หั่วอี้เป็คนระดับใดเขาเป็คนที่แค่กระทืบเท้าก็ะเืเลื่อนลั่นไปทั้งเมืองหลวง เื่คืนวานนี้เรือนหลังก็มีความสั่นะเืของเรือนหลังบ้านเมืองก็มีความสั่นะเืของบ้านเมือง
ไม่ต้องให้นางจ้าวไปรายงาน ฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้ข่าวั้แ่เช้าแล้ว
เป็ป้าหวังนำข่าวมาแจ้ง นางไปเอาอาหารที่ห้องครัวั้แ่เช้ามีบ่าวปากไวแพร่เื่ที่ท่านแม่ทัพไปต่อว่าฮูหยินอย่างเกรี้ยวกราดออกไปทั่วนานแล้ว
ป้าหวังได้ยินข่าว แม้แต่อาหารก็ยังไม่เอา รีบกลับมารายงานฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือนหลังเสียก่อน
“ได้ยินว่าเมื่อคืนท่านแม่ทัพโมโหหนักทั้งยังออกจากจวนไปทั้งคืนด้วยเ้าค่ะ” ป้าหวังเล่าให้ฟังด้วยสีหน้าโกรธเคืองประหนึ่งท่านแม่ทัพที่โมโหนั้นเป็บุตรชายของนางเอง
ฮูหยินผู้เฒ่าปรายสายตาเย็นมองนางหนหนึ่ง ป้าหวังจึงรู้สึกว่าตนเองใส่อารมณ์เกินไปพลันรีบหุบปากเสีย
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะท่านว่าต้องไปเรียกฮูหยินมาสอบถามสักหน่อยดีหรือไม่เ้าคะ”ป้าจ้าวกำลังรอคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า พร้อมจะไปเรียกหลิ่วจิ้งมา
ฮูหยินผู้เฒ่าก้มหน้าลงเอานิ้วเลื่อนลูกประคำในมือพลางหลุบตาทั้งคู่ลงนางจ้าวบังอาจถึงขั้นวางแผนเล่นงานนางด้วย ประเด็นนี้นางไม่อาจทนยอมได้คลื่นลมที่เผชิญมาหลายสิบปี พริบตาเดียวนางก็มองความลับนี้ออกแล้ว
นางล้มเลิกความคิดจะเรียกองค์หญิงมาสอบถาม มิใช่ว่านางอยากปล่อยองค์หญิงไปแต่เป็เพราะนางเข้าใจนางจ้าวเสียอย่างยิ่ง นางไม่้าถูกผู้อื่นจูงจมูกเดินโดยเฉพาะเมื่อคนผู้นั้นเป็สตรีที่้าเข้ามาในเรือนนาง
นางจ้าวน่ะหรือจะเป็คนว่านอนสอนง่ายเช่นนั้นตอนที่นางยังไม่ตั้งครรภ์ก็ยังไม่มีทีท่าว่านอนสอนง่ายยอมทำตามองค์หญิงเลยมายามนี้นางตั้งครรภ์ยิ่งไม่มีทางเป็ไปได้ใหญ่
บุตรคนนี้เป็แต้มต่อเดียวที่นางจ้าวมีแล้วนางจะยอมสูญเสียไปได้อย่างไร ฉะนั้นเื่นี้ต้องมีเงื่อนงำ
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบหลิ่วจิ้ง แต่นางก็ไม่ชอบนางจ้าวด้วยเช่นกันอย่างไรเสียปล่อยให้อี้เอ๋อร์เป็คนจัดการเื่นี้เองจะดีกว่าหากเื่ราวลุกลามใหญ่โตนางค่อยออกหน้า
ฮูหยินผู้เฒ่ามองทุกสิ่งทะลุปรุโปร่งนางไม่อยากแข็งขืนออกหน้าให้ผู้อื่นใช้เป็ทวนแหลม อีกประการนางสมัครสมานกับอี้เอ๋อร์มาโดยตลอด ทว่านับั้แ่องค์หญิงผู้นั้นมาพวกนางแม่ลูกก็มักเกิดความขัดแย้งกันด้วยเื่ขององค์หญิงทำเอาอี้เอ๋อร์มาหานางน้อยครั้งลงทุกวัน
นางไม่้าให้เกิดข้อขัดแย้งที่ไม่จำเป็ขึ้นอีกใน่เวลาที่อี้เอ๋อร์อยู่ที่บ้านนางมีทั้งเวลาและวิธีการจะจัดการสตรีเหล่านี้อยู่แล้วซึ่งนี่ก็คือสาเหตุหลักที่นางไม่ไปเอาความหลิ่วจิ้งในระยะนี้
ณ เรือนเฉินจื่อ นางจ้าวทั้งดีใจและผิดหวังในเวลาเดียวกัน
ที่ดีใจก็เพราะนางได้ยินข่าวที่หั่วอี้ไปเอาเื่กับฮูหยินส่วนที่ผิดหวังก็คือนางรออยู่ตลอดเช้ากลับไม่ได้ยินข่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าลงมืออย่างไร
นางไม่เชื่อว่าเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเื่นี้แล้วจะไม่ไปเอาความฮูหยินคำโบราณว่าไว้ถูกต้องนัก ไม่เห็นแก่หน้าพระก็ต้องเห็นแก่พระพักตร์พระพุทธไม่ว่าอย่างไรหลานของฮูหยินผู้เฒ่าก็เกือบจะเกิดเื่ ฮูหยินผู้เฒ่าจะยอมปล่อยวางไม่สนใจได้อย่างไร?
