้า พวกนักปราชญ์ทั้งสามล้อมมิติแห่งนั้นเอาไว้ ไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่น้อย
พวกเสิ่นเสวียนซ่อนตัวอยู่ในมิติ เมื่ออีกฝ่ายผนึกมิติไว้แล้ว ทำให้เขาไม่มีทางเคลื่อนย้ายหนีออกไปได้เลย ทำได้เพียงรอคอยอยู่ตรงนั้น
ส่วนด้านล่าง เริ่นเสี้ยวเทียนเข้าไปในแอ่งเถียนซืออย่างเงียบเชียบ เขามองร่างไร้ิญญานับไม่ถ้วนเ่าั้พลางปิดจมูก อดทนต่อกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อไปยังร่างของขั้นราชันสองคนที่โดนสังหารก่อนหน้านี้ คลื่นพลังเลือนรางปกคลุมไปทั่วร่างไร้ิญญา เพื่อให้มั่นใจว่าร่างนี้จะไม่ถูกแมลงต่างๆ รบกวน
นี่คือสิ่งที่เสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนหารือกันแล้ว เสิ่นเสวียนจะรับผิดชอบ้า ส่วนเขาต้องลงมาจัดการด้านล่าง
กล่าวได้ว่าก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ลงมือ เสิ่นเสวียนคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะเกิดเื่แบบนี้ขึ้น เขาควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้อย่างไร้ช่องโหว่ ซึ่งเป็สิ่งที่น่ากลัวมาก
เริ่นเสี้ยวเทียนที่อยู่ด้านล่างทำหน้าที่ตามที่เสิ่นเสวียนบอกมาสำเร็จแล้ว จึงเงยหน้ามอง้าแล้วยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ โชคดีที่เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย มิเช่นนั้นหากนักปราชญ์ผู้นั้นสังเกตเห็นคงโดนโจมตีอย่างแน่นอน
“หึๆ ของล้ำค่าล้วนเป็ของดี น่าเสียดายที่ถูกพบเจอได้ง่าย”
เริ่นเสี้ยวเทียนคิดไปถึงครั้งแรกที่ตนเองได้เจอกับของล้ำค่า ทำให้เขาอดทอดถอนใจไม่ได้
ของล้ำค่าเช่นนี้ เขาหวังว่าตนเองจะมีไว้สักชิ้นหนึ่งเหมือนกัน
เริ่นเสี้ยวเทียนไม่ได้อยู่ในแอ่งเถียนซือนานนัก เขาออกไปหาที่ซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาหวังให้พวกนักปราชญ์อย่าได้หนีไป อยากเห็นว่าเสิ่นเสวียนจะมีไม้ตายอะไรที่ยังไม่ได้ใช้ออกมาอีก
“อยากประลองความอดทนกับข้าดูไหม”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังออกมาจากในมิติ
“กล้ามาขวางทางข้า คิดว่าเ้าน่าจะใช้ชีวิตจนเหนื่อยแล้วสินะ ออกมาตามที่ข้าสั่งดีกว่า เผื่อข้าจะไว้ชีวิตเ้า”
นักปราชญ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ั้แ่ที่อีกฝ่ายซ่อนตัวเขาก็รู้แล้วว่าตนเองได้เปรียบอยู่
“ได้ แต่รอข้ากินข้าวเสร็จก่อน”
หลังจากเสียงของเสิ่นเสวียนดังออกมาแล้วก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอีกเลย ทว่าผ่านไปไม่นานกลับมีกลิ่นหอมของไก่ย่างฟุ้งกระจายไปทั่วมิติว่างเปล่าตรงหน้า กลิ่นหอมนี้กระจายไปเตะจมูกของพวกนักปราชญ์ไม่จางหายไปเลย
ทั้งสามมีสีหน้าแปลกใจ ซ่อนตัวอยู่ภายในมิติก็เป็เื่เหลือเชื่อมากแล้ว ตอนนี้ยังทำให้กลิ่นลอยออกมาภายนอกได้อีก แสดงว่าพวกเขาอาจกำลังกินบางอย่างอยู่จริงๆ
“ไก่ย่างกับห่านย่างทำมาได้ไม่เลวเลยทีเดียว ยังมีสุราเข้มข้นถึงเจ็ดสิบส่วนนี่อีก ช่างร้อนแรงยิ่งนัก!”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังออกมาอย่างพึงพอใจ ทำให้พวกนักปราชญ์เริ่มน้ำลายสอ พวกเขาผู้ฝึกตนไม่เหมือนกับผู้บำเพ็ญเพียร ผู้บำเพ็ญเพียรอดอาหารได้เป็เวลานาน แต่พวกเขาทำไม่ได้
ภายในมิติ เสิ่นเสวียน เสิ่นเสี่ยวเม่ย และเสิ่นเลี่ยนกำลังกินอาหารกันอยู่จริงๆ มีเพียงาามารตะวันตกที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้กินด้วย
อาหารเหล่านี้ความจริงแล้วเป็สิ่งที่พวกเขาห่อมาจากโรงเตี๊ยมก่อนหน้านี้ มันถูกเก็บไว้ในแหวนของเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นเลี่ยน อยากกินเมื่อไรก็เอาออกมากิน
หลังจากนั่งอยู่นาน บวกกับความสงสัยในอาหาร ทำให้าามารตะวันตกลืมตาขึ้นอย่างอดไม่ได้
“พวกเ้าไม่รู้จักกาลเทศะกันเลย เวลาทำสมาธิห้ามวอกแวกเ้าไม่รู้หรือ”
าามารตะวันตกกลอกตามองเสิ่นเสวียนพลางกล่าว
“ข้ารู้แล้ว ข้าจะทำเบาๆ”
เสิ่นเสวียนยิ้มน้อยๆ
“ไม่ต้องเบาแล้ว กินด้วยกันไปเลย!”
