หน้าที่ถูกแต่งแต้มบางๆ คิ้วเรียวยกขึ้นเล็กน้อยกับใบหน้าที่ไร้ริ้วรอยจนดูไม่ออกว่าอายุเท่าไหร่
เนี่ยเซิงเสี่ยวที่วันนี้สวมชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงทรงเอกำลังส่องกระจกอยู่นานมากแล้วจนกระทั่งเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวทนต่อไปไม่ไหว
“เลิกห่วงสวยเถอะ รีบออกไปทำงานได้แล้ว!”
เนี่ยเซิงเสี่ยวเบ้ปาก “แต่ว่าเหนี่ยวเหนี่ยววันนี้ฉันจะต้องไปทำงานที่บริษัทใหญ่ขนาดนั้นนะ ฉันก็ตื่นเต้นนี่”
“จะเหนื่อยไหมนะ?” ในหัวของเหนี่ยวเหนี่ยวมีภาพการทำงานของกรรมกรปรากฏขึ้นมาทันที
เนี่ยเซิงเสี่ยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คงไม่หรอกมั้ง”
“เช่นนั้นเธอจะตื่นเต้นทำไมเล่า!”
……………….
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เนี่ยเซิงเสี่ยวก็มายืนอยู่ด้านล่างของตึกเฉินตงเธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วคิดว่าที่เหนี่ยวเหนี่ยวพูดนั้นก็มีเหตุผลก็แค่เป็ผู้ช่วยผู้จัดการตัวน้อยๆ เองไหม ใครจะไปสนใจเธอกันล่ะ
หลังจากแอบให้กำลังใจตัวเองแล้วเธอจึงเปิดประตูเดินเข้าไป
“สวัสดีค่ะ ฉันคือผู้ช่วยผู้จัดการหวงที่มาทำงานวันนี้เป็วันแรกค่ะรบกวนขอสอบถามหน่อยค่ะ ว่าฉันต้องไปที่ไหน?” เนี่ยเซิงเสี่ยวเดินเข้ามาถามกับพนักงานฝ่ายบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์
“ห้องทำงานที่อยู่ด้านในสุดของชั้นเจ็ดก็คือห้องของผู้จัดการหวง”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากที่เนี่ยเซิงเสี่ยวขอบคุณเสร็จก็เตรียมตัวที่จะไปชั้นเจ็ด แต่ยังเดินได้ไม่ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากด้านหลัง
“แม้แต่ผู้จัดการหวงยังมีคู่ขาแล้ว ชีวิตนี้คงไม่มีความหวังแล้วล่ะ!”
เนี่ยเซิงเสี่ยวมุมปากกระตุก ขอร้องล่ะรอให้คนไปก่อนแล้วค่อยพูดอะไรแบบนี้ได้ไหม เธอได้ยินทั้งหมดแล้วโธ่ แถมที่เธอทำน่ะคือผู้ช่วยจริงๆไม่ใช่คู่ขา!
แต่คนด้านหลังมีหรือจะสนใจตัวตนของคนมาใหม่เช่นเธอก็ยังคงพูดคุยกันต่อไป“ไม่เป็ไร ได้ยินมาว่าวันนี้ท่านประธานจะกลับมาจากต่างประเทศแล้วแถมเป็ประธานที่หล่อกว่าผู้จัดการหวงมากๆ ด้วยนะ…”
สถานที่ที่มีผู้หญิงก็ย่อมจะต้องมีเื่ซุบซิบเป็ธรรมดาเนี่ยเซิงเสี่ยวพาตัวเองที่สวมส้นสูงเดินเข้าไปในลิฟต์และมุ่งสู่ชั้นที่เจ็ดแต่ว่ามาทำงานวันแรกก็เจอกับประธานบริษัทเฉินตงที่กลับมาจากต่างประเทศแล้ว?ท่านประธานไม่ใช่อยู่ที่ต่างประเทศตลอดหรอกหรือ?
