หลินเสี่ยวฉีก้มศีรษะหมอบต่ำ เริ่มถวายความเคารพ
เวลาต่อมา ทุกคนต่างรอให้นางในวังที่อยู่ข้างกายหลินหร่านกล่าวพร้อมมอบของกำนัล
อวี้ฉู่จาวพลันเอ่ยขึ้นมา “เริ่มรับประทานอาหารกันเถอะ”
หลังจากเอ่ยจบก็ดึงหลินหร่านให้ลุกขึ้น
แม้หลินหร่านจะงุนงง แต่เขาก็เชื่อฟังแล้วลุกขึ้นตามแรงจูง
ติงหร่วน หลานจื่อและเหล่าสาวใช้จำนวนหนึ่งพากันเดินตามหลังทั้งคู่ไปทันที
หลินฮวาเหนียนรู้สึกตะลึงงัน แต่ก็ยังคงผายมือนำท่านอ๋องกับพระชายาไปยังห้องรับประทานอาหาร
ผู้คนที่อยู่ด้านหลังต่างตกตะลึงเช่นกัน หลังจากมองไปทางหลินเสี่ยวฉี ไม่นานก็เริ่มมีเสียงซุบซิบนินทา
โดยเฉพาะนางซ่งที่หัวเราะชอบใจก่อนกลับเรือนไป
อวี้ฉู่จาวไม่ยอมปล่อยให้หลินหร่านไปงานเลี้ยงที่เรือนด้านหลัง เช่นนั้นเรือนด้านหลังจึงกลายเป็์ของนาง
นางต้องดูแลหญิงสาวเหล่านี้ให้ดี ใครจะรู้ อีกไม่นานนางอาจได้ขึ้นเป็ฟูเหรินคนต่อไปก็เป็ได้
ในห้องโถงใหญ่ที่เหลือเพียงหลินเสี่ยวฉี นางโกรธจนกัดปากของตนเองเป็แผล อย่างกับจะกัดฟันของตนเองให้แหลกละเอียด
แล้วงานเลี้ยงใหญ่ที่จัดขึ้นในห้องโถงด้านหน้ากับด้านหลังของจวนก็ได้เริ่มขึ้น
หลินเสี่ยวฉีนั่งคุกเข่าเพียงลำพังอยู่ในห้องโถงใหญ่ บางครั้งเหล่าเด็กๆ ในบ้านต่างพากันหันมาดูเป็ระยะ
ผู้คนที่เดินผ่านล้วนจ้องมองพลางกระซิบกระซาบ
“นางโดนท่านอ๋องกับพระชายาลงโทษอย่างนั้นหรือ?” ฟูเหรินปลายแถวของตระกูลหลินเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
เริ่มแรก ไม่ว่าใครก็มองออกว่าท่านอ๋องไม่พอใจหลินเสี่ยวฉี
“ฟูเหรินจิ้วมิทราบหรอกหรือ…” หนึ่งในฟูเหรินที่มาจากต้นตระกูลหลินในเมืองอวี้อันกล่าว “แม่นางผู้นี้…” พร้อมแสดงออกถึงสายตาดูถูก“ก่อนหน้านี้นางอยู่กับผู้เป็มารดา ฟูเหรินที่ถูกท่านอ๋องฟ้องร้องด้วยตนเอง พวกเขาเลวทรามไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากที่ท่านแม่ทัพออกไปจากจวนก็ทำร้ายบุตรชาย แถมยังขับไล่ออกจากจวน อีกทั้งมารดาของนางยังส่งคนมาลอบสังหารคุณชายน้อยผู้ที่อาจเป็พระชายาของจ้านหวังในตอนนั้นอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟูเหรินจิ้วก็แสดงท่าทีเหยียดหยามออกมาโดยพลัน “เลวทรามเสียจริง ฆ่าคนเพื่อเงินอย่างนั้นหรือ”
หลินเสี่ยวฉีได้ยินทุกถ้อยคำไม่ขาดตกบกพร่อง
นางคิดว่าตอนนี้ ตนเองคงไม่ต่างอะไรจากเื่น่าขันที่ใครต่อใครต่างก็พากันชอบรับชม
วันนี้ทุกคนล้วนรับรู้ และได้เห็นกันหมดว่าท่านอ๋องแสดงท่าทีไม่พอใจในตัวนาง
เวลานี้ นางเริ่มกลัวว่าความโชคดีอาจไม่อยู่กับนางตลอดไป
สิ่งที่หลินหร่านเคยพบเจอกำลังตามสนองนางอย่างนั้นหรือ
ไหล่ของหลินเสี่ยวฉีสั่นเทา กลัวเหลือเกิน นางควรจะทำเช่นไร?
.........