ระหว่างที่กล่าว าามารตะวันตกดึงขาห่านออกมาข้างหนึ่งทันที เขากัดไปครึ่งขาในคำเดียว กินน่าอร่อยกว่าคนอื่นมาก เสิ่นเสวียนเอาจอกสุราออกมาแล้วรินสุราส่งให้าามารตะวันตก
าามารตะวันตกชื่นชมเสิ่นเสวียนมาก เขายกจอกสุราดื่มจนหมด ทำลายบรรยากาศอึมครึมก่อนหน้านี้ไปจนสิ้น
“เ้ากับข้าได้กินอาหารร่วมกันหนึ่งมื้อ ภายหน้าพวกเราคือสหาย ครั้งนี้ข้าติดหนี้ชีวิตเ้า ข้าต้องตอบแทนอย่างแน่นอน”
าามารตะวันตกดื่มสุราหมดจอกอีกครั้งแล้วกล่าวกับเสิ่นเสวียนอย่างจริงจัง เขาเป็คนรักพวกพ้อง สหายร่วมโต๊ะเช่นนี้เขาก็ให้ความสำคัญมากเช่นเดียวกัน
ส่วนที่ด้านนอก พวกนักปราชญ์เดิมทียังมีความอดทนอยู่ แต่เมื่อรอเป็เวลานาน รวมเข้ากับกลิ่นเหม็นเน่าจากด้านล่างเคล้ากับกลิ่นอาหารที่ลอยออกมาจากในมิติ ทำให้กระเพาะของพวกเขาลั่นโครมครามราวกับคลื่นถาโถมในทะเล
“ยังต้องรออีกไหม”
หนึ่งในนั้นถามนักปราชญ์
“รอต่อไป เขาหมดเรี่ยวแรงแล้ว คงอยู่ได้อีกไม่นานนัก”
นักปราชญ์กล่าวเสียงเย็น
“ขอรับ”
คนผู้นั้นรับคำก่อนจะเลียริมฝีปาก และรอคอยอยู่รอบๆ นั้นต่อไป
กาลเวลาผันผ่านไปเรื่อยๆ เริ่นเสี้ยวเทียนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านล่างรอนานจนเกือบจะหลับอยู่แล้ว โชคดีที่เสิ่นเสวียนให้เขาจัดการร่างไร้ิญญาเบื้องล่างไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นร่างไร้ิญญาที่ตกลงมาในนี้เป็เวลานานคงจะหมดประโยชน์ไป
หนึ่งชั่วยามผ่านไป
ทั้งสามยืนอยู่กลางอากาศ้า บวกกับดวงอาทิตย์สาดส่องบนท้องฟ้า ทำให้กลิ่นเหม็นเน่าด้านล่างยิ่งอบอวลจนความอดทนของพวกเขาค่อยๆ หมดลง
สามชั่วยามผ่านไป ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทำให้ท้องฟ้ามืดลง
พวกนักปราชญ์ยังคงล้อมมิตินั้นไว้ หลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ไอิญญาของที่นี่ยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ทำให้พวกเขารู้สึกเย็นะเือย่างที่สุด หากคนธรรมดาเข้ามาที่นี่จะต้องโดนไอิญญาพุ่งเข้าร่างกายจนร่วงหล่นลงไปอย่างแน่นอน แอ่งเถียนซือเบื้องล่างยังมีเพลิงิญญาสีเขียวเข้มมากมายเปล่งประกายขึ้นมาไม่หยุด ยิ่งทำให้ที่นี่ดูน่ากลัวขึ้นอีก
“พวกเรายังต้องรออีกหรือ”
อีกสองคนอยากล้มเลิกไปตั้งนานแล้ว แต่ติดที่นักปราชญ์ไม่บอกพวกเขาให้แน่ชัดสักที
นักปราชญ์เหลือบตามองไปยังแอ่งเถียนซือเบื้องล่างแล้วหันมองพรมวิเศษที่อยู่ไม่ไกล ตอนนี้สตรีของาามารตะวันตกที่อยู่บนพรมวิเศษฟื้นจากหมดสติแล้ว นางยังไม่เป็อะไรเพราะมีม่านพลังป้องกันอยู่ แต่เป็เพราะนางหวาดกลัวมากทำให้ร่างสั่นเทิ้ม ไม่กล้ากล่าวอะไรออกมาเลย
นักปราชญ์ไม่เห็นด้วยและไม่กล่าวอะไร จากนั้นเขาก็เบนสายตาไปมองมิติเบื้องหน้าอีกครั้ง
