พื้นที่โดยรอบในรัศมีสองลี้ ปรากฎเป็โดมอัคคีสีขาวคลอบคลุมบริเวณโดยรอบเอาไว้อย่างแ่า ม่านปราการของเขตแดนปราการอัคคีเหมันต์นี้มีความเเข็งแกร่งเป็อย่างมาก อีกทั้งยังปิดกันการรับรู้และปกปิดสายตาของผู้ที่อยู่ภายนอกได้ทั้งสิ้น มากไปกว่านั้นบทเวทย์เขตแดนนี้ยังส่งผลให้ผู้ฝึกตนที่มีพลังปราณธาตุน้ำ ที่เป็ฝั่งศัตรูตรงข้ามนั้นต่างได้รับผลกระทบ โดยที่พลังิญญาจะลดลงครึ่งหนึ่งทำให้เกิดความได้เปรียบยิ่งนักกับสถานการณ์เช่นนี้เป็อย่างมาก
บทเวทย์เขตแดนนี้แม้จะเต็มเปี่ยมไปด้วยข้อดีที่ได้เปรียบเป็อย่างมากก็จริง ถึงอย่างไรนั้นข้อเสียของบทเวทย์เขตแดนนี้คือผู้ที่ร่ายบทเวทย์จะสูญเสียพลังลมปราณเป็อย่างมาก หนิงอ้ายที่ตอนนี้แม้จะเป็ผู้ฝึกตนราชทินนามจักรพรรดิิญญาขั้นสูงที่มีรากฐานบ่มเพาะเเข็งแกร่ง เเต่ด้วยความแตกต่างของพลังิญญาและระดับของบทเวทย์ก็ทำให้หนิงอ้ายนั้นถูกดูดพลังิญญาออกไปจนสามารถเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่าเลยทีเดียว
"ทำให้ข้าเห็นว่าพวกเ้ามีความสามารถฝ่าเขตแดนของข้าออกไปได้อย่างไร?? " หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกกระบี่วารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์พุ่งเข้าโจมตีอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เมื่อเป็เช่นนั้นเเล้วเหล่าองครักษ์ที่เหลือเมื่อเห็นว่าคุณชายของตนทะยานตัวเข้าไปสู้กับฝ่ายตรงข้ามเเล้ว พวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะเข้าปกป้องนายของตนในทันที
ทุกครั้งที่หนิงอ้ายได้ตวัดกระบี่วารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์ ลิ่มน้ำเเข็งที่เเหลมคมจะพุ่งเข้าโจมตีเหล่าชายชุดดำด้วยความรวดเร็วที่เหนือความคาดหมาย เพียงเเค่หนึ่งท่าพิฆาตก็สามารถสังหารศัตรูฝั่งตรงข้ามที่มีพลังิญญาระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูงไปถึงสี่คนในคราเดียวได้อย่างง่ายดาย
เหล่าองค์รักษ์คุ้มกันต่างเเยกย้ายกันโดยเเบ่งเป็สองคนปิดล้อมป้องกันรถม้าที่มีคุณชายใหญ่ลู่ซีอยู่ด้านใน อีกสองคนที่เหลือรีบตามไปประกบป้องกันหนิงอ้ายในทันที เเต่ถึงอย่างนั้นใช่ว่าจะง่ายดายอย่างที่คิดเพราะกลุ่มนักฆ่าชุดดำเหล่านี้หาใช่มีฝีมือธรรมดาสามัญเช่นกัน ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ถือว่าค่อนข้างตึงมืออยู่ไม่น้อย
