ถึงแม้เิหยูเยียนจะตัดสินใจไปแล้ว แต่พอนางพูดถึงตอนท้ายๆ ก็ยังมีสะดุด ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
เดิมนางคิดอยากจะแสดงท่าทีออกไปให้นิ่ง แต่นางก็พบว่าหลังจากที่ลงมือทำจริงแล้วกลับควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้เลย
หลังจากทำอารมณ์อยู่ประมาณสองสามนาที เหงื่อก็ไหลออกมาจากมือเยอะมาก นางไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะต้องพูดอย่างไร
“ ... เรา?”
ิอวี่ใช้มือชี้ไปที่เิหยูเยียน แล้วก็ชี้กลับมาที่ตัวเอง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “เ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“ข้า ... ”
เมื่อถูกิอวี่ถามมาตรงๆ เิหยูเยียนก็เขิน นางไม่กล้าบอกความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองให้ิอวี่ได้รู้ เลยฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าหมายความว่าก่อนหน้านี้ที่เราเข้าใจผิดกัน ข้ารู้สึกว่า หลังจากนี้เรา ... อือ ... เราเป็เพื่อนสนิทที่ดีมากๆ กันได้ เ้าคิดว่าอย่างไร?”
พอพูดจบ เิหยูเยียนก็รู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นแรงมาก
ประโยคนี้ค่อนข้างอ้อมค้อม แต่ในสายตาของเิหยูเยียน เจตนาความรู้สึกที่นางอยากจะบอกได้พูดออกมาหมดแล้ว
เิหยูเยียนไม่เคยพูดกับผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อนเลย ชีวิตที่ผ่านมาของนางไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายที่ดีที่สุดมาก่อนเลย
อีกทั้งิอวี่ยังเคย “ทำร้าย” นางมาก่อนด้วย เิหยูเยียนไม่เพียงไม่เอาเื่ แต่ยังเสนอจะเป็เพื่อนกับเขาด้วย ที่จริงมันก็ถือเป็การแอบบอกที่ชัดเจนมากแล้ว
“อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่ติดนะที่จะเป็เพื่อนกับเ้าน่ะ”
ิอวี่ยักไหล่และยิ้ม แล้วค่อยๆ เดินมาหานาง
เิหยูเยียนสะดุ้ง นางนั่งพิงผนังและมองิอวี่ค่อยๆ เดินเข้ามา จนิอวี่นั่งยองลงมาและขยับเข้าใกล้
“เื่ที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะนะ ครั้งนี้ถึงแม้ร่างกายของเ้าจะไม่ได้รับาเ็อะไร แต่ด้านจิตใจของเ้าคงใไม่น้อยเลย”
ิอวี่ยื่นมือไปปัดฝุ่นที่หัวไหล่เิหยูเยียนเบาๆ แล้วพูดว่า “อีกอย่าง ก่อนหน้านี้เ้าถูกวางยา ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่ามันเป็ยาอะไร แต่ฤทธิ์ของมันแรงมาก มันสามารถทำให้ชีพจรของเ้าชาทั้งหมด ทำให้เ้าไม่สามารถเดินลมปราณไปล่อเลี้ยงทั่วทั้งร่างกาย ดังนั้นเ้าจะมีสภาพร่างกายอ่อนแอไป่ระยะหนึ่ง”
“ ... อือ” เิหยูเยียนพยักหน้าพร้อมกับตอบรับด้วยเสียงเบาๆ
ในเวลานี้เอง ิอวี่ก็ยื่นมือทั้งสองข้างเอาผมที่อยู่บนบ่าของนางออก แล้วก็จับไปที่คอเสื้อของเิหยูเยียน
ในเวลานี้เิหยูเยียนััได้ถึงอุณหภูมิของิอวี่ที่อยู่แค่เอื้อม เห็นใบหน้าของเขามีรอยยิ้มก็รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมันเหมือนกระแสน้ำวนที่ดูดจิตใจของนางเข้าไป ครั้งนี้นางไม่ได้ก้มหน้าหลบอีกแล้ว นางรวบรวมความกล้า สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง ขนตาที่ยาวของนางกำลังสั่น