นางจ้าวย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางช่วยนางเพราะตัวนางทั้งหมดล้วนเพราะเห็นแก่หลาน แต่แม้จะเป็เช่นนี้ก็เพียงพอสำหรับนางแล้ว
แต่โบราณมาสิ่งดีๆ เมื่อมีบุตรก็คือสิ่งดีๆ ที่นางจะได้รับเพราะลูกกับนางนับเป็คนคนเดียวกัน เมื่อมีคนปกป้องดูแลบุตรของนางก็เท่ากับปกป้องดูแลนางด้วย
นางจ้าวว้าวุ่นใจจึงส่งคนไปสืบข่าวที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าแต่หนแล้วหนเล่าก็กลับได้ความว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใด นางจึงนั่งแทบไม่ติดที่แล้ว
นางอยากไปลองดูที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่า แต่เมื่อคืนนางสร้างเื่ใหญ่โตขนาดนั้นก็ควรดูแลบำรุงครรภ์จึงจะถูก ออกไปเดินข้างนอกเร็วเช่นนี้มิเท่ากับเขียนป้ายบอกว่าที่นี่ไม่มีสามร้อยตำลึงเงิน[1] หรอกหรือ?
นางจ้าวไม่สามารถหาคำอธิบายได้ว่าเหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าจึงเอาแต่นิ่งเฉยเห็นทีว่าแผนการลูกธนูดอกเดียวได้นกสองตัวที่เตรียมไว้เสียดิบดีคงจะไม่ได้ผลแล้วน่าเสียดายนักที่พลาดโอกาสทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าจัดการองค์หญิงไม่รู้ว่าเมื่อใดจึงจะมีโอกาสเช่นนี้อีก
นางเอาแต่พะวงถึงเื่นี้จนรู้สึกว้าวุ้นใจขึ้นมาอีกในเมื่อจัดการทางลับไม่ได้ เช่นนั้นก็เล่นกันทางแจ้งเสียเลย!
นางจ้าวสั่งให้เหมยเซียงเอาพู่กันกับหมึกมาเขียนรายการสิ่งของที่ต้องซื้อเพื่อใช้งานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าอย่างละเอียดถี่ยิบหลายแผ่นกระดาษใหญ่ๆแล้วให้เหมยเซียงนำไปส่งให้หลิ่วจิ้ง
ซ้ำยังให้เหมยเซียงนำความไปบอกฮูหยินว่างานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าจะสำเร็จลุล่วงไปได้ล้วนต้องอาศัยฮูหยินแล้ว
นึกไม่ถึงว่าพอเหมยเซียงนำความไปบอก หลิ่วจิ้งกลับตอบกลับมาเรียบๆว่า “เข้าใจแล้ว” และไม่เอ่ยคำใดต่ออีก
เช้าวันนี้นางจ้าวต้องเจอตอสองตอจากทั้งฮูหยินผู้เฒ่าและหลิ่วจิ้งซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ผลที่นางคิดว่าจะได้รับ
หลังจากหลิ่วจิ้งได้รับรายการจัดซื้อที่เหมยเซียงมอบให้นางก็ยินดีปรีดาเป็ที่สุด เพราะนางนั่งรอรับมอบอำนาจนี้อย่างเป็ทางการมาตลอดเช้าแล้ว
เมื่อได้รับรายการจัดซื้อ หลิ่วจิ้งกลับมิได้เร่งรีบลงมือแต่จัดแบ่งรายการสิ่งของที่ต้องซื้อออกเป็ประเภทต่างๆ ว่ากันั้แ่เสื้อผ้าของกิน ที่อยู่และการเดินทาง ล้วนจัดแบ่งอย่างละเอียด
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือนางจ้าวยังมอบตราประทับที่ใช้เบิกเงินจากห้างเงินตรา [2] ใหญ่ให้นางด้วย