หัวหน้ากลุ่มนักฆ่ารับจ้างลอบประเมินในใจเเล้วว่าคุณชายหนิงอ้ายผู้นี้หาได้ลงมือได้ง่าย ดังนั้นมันจึงเรียกเหล่าลูกน้องที่เหลือรวมเป็สิบคนเข้ามาโจมตีหนิงอ้ายเพียงคนเดียว บนใบหน้าของหนิงอ้ายที่ถูกปลอมเเปลงแล้วนั้นหาได้รู้สึกกดดันอะไรทั้งสิ้นกลับกันนั้นยังรู้สึกสนุกสนานเสียด้วยซ้ำ เคล็ดวิชากระบี่เจ็ดดาวเหนือที่ตอนนี้เขานั้นสามารถใช้ได้อย่างคุ้นชินเเล้วนั้นได้ส่งการโจมตีออกไปในวงกว้าง ลิ่มน้ำเเข็งคล้ายกับผลึกแวววาวที่เเข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าอีกทั้งพุ่งกระจายไปโดยรอบไม่ต่างจากฝูงดาวตกเหมันต์นับร้อยนับพันดวง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าเป็เวลาที่ยาวนาน เเต่ถึงอย่างนั้นเวลาได้ผ่านไปเพียงสองเค่อเท่านั้น ทางฝั่งของหนิงอ้ายยังคงปะทะกับเหล่าชายชุดดำที่ตอนนี้เหลือเพียงไม่ถึงสิบคนเเล้ว ทางฝั่งขององครักษ์ที่เเบ่งเป็ฝั่งละสองคนต่างเเยกย้ายกันรับมือกับชายชุดดำเ่าั้ได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ ด้วยเพราะต่างมีพลังิญญาในระดับเทวะิญญาเช่นเดียวกัน ดังนั้นการปะทะในครั้งนี้จึงไม่อาจกล่าวได้ว่าผู้ใดจะเป็ฝ่ายเพลี้ยงพล้ำไปก่อนคงต้องอาศัยเพียงเวลาเท่านั้น
"ผู้ใดเป็คนส่งพวกเ้า!!!" หนิงอ้ายเค้นถามในขณะที่กระบี่ของเขานั้นพาดอยู่บนลำคอขอชายชุดดำผู้เป็หัวหน้า
"เ้าไม่มีทางรู้ได้..." ชายชุดดำยังคงยืนกรานที่จะไม่เอ่ยชื่อผู้จ้างวานตนในภารกิจครั้งนี้
"ช่างเป็สุนัขที่ซื่อสัตย์ยิ่งนักเช่นนั้นเเล้วจงสังเวยิญญานี้ให้แก่ข้าไปพร้อมกับกับเหล่าพี่น้องของเ้าเสียเถิด" เอ่ยจบหนิงอ้ายจึงทำการตวัดคมกระบี่ผ่านลำคอของบุรุษชุดดำที่เป็หัวหน้าทันที
กระบี่วารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์ได้ตัดผ่านลำคอของบุรุษชุดดำผู้ที่เป็หัวหน้าในภารกิจการจ้างวานฆ่าในครั้งนี้ ส่วนหัวของอีกฝ่ายล่วงลงสู่พื้นโลหิตมากมายไหลนองจากส่วนของคำคอช่างเป็ภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่
สายตาของเหล่าองครักษ์ทั้งสี่คนนั้นต่างประจักษ์ในความสามารถคุณชายหนิงอ้ายยิ่งนัก แม้ว่าพวกตนจะคอยช่วยสังหารเหล่านักฆ่าพวกนี้ไปหลายคนก็จริงเเต่เมื่อเทียบกับจำนวนเเล้วยังน้อยกว่าที่คุณชายหนิงอ้ายสามารถจัดการได้สำเร็จ โดยที่ร่างบางของเด็กหนุ่มนั้นยังไร้ซึ่งรอยแผลใดใดทั้งสิ้นเเสดงให้เห็นถึงฝีมือที่เต็มเปี่ยม
ฟังว่าคุณชายหนิงอ้ายนั้นพึ่งทำการปลุกพลังิญญาเมื่อสองปีก่อน ทว่าตอนนี้กลับมีพลังิญญาอยู่ในระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูง แม้ว่ากลุ่มรุ่นเยาว์ตระกูลใหญ่ของเเต่ละแคว้นในมหาทวีปต่างยืนอยู่ในขั้นพลังนี้อยู่ไม่น้อย กลุ่มรุ่นเยาว์เหล่านี้ต่างมีความโดดเด่นน่ายกย่องแก่ผู้ฝึกตนในโลกยุทธภพเเล้ว
