ผู้คนด้านนอกที่คิดจะส่งสิ่งของให้ครอบครัวนั้นส่งไม่ได้รับอนุญาต แต่เฉิงชิง้าส่งจดหมายไปด้านนอกกลับง่ายดายนัก เ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งไว้นานแล้ว ตอบรับคำขอร้องของเฉิงชิงอย่างกระปรี้กระเปร่า
ที่จริงแล้ว พวกเขารอให้เฉิงชิงกระทำการอย่างการส่งจดหมายไปด้านนอกอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดจะรู้ว่าเฉิงชิงมีความอดทนสูงเกินไป ถูกกักบริเวณมานานขนาดนี้ไม่พูดสักคำ ถูกอมเงินได้รับความลำบากก็ยังกัดฟันไม่ขอความช่วยเหลือจากภายนอก
ที่เ้าเมืองอวี๋หรือก็คือมือปราบหลิว้าคือการที่เฉิงชิงขอความช่วยเหลือจากภายนอกนั่นเอง!
ไม่ขอความช่วยเหลือ ไหนเลยจะสามารถตามรอยหลักฐาน ตรวจสอบให้ลึกขึ้นได้
เฉิงชิงจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใดได้?
ผู้ใดก็คาดไม่ถึง เฉิงชิงถูกขังนานขนาดนี้ เมื่อยกพู่กันขึ้นเขียนจดหมายฉบับแรกกลับเขียนให้ราชบัณฑิตเสิ่น
เฉิงชิงและราชบัณฑิตสนิทสนมกันมากหรือ?
วันนั้นที่งานชุมนุมวรรณกรรมกลางสารทฤดู ราชบัณฑิตเสิ่นแสดงท่าทีไม่ชื่นชอบเฉิงชิงเพียงเพราะว่าเป็บุตรชายของเฉิงจือหย่วน สถานะนี้ทำให้ราชบัณฑิตเสิ่นเกิดความรู้สึกรังเกียจในคราแรก
หากไม่ใช่เพราะการเอ่ยโน้มน้าวของเมิ่งไหวจิ่น ราชบัณฑิตเสิ่นอาจจะไม่ยินยอมพบเฉิงชิงก็เป็ได้ แม้ว่าเฉิงชิงจะแก้ปัญหาปริศนาโคมไฟได้ครบสามสิบข้อตามกฎกติกาก็ตาม
จดหมายที่เฉิงชิงส่งให้ราชบัณฑิตเสิ่นย่อมไม่ถูกส่งถึงมือของราชบัณฑิตเสิ่นได้จริงๆ แต่ถูกนำไปไว้ต่อหน้าเ้าเมืองอวี๋
เ้าเมืองอวี๋คิดอยู่นานเป็ครึ่งวันก็คิดไม่ออกถึงความเข้ากันระหว่างเฉิงชิงและราชบัณฑิตเสิ่น
ถึงตัวคนยังรู้สึกแปลกใจ แต่เ้าเมืองอวี๋ก็ยังคงเปิดจดหมายออก
หลังจากอ่านจนจบ เ้าเมืองอวี๋ก็มีสีหน้าแปลกประหลาด
“…อายุยังน้อยแต่ฉลาดปราดเปรื่องเสียจริง!”
นี่ไหนเลยจะเป็จดหมายที่เขียนให้ราชบัณฑิตเสิ่น ชัดเจนว่าจดหมายจะต้องส่งมาถึงเขา จงใจให้เขาอ่านสินะ?
