คุณปู่ตระกูลมู่ไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อยแต่กลับหันมาอธิบายให้หลินลั่วหรานฟัง “อาจารย์ของหนูอาจจะเคยบอกแล้วพื้นฐานพลังจะกำหนดอาวุธเวทที่สามารถใช้ได้ และพลังที่สามารถปล่อยออกมาแต่ว่าธรรมชาตินั้นสร้างพลังทั้งห้า มาให้คอยเกื้อกูลยับยั้งกัน หากไม่มีพื้นฐานของพลังชนิดใดขอเพียงแค่ฝึกมาจนถึงระดับพื้นฐาน ก็จะสามารถใช้ทฤษฎีการเกื้อกูลกันของพลังทั้งห้าในการทำอะไรที่น่าสนใจออกมาได้ เหมือนกับฉันที่เป็พวกธาตุทองและดินแต่สามารถใช้ประโยชน์จากการกระทบกันของดินและทอง ในการดึงดูดพลังธาตุไฟจำนวนหนึ่งมาใช้ในการปล่อยพลังหากมองผิวเผินก็อาจจะเป็เพียงเื่เล็กน้อย แต่บางครั้งก็สามารถช่วยชีวิตได้เลย”
พื้นฐานพลังสามารถกำหนดความสามารถทางเวทของแต่ละคนอย่างนั้นเหรอ?
หลินลั่วหรานฟังไว้ในหู แต่กลับจำฝังลงไปในใจ พลังในกายของเธอเดิมทีก็เป็พลังที่ผสมปนกันหลายธาตุ จนเมื่อเธอได้รู้ถึงเวทลูกไฟถึงได้แบ่งพลังธาตุไฟส่วนหนึ่งออกมาได้ยังเหลือพลังอีกกองใหญ่ที่ยังไม่รู้ว่าเป็ธาตุอะไรอีกมันกำลังรอให้เธอไปเปิดประตูทั้งห้าอยู่หรือเปล่านะ?
แล้วแบบนั้น สุดท้ายเราจะเป็ธาตุอะไรกันแน่?
ในใจของหลินลั่วหรานได้แต่สงสัยขึ้นมาเมื่อนึกถึงท่าทางที่จำจนขึ้นใจทั้งสามสิบหกท่าขึ้นมามือข้างขวาของเธอก็ขยับไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว เพราะว่าเธอฝึกมาระยะหนึ่งแล้วความเร็วของมันจึงไม่เลวเท่าไร เพียงเวลาไม่นานนัก ท่าทางที่สลับซับซ้อนดวงตามองจ้องไปยังเวทที่ถูกร่ายสมบูรณ์ หากเป็แบบนั้นก็จบแล้วแน่นอนว่ามันหนีไม่พ้นความล้มเหลวอย่างครั้งก่อน
ท่าทางทั้งสามสิบหกท่า เกือบจะสำเร็จไปได้ด้วยดีหลินลั่วหรานเสียใจไม่รู้จะทำอย่างไรแต่ในแววตาของชายแก่สกุลกัวกลับเปล่งประกายขึ้น ก่อนจะะโออกมา “ใช้พลังในกายส่งไปยังเวทที่มือ ดึงดูดให้พลังธาตุไฟตอบสนอง!”
หลินลั่วหรานคิดว่าครั้งนี้ก็คงจะล้มเหลวอีกตามเคยเมื่อได้ยินที่ชายแก่สกุลกัวบอก ความคิดไหลผ่านเข้ามาในหัวร่างกายของเธอก็ตอบสนองขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พลังธาตุไฟในร่างรับรู้ถึงการเรียกร้องจึงพุ่งออกมายังฝ่ามือด้านขวา หมุนวนเวียนไปรอบๆ นิ้วทั้งห้า
เมื่อมาถึงท่าที่สามสิบห้าจุดเล็กๆ โดยรอบก็ “สว่าง” ขึ้นหลินลั่วหรานสามารถััได้ถึงเหล่าพลังธาตุไฟที่มารวมตัวกันได้อย่างชัดเจนเมื่อร่ายท่าที่สามสิบหกเสร็จสิ้น หลินลั่วหรานมองไปยังนิ้วมือด้านขวาของเธออีกครั้งก็พบว่าเปลวไฟกำลังล่องลอย ขยับสั่นไหวอยู่โดยรอบ...เวทลูกไฟสำเร็จแล้ว?
