เปลวเพลิงในใจเซี่ยชิงหลิวโหมกระหน่ำรุนแรงยิ่งขึ้น ร้อนระอุไปทั่วร่าง แก่นกายท่อนล่างแข็งขืนจนแทบะเิ ทว่าข้อได้เปรียบของเขาก็คือการที่ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา แม้จะดื่มสุรามากเพียงใด หรือแรงปรารถนาจะพลุ่งพล่านเพียงไหน ใบหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่งราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็เฉยเมย เอ่ยเติมประโยคหนึ่งออกมา "ถ้านายยังไม่เข้าใจว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร ก็อย่าอยู่ข้างกายฉันเลย"
เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว ชิวฮว๋ายจุนก็เม้มริมฝีปากในทันที ราวกับพยายามที่จะกล้ำกลืนอารมณ์ที่กำลังจะปะทุออกมาอย่างสุดกำลัง คว้าจับท่อนแขนของเขาไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ สองสามครั้ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แ่เบาดุจเสียงกระซิบของแมลง "…ผมสามารถทำทั้งสองหน้าที่ได้พร้อมกันครับ จริงๆ นะครับ"
กล่าวจบก็ยื่นมือไปปลดตะขอกางเกงของเซี่ยชิงหลิว แก่นกายที่รอคอยโอกาสก็ผงาดขึ้นมาในทันที ชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ พยุงให้อีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน แล้วประคองส่วนที่แข็งขืนจนปวดเมื่อยนั้นมาแนบชิดกับช่องทางรักที่เปียกชุ่มและลื่นไหลของตน แล้วค่อยๆ ทรุดตัวลง
"อ๊า…" ชิวฮว๋ายจุนกัดริมฝีปากล่าง ค่อยๆ กลืนกินความร้อนรุ่มของอีกฝ่ายเข้าไปในร่างกาย
เซี่ยชิงหลิวรู้สึกได้ถึงความปรารถนาที่ถูกความกระชับและลื่นไหลโอบล้อมไว้ ราวกับค่อยๆ แช่จมลงในธารน้ำอุ่นที่เนียนนุ่ม เขาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครางออกมาจากลำคอ เป็เสียงที่บ่งบอกถึงความสุขสม
พวกเขาไม่ได้มีสัมพันธ์สวาทกันมาเป็เวลานานแล้ว แม้ว่าชิวฮว๋ายจุนจะเคยถูกเปิดช่องทางรักมาก่อน แต่ภายในที่มิได้ถูกรุกรานมานานก็ยังคงคับแคบจนแทบขาดใจ เขาค่อยๆ ขยับทีละน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงสามารถกลืนกินได้ทั้งหมด ความรู้สึกที่ถูกขยายออกอย่างรุนแรงนั้นช่างหนักหน่วง การหายใจแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาเ็ป ทว่าความเ็ปนี้กลับเติมเต็มความว่างเปล่าและความสับสนที่เขาเผชิญใน่หลายวันที่ผ่านมา เขากอดรัดคอของเซี่ยชิงหลิวไว้โดยไม่รู้ตัว สูดดมกลิ่นหอมของไม้สนที่อบอวลอยู่บนร่างกายของอีกฝ่าย
ทว่าชายหนุ่มกลับดูเหมือนจะหมดความอดทน จึงตบลงบนบั้นท้ายของเขาหนึ่งที ความเ็ปที่ร้อนระอุนั้นกระตุ้นให้น้ำตาของเขาไหลรินออกมา
"ฮว๋ายจุน เมื่อกี้นี้นายว่ายังไงนะ หืม?"
น้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกของเซี่ยชิงหลิวคลอเคลียอยู่ข้างหูของเขา ทำให้ความ้าของเขากำเริบขึ้นมาอีกหลายส่วน ปลายยอดปรารถนาที่ัักับหน้าท้องของชายหนุ่มหลั่งรินน้ำหล่อลื่นออกมา ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องที่สวยงามของอีกฝ่ายเปียกชื้น
ชิวฮว๋ายจุนเงยหน้าขึ้น มองใบหน้าคมคายที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมด้วยดวงตาที่คลอเคล้าไปด้วยหยาดน้ำตา เอ่ยด้วยเสียงแ่เบา "...ผมเป็ได้ทั้งเลขานุการของท่าน และเป็ได้ทั้งชายขายบริการของท่าน"
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจกับคำตอบของเขา ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ จุมพิตลงบนปลายจมูกของเขาเบาๆ "ดีมาก"
เพราะคำว่า 'ดีมาก' เพียงคำเดียว หัวใจของชิวฮว๋ายจุนก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีจนแทบจะะเิออก เขาจึงโอนอ่อนผ่อนตาม คล้องคอของชายหนุ่มไว้ ยกเอวขึ้นลงอย่างช้าๆ
......