คุณชายหนิงอ้ายที่ใช้เวลาเพียงสองปีเท่านั้นกับพลังิญญาระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูง อีกทั้งพร์ความสามารถที่ถูกยืนยันด้วยฐานะของเ้าเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์แห่งทวีปบูรพาและด้วยอายุสิบห้าปีเเต่กลับเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ที่ทอดสายตามองไปทั่วมหาทวีปแล้วคงไม่สามารถพบเจอเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
องครักษ์ผู้คุมกันทั้งสี่คนต่างพูดคุยกันและพากันชื่นชมหนิงอ้ายเป็อย่างยิ่ง ด้วยเพราะพวกเขานั้นล้วนเป็องครักษ์ที่ขึ้นตรงกับท่านประมุขหวังจิ่งหลง ดังนั้นฐานะของคุณชายหนิงอ้ายนั้นหาใช่เพียงคุณชายเล็กของตระกูลเเต่เป็ถึงกับว่าที่ประมุขตระกูลคนถัดไปเลยทีเดียว ฝีมือของคุณชายหนิงอ้ายที่เพียงไม่กี่วันก็พัฒนามากขึ้นจากงานประลองเวทย์ของแคว้นอย่างก้าวะโ อีกทั้งความสามารถในการร่ายบทเวทย์ระดับเทวะด้วยพลังิญญาจักรพรรดิิญญาขั้นสูงเพียงเท่านั้นช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก
เหตุการณ์ปะทะต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่ามือสังหารที่พึ่งจบไปแม้ดูเหมือนเป็่เวลาอันยาวนานใน ความรู้สึก เเต่ทว่าความจริงเวลาได้ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น รัศมีสองลี้ของบทเวทย์เขตแดนที่หนิงอ้ายร่ายออกมาเพื่อจำกัดพื้นที่ รวมไปถึงป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายหลบหนีออกไปได้นั้นภายในเขตแดนของบทเวทย์ดังกล่าวนี้ได้ ปรากฎความเสียหายไปทั่วบริเวณราวกับว่าได้ผ่านศึกใหญ่มาเสียอย่างนั้น ด้วยเพราะการปะทะกันของผู้ฝึกตนระดับสูงนั่นเอง
หลังจากที่หนิงอ้ายและเหล่าองครักษ์ทั้งสี่คนร่วมมือจัดการบรรดาเหล่านักฆ่ามือสังหารในคราบของโจรป่าเสร็จสิ้น ลู่ซีที่ยืนอยู่ ไม่ไกลตรงด้านข้างของรถม้าจึงรีบก้าวเท้าไปหาเด็กหนุ่มด้วยความเป็กังวลใจในทันทีเมื่อไปถึงตัวคนแล้วจึงทำการสำรวจอย่างถี่ถ้วนพร้อมกับหมุนตัวของหนิงอ้ายอยู่หลายครั้งเพื่อหาร่องรอยอาการาเ็ของเด็กหนุ่มที่อาจเล็ดลอดสายตาและการรับรู้ของเขาไปได้
"เ้าไม่ได้าเ็ตรงที่ใดใช่หรือไม่?? " ลู่ซีถามเด็กหนุ่มด้วยความเป็ห่วง
เขาจะรู้ดีว่าฝีมือของหนิงอ้ายในตอนนี้นั้นสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนข้ามระดับพลังิญญาได้อย่างไม่เสียเปรียบอรกทั้งยังมีแต้มต่อเสียด้วยซ้ำ ด้วยเพราะเคล็ดวิชากระบี่ประจำตัวที่มีความพิศดารล้ำลึกที่เด็กหนุ่มนั้นใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญรวมไปถึงบทเวทย์ต่าง ๆ ที่หนิงอ้ายนั้นได้ปรับขึ้นใหม่เพื่อเพิ่มระดับเป็บทเวทย์ระดับเทวะ
