เมื่อเห็นปืนพก จูกว่างชงใจนหัวใจเต้นไม่เป็จังหวะ เกือบเป็ลมหมดสติ รีบพูดขึ้น “พี่ฉาง…พี่วางใจได้ ผมรู้ว่าควรทำยังไง!”
“ดูนายสิ อย่ากลัวไปเลย ขอโทษทีนะ ฉันแค่หยิบบุหรี่เฉยๆ” ฮานซานฉางเก็บปืนพกกลับเข้าไป
“พี่ชายทั้งสอง ผม…ผมไม่สูบบุหรี่แล้ว ผมยังต้องรีบไปประชุมต่ออีก พวกพี่วางใจได้ เื่ของนักเรียนสองคนนี้ ผมรับประกันว่าจะไม่มีปัญหาแน่นอน อืม ผมไปจัดการให้ตอนนี้เลยดีกว่า” จูกว่างชงไม่อยากจะอยู่บนรถอีกแม้แต่วินาทีเดียวแล้ว
“ได้ งั้นพวกเราก็ไม่ฝืนใจอาจารย์จูแล้ว” ฮานซานฉางพูดด้วยความเฉยเมย “เพียงแต่อาจารย์จู ถ้าเื่นี้จัดการไม่เรียบร้อยละก็ ครั้งหน้าที่นายก้าวออกหน้าประตูโรงเรียน ฉันรับรองได้ว่านายจะไม่ได้กลับเข้าไปอีก!”
แม่ม! นี่มันข่มขู่กันชัดๆ เลย!
แต่จูกว่างชงกลับไม่กล้าปริปาก รีบลงจากรถเก๋ง จากนั้นก็พูดกับฉินหลางและจ้าวเหว่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “นักเรียนทั้งสองมีเื่อะไรกันแน่?”
“ซุนปออยากจะไล่พวกเราออก” จ้าวเหว่ยกล่าว
“เ้าซุนปอนี่ มั่วซั่วจริงๆ!” จูกว่างชงวางท่าเหมือนกำลังผดุงคุณธรรม พูดอย่างโกรธเคือง “ซุนปอมีสิทธิ์อะไรไปไล่นักเรียนคนหนึ่ง ไม่สิ สองคนออก! ไป ฉันอยากรู้เหมือนกัน ว่าซุนปอไปเอาความกล้ามาจากไหน!”
ฉินหลางหันไปส่งยิ้มให้จ้าวเหว่ย
ตอนที่ฉินหลาง จ้าวเหว่ยและจูกว่างชงไปถึงห้องเรียน ซุนปอกำลังสอนหนังสืออยู่
คิดถึงว่าตัวเองโดนขู่จะเอาชีวิต จูกว่างชงก็ตระหนักอะไรมากมายไม่ได้ รีบพุ่งเข้าไปในห้องเรียน ชี้หน้าซุนปอพลางกล่าว “ซุนปอ! นายเป็อะไรของนายกันแน่! เป็อาจารย์คนหนึ่ง หน้าที่หลักของนายคือการสอน จะมาไล่นักเรียนออกได้ยังไง? นายรู้ไหม การจะไล่นักเรียนออก เป็เื่ที่ต้องผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากขนาดไหน! อีกอย่าง นายเป็แค่อาจารย์ จะไล่นักเรียนออก ต้องผ่านการพิจารณาของชั้นบริหาร ไม่ใช่ว่านายอยากจะไล่ใครออกก็จะไล่ใครออกได้เลย! คิดว่าโรงเรียนชีจงนี่เป็ของบ้านนายหรือไง…”
ซุนปอคิดไม่ถึงว่าลุงของเขาจะด่าเขาเป็ชุดขนาดนี้ เขาพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “นี่ผมก็กำลังเตรียมจะรายงานกับชั้นบริหารของโรงเรียน และกำลังจะรายงานกับคุณไง”
“รายงาน แล้วไหน รายงานของนายอยู่ตรงไหน? ทำไมฉันยังไม่เคยเห็นรายงานของนายล่ะ!”