เซี่ยชิงหลิวจำไม่ได้ว่าพบเห็นความคิดในใจของเลขานุการหนุ่มคนนี้ั้แ่เมื่อใด ท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ได้ใส่ใจในสิ่งใดนอกเหนือจากเื่งานมากนัก เขาจำเลขานุการหนุ่มคนนี้ได้เพียงเล็กน้อย สาเหตุเพียงเพราะเขามีชื่อที่ไพเราะ
เซี่ยชิงหลิวมีผลการเรียนภาษาที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่นชอบบทกวีในสมัยราชวงศ์ถัง ท่ามกลางกองเอกสารการสมัครงานที่กองพะเนิน เขาเหลือบไปเห็นประวัติส่วนตัวนี้ในทันที
ชิวฮว๋ายจุน ที่มาจากบทกวีโบราณชื่อดัง 'คิดถึงท่านใน่ฤดูใบไม้ร่วง เดินเล่นในวันที่เย็นสบาย?'
เขาพึมพำออกมา มองดูภาพถ่ายติดประวัติส่วนตัว แม้จะเป็เพียงภาพถ่ายบัณฑิตที่แสนธรรมดา ก็ยังสามารถมองเห็นได้ว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นเหมาะสมกับชื่อนี้เป็อย่างยิ่ง
จบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ได้รับทุนการศึกษาทุกปี อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งรองประธานสภานักเรียน แถมยังมีใบหน้าที่หล่อเหลา หากมีความตั้งใจที่จะเล่นการเมือง ย่อมเป็ดาวเด่นทางการเมืองอย่างแน่นอน... เซี่ยชิงหลิวคิดอย่างใจเย็น หยิบประวัติส่วนตัวแผ่นนี้ออกมา แล้วเลือกอีกสองสามแผ่นที่ดูเข้าตา ส่งมอบให้เลขานุการาุโทำการสัมภาษณ์
ผ่านไปหลายเดือน ในคืนหนึ่งขณะที่เขาไปร่วมงานเลี้ยง เขาถูกคะยั้นคะยอให้ดื่มสุรามากเกินไป จนอยู่ในอาการมึนเมาและถูกประคองขึ้นรถ เขาทรุดกายพิงหน้าต่างรถด้วยความปวดหัว เมื่อรถวิ่งไปได้สักพัก เขาจึงค่อยๆ ฟื้นคืนสติ ในขณะนั้นเองที่เขาบังเอิญสังเกตเห็นว่าในรถอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมที่น่าดึงดูดใจ กลิ่นหอมที่ไม่อาจระบุได้ว่าเป็กลิ่นใด กลิ่นหอมจางๆ กลับซึมซาบเข้าสู่หัวใจ คลายความปวดเมื่อยในศีรษะของเขา
เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ในที่นั่งคนขับมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการรับสมัครพนักงานใหม่ เลขานุการของเขาได้พูดถึงเื่นี้ แต่เขากลับลืมไปเสียสนิท
"คุณชื่ออะไร?" เขาถาม
"ท่านสส. ผมชื่อชิวฮว๋ายจุนครับ" ชายหนุ่มมองเขาจากกระจกมองหลัง ดวงตาสีดำขลับที่คล้ายมีน้ำหล่อเลี้ยงทำให้เซี่ยชิงหลิวรู้สึกราวกับต้องมนตร์
เขานึกถึงประวัติส่วนตัวแผ่นนั้น จึงส่งยิ้มบาง
"คิดถึงท่านใน่ฤดูใบไม้ร่วง เป็ชื่อที่ดี" เขากล่าว