อีกด้านหนึ่ง
ผู้คนล้วนดื่มกินอย่างมีความสุข อวี้ฉู่จาวนั่งอยู่บริเวณหัวโต๊ะ เขามองหลินหร่านและเหล่าผู้นำในตระกูล
ตลอดงานเลี้ยงอวี้ฉู่จาวไม่สนใจผู้ใด เอาแต่คอยดูแลอาหารการกินของหลินหร่าน
เนื่องจากวันนี้ต้องกลับมาเยี่ยมครอบครัว และยังต้องตื่นแต่เช้า เขาจึงกลัวว่าหลินหร่านอาจนอนไม่พอ นอกจากนี้ หลินหร่านยังกลัวว่าอาจมาไม่ทันเวลา จึงไม่ยอมกินมื้อเช้ามาก่อนเลย
ที่พระชายากลับมาเยือนครอบครัวในวันนี้ เป็เหตุให้มีผู้คนมายืนรออยู่ด้านนอกไม่น้อย
หากในระหว่างงานเลี้ยงครั้งนี้มีปัญหาใดเกิดขึ้นอีกละก็ เกรงว่าต้องได้พูดคุยกันหลังงานอีกครั้งเป็แน่ เพราะความสัมพันธ์ของหลินหร่านกับตระกูลหลินค่อนข้างมีความพิเศษกว่าตระกูลทั่วไปนัก
ดังนั้น ภายหลังมาถึงตระกูลหลิน อวี้ฉู่จาวจึงไม่สนใจที่จะทักทายใคร รีบให้เข้าสู่ขั้นตอนถวายความเคารพ
หลังจากถวายความเคารพเสร็จเรียบร้อย ก็รีบเร่งให้เข้าสู่ขั้นตอนของงานเลี้ยงทันที
“อย่ากินแต่ผัก เ้าต้องกินเนื้อด้วย” อวี้ฉู่จาวใช้ตะเกียบคีบเนื้อวางใส่จานของหลินหร่านเต็มไปหมด
อวี้ฉู่จาวเอาแต่ดูแลเื่อาหารให้กับชายาตัวน้อย โดยที่ตนเองยังไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว
ในความเป็จริงหลินหร่านหิวมาก แต่เพราะมีคนอยู่มากมายทำให้เขาต้องรับประทานอย่างระมัดระวัง แต่พอได้ยินอวี้ฉู่จาวเตือนจึงหันมาสนใจอาหารตรงหน้าและเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น
ขอเพียงมีอวี้ฉู่จาวอยู่ข้างกาย ตัวเขาเองจะค่อยๆ ปรับตัวได้
หลินหร่านรู้สึกผ่อนคลายทีละน้อย อวี้ฉู่จาวคีบอาหารให้เขาด้วยตนเอง เขาก็เอาแต่สนใจเื่กินโดยไม่สนใจอย่างอื่น
ผู้นำตระกูลหลินได้แต่ตะลึงงัน ในมือเตรียมจอกเหล้าเอาไว้ ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรรินเหล้าให้ท่านอ๋องดี เพราะเขาคิดว่า หากตนเองพูดแทรกเข้าไปเวลานี้ไม่น่าจะเป็การดี อาจเป็การทำลายบรรยากาศของทุกคนและอาจถูกท่านอ๋องสั่งลงโทษได้
ส่วนหลินฮวาเหนียนได้แต่มองด้วยความประหลาดใจ หลินเซี่ยงตี๋ก็รู้สึกโล่งอกหลังจากตกตะลึงไปชั่วครู่
“ดูจากวันนี้ ต่อไปชีวิตของเสี่ยวหลินคงไม่พบปัญหาร้ายแรงอะไรแล้วนะขอรับ”
ทุกคนในงานไม่คาดคิดมาก่อนว่าเหตุใดหลินหร่านถึงได้รับความรักจากท่านอ๋องมากมายเช่นนี้
“...ท่านอ๋อง” ผลสุดท้ายก็เป็หลินฮวาเหนียนที่เอ่ยปากขึ้น
่เวลานี้เอง อวี้ฉู่จาวถึงละสายตาออกจากหลินหร่านได้
หลินฮวาเหนียนจึงรีบใช้โอกาสนี้พาคนอื่นเข้าไปรินเหล้าให้
หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่รบกวนเวลาอาหารของท่านอ๋องกับพระชายาอีก
การกลับมาเยี่ยมเยือนครอบครัวอย่างยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ทำให้ทุกคนรู้ว่าหลินหร่านไม่ใช่พระชายาที่ไร้ตัวตนอีกต่อไป อย่างน้อยก็ทำให้คนในตระกูลหลินมองหลินหร่านในแง่ดีขึ้น
ต่อไปพวกเขาคงจะนึกภาพเด็กหนุ่มที่ใส่เสื้อผ้าซอมซ่อ โดนใครต่อใครรังแกและดูถูกในสมัยก่อนไม่ออกอีกแล้วกระมัง