หลินลั่วหรานดีใจมาก แต่ก็ไม่ได้หลงระเริงจนลืมเธอขยับละทิ้งท่าทางเ่าั้ ลูกไฟก็สลายหายไปในชั่วพริบตา หลินลั่วหรานหลับตาลงเพื่อที่จะรับรู้ความรู้สึกที่ได้ัักับพลังธาตุไฟเมื่อสักครู่
ชายแก่ทั้งสองต่างพากันใในความหัวไวของเธอเมื่อเห็นว่าเธอปล่อยพลังออกมาโดยไม่รู้แม้แต่การควบคุมพลังเป็เพียงนักเรียนมือใหม่เท่านั้น แต่ว่ามือใหม่คนหนึ่งจะสามารถเข้าใจได้เพียงเพราะการบอกของชายแก่สกุลกัวเท่านั้นเองเหรอ? ท่าทางการขยับมือที่นุ่มนวลเห็นได้ชัดว่าเป็การขยับมือร่ายเวทที่เหมาะสมมาั้แ่เกิด
เมื่อคิดขึ้นมาได้ว่า หลินลั่วหรานเป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามายังโลกแห่งการฝึกศาสตร์แม้จะบอกว่ามีผู้แกร่งกล้าสามารถช่วยชำระไขกระดูกให้ แต่ว่ามันจะไม่เกี่ยวข้องกับพร์ที่เธอมีอยู่ก่อนเลยหรือ?
หรือว่าเธอจะเป็ธาตุไฟบริสุทธิ์ที่หาได้ยากกันนะ?
เมื่อชายแก่ทั้งสองเห็นว่าเธอปล่อยเวทลูกไฟออกมาได้ง่ายๆอีกทั้งยังถูกผู้าุโระดับรวมพลังรับเอาไว้ ต่างก็พากันเข้าใจไปเองว่าหลินลั่วหรานมีธาตุไฟบริสุทธิ์ที่หาพบได้ยาก
แน่นอน หลินลั่วหรานกำลังจมอยู่กับการปล่อยเวทได้สำเร็จเป็ครั้งแรกจึงไม่ได้รับรู้สึกความเข้าใจผิดเหล่านี้เลย
เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งคนแก่ทั้งสองที่กำลังนั่งจิบชาร้อนที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากที่ไหนอยู่บนโต๊ะที่เพิ่งทำขึ้นมาเมื่อสักครู่ ก็พยักหน้าให้กับเธอ
หลินลั่วหรานนั่งลงจิบชา ชาที่สดใหม่ทำให้สมองของคนเราปลอดโปร่งขึ้นชานั้นถือเป็เครื่องดื่มที่เหมาะกับเหล่านักปราชญ์เสียจริง
เธอมีหนังสือฝึกศาสตร์ทั้งห้าอยู่ในอ้อมอกอีกทั้งยังรู้ถึงจุดสำคัญในการใช้เวทแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้รีบร้อนจะฝึกอะไรอีกโอกาสที่จะได้ร่วมดื่มชากับเหล่าผู้าุโระดับพื้นฐานก็ไม่ใช่ว่าใครๆ จะได้รับจะปลดปล่อยสักหน่อยจะเป็อะไรไป?
แต่หลินลั่วหรานนั้นเป็พวกทำอะไรตามใจชอบั้แ่เกิดในระหว่างที่กำลังฟังคุณปู่ตระกูลมู่เล่าเื่การฝึกของพวกเขาอยู่นั้นโทรศัพท์ของหลินลั่วหรานก็ดังขึ้นมา
เบอร์ไม่คุ้นตาแสดงขึ้น เธอกดรับสาย ฟังคำพูดจากปลายสายร่องรอยความดีใจเริ่มปรากฏขึ้นบริเวณหัวคิ้วก่อนที่มันจะแผ่กระจายไปทั่วทั้งใบหน้าของเธอ
เมื่อเธอวางสายโทรศัพท์ลงคุณปู่ตระกูลมู่ก็ถามขึ้นมาว่าทำไมถึงดูดีใจขนาดนี้ ในแววตาของหลินลั่วหรานเปล่งประกายฉ่ำน้ำขึ้น “ต้องให้ท่านทั้งสองเจออะไรแปลกๆ เสียแล้ว เพื่อนรักของฉันเธอฟื้นแล้วน่ะค่ะ”
เพื่อนรักของหลินลั่วหราน ฉินเป่าเจีย ด้วยเื่นี้ไม่แปลกเลยว่าทำไมใบหน้าของเธอจึงเต็มไปด้วยความดีใจแบบนั้น...เมื่อชายแก่ทั้งสองหันมาสบตากัน ต่างก็รู้ได้ในทันทีว่าเพื่อนรักของเธอคือใคร
“ถ้าเป็แบบนั้น หนูหลินก็กลับไปก่อนเถอะ!”
แม้ว่าจะเป็โอกาสที่หาได้ยาก แต่ว่าในจิตใจของหลินลั่วหรานแล้วเพื่อนรักของเธอสำคัญที่สุด เธอจึงได้แต่ขอโทษชายแก่ทั้งสอง ก่อนจะลงมาจากเขา
แล้วมู่เทียนหนานที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็โผล่ออกมาจากป่าทึบคุณปู่ตระกูลมู่จ้องไปที่เขาพร้อมกับรอยยิ้ม “ทำไมไม่ไปส่งเธอล่ะ?”