"ท่าน สส. เป็คนแรกที่ทราบถึงที่มาของชื่อผมเลยนะครับ" ชิวฮว๋ายจุนยกยิ้มเล็กน้อยด้วยความเขินอาย
เซี่ยชิงหลิวยกสายตาขึ้น ภายใต้แสงไฟถนนที่สลัวลาง ดวงตาของชิวฮว๋ายจุนที่สะท้อนอยู่ในกระจกมองหลังเปล่งประกายระยิบระยับ
ดวงตาที่ส่องประกายเช่นนี้ ช่างบริสุทธิ์ผุดผ่องเกินกว่าจะเล่นการเมือง เพราะง่ายต่อการถูกอ่านความคิด
ไม่รู้ว่าเป็เพราะดื่มสุรามากเกินไป หรือเป็เพราะปัจจัยอื่น เขาคิดว่าดวงตาคู่นั้นราวกับมองลึกเข้าไปในใจของเขา ขุดคุ้ยส่วนที่เขาตั้งใจฝังกลบไว้ เขาจึงรีบยกมือขึ้นลูบใบหน้า กอดอกแสร้งทำเป็หลับ
ต่อจากนั้นพวกเขาไร้ซึ่งบทสนทนาไปตลอดทาง ชายหนุ่มขับรถไปส่งเขากลับบ้านอย่างเงียบงัน และจากไปอย่างเงียบงันเช่นกัน เขาทำกิจวัตรประจำวันตามปกติและเข้านอน เมื่อเขาล้มตัวลงบนเตียง ขณะที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา กลิ่นหอมที่คุ้นเคยของชายหนุ่มก็ยังคงวนเวียนอยู่รอบจมูกของเขา
ในเดือนถัดมา การประชุมและกำหนดการที่ต่อเนื่องกันแทบจะใช้พลังงานของเขาไปจนหมดสิ้น เขาค่อยๆ ลืมเลือนใบหน้าอันงดงามนั้นไป เขายุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจ ทว่าทุกครั้งที่กลับมายังสำนักงาน เขาจะพบกับชาเก๊กฮวยผสมเก๋ากี้ที่ยังคงร้อนระอุ อุ่นมือแต่ไม่ร้อนปาก ราวกับคำนวณเวลาที่เขากลับมาได้อย่างแม่นยำ
ในบ่ายวันหนึ่ง กำหนดการรับประทานอาหารที่วางไว้ถูกยกเลิก เขาจึงกลับมายังสำนักงานก่อนเวลา และพบกับชาที่ยังคงร้อนถูกวางอยู่บนโต๊ะทำงานอีกครั้ง
เซี่ยชิงหลิวไม่รู้ว่าเป็ฝีมือของใคร ทว่าเขาคุ้นชินกับการได้รับบริการ จึงยอมรับความปรารถนาดีนี้ด้วยความเต็มใจ ท้ายที่สุดแล้วค่าจ้างผู้ช่วยก็ไม่ใช่จำนวนเงินที่น้อยนิด
ขณะที่กระเพาะอาหารอบอุ่นด้วยน้ำชา เขากำลังคิดว่าจะขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานที่เอาใจใส่คนนี้ ทันใดนั้นเองก็มีคนเดินเข้ามาในสำนักงานที่เปิดประตูทิ้งไว้อย่างเปิดเผย เขาประสานสายตากับผู้มาเยือน ซึ่งก็คือผู้ช่วยหนุ่มรูปงามคนนั้น
ชิวฮว๋ายจุนอาจไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะอยู่ในนั้น จึงแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
"ท่าน สส. ขออภัยครับ ประตูสำนักงานไม่ได้ปิด ผมไม่ทราบว่าท่านอยู่ที่นี่…" ชายหนุ่มเผยสีหน้าที่ลำบากใจ รีบโค้งคำนับเพื่อขอโทษ
เซี่ยชิงหลิวโบกมือบ่งบอกว่าไม่ถือสา เขาจ้องมองชายหนุ่มที่ถือถาดอยู่ แล้วถามว่า "ชาชุดนี้คุณเป็คนเตรียมอย่างนั้นเหรอ?"
