บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยโกรธจัด โลกนี้กลับยังมีคนผยองถึงเพียงนี้ ถึงกับบังอาจจับตัวธิดาเทพของสำนักเบญจพิษไปต่อหน้าต่อตาเขา นี่คือการประกาศากับสำนักเบญจพิษแล้ว!
เดิมเขานัดกับเหยียนชิงชิงไว้ วันนี้ให้พบกันที่เกาะแห่งนี้ คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเร่งรุดมาถึง ก็เห็นจ้านอู๋มิ่งนำเหยียนชิงชิงใส่เข้าไปในกระเป๋าสัตว์อสูรจิติญญาพอดี
“ท่านปู่ ต้องช่วยธิดาเทพให้ได้…” เหยียนสิงเทียน หลานชายของบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยก็ร้อนใจแล้ว ธิดาเทพเป็หญิงสาวที่ศิษย์ชายทั้งหมดในสำนักเบญจพิษใฝ่ฝันถึง เหยียนสิงเทียนก็นับเป็คนของบรรพบุรุษรุ่นที่สองของสำนักเบญจพิษ มีใจลุ่มหลงต่อธิดาเทพมาเนิ่นนานแล้ว หากมิใช่เขาขอร้อง บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยยังคร้านที่จะแล่นเรืออ้อมมาที่นี่ตามที่นัดหมายไว้กับธิดาเทพ ไม่เช่นนั้นคงตรงไปยังสถานพำนักของคุนเผิง สนามรบหลักเนิ่นนานแล้ว
ที่ทำให้บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยขุ่นข้องหงุดหงิดก็คือ จ้านอู๋มิ่งวิ่งได้รวดเร็วยิ่งนัก หลบหนีราวเหินบิน แต่เมื่อทิ้งระยะห่างกัน เขาก็จะขับเรือเหาะไปข้างหน้าอย่างช้าๆ รอให้พวกเขาเข้าใกล้ จ้านอู๋มิ่งจะลงจากเรืออีกครั้งและวิ่งหนีไปอีก ทิ้งระยะห่างกันก็ต้องล่องเรือตามหลังอีก…เป็เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไล่ล่าจนบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยบันดาลโทสะ สุดท้ายเปิดเขตแดนเต็มที่อย่างตรงไปตรงมา เรือเหาะก็ไม่ใช้แล้ว เขาและกลุ่มศิษย์สำนักเบญจพิษเหยียบระลอกคลื่นไล่ล่าอย่างดุเดือด
เขาไม่เชื่อว่าด้วยฐานบ่มเพาะของตนจะตามปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดน้อยๆ คนหนึ่งไม่ทัน ยามที่เขตแดนของตนเปิดออกเต็มที่ ทั้งยังสามารถใช้พลังยุทธ์ของจักรพรรดิาสูงสุดได้ จักรพรรดิาสูงสุดผู้หนึ่งยังจะวิ่งไม่ทันปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดผู้หนึ่งหรือ?
ไล่ล่ามาสักพักแล้ว บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง ด้านหน้ากลับมีเสียงเข่นฆ่าสังหารอันน่ากลัวดังแว่วมา จ้านอู๋มิ่งวิ่งตรงขึ้นไปบนเรือเหาะลำหนึ่ง บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยรู้สึกขุ่นข้องหงุดหงิดแล้ว ไอ้หนูผู้นี้กลับมีผู้พรรคพวกอีก ไม่แปลกใจเลยที่มันกล้าทิ้งระยะเพื่อหลอกล่อชักนำพวกเขา ที่แท้คิดจะร่วมผสมโรงกับพรรคพวก โจมตีกลับนั่นเอง
เพลิงโทสะในใจบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยโหมกระหน่ำรุนแรงกว่าเดิม เขาััได้ว่าบนเรือมีราชันา แต่ในเวลานี้พลังถูกสะกดกดข่มอย่างหนัก ถึงแม้จะมองออกว่าเรือเหาะนั้นเป็ของแคว้นมหาจักรพรรดิบูรพา แต่กลับไม่ทราบว่าจ้านอู๋มิ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจักรวรรดิบูรพา
ยามที่เขาเห็นกลุ่มชนเผ่าสมุทรเผชิญหน้ากับจักรวรรดิบูรพา เดิมยังลังเลใจว่าจะนั่งบนภูดูเสือกัดกันหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าองค์ชายเผ่าสมุทรเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว กลับเอาอาวุธสีน้ำเงินเจิดจ้าชิ้นหนึ่งออกมาและทำลายเขตแดนของตน
บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยโกรธมาก! โจมตีที่นี่บ้าง ที่โน่นบ้าง ข้าบรรพบุรุษเฒ่าหาก้าลงมือกับพวกเ้า ยังจะให้พวกเ้าชนเผ่าสมุทรมีโอกาสก่อตั้งค่ายกลอีกหรือ? ข้ายังคิดว่าพวกเ้าก่อตั้งค่ายกลก็เพื่อจัดการกับจ้านอู๋มิ่งผู้นั้นต่างหากเล่า ปรากฏว่าชนเผ่าสมุทรไร้ประโยชน์กลุ่มนี้ ปล่อยให้ผู้อื่นฝ่าออกจากวงล้อม แล้วกลับหันมาโจมตีใส่ตนอย่างรุนแรง
บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยคับข้องใจยิ่งนัก แต่นี่ก็ต้องโทษตัวเองเช่นกัน อยากจะนั่งบนภูดูเสือกัดกันก็ไม่ไปหาที่อยู่ให้ไกลสักหน่อย เขตแดนพิษของตนรุนแรงเกินไปแล้ว มิทันระวังแพร่พิษใส่ชนเผ่าสมุทรที่อยู่รอบนอกเสียชีวิตแล้ว นี่จึงทำให้ไห่ทงเทียนเกิดความเข้าใจผิดขึ้นมา
ในสายตาของไห่ทงเทียน เผ่ามนุษย์ก็คือพวกเดียวกัน ไม่มีสิ่งใดแตกต่าง ไหนเลยจะทราบว่าท่านผู้ชรามาตามไล่ล่าสังหารจ้านอู๋มิ่ง!
ไห่ทงเทียนเห็นคนของตนถูกแพร่พิษตายไปหลายคน คิดว่าบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยโจมตีใส่แล้ว ดังนั้นค่ายกลใหญ่จึงเริ่มทำงานทันที จัดการกับสัตว์ประหลาดเฒ่าพิษที่เป็ภัยคุกคามต่อชนเผ่าสมุทรอย่างสุดกำลัง ไม่กี่วันก่อนก็เป็สัตว์ประหลาดเฒ่าพิษผู้นี้ที่แพร่พิษคร่าชีวิตชนเผ่าสมุทรร่วมแสนในคราวเดียว ทำให้รากฐานของชนเผ่าสมุทรทุกเผ่าพันธุ์ในมหาสมุทรสูญเสียอย่างใหญ่หลวง หากรอให้สัตว์ประหลาดเฒ่าลงมือก่อน กำลังพลหลายพันของตนไม่เพียงพอที่จะให้ผู้อื่นวางยาพิษเสียชีวิต เพียงแค่โบกมือก็พ่ายแพ้
คนหนึ่งตั้งใจโจมตี อีกคนไร้เจตนาเพียงคิดจะลอบชมเื่สนุก ผลสุดท้ายคือบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยถูกโจมตีจนย่ำแย่ รับมือไม่ทัน ขนคิ้วและหนวดเคราล้วนลุกไหม้แล้ว
เมื่อเขตแดนถูกทำลายลง เจตจำนงคุนเผิงก็มาเยือนทันที สะกดข่มฐานการบ่มเพาะของเขาทันที ต้องอยู่ในระดับราชันาขั้นต้น ชนเผ่าสมุทรหลายร้อยคนรุมล้อมเข้ามา ไหนเลยยังจะเปิดโอกาสให้มันก่อตั้งค่ายกลพิษได้อีก?