เ้าเมืองอวี๋เพิ่งจะวางจดหมายลงก็ได้ยินเสียงข้ารับใช้กล่าวว่า นายอำเภอหนานอี๋ ใต้เท้าหลี่มาแล้ว
“เ้าสถานศึกษาเฉิงแห่งสถานศึกษาหนานอี๋และใต้เท้าหลี่มาพร้อมกันขอรับ”
“มีเพียงเ้าสถานศึกษาเฉิง ไม่มีผู้นำตระกูลเฉิงหรือ? เ้าลองไปถามพวกที่เฝ้าตรอกหยางหลิ่วว่า ใน่หลายวันนี้ไม่มีคนส่งข่าวไปให้ครอบครัวเฉิงชิงจริงหรือ… ช่างเถอะ เื่นี้ค่อยถามทีหลัง เชิญนายอำเภอหลี่และเ้าสถานศึกษาเฉิงให้เข้ามาก่อน”
นายอำเภอหลี่เป็ขุนนางเบื้องล่าง หากเ้าเมืองอวี๋ไม่้าพบก็สามารถปฏิเสธได้ตามอำเภอใจ แต่เ้าสถานศึกษาเฉิงคือผู้ที่ดูแลสถานศึกษาหนานอี๋ จนถึงตอนนี้ อวี๋ซานยังคงเป็เด็กหนุ่มที่ถูกพักการเรียน แม้เ้าเมืองอวี๋จะเชิญอาจารย์มาสอนที่บ้าน ผลลัพธ์ก็ยังสู้ยามอวี๋ซานเรียนอยู่ที่สถานศึกษาหนานอี๋ไม่ได้
ถึงขนาดยิ่งเรียนยิ่งมีแนวโน้มถดถอยลง เ้าเมืองอวี๋กังวลเื่นี้อย่างมาก
แคว้นเว่ยให้ขุนนางรับราชการนอกพื้นที่ ไม่อาจกลับไปรับตำแหน่งที่บ้านเกิด เ้าเมืองอวี๋เองก็ไม่ใช่คนในพื้นที่เมืองเซวียนตู ทะเบียนบ้านอยู่ที่ใด อวี๋ซานก็ต้องเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการที่นั่น มิเช่นนั้นจะถูกคนเปิดโปงว่า “สวมรอยทะเบียน”
ในเดือนสิบสอง ครอบครัวเฉิงชิงถูกกักบริเวณ เ้าเมืองอวี๋ผู้เป็บิดาไม่อาจทนมองใบหน้าคางคกขึ้นวอหลงระเริงของอวี๋ซานได้ ้าที่จะตีเขาอีกสักไม้ เมื่อได้รับาเ็แล้วอยู่บนเตียงจะได้ซื่อตรงขึ้นมาบ้าง
อวี๋ซานเป็บัณฑิตถงเซิง สอบผ่านระดับอำเภอและระดับเมืองนานแล้ว ปีนี้หากสอบผ่านระดับสำนักศึกษาอีกก็จะได้เป็บัณฑิตซิ่วไฉ
ตอนสอบต้องกลับไปสอบที่บ้านเกิด แต่เ้าเมืองอวี๋ยังคง้าให้บุตรชายศึกษาเล่าเรียนที่สถานศึกษาหนานอี๋
การดูแลสั่งสอนของสถานศึกษาเข้มงวด อีกทั้งยังอยู่ภายใต้สายตาของตน หากทิ้งอวี๋ซานไว้ที่บ้านเดิมจะยิ่งไม่มีผู้ใดควบคุม!
บุตรชาย้าจะกลับสถานศึกษาหนานอี๋ ไม่ใช่ว่าเพียงอาศัยคำพูดของเ้าสถานศึกษาเฉิงแล้วก็ถือว่าเรียบร้อยแล้วหรือ เ้าเมืองอวี๋จึงกระตือรือร้นต่อเ้าสถานศึกษาเฉิงมากกว่านายอำเภออวี๋
หลังจากแลกเปลี่ยนคำทักทายหลายประโยค เ้าสถานศึกษาก็ตรงเข้าสู่หัวข้อหลัก
เขา้าให้เฉิงชิงเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอในเดือนหน้า!
เ้าเมืองอวี๋ขมวดคิ้ว “เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสม แม้ผู้ตรวจการพิเศษของศาลต้าหลี่จะกลับเมืองหลวงแล้ว ก็ยังคงตรวจสอบคดีของเฉิงจือหย่วนอยู่…”
เ้าสถานศึกษาเฉิงตัดบทคำพูดของเ้าเมืองอวี๋
“ใต้เท้า หากราชสำนักมีหนังสือตัดสินลงมาแล้ว วันนี้ข้าก็คงไม่แบกหน้ามาเยี่ยมเยียนหรอก กฎของแคว้นเว่ยบัญญัติไว้ว่า บุตรชายของขุนนางต้องโทษไม่อาจเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการได้ แต่บัดนี้ราชสำนักยังไม่มีหนังสือตัดสินลงมา เฉิงจือหย่วนยังไม่มีความผิดและข้อสงสัย เหตุใดบุตรชายของเขาจึงไม่อาจเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการได้เล่า?”