ถึงแม้อานุภาพจะไม่ได้ออกมาเต็มสิบส่วนด้วยขีดจำกัดของพลังิญญาระดับจักรพรรดิิญญาเเต่ถึงอย่างไรเเล้วบทเวทย์ที่หนิงอ้ายร่ายออกมาในเเต่ละครั้งนั้นกล่าวได้ว่ามีความรุนแรงเเข็งแกร่งมากกว่าบทเวทย์ระดับสูงทั่วไปหลายเท่านัก ด้วยเพราะแฝงไปด้วยตัวอักขระเวทย์โบราณที่สอดเเทรกอยู่ในบทเวทย์นั้นอย่างส่งเสริมสมดุลกัน
ด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่เด็กหนุ่มอยู่ในมือย่อมสามารถนำมาพลิกเเพลงและ่ชิงซึ่งความได้เปรียบจากฝ่ายตรงข้ามหรือศัตรูได้เป็อย่างมาก เเต่ถึงอย่างนั้นเเล้วลู่ซียังคงเป็กังวลใจไม่น้อย ความเป็จริงเเล้วประสบการณ์ของผู้ฝึกตนในยุทธภพของหนิงอ้ายนั้นพึ่งสั่งสมเก็บเกี่ยวมาได้เพียงสองปีกว่าเท่านั้น
สิ่งนี้จึงทำให้ลู่ซีรู้สึกเป็ห่วงเด็กหนุ่มเป็อย่างมากเพราะกังวลว่าหนิงอ้ายนั้นอาจจะพลาดท่าให้กับศัตรูที่มากในเื่ประสบการณ์ต่อสู้ได้ยิ่งกับในครั้งนี้ที่อีกฝ่ายนั้นเป็ถึงนักฆ่าสังหารรับจ้างจึงย่อมสั่งสมประสบการณ์ฆ่าฟันมาไม่น้อยเป็แน่ ฝีมือและประสบการณ์ย่อมไม่ธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายเมื่อเขาเห็นว่าหนิงอ้ายนั้นไม่ได้รับาเ็อันใดจึงทำให้โล่งใจไปมากเลยทีเดียว
"ข้าไม่ได้รับาเ็ที่ใดเลยขอรับ เืเหล่านี้ก็เป็ของพวกนักฆ่าเ่าั้ลู่เกอไม่ได้าเ็ใช่หรือไม่?? " หนิงอ้ายถามกลับลู่ซีไปด้วยความเป็ห่วงเช่นกัน
เพราะหากเทียบดูเเล้วการปะทะต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่ามือสังหารในครั้งนี้ทุกคนต่างล้วนเป็ผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาและระดับ เทวะิญญาทั้งสิ้น มีเพียงลู่ซีที่เป็ผู้ฝึกตนระดับขุนนางิญญาเท่านั้น นอกจากที่องครักษ์คุ้มกันทั้งสองคนจะเเยกตัวไปปกป้องลู่ซีเเล้ว ขณะเดียวกันหนิงอ้ายได้ร่ายบทเวทย์ป้องกันให้กับอีกฝ่ายด้วยเผื่อไว้เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด
ในระหว่างที่ชายชุดดำผู้เป็หัวหน้านักฆ่าสังหารได้เรียกให้ลูกน้องอีกหลายคนเข้ามารุมโจมตี หนิงอ้ายเห็นว่ามีจังหวะหนึ่งที่เหล่าชายชุดดำห้าถึงหกเลยทีเดียวเข้าพุ่งโจมตีบริเวณขบวนรถม้าที่มีลู่ซีอยู่ด้านใน องครักษ์ที่ท่านตามอบหมายให้คุ้มกันพวกเขาสำหรับการเดินทางครั้งนี้จะมีฝีมือและความสามารถที่มากมายเพียงใดเเต่สุดท้ายย่อมเสียเปรียบเื่จำนวนคนเป็อย่างมากหากมีการประทะต่อสู้กับกลุ่มคนที่มีมากกว่าเช่นนี้อีกทั้งระดับพลังิญญายังอยู่ในระดับเดียวกันอีกด้วย