……
จ้านอู๋มิ่งที่ชมดูอยู่ด้านข้างมีความสุขยิ่งนัก ยามนี้ตัวประหลาดเฒ่าพิษมีพลังแต่ไม่สามารถใช้ได้ ถึงแม้กายเนื้อของจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อต้านคนจำนวนมากได้ ชนเผ่าสมุทรได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัสจากเขาคราวก่อน เรียกได้ว่าเคียดแค้นเกลียดชังเข้ากระดูก จึงไม่ลังเลใจอีก รวมกำลังเปิดฉากโจมตีใส่ขนานใหญ่
การโจมตีในลักษณะนี้ ไห่ทงเทียนไม่สามารถตัดใจใช้กับองค์หญิงตงหวงโยวหย่า เขายัง้าให้องค์หญิงตงหวงโยวหย่าให้กำเนิดบุตรชายให้เขา หากว่าทำร้ายสาวงามผู้เลอโฉมจนพิการแล้ว ในอนาคตตนเองก็จะต้องเสียหน้าเช่นกัน แต่จัดการกับตัวประหลาดเฒ่าพิษ เขาสามารถลงมืออย่างโเี้ที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ โจมตีจนฝ่ายตรงข้ามสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ นั่นจึงจะถือเป็การยุติ
บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยก็ขุ่นข้องหงุดหงิดเช่นกัน แต่มิอาจไม่ตอบโต้ เดิมที้านั่งบนภูดูเสือกัดกัน สุดท้ายกลับปรากฏว่าต้องต่อสู้แลกชีวิตกับชนเผ่าสมุทรอยู่ที่นี่ จ้านอู๋มิ่งกลับอยู่บนเรือเหาะในระยะไกลกำลังตัดเล็บไปพลาง และสนทนาหยอกล้อกับสาวงามไปพลาง เขาแทบจะอาเจียนเป็เืออกมา
กล่าวถึงที่สุดแล้วบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ย เป็ตัวประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นผู้ไร้เทียมทาน ถึงแม้เขตแดนจะถูกทำลาย ฐานบ่มเพาะถูกสะกดข่มอยู่ในระดับราชันาขั้นต้น แต่ว่าทักษะฝีมือการใช้พิษนั้นสูงส่ง หาตัวจับยากในใต้หล้า เห็นนิ้วมือทั้งสิบของเขาดีดวุ่นวายไปมาตลอดเวลา ท่ามกลางความว่างเปล่าเหมือนเช่นดอกกล้วยไม้ก็ปาน ดอกไม้เอย หนอนเอย แป้งเอย ละอองหมอกเอย ควันเอย อุทกวารีเอย เข็มเอย…มีวัตถุพิษทุกชนิดทุกรูปแบบ มองดูจนสับสนพร่างพราวตา ชนเผ่าสมุทรที่ล้อมรอบตัว บางคนิัเน่าเปื่อยหรือกลายเป็หนอง บางคนเห็นเืปิดผนึกคอหรือกลายเป็โครงกระดูกขาว อีกส่วนยังร่างกายเขียวดำและด้านชาทั้งตัว ร้องโหยหวนน่าอนาถ…น่าสยดสยองมิผิดกับแดนนรกอเวจี
ไห่ทงเทียนเห็นแล้วอึ้งจนพูดไม่ออก ชายชราผู้นี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว เพราะเป็เช่นนี้เอง เขายิ่งมิอาจปล่อยให้ปีศาจเฒ่าผู้นี้หนีรอดไปได้ และแล้ว ไห่ทงเทียนระดมสัตว์อสูรสมุทรเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก
ชนเผ่าสมุทรบนฟ้าห้อมล้อมโจมตี สัตว์อสูรสมุทรในมหาสมุทรบางตัวพ่นน้ำ ทั้งกัดทำร้าย ทั้งฉีกกระชาก ประสานงานร่วมกันโจมตี จำนวนของชนเผ่าสมุทรมากมายเกินไปแล้ว ถึงแม้บนร่างกายศิษย์สำนักเบญจพิษจะมีวัตถุพิษมากมายนับไม่ถ้วน แต่ว่าคนกลับมีจำกัด แพร่พิษศัตรูตายหนึ่งคนไม่มีปัญหา ยามที่แพร่พิษใส่สิบคน ดาบของคนที่สิบเอ็ดก็สับลงบนร่างแล้ว ย่อมไม่สามารถที่จะแพร่พิษร้อยคนพร้อมๆ กันกระมัง