มู่เทียนหนานส่งเสียงในลำคอออกมา “คงไม่ลงไปแล้วล่ะ...ปู่ผมเองก็อยากจะฝึกศาสตร์ ตอบตกลงเถอะนะครับ!”
ชายแก่สกุลกัวขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยบางอย่างไหลผ่านแววตาของคุณปู่ตระกูลมู่ไป “เ้าเด็กน้อยฉันตั้งกฎของตระกูลไปแล้ว...การฝึกศาสตร์นั้นยากขึ้นในทุกวันตระกูลมู่จะมาแขวนคอตายใต้ต้นไม้ต้นเดียวกันไม่ได้ตอนแรกก็ยกโอกาสนี้ให้ชายหกไปแล้วนี่ ทำไมตอนนี้ถึงได้มาพูดเื่นี้ล่ะ?”
มู่เทียนหนานหน้าบึ้ง “ผมรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดไปอย่างมากก็แค่ไม่ได้มรดกจากตระกูล แค่สอนศาสตร์ให้ผมบ้างไม่ได้เหรอ?”
คุณปู่ตระกูลมู่ส่ายหน้า
มู่เทียนหนานกระทืบเท้า ก่อนจะพุ่งตัวหายไปในป่า
ชายแก่สกุลกัวไออ้อมแอ้มขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้น “แค่บอกความจริงไปก็เรียบร้อยแล้วทำไมจะต้องให้เขาไม่พอใจด้วยล่ะ?”
คุณปู่ตระกูลมู่ได้แต่ฝืนยิ้ม “หลานคนนี้ของฉันน่ะนะดูไม่ได้มีความระมัดระวังอะไรเอาเสียเลย แกเองก็เห็นมันโตมาก็น่าจะรู้ว่ามันหยิ่งยโสเข้ากระดูกดำ หากพูดเื่จริงออกไป ด้วยอคติที่มี ไม่รู้หรอกว่าจะทำอะไรขึ้นมาบ้างฉันขอยอมให้เกลียดฉันไปชั่วชีวิตเลยยังจะดีกว่า...ขอเพียงแค่ทั้งชีวิตของมันปลอดภัยก็พอแล้ว”
ปลอดภัยไปทั้งชีวิต? ชายแก่สกุลกัวถอนหายใจออกมาเขาไม่คิดว่านี่จะเป็สิ่งที่มู่เทียนหนาน้า
“จะว่าไปแล้ว จะให้อะไรหนูหลินดีล่ะ?”
คำถามของชายแก่สกุลกัวเรียกความสนใจของคุณปู่ตระกูลมู่ไปได้ ใช่แล้วจะให้อะไรถึงจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝั่ง ขยับเข้ามาใกล้กันได้มากขึ้นกันนะ?
หลินลั่วหรานะโลงจากรถที่มาส่งเธอของตระกูลมู่ก่อนจะพุ่งตัวไปยังห้องของเป่าเจีย คุณป้าหวงมาเปิดประตูให้เธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด
“อยู่้ากันหมดเลยค่ะ คุณหนูหลินรีบขึ้นไปเถอะ”
หลินลั่วหรานพยักหน้าให้กับคุณป้าหวงก่อนจะขึ้นตึกไปภายในห้องของเป่าเจียนั้น ผู้บังคับบัญชาฉิน หลิ่วเจิงและลู่ซานชุนต่างก็อยู่พร้อมหน้า หลินลั่วหรานมองพิจารณาคร่าวๆก่อนจะมองตรงไปยังร่างที่สวมชุดสีขาวยืนอยู่บริเวณข้างหน้าต่าง
ชุดนอนกระโปรงยาวสีขาว ยืนอยู่บริเวณข้างหน้าต่าง เมื่อสายลมพัดผ่านเบาๆก็ให้ความรู้สึกราวกับจะล่องลอยไปในเทพนิยาย
เพียงแค่ได้ยินมาอาจจะยังไม่มากพอ ต้องตาเห็นถึงจะเชื่อถือได้หลินลั่วหรานมองไปยังแผ่นหลังที่คุ้นเคยก่อนที่จะมั่นใจว่าเป่าเจียไม่เป็อะไรแล้วจริงๆ
ดวงตาของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา แต่ฉินเป่าเจียกลับหันหลังกลับมาหาเธอมองจ้องเธออยู่สักพัก ก่อนจะะโเข้ามาหา
“เฮ้! เมื่อคืนเธอแอบกินมะเขือเทศน้อยในห้องของฉันใช่ไหม?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้