กล่าวโดยสรุปแล้ว เฉิงชิงและพวกนางหลิ่วล้วนมีความเกี่ยวข้องกับเฉิงจือหย่วน แต่พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมในคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้วยตนเอง!
เฉิงจือหย่วนเสียชีวิตในฤดูหนาวของรัชศกเฉิงผิงปีที่ห้า ยามนั้นเฉิงชิงยังอายุไม่เต็มสิบสามปี
ไม่เคยพบขุนนางที่ยักยอกเงินคนใดให้บุตรชายวัยสิบสองปีเป็ผู้ช่วย บุตรชายที่ยังโตไม่เต็มวัยปากไม่อาจปิดสนิท หากไม่ระวังอาจจะขายบิดาได้
เ้าเมืองอวี๋ไม่มีทางเลือก “เ้าสถานศึกษาเฉิง ข้าไม่ได้ตั้งใจสร้างความลำบากให้แก่ครอบครัวเฉิงชิง หนังสือตัดสินของราชสำนักยังไม่ลงมา สุดท้ายแล้วครอบครัวเฉิงชิงต้องได้รับการเฝ้าจับตาดู นี่ก็เป็ความตั้งใจของศาลต้าหลี่ ข้าไม่อาจละเว้นโทษให้ทั้งครอบครัวของเขาล่วงหน้า เพียงเพราะว่าปีนี้เฉิงชิงต้องเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ”
เ้าสถานศึกษาเฉิงไม่อาจบรรลุข้อตกลงกับเ้าเมืองอวี๋ได้
นายอำเภอหลี่รีบคลี่คลายสถานการณ์
“ใต้เท้าไม่จำเป็ต้องลำบากใจ ข้ากลับพอมีอยู่หนึ่งวิธีที่จะสามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจได้ ไม่จำเป็ให้เ้าพนักงานที่ตรอกหยางหลิ่วแยกย้าย เพียงให้เฉิงชิงถูกปล่อยตัวมาเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ พอสอบเสร็จแล้วก็ส่งเขากลับไปยังตรอกหยางหลิ่วตามเดิมเป็อย่างไร?”
“เช่นนั้นนายอำเภอหลี่เคยคิดหรือไม่ว่าเฉิงชิงจะสามารถสอบผ่านระดับอำเภอ ระดับเมืองและการสอบระดับราชสำนักในอึดใจเดียว ต้องให้คุณวุฒิซิ่วไฉแก่เขาหรือไม่?”
ถูกปล่อยตัวมาสอบนั้นง่ายดาย ถึงสอบไม่ผ่านก็ยังมีข้อดี แม้จะสอบผ่านก็ยังมีความลำบาก
การกระทำของเ้าสถานศึกษาเฉิงและเ้าเมืองอวี๋ถือเป็การฉวยโอกาสจากช่องโหว่
เ้าเมืองอวี๋ไม่รู้ว่าแก่นความ้าที่้าให้เฉิงชิงลงสนามในปีนี้ถือกำเนิดจากที่ใด สอบปีหน้าหรือไม่ก็ปีถัดไปไม่ได้หรือ?
รอเมื่อทุกอย่างได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว เฉิงชิงก็จะได้จดจ่ออยู่กับการสอบ การได้คุณวุฒิก็เป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีผู้ใดติดใจสงสัย
สำหรับความสงสัยของเ้าเมืองอวี๋ นายอำเภอหลี่ได้เตรียมการไว้นานแล้วอย่างเห็นได้ชัด
“หากเขาสามารถสอบผ่านได้ เหตุใดจึงไม่ให้โอกาส เมื่อราชสำนักส่งหนังสือตัดสินลงมา หากกล่าวว่าเฉิงจือหย่วนมีความผิด ก็ปลดคุณวุฒิซิ่วไฉของเขาโดยตรงเลยก็ได้นี่!”