แม้ว่าสำนักเบญจพิษจะมียาพิษที่ใช้สังหารในพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ว่าค่ายกลแสงสีน้ำเงินเย็นะเืขนาดใหญ่ของชนเผ่าสมุทรเป็ดาวข่มของยาพิษสังหารในพื้นที่ขนาดใหญ่ทั้งหมดนี้ แสงอาทิตย์อันร้อนแรงนั้น เจอพิษก็ทำลายพิษทันที
แค่ต่อสู้ระยะประชิดอย่างชุลมุนกันครู่เดียว ศิษย์สำนักเบญจพิษ นอกจากเหยียนสิงเทียนที่ถูกบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยปกป้องคุ้มครองแล้ว ทั้งหมดล้วนถูกโจมตีจมลงมหาสมุทร ถูกสัตว์อสูรสมุทรฉีกกระชากเป็ชิ้นๆ
ณ ที่ห่างไกล จ้านอู๋มิ่งปวดใจจนะโโลดเต้นขึ้นมา ก่นด่าชนเผ่าสมุทรขนานใหญ่ที่ทำให้สิ้นเปลือง “บัดซบ นั่นคือแหวนจักรวาลของบิดานะ! ดูแล้ว อีกสักครู่ข้าได้แต่ผ่าท้องของสัตว์อสูรสมุทรเท่านั้นแล้วจึงสามารถเอากลับมาได้”
ได้ยินเสียงของจ้านอู๋มิ่ง บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยโมโหจนจมูกบิดเบี้ยวไปแล้ว น่าเสียดายที่ตัวเขาเองก็ยังเอาตัวไม่รอด มิสามารถไปสร้างความลำบากให้จ้านอู๋มิ่งได้ แต่ว่าบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยก็ตัดสินใจอย่างเหี้ยมโหดเด็ดขาดแล้ว มิเสี่ยงชีวิตไม่ได้แล้ว
ไห่ทงเทียนพึงพอใจยิ่งนัก ชายชราผู้นี้จะตกตายด้วยฝีมือของตนเองในไม่ช้าก็เร็ว ถึงยามนั้นถือศีรษะของตาเฒ่าผู้นี้กลับคืนสู่ดินแดนของตน นั่นคือผลงานที่ยิ่งใหญ่เื่หนึ่ง ได้รับเกียรติ มีหน้ามีตาไม่สิ้นสุด!
สัตว์ประหลาดเฒ่าพิษนี้เข่นฆ่าชนเผ่าสมุทรแสนคนในอึดใจเดียว ถูกชนเผ่าสมุทรทุกเผ่าพันธุ์ในแดนมหาสมุทรถือเป็ศัตรูตัวฉกาจที่เป็ภัยคุกคามของส่วนรวม ผู้ใดสังหารคนผู้นี้ได้ นั่นเท่ากับล้างแค้นให้กับชนเผ่าสมุทรนับแสน
ไห่ทงเทียนมองดูสนามรบเบื้องหน้าอย่างแสนภาคภูมิใจ ชนเผ่าสมุทรล้อมรอบบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยไว้เหมือนเช่นเป็วงกลมขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง ใจกลางทรงกลมก็คือบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ย รายล้อมด้วยชนเผ่าสมุทรชั้นแล้วชั้นเล่า ทั้งข้างบนข้างล่าง หรือด้านซ้ายด้านขวา อีกทั้งด้านหน้าด้านหลัง สี่ทิศแปดทางล้วนเป็ชนเผ่าสมุทรและสัตว์อสูรสมุทรทั้งสิ้น เส้นทางล้วนถูกปิดตายแล้ว พร้อมกับดำเนินการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของค่ายกล ครู่เดียวเท่านั้นก็ทำลายเกราะป้องกันพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้ของบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยพังพินาศลง เหยียนสิงเทียนก็ถูกกระหน่ำทุบตีเป็เนื้อบด
“ตูมมม…” บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ย สร้างเขตแดนของตนเองขึ้นอีกครั้งอย่างเศร้าใจ