หลิ่วจิ้งไม่คิดมาก่อนเลยว่าสิ่งที่นางปรารถนาจะตกมาถึงมือง่ายดายเพียงนี้แม้ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถยักยอกเงินออกมาได้สักกี่ตำลึงแต่อย่างไรก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย
“ฮูหยินเ้าคะ ที่มอบอำนาจให้เช่นนี้จะมีกับดักใดหรือไม่เ้าคะมอบตราประทับที่สามารถเบิกตั๋วเงินได้ตามใจให้ฮูหยินไม่ว่าอย่างไรก็คล้ายเป็เื่ที่ไม่น่าเป็ไปได้นะเ้าคะ” อวี้จิ่นมีสีหน้ากังวล
หลิ่วจิ้งมองอวี้จิ่นอย่างมีความคิดในใจหนหนึ่ง“เื่นี้ต้องมีแผนการของนางจ้าวอยู่ภายใน เราต้องลงมืออย่างระวังอย่าให้พวกนางหาความเอาได้เป็พอแล้ว ม้าไม่แอบกินหญ้ายามราตรีไม่อ้วน คนไร้ความกล้าทำการใหญ่ไม่สำเร็จ”
อวี้จิ่นหยัดตัวยืนตรง คิดว่าตนเองยังต้องเรียนรู้จากฮูหยินให้มากยามเผชิญกับเื่นานาจึงจะไม่ลนลาน ไม่สะทกสะท้านเช่นที่ฮูหยินเป็
ณ มุมหนึ่งของสวนดอกไม้ในจวนผู้สำเร็จราชการทั่วป๋าเจิ้งกำลังผ่อนคลายชมนางระบำสองนางร่ายรำ ตอนนั้นเองนางระบำที่สวมชุดแขนเสื้อยาวะโยกขาขึ้นยืนขาเดียว หลังจากหมุนตัวอย่างรวดเร็วก็ล้มลงกับพื้นในทันทีสาวใช้ที่คอยรับใช้อยู่ข้างๆ ตื่นใจนเหงื่อท่วมตัวมีเพียงทั่วป๋าเจิ้งที่มีท่าทีสงบ ไม่เห็นความตื่นตระหนกในสีหน้าแม้สักนิด
คนผู้หนึ่งในชุดองครักษ์เดินเข้ามาที่ข้างกายทั่วป๋าเจิ้งอย่างแ่เบาก้มหัวลงกระซิบข้างหูเขา
“มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ น่าสนใจ”ทั่วป๋าเจิ้งนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คราแรกที่เขาได้พบองค์หญิงเขามิได้ประทับใจด้วยรูปโฉมของสตรีผู้นั้น หากสิ่งที่ดึงดูดเขากลับคือความสุขุมเยือกเย็นยามสตรีผู้นั้นเผชิญหน้ากับเหล่าทหารที่จ้องเอาตัวนางประหนึ่งฝูงพยัคฆ์จ้องตะครุบเหยื่อ
น่าเสียดายนัก สตรีผู้หนึ่งที่มีความสามารถแกร่งกล้าเยี่ยงบุรุษ สุดท้ายแล้วกลับถูกคนหยาบกระด้างเช่นหั่วอี้ชิงเอาไป
เขาสั่งคำด้วยท่าทีเย็นเฉียบ “คอยจับตาดูทางนั้นต่อไป”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์มาอย่างไร้ซุ่มเสียงและไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นตอนมา
หลังองครักษ์จากไป พลันมีความยินดีอยู่ในสีหน้าของทั่วป๋าเจิ้งคล้ายว่าได้เห็นแสงสว่างในบางสิ่ง
“สตรีผู้นี้กลายเป็กระดูกขวางคอเ้าหรือไม่? หั่วอี้ ข้าจะรอดู”
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] บอกว่าที่นี่ไม่มีสามร้อยตำลึงเงิน เป็สำนวนจากนิทานว่า คนหนึ่งเอาเงินมาฝังดินและเขียนบอกว่าที่นี่ไม่มีสามร้อยตำลึงเงินภายหลังมีเพื่อนบ้านชื่ออาเอ้อร์มาขโมยไปและยังเขียนเอาไว้ว่าอาเอ้อร์ไม่ได้ขโมยไปมีความหมายว่า้าปกปิด แต่กลับทำให้เปิดเผยออกมา
[2] ห้างเงินตรา เป็ร้านค้าที่ดำเนินกิจการคล้ายธนาคารในปัจจุบันสามารถนำเงินมาฝากและออกตั๋วแลกเงินเอาไปใช้แทนเงินสดได้