หากเป็คุณวุฒิจวี่เหริน ไม่แน่ว่าผู้ใดจะกล่าวว่าปลดก็ปลดได้ ต้องแจ้งไปยังราชสำนัก
บัณฑิตซิ่วไฉตัวเล็กๆ น่ะหรือ ราชบัณฑิตเสิ่นสามารถตัดสินปลดออกจากตำแหน่งได้!
เ้าเมืองอวี๋ยังนึกถึงจดหมายฉบับนั้นที่อ้างว่าเขียนให้ราชบัณฑิตเสิ่น
หากไม่มีเื่ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ก่อนหน้าจริงๆ จะสามารถอธิบายเหมือนกันได้หรือไม่?
ในชีวิตของคนล้วนต้องประสบกับทางเลือกมากมาย!
ความคิดของคนธรรมดา อาจสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตนได้เพียงอย่างเดียว ความคิดของผู้ที่มีอำนาจสามารถตัดสินความตายของคนได้ ย่อมกระทบกระเทือนถึงชีวิตของผู้อื่นมากมาย
้าจะช่วยให้เฉิงชิงสำเร็จหรือไม่?
เ้าเมืองอวี๋ยังคงมีความสงสัย
ทันใดนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้หนึ่งเร่งรีบมารายงาน
“ใต้เท้า ทางตรอกหยางหลิ่วอำเภอหนานอี๋นั้นส่งข่าวกลับมาว่า ศิษย์กลุ่มหนึ่งรวมตัวกันด้านนอกบ้านตระกูลเฉิง ถามเฉิงชิงว่า้าเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอหรือไม่ กล่าวเช่นว่าต้องไปสมัครที่ห้องพิธีการของที่ว่าการอำเภอแล้วขอรับ…”
เ้าเมืองอวี๋โกรธจนหัวเราะในทันที
“ดีนี่ พวกเ้ากำลังเรียกร้องกดดันต่อวังหลวง!”
เ้าสถานศึกษาเฉิงสงบเป็อย่างมาก “ใต้เท้า มิมีผู้ใดที่สามารถบังคับความคิดของบรรดาศิษย์ได้ พวกเขาชื่นชอบผู้ใด ไม่ชื่นชอบผู้ใด ไม่ใช่สิ่งที่ข้าผู้เป็เ้าสถานศึกษาจะสามารถสั่งการได้”
เหมือนตอนที่เฉิงชิงเพิ่งจะเข้าสถานศึกษา ทุกคนล้วนหลบหลีก นั่นไม่ใช่เพราะเพียงเหตุผลที่อวี๋ซานกล่าวว่า้าจะทอดทิ้งเฉิงชิงให้โดดเดี่ยว
เป็เพราะบรรดาศิษย์ทั้งหลายล้วนไม่เข้าใจเฉิงชิง ทั้งยังหวาดกลัวอวี๋ซานอย่างใสซื่อ
หลังจากสถานการณ์พลิกกลับ อวี๋ซานไปหาเื่บ่อยครั้ง ทำให้บรรดาศิษย์ของสถานศึกษาหันกลับไปสงสาร รังเกียจความเ้ากี้เ้าการของอวี๋ซาน สถานศึกษาสั่งให้อวี๋ซานกลับไปสำนึกตนที่บ้าน นอกจากคนไม่กี่คนที่มีความสัมพันธ์อันดี คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผู้อื่นมาเรียกร้องให้แก่อวี๋ซาน แสดงให้เห็นว่าวิธีการของอวี๋ซานไม่ได้ถูกใจผู้คนมากเท่าไรนัก!
เื่ก็เป็เช่นนี้ อวี๋ซานจะกลับหรือไม่กลับสถานศึกษา ไม่ใช่เฉิงชิงเป็ผู้กล่าวตัดสินและไม่ใช่การตัดสินของเ้าสถานศึกษาเพียงผู้เดียว แต่ต้องให้บรรดาศิษย์ของสถานศึกษาเปลี่ยนมุมมองต่อบุตรชายจึงจะดี
——บิดาผู้ไม่เคยสั่งสอนบุตรชายอย่างเ้าเมืองอวี๋ จะยินยอมกระทำถึงขั้นไหนเพื่อบุตรชายเล่า?