ชนเผ่าสมุทรโจมตีอย่างตื่นเต้นยินดีแล้ว เดิมการปิดล้อมโจมตีลักษณะนี้แบบนี้ร้ายกาจอย่างยิ่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะบนฟากฟ้า ใต้ดิน จะหน้าหลังหรือซ้ายขวา ความตื่นเต้นของการปิดล้อมเช่นนี้ ทำให้ไห่ทงเทียนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้อาศัยแสงสีน้ำเงินเย็นะเืเพื่อสะกดข่มเขตแดนของบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ย เวลานี้วงกลมที่ชนเผ่าสมุทรรวมตัวสร้างขึ้น ประจวบเหมาะช่วยปิดกั้นแสงสีน้ำเงินเย็นะเืทั้งหมดให้บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยพอดี หลังจากสะสมพลังได้สักพักหนึ่ง ในที่สุดเทียนเจวี๋ยก็สำแดงฤทธิ์เดชของเขตแดนขึ้นอีกครั้ง
ละอองหมอกสีเทาดำกลุ่มหนึ่ง กลืนชนเผ่าสมุทรที่รายล้อมรอบตัวบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว น้ำมหาสมุทรสีน้ำเงินก็แปรเปลี่ยนเป็สีหมึกไปแถบหนึ่ง
พริบตาเดียวชนเผ่าสมุทรในเขตแดนกลายเป็โครงกระดูกขาวโพลน สัตว์อสูรสมุทรในมหาสมุทรก็เริ่มเน่าเปื่อย เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ไห่ทงเทียนจึงได้พบว่าตนเองประมาทจนเลยเถิดไปแล้ว รู้สึกสำนึกเสียใจ แต่กลับสายเกินไป ชนเผ่าสมุทรหลายร้อยคนาเ็ เสียชีวิตทีเดียวกว่าครึ่ง ถ้ามิใช่เพราะหลังจากเขตแดนพิษ์ภัยพิบัติทำลายชนเผ่าสมุทรรอบๆ บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยจนหมดสิ้น แล้วถูกแสงสีน้ำเงินเย็นะเืสาดส่องอีกครั้ง จึงสามารถยับยั้งการขยายตัวของเขตแดนลง เกรงว่าเหล่าบรรดาชนเผ่าสมุทรที่ไห่ทงเทียนพามาคงจะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นทั้งกองทัพแล้ว
การาเ็ล้มตายจำนวนมาก ทำให้ไห่ทงเทียนบันดาลโทสะ เปิดปากออกคำสั่งใช้จิติญญาการต่อสู้ของชนเผ่าสมุทร ให้ชนเผ่าสมุทรที่ต่อสู้ในแนวหน้ากับสัตว์ประหลาดเฒ่าเทียนเจวี๋ย ตกตายด้วยกัน ใช้ชีวิตแลกชีวิต ใช้ความาเ็แลกาเ็ ยืนหยัดต่อสู้ด้วยจิติญญา!
“ขืนเป็เช่นนี้ต่อไป แหวนจักรวาลของข้าจะต้องสูญเสียอย่างมากแล้ว!” จ้านอู๋มิ่งบนเรือับินกระทืบเท้าอยู่ตลอดเวลา ตานกงกงและพวกดูจนส่ายหน้าตลอดเวลา นี่มันคนประเภทใดกันนะ ผู้อื่นต่อสู้แลกชีวิตกันจนดับสูญ เขากลับนับว่ามีแหวนจักรวาลกี่วงตกลงไปในมหาสมุทร แต่ว่าพวกเขาเห็นชนเผ่าสมุทรและสำนักเบญจพิษสูญเสียทั้งสองฝ่าย ก็เบิกบานใจยิ่งนักเช่นกัน อย่างน้อยที่สุดไห่ทงเทียนไม่สามารถส่งผลคุกคามต่อพวกเขาอีกแล้ว สำนักเบญจพิษก็ไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยเสียชีวิตลงได้ยิ่งดี
ศึกนองเืครั้งนี้ ต่อสู้กันจนท้องฟ้ามืดครึ้ม พสุธาหมองหม่น ศพเกลื่อนกลาดทั่วผืนน้ำ ชนเผ่าสมุทรไม่กล้าปิดล้อมโจมตีรอบด้านอย่างเมื่อครู่อีกแล้ว เกรงว่าจะไปบดบังแสงสีน้ำเงินอีก แต่หากไม่โจมตีลักษณะเช่นนั้น ลงมือกับบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยครั้งละหลายสิบคน ไม่สามารถครองความได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย และยิ่งต่อสู้นานขึ้น ชนเผ่าสมุทรก็ยิ่งหงุดหงิดขุ่นข้อง จำนวนคนยิ่งต่อสู้ ยิ่งลดน้อยลง
จ้านอู๋มิ่งยืนชมจนแทบจะหลับแล้ว ทันใดนั้นได้ยินตงหวงโยวหย่าพูดขึ้นว่า “ท่านพี่อู๋มิ่ง ไห่ทงเทียนคิดจะหนีแล้ว!”