ชายหนุ่มพยักหน้า ใบหูแดงก่ำ
"อุณหภูมิของชาชุดนี้พอเหมาะพอดี คุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะกลับมาตอนไหน? คุณมีญาณวิเศษเหรอ?" เขาคลายเนกไทออก คำของเขาเป็เพียงการหยอกล้อ ชิวฮว๋ายจุนจึงหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ตอบกลับ เพียงแต่เดินไปเก็บแก้วที่เขาดื่มจนหมด แล้วยื่นน้ำอุ่นให้เขาบ้วนปาก
เขากุมแก้วน้ำที่มีอุณหภูมิพอเหมาะนั้นไว้ มองดูท่าทางที่นอบน้อมถ่อมตนของชายหนุ่ม ความรู้สึกที่คลุมเครือไหลบ่าเข้ามาในใจ เขาก็ไม่อาจเข้าใจได้แน่ชัดว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร ทว่าริมฝีปากกลับเคลื่อนไหวไปก่อน "...คุณดูเอาใจใส่ดีมาก เริ่มั้แ่วันพรุ่งนี้ ไปทำงานกับเสี่ยวจ้าวแล้วกัน"
เสี่ยวจ้าวคือเลขานุการส่วนตัวของเขา ที่ติดตามเขามาเป็เวลาสามปี แม้ว่าจะเป็คนที่รับเข้ามาเพราะความเกรงใจเพื่อนร่วมงาน แต่เสี่ยวจ้าวก็ทำงานอย่างคล่องแคล่วและน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังให้คำแนะนำแก่เขาอยู่เสมอ นับว่าเป็ผู้ช่วยคู่ใจของเขา การให้ชิวฮว๋ายจุนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ติดตามเขา ถือเป็การเลื่อนตำแหน่งที่เหนือความคาดหมาย
เห็นเพียงดวงตาของชายหนุ่มเป็ประกายขึ้นมา ชายหนุ่มพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เพียงแต่พยักหน้ารับแรงๆ
ชายหนุ่มนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามอยู่แล้ว เสริมด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นดีใจเช่นนี้ ยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดู เซี่ยชิงหลิวอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้ม เป็รอยยิ้มที่ผู้สูงวัยมีให้กับผู้น้อยที่น่ารักใคร่
"เป็เด็กดีจริง" เขายิ้มอย่างแ่เบา
ทันทีที่กล่าวจบ เขาก็พบว่าชายหนุ่มชะงักไป มองมายังเขาด้วยสายตาที่แปลกประหลาด นอกจากความชื่นชมที่เขาคุ้นเคยแล้ว กลับมีความตื่นเต้นดีใจ ราวกับดวงตาจะลุกเป็ไฟ
เขายังไม่เข้าใจว่าเด็กคนนี้กำลังคิดสิ่งใด ชายหนุ่มก็กลับมาเป็เหมือนเดิม คือมีความอ่อนโยนและมีมารยาท โค้งคำนับด้วยความเคารพแล้วหันหลังจากไป ทว่าเซี่ยชิงหลิวกลับพบว่าท่าทางการเดินของชิวฮว๋ายจุนนั้นแปลกประหลาด ดูเหมือนจงใจหนีบขาไว้
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะปิดประตูสำนักงาน เขาจึงพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน และพบว่ากางเกงของชิวฮว๋ายจุนนั้นปูดโปนขึ้นมาในระดับที่น่าอาย
เด็กคนนี้เป็อะไรไป? หรือว่าดีใจมากเกินไป?
เซี่ยชิงหลิวรู้สึกสับสน ขณะเดียวกันความรู้สึกแปลกประหลาดก็ไหลบ่าเข้ามาในใจ ทำให้เขาอยากหัวเราะ เขารีบกัดฟันแน่น ไม่ให้มุมปากของตนยกขึ้น
'เด็กคนนี้น่าสนใจดี' เขาคิดเช่นนั้น พร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นจิบเล็กน้อย
หลังจากวันนั้น ชิวฮว๋ายจุนก็ปรากฏตัวในสำนักงานของเขาพร้อมกับเสี่ยวจ้าวเป็ประจำ จัดตารางการเดินทาง ตอบกลับโทรศัพท์ติดต่อราชการ นอกเหนือจากการเรียนรู้งานราชการแล้ว เขายังอาสาจัดการเื่ส่วนตัว ั้แ่ต้นฉบับการกล่าวสุนทรพจน์ไปจนถึงของขวัญวันเกิดของแม่ ชิวฮว๋ายจุนจัดการทุกอย่างได้เป็อย่างดี รสนิยมในการเลือกของขวัญและการจับคู่เนกไทก็ไร้ที่ติ หลังจากนั้นหนึ่งปี เสี่ยวจ้าวได้ลาออกจากงานเนื่องจากปัญหาครอบครัว ชิวฮว๋ายจุนจึงกลายเป็เลขานุการที่ทำงานใกล้ชิดกับเขาที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้