ตอนนี้เขากำลังโกรธจัด รู้ว่าอีกฝ่ายซ่อนอยู่ตรงนั้นแต่ทำอะไรไม่ได้ หากจะบอกว่าอีกฝ่ายมีพลังแข็งแกร่ง แต่ไยจึงไม่กล้าแม้แต่จะปรากฏตัวออกมา หากจะบอกว่าอีกฝ่ายไม่แข็งแกร่ง แต่ฝีมือขนาดนี้เขาก็ไม่เคยได้เห็นได้ยินมาก่อนเช่นกัน
ถ้าไม่รอก็คงน่าเสียดาย
แต่ถ้ารอ ไม่รู้ต้องรอไปถึงเมื่อไร
เมื่อต้องเปลี่ยนจากฝ่ายจู่โจมเป็ตั้งรับเช่นนี้ทำให้นักปราชญ์ไม่พอใจเป็อย่างมาก
“อย่าเพิ่งท้อถอย รอต่อไป ข้ามีความอดทนมากพอที่จะประลองกับเ้า”
เสียงของเสิ่นเสวียนดังออกมาจากในมิติอย่างท้าทาย จริงอยู่ว่าอีกฝ่ายมีพลังแข็งแกร่งกว่าเขา แต่พวกนั้นก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย
นี่เป็เพียงความยอดเยี่ยมเสี้ยวหนึ่งของผังเมืองซานเหอเท่านั้น หากสามารถใช้มันได้อย่างสมบูรณ์จริงๆ แม้พลังของเสิ่นเสวียนต่ำมาก แต่ผังเมืองซานเหอสามารถทำให้เขาท่องไปทั่วทั้งทวีปได้โดยไม่ต้องเกรงกลัว
“บอกข้ามา เ้าเป็ใครกันแน่”
นักปราชญ์กล่าวกับมิติตรงหน้า
“เ้าคู่ควรที่จะรู้อย่างนั้นหรือ”
“เ้าอยากตายหรือไง เ้าเชื่อไหมว่าข้าสังหารนางได้”
นักปราชญ์ใบหน้ากระตุกเล็กน้อย พลางชี้กระบี่ไปทางพรมวิเศษ
“เ้าลองดูก็ได้ แต่ข้ารับรองได้เลยว่าขอเพียงเ้าลงมือ ข้าจะทำให้คนใดคนหนึ่งในพวกเ้าสามคนต้องตาย”
เสิ่นเสวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงอาจหาญ
คำกล่าวที่ว่าจะสังหารผู้แข็งแกร่งขั้นราชันระดับสูงสุดคนหนึ่งให้ตาย ถ้อยคำอาจหาญเช่นนี้คงมีเพียงเสิ่นเสวียนที่กล่าวออกมาได้ เริ่นเสี้ยวเทียนที่อยู่ด้านล่างได้ยินดังนั้นพลันเืเดือดพล่านขึ้นมา แม้แต่เขายังไม่กล้ากล่าวเช่นนี้ออกมาเลย
ทว่าคำกล่าวนี้ได้ผลจริงๆ สามารถทำให้สามคนที่เตรียมพร้อมจะลงมือเกิดความลังเลขึ้นมา การตายของบุรุษไว้หนวดก่อนหน้านี้พวกเขาได้ประจักษ์แจ้งกันทุกคน หากว่าอีกฝ่ายใช้วิธีการเดิมพวกเขาคงป้องกันไม่ได้ กว่าจะฝึกฝนได้ถึงระดับเดียวกับพวกเขาไม่มีใครที่ธรรมดาเลย แม้หน้าที่จะสำคัญ แต่ชีวิตสำคัญยิ่งกว่า
“าามารตะวันตก นับว่าโชคยังเข้าข้างเ้า ครั้งหน้าไม่มีทางโชคดีเช่นนี้แน่”
นักปราชญ์กัดฟันแน่น และเลือกล่าถอยออกไป
จากนั้นทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ หายไปจากที่นี่ในพริบตาเดียว
และหลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งเค่อ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครแล้วจริงๆ ร่างเงาสองร่างจึงค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น
“ดูดซับพลังจากภายนอกง่ายกว่าจริงๆ สินะ!”
าามารตะวันตกส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเป็สุข