จ้านอู๋มิ่งกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันใด เกิดเื่ใดขึ้น องค์ชายชนเผ่าสมุทรกลับคิดจะหนีแล้ว? นึกถึงแหวนจักรวาลเป็สีทองวาววับบนมือขององค์ชายชนเผ่าสมุทรแล้ว จ้านอู๋มิ่งกลับละเลยต่อคำเรียก “ท่านพี่อู๋มิ่ง" ขององค์หญิงตงหวงโยวหย่าไป นั่นมิใช่คำเรียกที่หลิ่วหว่านอวี๋เรียกหรอกหรือ?
ยังมิต้องพูดถึง บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยยังคงมิใช่คนไร้น้ำยาจริงๆ แค่ระดับจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ก็แตกต่างกันแล้ว ถึงแม้ศิษย์คนอื่นๆ เสียชีวิตจนหมดสิ้นแล้ว แต่เขาก็ยังแข็งขืนยืนหยัด แพร่พิษจนชนเผ่าสมุทรหลายร้อยคนเสียชีวิตทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว
ถึงแม้จะใช้พลังเขตแดนติดต่อกันสองครั้ง ถูกแสงสีน้ำเงินเย็นะเืทำลายทั้งสองครั้ง าเ็ไปถึงพลังรากฐาน ยามกะทันหันไม่สามารถสร้างเขตแดนขึ้นมาอีก แต่แม้เป็เพียงพลังแห่งกายเนื้อของจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่ใช่ว่าชนเผ่าสมุทรจะสามารถสังหารได้ง่ายๆ แน่นอน เป็เพราะฝีมือการใช้พิษของเขาแปลกพิสดารเกินไปเช่นกัน
ซากศพของชนเผ่าสมุทรและสัตว์อสูรสมุทรที่ลอยเกลื่อนกลาดในมหาสมุทร ไห่ทงเทียนยิ่งดูยิ่งหวาดหวั่น ขึ้นนั่งบนปลาวาฬั์ ้าหลบหนี แต่ไหนเลยบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ย จะยอมละเว้นเขา หลานชายของตนถูกชนเผ่าสมุทรเขาเดียวผู้นี้สังหารเสียชีวิต บรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยที่เข่นฆ่าจนตาแดงก่ำ เหยียบซากสัตว์อสูรสมุทรที่ลอยล่องบนผิวน้ำไล่ตามไปทันที
“ซ่าาา…” ไห่ทงเทียนตบปลาวาฬั์คราหนึ่ง ปลาวาฬั์มุ่งหน้าดำดิ่งลงไปในมหาสมุทรทันที นี่ก็คือข้อได้เปรียบของชนเผ่าสมุทร ข้าสู้เ้าไม่ได้ก็จะดำดิ่งลึกลงไปในมหาสมุทร ท่านร้ายกาจสักแค่ไหนแล้วจะสามารถทำอันใดได้ ท่านสามารถไล่ตามข้าลงมหาสมุทรเบื้องล่างที่ลึกกว่าพันวาได้หรือ? แม้ว่าจะไล่ตามไปถึงที่นั่น ปลาวาฬั์ของข้าก็ไม่ใช่พวกกินเจหรอกนะ
ไห่ทงเทียนกำลังเตรียมจะดำลงไป ทันใดนั้น น้ำในมหาสมุทรกลายเป็น้ำแข็งไปแล้ว ปลาวาฬั์ดำดิ่งลงไปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ร่างกายส่วนใหญ่ยังคงอยู่บนพื้นผิวน้ำ ไม่สามารถทำลายน้ำแข็งออกได้ในชั่วขณะหนึ่ง และบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ยได้เหยียบซากศพใกล้เข้ามาแล้ว
ไห่ทงเทียนอุทานเสียงเศร้าคำหนึ่ง ได้แต่หันร่างกลับไปรับมือบรรพบุรุษเฒ่าเทียนเจวี๋ย เมื่อเห็นว่าหนีไม่พ้นแล้ว ไห่ทงเทียนได้แต่แข็งขืนฝืนลงมือต่อสู้
เมื่อไห่ทงเทียนหันหน้ากลับมา ที่ต้อนรับเขาอยู่คือกลุ่มเมฆหมอกพิษขนาดใหญ่ หมอกสีดำทะมึนกลุ่มใหญ่ มองดูอย่างละเอียดแล้ว ไห่ทงเทียนแทบจะเป็ลมสิ้นสติ เมฆสีดำทะมึนนั้นกลับเป็หนอนแมลงตัวเล็กละเอียดมากมาย รวมตัวกันเป็กลุ่มก้อน