หลังจบงานเลี้ยง ทุกคนพากันไปจิบชาในสวนต่อ
หลินฮวาเหนียนยังคงเป็กังวลเื่ของบุตรสาว จึงได้บากหน้าไปพูดเื่นี้กับอวี้ฉู่จาว
“ท่านอ๋อง พระองค์ทรงทอดพระเนตรเสี่ยวฉีสิพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้นาง…” หลินฮวาเหนียนรู้สึกละอายแก่ใจกระทั่งไม่กล้าที่จะเอ่ยจนจบ
อวี้ฉู่จาวนั่งนิ่งไม่ตอบ สายตามองผู้นำตระกูลหลินที่กล่าวกับตนเมื่อครู่
หลังจากได้ยินหลินฮวาเหนียนเอ่ยขึ้นมา แถมยังเอ่ยถึงหลินเสี่ยวฉี หลินหร่านจึงหันไปมองอวี้ฉู่จาวทันที
อวี้ฉู่จาวยังคงนิ่งเฉย ไม่เอ่ยปากพูดสิ่งใดราวกับไม่ได้ยินถ้อยคำที่หลินฮวาเหนียนเอ่ยออกมา ท่านอ๋องเพียงแค่ปรายตามองไปตรงหน้า ดูไม่กระตือรือร้นเท่าไรนัก
เมื่อเห็นท่าทีของอวี้ฉู่จาว หลินฮวาเหนียนจึงรู้ชัดว่าตนไม่ควรเอ่ยถึงเื่นี้
เขาไม่มีทางเลือก เลยทำได้เพียงมองไปทางหลินหร่านเพื่อขอความช่วยเหลือ
พอเห็นหลินฮวาเหนียนมองมาที่ตนเอง หลินหร่านได้สบตากับผู้เป็บิดาจึงพอจะเข้าใจความหมาย
อย่างไรก็ตาม ในความเป็จริงแล้วหลินหร่านก็ไม่อยากทำให้อวี้ฉู่จาวต้องลำบากใจ
หากให้เขาพูดถึงหลินเสี่ยวฉี เขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับนาง ดังนั้น เขาจึงไม่อยากที่จะเรียกร้องมากมายกับท่านอ๋อง แต่ว่าท่านพ่อ…
นี่คงเป็การขอความช่วยเหลือจากผู้เป็บิดาเพียงคนเดียวจากในสองชาติภพของเขา และตัวเขาก็ไม่อาจฝืนใจปฏิเสธได้
“ท่านอ๋อง…” สุดท้ายหลินหร่านถึงเอ่ยออกมา
อวี้ฉู่จาวหันมามองหลินหร่านโดยพลัน “ว่าอย่างไร” พร้อมเอ่ยถามด้วยความจริงใจ
ในที่สุดอวี้ฉู่จาวก็เอ่ยปากพูด หลินฮวาเหนียนได้แต่มองด้วยความกังวล อีกทั้งยังกลัวจะพลาดโอกาสนี้ไป
หลินหร่านมองสายตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ฉับพลันกลับไม่กล้าที่จะเอ่ยคำขอออกไป
ท่านอ๋องทำทุกอย่างก็เพื่อเขา แล้วเขาจะหักหาญน้ำใจของท่านอ๋องได้อย่างไรกัน
แต่ว่า…ความคาดหวังของผู้เป็บิดาที่้าขอความช่วยเหลือมันช่างรุนแรงเกินกว่าจะเพิกเฉย
หลินหร่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเอ่ยออกไป “ผู้ที่คุกเข่าอยู่ในห้องโถงใหญ่...ให้นางลุกขึ้นเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เวลานี้ผู้คนต่างพากันเงียบกริบ ทุกคนเริ่มรู้สึกตึงเครียด
ท่านอ๋องแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่้าให้อภัยหลินเสี่ยวฉี แต่ในขณะนี้ นอกเหนือจากหลินฮวาเหนียนผู้เป็บิดาก็คงไม่มีใครกล้าที่จะลุกขึ้นมาพูดอีกแล้ว
ในสายตาของพวกเขา ท่านอ๋องหลงรักหลินหร่านยิ่งนัก การที่หลินเสี่ยวฉีไม่เคารพต่อพระชายาของตนเอง จึงต้องลงโทษให้คุกเข่าหลายชั่วยามโดยไม่อนุญาตให้ลุกขึ้น
ทว่า การที่หลินหร่านเอ่ยขอร้องก็เท่ากับเป็การไม่รักษาน้ำใจอวี้ฉู่จาวเช่นกัน เหมือนเป็การหักหน้าท่านอ๋องอย่างไรอย่างนั้น
ทุกคนจึงรอดูและคิดว่าท่านอ๋องอาจไม่พอใจ ต้องโกรธพระชายาราวกับพายุฝนที่พร้อมโหมกระหน่ำเป็แน่
-----------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้