เมื่อถึงคราวคับขันเเล้วตัวของลู่ซีจึงไม่ลังเลที่จะออกมาจากรถม้าในทันที พุ่งเข้าช่วยองครักษ์คุ้มกันทั้งสองคนในการรับมือกับกลุ่มชายชุดดำที่เข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว ถึงเขาจะมีพลังิญญาอยู่ในระดับขุนนางิญญาขั้นสูง่ปลายเท่านั้น ซึ่งอาจเกิดความเสียเปรียบเป็อย่างมากก็จริงหากต้องปะทะรับมือกับชายชุดดำเหล่านี้ที่มีพลังิญญาระดับจักรพรรดิิญญาหรือระดับเทวะิญญา
เเต่ด้วยเคล็ดวิชากระบี่ที่ถูกท่านตาหวังจิ่งหลงชี้แนะแก้ไขจุดบกพร่องและการฝึกฝนอย่างหนักจึงทำให้ประสิทธิภาพของเคล็ดวิชากระบี่ประจำตัวของนั้นมีความรุนแรงแม่นยำมากขึ้น อีกทั้งบทเวทย์ระดับสูงที่หนิงอ้ายทำการปรับเเก้ไขให้กับลู่ซีนั้นย่อมทำให้ความเสียเปรียบระหว่างระดับพลังิญญาที่กล่าวไปก่อนหน้านั้นเมื่อต้องรับมือกับกลุ่มชายชุดดำพวกนี้แทบไม่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันมากเท่าไหร่
"ข้าพบรอยสักรูปหมาป่าสีดำตรงด้านหลังของใบหูของพวกมันทุกคน เเสดงว่ากลุ่มนักฆ่าสังหารในครั้งนี้เป็ยอดฝีมือนักฆ่าระดับกลางของสำนักหมาป่าทมิฬ เเต่เมื่อค้นตัวดูเเล้วไม่ปรากฎหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงผู้จ้างวานได้ขอรับ..." หัวหน้าองครักษ์แจ้งกับหนิงอ้ายกับลู่ซี หลังจากที่ใช้เวลาครู่ใหญ่เลยทีเดียวในการตรวจค้น อีกทั้งในใจยังครุ่นคิดถึงความเป็ไปได้ต่าง ๆ ว่าคุณชายทั้งสองนั้นมีศัตรูที่ใดที่พวกเขานั้นยังไม่รับรู้หรือไม่
"ท่านหัวหน้าองครักษ์ไม่ต้องเป็กังวลจนเกินไป วันนี้พวกเราจะไม่รู้ว่าเเท้ที่จริงเเล้วใครกันเป็ผู้จ้างวานนักฆ่าสังหารในครั้งนี้ ข้าเชื่อว่านี่ย่อมไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอนถึงครานั้นเราจะจัดการอย่างเด็ดขาดคงไม่สาย..." หนิงอ้ายเห็นท่าทีของอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นย่อมไม่อาจเล็ดลอดจากสายตาและการรับรู้ของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นสำทับกับอีกฝ่ายไปเพื่อไม่ให้ต้องเป็กังวล ด้วยเพราะว่าเขานั้นมีวิธีการรับมือเพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมเลิกราเป็แน่
"พวกเรารีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเเล้วรีบเดินทางจากที่นี้กันได้เเล้ว การประทะสังหารกันเมื่อครู่แม้จะมีบทเวทย์เขตแดนระดับ เทวะที่ข้าร่ายไว้ก็จริง เเต่นั่นก็ไม่สามารถปกปิดผู้ฝึกตนที่มีญาณััระดับสูงได้..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองใบหน้าของทุกคนที่อยู่โดยรอบ