“ใส่ให้มันแน่นๆ หน่อย เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
ิอวี่ดึงคอเสื้อของเิหยูเยียนมาด้านหน้า ใช้มือดีดไปที่หน้าผากของนางแล้วพูดว่า “หลับแล้วหรือ? คิดอะไรอยู่”
เิหยูเยียนใลืมตาขึ้นมา นางอยากจะพูดอะไร แต่ิอวี่กลับลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปทางเดิม “หากเ้าง่วงก็นอนต่อได้เลยนะ ดีเหมือนกัน วันนี้ข้าจะฝึกทาสเพลิงพอดี วันมะรืน เราจะออกเดินทางกันอีกครั้ง แล้วไปค้นหาไข่ักันที่ทะเลทรายทางเหนือ”
ก่อนที่ิอวี่จะมาที่ซากปรักหักพังแห่งนี้ ก็ได้ความทรงจำมาจากแสงสีทองที่แท่นบูชาโบราณเหมือนกัน ดังนั้น เขาถึงได้รู้เบาะแสของัทะเลทรายมา
“ิอวี่ เ้า ... ”
เิหยูเยียนยังพูดไม่ทันจบ ิอวี่ก็โบกมือให้กับเิหยูเยียนแล้วก็หายไปจากสายตาของนาง
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของิอวี่ เิหยูเยียนก็โกรธจนต้องหยิบก้อนหินขว้างไปที่จุดที่เขาอยู่ นางโกรธแล้วพูดออกมาว่า “ิอวี่เ้าทึ่ม ขนาดนี้แล้วเ้ายังไม่เข้าใจความหมายของข้าอีกหรือ? ...”
เดิมทีเิหยูเยียนนั้นได้เตรียมอารมณ์เอาไว้พร้อมแล้ว ใครจะไปคิดว่าิอวี่นั้นกลับไม่ทำ ...
“เ้าชอบข้าก็บอกมาตรงๆ ได้นี่นา ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไรแล้ว เ้ายังจะหนีทำไมอีก ... ” เิหยูเยียนเริ่มรู้สึกเศร้านิดหน่อย
......
เมื่อเดินออกมาจากซากปรักหักพังนั้น ิอวี่ก็ใช้พลังจิตให้เ้าทาสเพลิงที่หน้าตาเหมือนกับเขานั้น ไปหยุดอยู่บริเวณซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง
ิอวี่ควบคุมเ้าทาสเพลิงให้ออกกระบวนท่าซัดหมัดออกไปกลางอากาศ!
เขารู้สึกเหมือนตนเองนั้นมีร่างแยกออกมาอีกหนึ่งคนจริงๆ ิญญาของเขานั้นเหมือนจะมีสองดวง เขารู้สึกได้ว่ากำลังควบคุมตัวเองอีกคนอยู่!
ทาสเพลิงนั้นแปลงมาจากดวงจิตแห่งไฟ ที่มันมีหน้าตาเหมือนกับิอวี่ก็เพราะเขาได้ถ่ายพลังจิตจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของตนเองเข้าไป พลังจิตนั้นมันเหมือนเืเนื้อของเขา และมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้นด้วย
เพราะแยกพลังจิตออกมา ดวงจิตแห่งไฟถึงได้จำลองออกมาเป็รูปลักษณ์ของิอวี่
และที่ก่อนหน้านี้มันทำให้ิอวี่ััได้ว่ามีตัวเองสองคน เพราะิอวี่นั้นแยกจิตสำนึกออก
นั่นไม่ได้หมายความว่าพลังจิตของิอวี่นั้นลดน้อยลง แต่หมายความว่า ตอนที่เขาใช้ทาสเพลิง เขาจะต้องเสียพลังจิตบางส่วนถ่ายโอนไปบนตัวทาสเพลิง แล้วควบคุมให้มันต่อสู้เพื่อเขา
มันทำให้ิอวี่นั้นรู้สึกตื่นเต้นและสนุก หากเขาไม่ได้ตั้งใจไปควบคุมทาสเพลิง มันก็ยังจะมีความเป็มนุษย์อยู่บ้าง นั่นเป็สติปัญญาที่ดวงจิตแห่งไฟออกมาจากจิตใต้สำนึก โดยที่ไม่ถูกเ้าของควบคุม
สติปัญญานั่นก็น่าจะประมาณเดียวกับสัตว์ตัวเล็ก ดังนั้น หากไม่ได้มีจิตสำนึกอะไรควบคุมอยู่ ทาสเพลิงก็จะไม่สามารถต่อสู้อะไรกับใครได้
“ไหนขอดูหน่อยว่าความสามารถของเ้าเป็อย่างไรบ้าง”
เมื่อครู่ิอวี่สั่งให้ทาสเพลิงนั้นต่อสู้กลางอากาศ เลยไม่รู้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของทาสเพลิงจริงๆ แล้วนั้นเป็อย่างไรบ้าง
ิอวี่ใช้จิตสำนึก ทาสเพลิงที่หน้าตาเหมือนกันก็ซัดหมัดใส่เขา
“ตู้ม!”
