได้ถึงสองคน ช่วยไม่ได้......... ที่นายกับพี่ชายที่น่าชังและทำให้คนยากจะลืมของนายจะเสนอหน้าขึ้นมาได้เหมือนกัน” มู่หรงชิวสุ่ยพูดออกมาช้าๆ
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเขาเหมือนจะเป็เื่ไร้สาระแต่มันกลับไปกระตุ้นอารมณ์ของดาวิญญาเจี๋ยอิ่งขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ เขาขมวดคิ้วมุ่นแล้วะโออกมาเสียงดังขึ้นสามส่วน “ผมแข็งแกร่งกว่าเขา!”
“โอ้?” มู่หรงชิวสุ่ยมองไปทางเขาอย่างสนใจ
“พี่คอยดูเถอะ ผมจะแข็งแกร่งกว่าเขา.......... จะเหนือกว่าเขาให้ได้ เหนือกว่ามากๆด้วย!” มู่หรงชิวสุ่ยดูเหมือนจะไปแตะถูกความรู้สึกอะไรบางอย่างในใจของเขาเข้าแล้ว ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งขมวดคิ้วแล้วพูดออกมาอย่างหนักแน่น เขามีอายุแค่ 16 ปีแต่ท่าทางของเขากลับมีความเด็ดเดี่ยวและความอดกลั้นที่ไม่สมกับอายุของเขา
“แล้วนายจะเอาอะไรไปแข็งแกร่งกว่าเขาล่ะ? ขนาดรายการจัดอันดับเลเวลในตอนนี้นายก็ยังอยู่ต่ำกว่าเขาเลย” มู่หรงชิวสุ่ยเลิกคิ้วแล้วพูดขึ้นมา และตอนนั้นเขาก็พบเื่สนุกบางอย่างเข้าให้แล้ว
“หึ..........ผมจะพิสูจน์ให้เขาเห็น ว่าผมสามารถแข็งแกร่งกว่าเขาได้........ ต่อให้ไม่เข้าร่วมไอ้สิ่งที่พวกเขาเรียกว่าอวตาร ผมก็จะทำมันเพียงคนเดียว............และจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาให้ได้!!”
ทันทีที่พูดจบเขาก็ระลึกได้ทันทีว่าตัวเองหลุดปากพูดอะไรออกไป ใบหน้าของเขายังคงแข็งกระด้างแต่เขากลับนิ่งงันไม่พูดอะไรออกมาอีก
อวตาร............. มู่หรงชิวสุ่ยจดจำชื่อนั้นไว้ทันที อืม เป็ชื่อที่น่าสนใจ
ดาวิญญาเจี๋ยอิ่ง................ชื่อจริงของเขาก็คือหลิงเจี๋ย เขาคือน้องชายของหลิงหยุนดาบเดียว........... หลิงหยุนแห่งตระกูลหลิง
“น.....นายน้อย ท่านๆๆๆๆๆ.........พวกท่านรู้จักกัน?” เหยียนเสี่ยวเสียอ้ำๆอึ้งๆ หัวใจของเขายังไม่ฟื้นคืนมาจากการโจมตีอันรุนแรงเมื่อครู่นี้ และตอนนี้เขาคาดว่ามันคงจะแตกออกเป็เสี่ยงๆไปแล้ว.......... รักแรกพบ หญิงสาวที่เขารีบเดินหน้าพยายามอย่างหนักให้เธอพอใจแท้จริงแล้วเป็ผู้ชาย..........