บทเวทย์เขตแดนที่เขาร่ายขึ้นมาจะเป็ถึงบทเวทย์ระดับเทวะ เเต่ด้วยเพราะในตอนนี้เขามีพลังิญญาอยู่ในระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูงเท่านั้น จึงทำให้ประสิทธิภาพของบทเวทย์ดังกล่าวออกมาได้เพียงหกถึงเจ็ดส่วนซึ่งมีความเสี่ยงเป็อย่างมากถ้าหากว่ามีผู้ฝึกตนที่มีญาณััระดับสูงผ่านมายังบริเวณนี้ย่อมที่จะััได้ถึงความผันผวนที่เกิดจากการใช้บทเวทย์เขตแดนนี้ได้อย่างแน่นอน
สำหรับผู้จ้างวานนักฆ่าสังหารในครั้งนี้หนิงอ้ายเชื่อว่าทางฝั่งฮูหยินรองคงเป็ผู้จ้างวานครั้งนี้อีกเป็แน่ เพราะงานประลองเวทย์ที่ผ่านมานั้นทั้งเขากับลู่ซีได้ทำให้บุตรชายทั้งสองของนางาเ็ขายหน้าอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงมีความเป็ไปได้อย่างมากที่อีกฝ่ายจะเลือกกระทำเช่นนี้อีกครั้ง
ด้วยตระกูลเดิมของนางหลังจากที่ได้เกี่ยวดองกับตระกูลจางเเห่งแคว้นหงส์เเดงเเล้ว จากตระกูลชั้นกลางธรรมดาก็สามารถตั้งตัวขึ้นเป็ตระกูลระดับต้น ๆ ของแคว้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว อาจไม่เทียบเท่าหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้น เเต่ถึงอย่างนั้นก็มีอิทธิพลมากกว่าตระกูลทั่วไป ดังนั้นจึงไม่ได้เป็การยาก หากนางจะหยิบยืมอำนาจของตระกูลเดิมที่มีอยู่ในการจ้างวานนักฆ่าสังหารพวกเขาเฉกเช่นที่ผ่านมา
สิ่งนี้แต่นี่ก็เป็เพียงการคาดเดาเท่านั้นเเต่ถึงอย่างไรเขาก็ได้เตรียมการรับมืออยู่บ้างแล้วเช่นกัน แต่อย่างไรแล้วหนิงอ้ายไม่ค่อยอยากสนใจเท่าไหร่นัก เพราะในตอนนี้เขามีสิ่งสำคัญกว่าที่เป็เป้าหมายนั่นคือการเป็ศิษย์ของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ให้ได้เพื่อไม่ให้ท่านตา ท่านยายและท่านแม่ผิดหวังในตัวเขานั่นเอง
เหล่าองครักษ์ทั้งสี่คนต่างจัดการนำร่างไร้ิญญาของนักฆ่ารับจ้างทั้งยี่สิบคนมารวมกันอยู่ตรงด้านหน้าบริเวณเดียวกันตามคำสั่งของหนิงอ้าย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเกิดความไม่เข้าใจเล็กน้อยกับคำสั่งจัดการเช่นนี้เพราะในแต่ละครั้งก่อนหน้า
หากมีการปะทะต่อสู้เกิดขึ้นหลังจากทุกอย่างจบสิ้นเหล่าบรรดาร่างไร้ิญญาเ่าั้จะถูกเผาทำลายทิ้งเพื่อไม่ให้หลงเหลือร่อยรอยให้ตามสืบสวนได้ แม้จะมีความสงสัยอยู่ในใจเเต่ถึงอย่างนั้นเหล่าองครักษ์ยอดฝีมือทั้งสี่คนนี้ก็ทำจัดการตามความ้าอย่างไม่ขัดข้อง
วูบ!