ในตอนที่กำลังคิดอยู่นั้นลิฟต์ก็มาถึงพอดีเนี่ยเซิงเสี่ยวเดินออกจากลิฟต์ไปแบบไม่ได้คิดอะไรก่อนจะชนเข้ากับหวงเทาที่กอดกองเอกสารดังตึง
มาทำงานวันแรกก็ต้องมาเจอกับหัวหน้าด้วยสภาพแบบนี้ทำให้เนี่ยเซิงเสี่ยวกลัวมาก“ขอโทษค่ะผู้จัดการหวง ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ก่อนจะเข้าไปรับเอกสารในมือของเขามาถือเดิมทีนั่นคือสิ่งที่เธอต้องทำ
“ไม่เป็ไร ครั้งหน้าอย่าทำอะไรซุ่มซ่ามอีกก็พอ”เสียงของหวงเทาเหมือนกับตอนที่สัมภาษณ์เธอ เป็เสียงที่มีเสน่ห์ดึงดูดน่าฟังแถมดูไปแล้วจะเป็คนที่มีสไตล์ จัดว่าเป็ผู้จัดการที่มีเสน่ห์มากๆ
แต่เขากลับไม่ยอมส่งของในมือให้เธอ แถมยังเรียกเธอให้เดินขึ้นลิฟต์ไปชั้นสูงสุดด้วยกัน
“ผู้ช่วยเนี่ย เธอเพิ่งจะเข้ามา เดิมทีควรจะได้ปรับตัวให้ชินกับที่ทำงานแต่ว่าวันนี้จู่ๆ ท่านประธานก็กลับมา อาจจะต้องทำงานกับผมแล้วล่ะ”
“ได้ค่ะ ฉันเข้าใจ” เนี่ยเซิงเสี่ยวพยักหน้าก่อนจะเห็นกระจกของลิฟต์กำลังสะท้อนใบหน้าอ่อนโยนด้านข้างของหวงเทาดูแล้วเข้ากับคนอื่นๆ ได้ง่าย
ลิฟต์เปิดออกอีกครั้งก็ได้มาถึงชั้นสูงสุดแล้วที่นี่เป็ห้องทำงานของประธานบริษัทเฉินตงที่ตอนนี้มีหลายคนกำลังวุ่นวายกับการทำความสะอาดกันอย่างขะมักเขม้นและละเอียดราวกับกลัวว่าจะมีผมเส้นหนึ่งหลุดรอดไปได้
แม้ในตอนนี้หวงเทาจะส่งรายงานในมือของเขาให้กับเนี่ยเซิงเสี่ยว“พวกนี้คือรายงานประจำปี เอากลับไปวางไว้ดีๆ ฉันจะต้องไปรับท่านประธานแล้วตอนเขากลับมาจำเป็ต้องอ่านรายงานพวกนี้”
เขาพูดจบก็ชี้ไปที่พรม “ท่านประธานรักความสะอาดมากรอยเท้าของพนักงานอีกเดี๋ยวจะต้องจัดการทำความสะอาดอีกรอบ”
“แล้วก็ได้ยินมาว่าท่านประธานชอบดื่มน้ำอุ่น จะต้องเตรียมเอาไว้ให้พร้อมนะ”
…….
บ้างาน รักความสะอาด ชอบดื่มน้ำอุ่น….เนี่ยเซิงเสี่ยวสรุปจากคีย์เวิร์ดพวกนี้ออกมาได้ว่า ประธานบริษัทเฉินตงจะต้องเป็ผู้าุโที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์แน่ๆ
เมื่อหวงเทาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับก็ยิ่งทำให้เนี่ยเซิงเสี่ยวรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองเดาเอาไว้นั้นไม่ผิด
เพราะว่าหวงเทาพูดกับปลายสายไม่หยุดพลางพยักหน้า “คนดูแล? โอเค ร่มกันแดด? อืมทางนี้จะเตรียมเอาไว้ให้…”
เนี่ยเซิงเสี่ยวมองไปด้านนอกที่แสงอาทิตย์เจิดจ้าแม้แต่เธอเองยังโดนเผาจนดำพลางคิดในใจ ร่างกายของท่านประธานบริษัทเฉินตงก็ยิ่งสูงส่ง
ยังคิดไม่ทันจบก็เห็นหวงเทาเก็บโทรศัพท์ลงเธอจึงรีบดึงสติกลับมาและยืนเรียบร้อยรอรับคำสั่ง
ใครจะไปรู้ว่าหวงเทาจะมองเธอั้แ่หัวจรดเท้าจากนั้นก็มองจากเท้าขึ้นไปจรดหัว ในตอนที่เธอจะหลุดพูดออกมาว่าลามกหวงเทาก็เอ่ยปากออกมา “ผู้ช่วยเนี่ย คุณไปรับท่านประธานกับผม”
“หา?” เนี่ยเซิงเสี่ยวพูดจบก็อยากจะตบปากตัวเองหาอะไรกันล่ะ เป็ผู้ช่วยของผู้จัดการหวงก็ควรจะตามไปทุกที่ งานผู้ช่วยน่ะค่อนข้างล็อกตัวที่สุดทำงานนี้จะต้องมีความอดทน ตอนที่มาสัมภาษณ์ที่นี่ผู้จัดการหวงก็พูดกับเธอเอง
เนี่ยเซิงเสี่ยวรีบเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองทันที “ได้ค่ะผู้จัดการหวง แล้วเราจะไปกันตอนไหนคะจำเป็ต้องเตรียมอะไรไปหรือเปล่าคะ?”