ิอวี่ถอยไปถึงสามก้าวถึงจะยืนได้นิ่ง ทาสเพลิงซัดจนิอวี่นั้นถอยหลังไปถึงสิบเมตรถึงจะหยุดลงได้
“ไม่เลวเหมือนกันนะ”
ิอวี่ขมวดคิ้ว จากการคาดเดาของเขาเมื่อครู่ ถึงแม้ทาสเพลิงจะมีความสามารถขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง แต่พลังของมันน่าจะอยู่ที่ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุด หรือไม่ก็ขอบเขตอมฤตขั้นที่สองเลย
หากสามารถนำมันไปช่วยในการต่อสู้ ิอวี่ก็น่าจะได้ผลการต่อสู้ที่เหลือเชื่ออย่างมาก
“แค่นี้ก็พอใจแล้วหรือ?”
ทันใดนั้นเอง เสียงใสๆ ของเฮยจีก็ดังขึ้นมาจากหยกโบราณของิอวี่ “เมื่อครู่ข้าเห็นเ้าแสดงออกได้ไม่เลว แล้วข้าเองก็มีลายเส้นอักขระที่เหมาะกับเ้าอย่างมากเก็บเอาไว้นานแล้วแต่ไม่ได้ใช้ ข้าจะยกให้เ้าดีไหม”
เฮยจีเห็นเิหยูเยียนพูดแบบนั้นแล้วิอวี่ยังเลือกที่จะออกมาก็รู้สึกดีใจมาก ความกังวลในใจของนางนั้นก็ผ่อนคลายลงแล้ว
แต่ิอวี่กลับฟังแล้วรู้สึกเหงื่อแตก
อะไรคือแสดงออกได้ไม่เลว แล้วจะเอาลายเส้นอักขระอะไรให้กับข้ากันนะ?
ระหว่างที่ิอวี่กำลังสงสัย ก็มีลายเส้นอักขระสีขาวพุ่งออกมาจากหยกโบราณที่บริเวณหน้าอก ทันใดนั้นเอง แสงสีขาวนั่นก็พันรอบตัวทาสเพลิงราวกับอสรพิษสีเงิน เหมือนกับโซ่ที่กำลังรัดไปที่ตัวของทาสเพลิง
ิอวี่เห็นชัดเจนว่าโซ่บนตัวทาสเพลิงนั้นค่อยๆ บิดไปบิดมาและส่องแสงสว่างออกมาอย่างแพรวพราว มีพลังงานประหลาดที่แผ่กระจายออกมาจนอากาศโดยรอบเริ่มผิดเพี้ยนไป
ทาสเพลิงรู้สึกเ็ป จากนั้นร่างกายของมันก็เริ่มบิดงอ ราวกับเป็ความเ็ปทรมานอย่างถึงที่สุด!
หลังจากนั้น แสงสีขาวนั่นก็ค่อยๆ เกาะรัดแน่นขึ้น แล้วบีบจนร่างของมันะเิแตก เหลือเพียงแค่ดวงจิตแห่งไฟสีเขียวอ่อนลอยอยู่กลางอากาศ!