โลกใบนี้ยังจะมีเื่ไหนกระทบกระเทือนจิตใจไปมากกว่านี้อีก
ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งมองสีหน้าของเหยียนเสี่ยวเสียอย่างสะใจแวบหนึ่งจากนั้นเขาก็รีบปรับสีหน้าให้กลายเป็ปกติทันที ก่อนจะเข้าไปลูบไล่ของเหยียนเสี่ยวเสียอย่างเห็นใจ “เสี่ยวเสีย ในฐานะที่เป็นายน้อยของนาย เมื่อกี้ฉันตั้งใจเตือนนายแล้วจริงๆนะ อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน.......... แล้วก็ถูกแล้วล่ะ เขาเป็ผู้ชายจริงแท้แน่นอน เขาคือคนที่ฉันพูดให้นายฟังบ่อยๆไง...... มู่หรงชิวสุ่ยแห่งตระกูลมู่หรงของหัวเซี่ยไง”
มู่หรงชิวสุ่ย...........ชื่อที่เหยียนเสี่ยวเสียคุ้นหูถูกพูดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนิ่งไปสักพักเขาก็แสดงสีหน้าเหมือนคิดขึ้นมาได้ว่าคนๆนี้เป็คนแบบไหน จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง........... ลือกันว่าหน้าตาของคนๆนั้นเหมือนผู้หญิงซะยิ่งกว่าผู้หญิง ลือกันว่าเขาเป็คนบ้าที่สามารถยิ้มไปพร้อมๆกับฆ่าคนไปด้วยได้ ลือกันว่าขณะที่เขาหั่นร่างของคนเป็ชิ้นๆต่อหน้าของผู้คนมากมายอย่างไม่ลังเล บนใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจประดับอยู่ ลือกันว่า................
แต่ตัวเขาเพิ่งจะวิ่งเข้าไปทักปีศาจตนนั้น แล้วยังคุยโม้โอ้อวดต่อหน้าเขาไปมากมายอีก..........เมื่อคิดถึงตรงนี้หัวใจของเหยียนเสี่ยวเสียก็หนาวสั่นขึ้นมา ร่างของเขาสั่นกระตุกและอับอายจนอยากจะขุดหลุมแล้วฝันตัวเองลงไปในนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“พี่มู่หรง หลายปีนี้เื่ทำนองนี้คงเกิดขึ้นกับพี่หลายครั้งเลยสินะ ก็คงโทษพี่ไม่ได้หรอก แต่ว่า เสี่ยวเสียเอ้ย ต่อไปจะทำอะไรก็ฟังคำเตือนของนายน้อยให้มากๆก่อนจะลงมือทำเข้าใจไหม?” ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งลูบหลังเหยียนเสี่ยวเสียป้อยๆพร้อมกับพูดออกมา
เหยียนเสี่ยวเสียพูดออกมาพร้อมใบหน้าที่อยากจะร้องไห้ “ค.........ครับ........ ต่อไปจะฟังคำสอนของนายน้อยให้มากๆ...... เอ่อ นายน้อยมู่หรง เมื่อกี้นี้.............”
มู่หรงชิวสุ่ยโบกมือไปมา “ อากาศวันนี้ทำอารมณ์ฉันเสียหมดแล้ว เลวร้ายจริงๆ........ นี่ไอ้หนู ไปข้างหน้าไป๊ ไปหาเป้าหมายและเส้นทางที่เป็ของนาย อ้อ ไอ้หนู นายน่าจะบอกฉันนะว่าเป้าหมายของนายในตอนนี้อยู่ทางไหน ไม่แน่ฉันอาจจะใช้สติปัญญาที่แม้แต่์ยังอิจฉามอบความช่วยเหลือและคำชี้แนะให้นายก็ได้”
ดาวิญญาเจี๋ยอิ่งกัดริมฝีปากเงียบๆก่อนจะพูดออกมา “ถ้าจะพูดถึงเื่ที่พวกเราอยากจะทำมากที่สุดในตอนนี้ก็ต้องเป็การเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างเทพ์อันลึกลับที่เซี่ยเทียนก่อนตั้งขึ้นมาแน่นอนอยู่แล้ว ผู้แข็งแกร่งจะต้องมีความเป็มาอันแข็งแกร่ง ผมสนใจเซี่ยเทียนคนนั้นมาก นอกจากนี้ ตอนนี้ใครก็รู้ว่าการเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างเทพ์หมายถึงการยกระดับพลังขึ้นไป แบบนั้นจะทำให้ผมสามารถเหนือกว่าหลิงหยุนได้ภายในระยะเวลาอันสั้น!!”
มู่หรงชิวสุ่ยพยักหน้าหงึกๆ “เื่นั้นฉันคงช่วยนายไม่ได้หรอก แต่ว่าคนที่อยู่ข้างหลังนายอาจจะช่วยนายได้นะ ขอให้โชคดีแล้วกัน”