“ออกเดินทางตอนนี้เลย” หวงเทาพูดจบก็พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง“อย่าลืมพกร่มไปล่ะ”
“ได้ค่ะ” เนี่ยเซิงเสี่ยวจะร้องไห้แล้ว ที่แท้จะให้เธอไปกางร่มให้ผู้สูงวัย
“อีกเดี๋ยวตอนกางร่มให้กับท่านประธานจะต้องระวังหน่อยจังหวะการก้าวเดินจะต้องไปพร้อมกับเขา แต่ว่าก็อย่าเร็วจนเกินไป”พูดจบก็เห็นสีหน้าสงสัยของเนี่ยเซิงเสี่ยว “อ่อที่ให้เธอไปก็เพราะว่าตัวของท่านประธานสูง พนักงานหญิงคนอื่นเกรงว่าจะสูงไม่พอ”
ท่านประธานตัวสูง? จู่ๆเนี่ยเซิงเสี่ยวก็คิดถึงที่พวกพนักงานหน้าเคาน์เตอร์พูดเื่ซุบซิบกันหรือว่าจะเป็ผู้สูงวัยตัวสูง? เธออดที่จะมองตัวเองไม่ได้โชคดีนะที่ท่านประธานตัวสูง ไม่อย่างนั้นเธอกลัวจริงๆเมื่อท่านประธานมายืนข้างเธอแล้วจะรู้สึกไม่ดีเพราะว่าตัวเธอนั้นสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเิเขนาดตอนที่สวมรองเท้าส้นเตี้ยก็ยังดูสูงกว่าผู้ชายหลายคน
แต่ว่าทำไมเธอรู้สึกว่าผู้จัดการหวงไม่ได้พูดถึงจุดสำคัญอย่างเช่นอากาศที่พระอาทิตย์ส่องจ้าขนาดนี้ทำไมท่านประธานที่เป็ผู้ชายถึงต้องกางร่ม?หรือทำไมจะต้องให้พนักงานหญิงอย่างเธอไปกางร่มให้เขา?