รอบตัวของดวงจิตแห่งไฟในเวลานี้ มันคือโซ่สีขาวที่กำลังสลายและหดตัวอยู่
ตัวโซ่นั้นหมุนอยู่กลางอากาศ หลังผ่านไปประมาณสามวินาทีทั้งหมดก็พุ่งเข้าหาดวงจิตแห่งไฟ
ดวงจิตแห่งไฟสั่นอย่างบ้าคลั่ง มันไม่ได้เป็สีเขียวอ่อนอีกแล้ว แต่มันกลายเป็สีแดงเพลิง!
มันเป็ดวงจิตแห่งไฟสีเข้ม!
ิอวี่ััได้ทันทีว่าดวงจิตแห่งไฟของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นิสัยของมัน หรือว่าพลังงานที่แฝงอยู่ภายใน ก็แข็งแกร่งกว่าเปลวเพลิงสีเขียวอ่อนมาก
“ตู้ม!”
วินาทีที่ิอวี่นั้นกำลังตกตะลึง ดวงจิตแห่งไฟสีแดงเข้มก็ค่อยๆ เปล่งแสงสว่างไสวออกมา เปลวเพลิงที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเขาก็ถูกสร้างออกมา และค่อยๆ เดินมาทางิอวี่ จนกระทั่งลำแสงสุดท้ายที่พุ่งออกมาจากหางตาของเขา ทาสเพลิงคนใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้น!
ิอวี่มองไปที่ทาสเพลิงในเวลานี้ด้วยความตะลึง
ทั้งๆ ที่ก็ยังเป็เขาอีกคนเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่ิอวี่กลับรู้สึกว่าทาสเพลิงในเวลานี้นั้นแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่าตัว และมันก็มีสติปัญญา ดวงตาของมันมีเปลวเพลิงเป็ประกาย ดูมีพลังอย่างมาก
“เฮยจี เ้าทำอะไรกับเ้าทาสเพลิง?” ิอวี่ถาม
“อิอิ ... ”
เฮยจีหัวเราะแล้วพูดว่า “มันเรียกว่าค่ายกลเพิ่มจิติญญา จะเพิ่มคุณสมบัติพิเศษไปยังของประเภทิญญา ตราบใดที่มันยังไม่ถึงเกณฑ์หมดอายุ มันจะสามารถเพิ่มระดับจิติญญาอย่างถาวรได้หนึ่งครั้ง นี่เป็ลายเส้นอักขระค่ายกลเพิ่มจิติญญาที่ข้าเจอในแหวนอักขระเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ถึงแม้มันจะมีมูลค่าที่สูงมาก แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับข้าเท่าไร ตอนนี้ก็มอบเป็สวัสดิการให้เ้าก็แล้วกัน”
ในแหวนอักขระของเฮยจีนั้นมีลายเส้นอักขระเก็บเอาไว้มากมาย เมื่อระดับพลังของนางเพิ่มขึ้น จิตสำนึกก็สามารถร่างลายเส้นอักขระที่แข็งแกร่งมากขึ้นได้ เหมือนกับค่ายกลเพิ่มจิติญญานี้
ิอวี่ถูมือและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ถึงแม้ข้าจะไม่รู้หรอกนะว่าเ้าทำมันได้อย่างไร แต่ตอนนี้ทาสเพลิงมันไปถึงระดับไหนแล้ว?”
“เ้าลองดูเอาเองสิ” เฮยจีเงยหน้า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความได้ใจ
“ได้”
ิอวี่พยักหน้า เขาเริ่มเคลื่อนไหวพลังจิตและเริ่มควบคุมทาสเพลิงอีกครั้ง ครั้งนี้ทาสเพลิงพุ่งเข้าหาิอวี่ทันทีด้วยพลังอันมหาศาลของมันโดยไม่ได้เกรงใจ และส่งเสียงคำรามเป็การต้อนรับเขาอีกด้วย
หมัดทั้งสองหมัดปะทะเข้าอย่างจัง
“ตู้ม!”
เสียงะเิดังขึ้นราวกับฟ้าผ่า ลมปราณแผ่กระจายออกไปทั่วทิศ ิอวี่รู้สึกว่าแขนขวาของเขานั้นมันปวดเมื่อยไปหมด กำลังมหาศาลผลักเขาให้ถลาไปด้านหลัง