หนิงอ้ายทำการเรียกเจียวซิ่นออกมาจากห้วงมิติจิต เมื่ออีกฝ่ายออกมานั้นทำเอาเขารู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวด้วยเพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปเป็อย่างมากของเจียวซิ่นที่ในตอนนี้ไม่ต่างไปจากมนุษย์ต้นไม้ที่มีใบหน้าเป็ชายวัยกลางคนน่าเกรงขาม ทุกส่วนของทั้งตัวนั้นมีลวดลายเป็ริ้วไม้ตามแนวยาวแนวขวางไปทั่วทุกส่วนมีสีเขียวเเดงทองประสานกันอย่างตัว
ใบหน้านั้นจะติดเ็าไม่น้อยเเต่สายตาที่ทอดมองมายังเด็กหนุ่มเ้าของพันธะนั้นทุกคนในที่นี้ต่างััได้ว่าอีกฝ่ายนั้นนับถือหนิงอ้ายมากเพียงใด...
"เ้าเลื่อนขั้นย่อยได้สำเร็จแล้วเช่นนั้นรึ?? " หนิงอ้ายยกยิ้มอย่างชอบใจ
"มิน่าเล่า...เกอถึงไม่สามารถััถึงระดับของเจียวซิ่นได้ คงด้วยเป็เพราะว่าระดับพลังิญญาสูงกว่าเกอแล้วในตอนนี้ แสดงว่าในการประลองเวทย์ที่พึ่งจบไปนั้นเจียวซิ่นไม่ได้เรียกใช้พลังิญญาทั้งหมดและทำการสะกดกลิ่นอายของตนไว้ใช่หรือไม่?? " ลู่ซีเมื่อเห็นความเปลี่ยนเเปลงของเจียวซิ่นแล้วจึงถามขึ้นด้วยความอยากรู้เพราะว่าเจียวซิ่นนั้นเป็สัตว์อสูรตำนาน ที่ในโลกผู้ฝึกตนนั้นยังไม่มีผู้ใดที่ล่วงรู้มากเท่าไหร่นัก อีกทั้งการเลื่อนระดับพลังิญญาของเจียวซิ่นค่อนข้างพิศดารเป็อย่างมาก
"เจียวซิ่นเป็สัตว์อสูรตำนานสังกัดปราณธาตุพฤกษา ทว่าเกิดการกลายพันธ์ขึ้นดังนั้นในการเพิ่มระดับพลังิญญาจึงค่อนข้างมีวิธีการที่เฉพาะแลใช้เวลามากกว่าสัตว์อสูรทั่วไป ส่วนหนึ่งอาจเป็เพราะในทุกวันข้าจะให้เจียวซิ่นดูดซับเืของข้าวันละหนึ่งครั้งอย่างสม่ำเสมอ..."
"การที่ข้าสามารถปลุกสายเืของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์ได้สำเร็จ จึงส่งผลต่อสัตว์อสูรในพันธะโดย ตรงทำให้สายเืาของเผ่าพันธ์มหาพฤกษารัตนะทมิฬของเจียวซิ่นมีเข้มข้นขึ้นหลายเท่า และสามารถใช้ทักษะเฉพาะของสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษาที่เกิดการกลายพันธ์ได้เช่นนี้ และมีเพียงข้าที่เป็นายแห่งพันธะเท่านั้น ที่จะรับรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วระดับพลังิญญาของเจียวซิ่นอยู่ในเขตขั้นใด..."
ตัวตนของสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษานั้นอยู่เหนือล้ำการรับรู้ของคนทั่วไปที่ไม่อาจเข้าใจได้โดยง่าย ความพิศดารในการเลื่อนระดับพลังเช่นนี้นับว่าะเืฟ้าะเืดินยิ่งนัก หากมีผู้ใดล่วงรู้ว่าการเพิ่มพลังิญญาสามารถ่ชิงจากสัตว์อสูรหรือผู้ฝึกตนด้วยกันเองได้เช่นนั้นเเล้ว ยุทธภพแห่งนี้คงไม่แคล้วเกิดความวุ่นวายและเสียหายเป็แน่...