แต่ว่าเนี่ยเซิงเสี่ยวก็ไม่กล้าถาม เธอจำกฎข้อหนึ่งของพนักงานบริษัทเฉินตงได้ดีว่าเื่ที่ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ปัญหาที่ไม่ควรถามก็ไม่ต้องถาม
คนที่ไปรับที่สนามบินนอกจากผู้จัดการหวงแล้วยังมีหัวหน้าระดับสูงทุกคนจากที่ได้ยินมาบอกว่าท่านประธานจะมาอยู่ในประเทศอีกนานการมาต้อนรับในครั้งนี้จึงจัดเต็มมาก
ตอนที่ตามพวกผู้จัดการหวงไปยืนรอรับที่ทางออกเนี่ยเซิงเสี่ยวยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่นิดหน่อยเพราะว่าตำแหน่งต่ำต้อยอย่างผู้ช่วยก็มีแค่เธอเพียงคนเดียวแล้วยังถูกจัดให้ไปยืนอยู่ตรงหน้าแถว เธอรู้สึกกลัวมาก คอก็ยื่นจนยาวแล้วหวังว่าท่านประธานจะรีบออกมา เมื่อรอรับเสร็จแล้วก็คงไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนแล้ว
เมื่อลูบร่มที่อยู่ในมือก็ทำให้เธอคิดขึ้นมาได้ว่าเธอยังมีอีกหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ก็คือกางร่มให้ท่านประธานถึงตอนนั้นก็ควรจะเดินตามหลังท่านประธานสักครึ่งก้าว จะต้องรักษาระยะห่างครึ่งก้าวเอาไว้ไม่อย่างนั้นจะแสดงออกว่าเป็การไม่เคารพ ตอนที่เธอคอยเตือนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นตรงทางออกผู้โดยสารก็มีผู้ชายใส่ชุดทางการสีดำสองคนปรากฏตัว
“มาแล้ว” ได้ยินเสียงผู้จัดการหวงที่อยู่ข้างตัวดังขึ้นชัดเจนมากว่าผู้ชายชุดำสองคนนั้นคือบอดี้การ์ดของท่านประธานทันใดนั้นเนี่ยเซิงเสี่ยวก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ยืนอยู่ข้างๆ คนใหญ่โตแบบนั้นเธอจะถูกออร่าความสำเร็จติดมาบ้างใช่ไหม?
แล้วก็ตอนที่กางร่มให้ท่านล่ะ จะไม่พูดอะไรก็คงจะไม่ได้เลยสินะเธอควรจะถามเกี่ยวกับสุขภาพของเขาหรือเปล่า?
แต่ว่าเมื่อท่านประธานเดินออกมาจริงๆสิ่งที่เธอคิดและการกระทำทั้งหมดก็หยุดลงเพียงเท่านั้น นอกจากใและก็มีแต่ใคนตรงหน้าก็ค่อยๆ เดินมาอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ใช่ผู้สูงอายุที่ตัวสูงอะไรพูดให้ถูกก็คือ แม้แต่คนแปลกหน้าก็ยังไม่ใช่
เขาคือเหยียนจิ่งจื้อ เหยียนจิ่งจื้อที่เคยตัวติดกับเธอจะแยกออกจากกันก็แยกไม่ออกคนนั้น
เธอที่ยืนอยู่ตรงนั้นแทบจะรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถขยับตัวได้ตรงข้างหูก็มีเสียงประโยคที่พวกเขาเคยพูดกัน
“เสียงยามเช้าในวสันตฤดู ภาพที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม[1]”
“กลอนอะไรน่ะ? ทำไมมีชื่อของพวกเราด้วย”
“ใช้มันบันทึกความรักของพวกเราที่จะไม่แยกจากกันไป”
เนี่ยเซิงเสี่ยวยืนนิ่งตรงหน้าทางออกอยู่อย่างนั้น ไหล่บางสั่นน้อยๆเธอที่เคยคิดว่าจะไม่แยกจากกัน ในวันนี้ได้เปลี่ยนมาเป็เพียงคนแปลกหน้าที่เดินผ่านกันไป
รูปลักษณ์ภายนอกของเหยียนจิ่งจื้อไม่มีอะไรเปลี่ยนไปใบหน้างดงามเหมือนกับชื่อของเขา รูปร่างยังคงสูงใหญ่เด่นชัดในฝูงคนจนกลายเป็ภาพที่งามตาเนี่ยเซิงเสี่ยวจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่วัดส่วนสูงให้เขาคือหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเิเ
วันนั้นหลังจากที่วัดส่วนสูงให้กับเหยียนจิ่งจื้อเสร็จเขาก็กอดเธอก่อนจะก้มลงมาจูบพร้อมพูดว่า“เคยได้ยินเื่ความต่างส่วนสูงที่น่ารักที่สุดไหม? พวกเราเป็อย่างนั้น”
[1] 声声弄春晓,景致笑袅袅 อ่านว่า เซิงเซิงน่งชุนเสี่ยว จิ่งจื้อเสี้ยวเหนี่ยวเหนี่ยวชื่อของนางเอกคือ 声晓 ส่วนพระเอกคือ 景致 นี่คือสาเหตุที่พระเอกถามว่าทำไมถึงมีชื่อของพวกเขาอยู่ข้างในค่ะ