เห็นได้ชัดว่าจูกว่างชงไม่คิดจะปล่อยซุนปอไปง่ายๆ “ซุนปอนะซุนปอ ถึงฉันจะเป็ญาติของนาย แต่คนอย่างจูกว่างชงปกติจะเข้าข้างความถูกต้องไม่ใช่เข้าข้างญาติตัวเอง การกระทำของนายตอนนี้มีปัญหามาก! นายเป็ครู แต่กลับไม่รู้หน้าที่ของครู ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร ไม่ควรจะทำอะไร เอะอะอะไรก็จะลงโทษนักเรียนอย่างเดียว เอะอะอะไรก็จะไล่นักเรียนออก ถ้าหากการไล่ออกก็สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการเป็ครู งั้นโรงเรียนขยะพวกนั้นก็คงจะนำหน้าโรงเรียนชีจงของเราไปตั้งนานแล้ว! ซุนปอ นายชอบลงโทษคนอื่นมากนักใช่ไหม งั้นวันนี้ฉันจะลงโทษนายบ้าง—ฉันจะเสนอในที่ประชุมของโรงเรียน สำหรับการกระทำใน่นี้ของนาย ให้บันทึกความผิดของนายไว้!”
“อะไรนะ คุณจะลงโทษผม?” ซุนปอคิดไม่ถึงว่าลุงของเขาจะทำกับเขาขนาดนี้
“แน่นอน!” จูกว่างชงพูดอย่างมั่นใจ เพื่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเอง เขาจำต้องจัดการกับซุนปอ
จากนั้นจูกว่างชงทำหน้าเป็มิตรอีกครั้ง หันไปพูดกับฉินหลางกับจ้าวเหว่ยว่า “นักเรียนทั้งสอง พวกเธอกลับไปเรียนต่อเถอะ ต่อไป พวกเธอจะต้องทำตามกฎระเบียบของโรงเรียนด้วยล่ะ แต่ถ้าอาจารย์ลงโทษพวกเธออย่างไม่เป็ธรรมอีก พวกเธอมาร้องเรียนใหม่อีกก็ได้”
จูกว่างชงพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจซุนปอที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียด
ตอนนี่ซุนปอเดือดจนถึงขีดสุด เดือดจนจวนจะะเิออดมาอยู่แล้ว แต่ว่าเขาไม่กล้าะเิออกมา เพราะว่าจูกว่างชงนอกจากจะเป็ผู้อำนวยการสอนแล้วยังเป็ลุงของเขา เป็ญาติผู้ใหญ่ของเขาอีกด้วย ดังนั้นซุนปอจึงไม่กล้าะเิใส่จูกว่างชง แน่นอนว่า เขาก็ไม่กล้าะเิใส่ฉินหลางกับจ้าวเหว่ยเช่นกัน เพราะเห็นได้ชัดว่าจูกว่างชงให้ท้ายฉินหลางและจ้าวเหว่ยมาก
“เวลาเรียนที่เหลือ เปลี่ยนเป็การทบทวนด้วยตัวเอง!” ซุนปอเดือดถึงขีดสุดแล้ว จึงต้องเป็ฝ่ายเดินออกจากห้องไป
“เย้!” เมื่อซุนปอออกไปจากห้องเรียนแล้ว ก็มีเสียงฮือฮาดังนี้
นักเรียนที่โดนกดขี่มานาน นานๆ ทีจะได้ปลดปล่อยออกมาบ้าง
※※※
คาบสุดท้ายตอนบ่ายเป็วิชาพละ
ฉินหลางพยายามเสียเหงื่อในสนามบอลให้มากที่สุด เพราะเขาจะใช้วิธีนี้ ปรับสภาพอารมณ์ของตัวเองให้เป็ปกติ เขา้าลืมความรู้สึกสับสนวุ่นวายที่เกิดเพราะการจากไปของรั่วปิน
“เชี่ย! ฉินหลาง นายวิ่งช้าๆ หน่อยได้ไหม? นี่ไม่ได้เป็การแข่งจริงจังสักหน่อย แค่เตะกันเล่นๆ สนุกๆ นายจะวิ่งเอาเป็เอาตายขนาดนั้นทำไม?” จ้าวเหว่ยเตือนฉินหลาง
แต่ฉินหลางทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของจ้าวเหว่ย กลับวิ่งเร็วมากกว่าเดิม นั่นทำให้จ้าวเหว่ยไม่เข้าใจมาก บางครั้งเหมือนว่าฉินหลางไม่ได้วิ่งตามบอลด้วยซ้ำ แต่เหมือนเขา้าวิ่งเพียงอย่างเดียว นั่นทำให้จ้าวเหว่ยยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้น แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ารั่วปินจากไปแล้ว จ้าวเหว่ยก็พอจะเข้าใจฉินหลางแล้ว ว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกยังไง
นึกถึงก่อนหน้านี้ ตอนจ้าวเหว่ยไปเจอโจวหลิงหลิงที่บิวตี้คลับ ความรู้สึกตอนนั้นเ็ปทรมานยิ่งกว่าตายซะอีก
ต่อให้เป็ตอนนี้ ขอเพียงเขาเห็นหน้าหรือคิดถึงโจวหลิงหลิง ในใจจ้าวเหว่ยยังแอบรู้สึกเ็ปอยู่เลย
แต่สำหรับความอดทนที่ฉินหลางแสดงออกมานั้น จ้าวเหว่ยนับถือจากใจเลย เพราะตลอดทั้งคาบ ฉินหลางแทบจะไม่เคยหยุดวิ่งเลยด้วยซ้ำ เขาวิ่งอย่างบ้าคลั่งตลอด ราวกับกระทิงที่กำลังคลั่งยังไงยังงั้นเลย
ตอนเลิกเรียน ฉินหลางเปียกชุ่มไปทั้งตัว เหงื่อบนหัวเขาเหมือนจะระเหยจนเห็นเป็ไอจางๆ แค่คิดก็รู้ว่าเขาเสียเหงื่อจากการออกกำลังไปมากขนาดไหน
“พอแล้ว นายหยุดวิ่งได้แล้ว สหายฉันรู้ว่านายเสียใจ” จ้าวเหว่ยพูดปลอบฉินหลาง “ไป ไปหาอะไรเย็นๆ ดื่มกัน เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”
จ้าวเหว่ยเพิ่งพูดจบ ก็เห็นผู้หญิงรูปร่างอรชรวิ่งตรงเข้ามา จากนั้นยื่นน้ำอัดลมเย็นๆ ขวดหนึ่งใส่ในมือฉินหลาง พลางกล่าวว่า “ฉินหลาง ตอนนายเตะบอลเสียเหงื่อไปเยอะ รีบดื่มเครื่องดื่ม เติมน้ำให้ร่างกายก่อนเถอะ…อีกอย่าง นี่ผ้าเช็ดหน้า เช็ดเหงื่อสักหน่อยเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวอาจจะไม่สบายได้…”
จ้าวเหว่ยขยี้ตาตัวเองหลายครั้ง มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด คนตรงหน้าที่ยื่นเครื่องดื่มและผ้าขนหนูให้ฉินหลาง ก็คือเจียงเสี่ยวฉิง สาวสวยระดับดาวโรงเรียนอีกคนที่ความสวยไม่ได้น้อยหน้ารั่วปินเลย
“ทำไมนายถึงได้โชคดีขนาดนี้เนี่ย! เพิ่งโดนดาวโรงเรียนคนหนึ่งทิ้งไป ก็มีดาวโรงเรียนอีกคนมาดามใจทันที!”
จ้าวเหว่ยอิจฉาฉินหลางใจจะขาด พูดในใจ อายุเท่ากันแต่ดวงกลับไม่เหมือนกันซะจริงๆ ดวงความรักของฉินหลางดีมากขนาดนี้ แต่ทำไมฉัน จ้าวเหว่ย ถึงโดนทำร้ายมาตลอด จนถึงป่านนี้ยังไม่มีใครมาดามใจดวงน้อยๆ ที่บอบช้ำของฉันบ้างเลย
ความจริงแล้ว มันเป็อย่างที่จ้าวเหว่ยคิดเอาไว้ เพราะว่าเจียงเสี่ยวฉิงกำลัง ‘รอโอกาส’ อยู่จริงๆ
ครั้งก่อนที่เจียงเสี่ยวฉิงปรากฏตัวแล้วก็หายไปเลย นั่นเป็เพราะรั่วปิน ทั้งโรงเรียนชีจง คนเดียวที่สามารถทำให้เจียงเสี่ยวฉิงรู้สึกกดดันได้ก็มีเพียงรั่วปินคนเดียวเท่านั้น เพราะรั่วปินไม่ได้มีเพียงความสวยเท่านั้น ยังมีความฉลาดที่มากพอๆ กับความสวย นอกจากนี้ยังเชี่ยวชาญด้านดนตรี นั่นทำให้เจียงเสี่ยวฉิงรู้สึกขาดความมั่นใจเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ดังนั้น เมื่อรู้ว่าฉินหลางสนิทสนมกับรั่วปิน เจียงเสี่ยวฉิงก็บังคับให้ตัวเองตัดใจแล้ว จนวันนี้ที่เธอรู้ว่ารั่วปินไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้