เย่เฟิงเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เมื่อปีศาจหมีสามตนเกือบเข้าใกล้เขา จู่ ๆ อักษรโบราณแห่งลวดลายเทวะทอประกายในดวงตาของเขา ก่อนจะเข้าปกคลุมร่างปีศาจหมีทั้งสามตน
เมื่อแสงหายไป ร่างปีศาจหมีก็ค่อย ๆ หายไปทีละนิดเช่นกัน จนกระทั่งหายไปในที่สุด จากการใช้ลวดลายเทวะอย่างต่อเนื่อง ทำให้เย่เฟิงใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น การเปลี่ยนกฎก็ทำได้ในหนึ่งความคิด และยังช่วยในการเปลี่ยนพลังคุณสมบัติของค่ายกลลวดลายเทวะในรูปแบบอื่น ๆ อีกด้วย
หากถึงขั้นชำนาญอย่างถ่องแท้ ตราบใดที่เย่เฟิงยินดี ค่ายกลลวดลายเทวะที่เย่เฟิงเผชิญก็สามารถสำแดงการโจมตีธาตุไฟ แต่หากเขาเข้าใจลวดลายเทวะอย่างลึกซึ้ง เขาก็ยังเปลี่ยนกฎของค่ายกลลวดลายเทวะได้ง่ายดาย
ครั้งหนึ่งค่ายกลเพลิงที่อยู่ในมือเขา เขายังสามารถเปลี่ยนลวดลายเทวะให้กลายเป็พลังอื่น
จากนั้นเย่เฟิงเดินไปข้างหน้าต่อ โดยที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการทำความเข้าใจค่ายกลลวดลายเทวะ
แต่เขาหารู้ไม่ว่า มีสายตาหลายคู่กำลังจับตามองเขาอยู่ในโถงใหญ่แห่งหนึ่งของสำนักเทียนเซียงหลิน เบื้องหน้าของสายตาเหล่านี้คือม่านแสงขนาดใหญ่ที่เรืองรองแสงประหลาด
ซึ่งบนม่านแสงนั้นกำลังฉายภาพที่เกิดขึ้นภายในค่ายกลปริศนาป่าไผ่
คนเหล่านี้ล้วนเป็ผู้หญิงที่มีหน้าตาสะสวยและสง่างดงามอย่างมาก แต่มีหญิงผู้หนึ่งอายุราว ๆ 20 ปีซึ่งสวยกว่าผู้ใด แม้แต่หนิงเซียงผู้เป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเทียนเซียงหลินก็ดูด้อยกว่า ทั้งยังน่าเกรงขามกว่าบุคคลระดับสูงหลาย ๆ คน
หญิงผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็เ้าสำนักเทียนเซียงหลินคนปัจจุบัน นามว่าเทียนเซียง
ผู้คนที่อยู่รอบข้างเทียนเซียงคือผู้าุโคนสำคัญของเทียนเซียงหลิน พวกนางมีอายุประมาณ 20 ปี และทุกคนล้วนหน้าตาสะสวย ซึ่งผู้ที่นั่งในตำแหน่งผู้าุโระดับสูงได้นั้นเห็นชัดว่ามีตบะและศักยภาพที่สูงส่ง และตบะของพวกนางก็อยู่ขั้นยุทธ์เทวะ แน่นอนว่าพลังก็ย่อมแก่กล้า
ขั้นยุทธ์เทวะ สำหรับกองกำลังชั้นยอดของจักรวรรดิจิ่วโยวแล้วถือว่าเป็มาตรฐานของผู้าุโในสำนัก หากไร้ซึ่งตบะขั้นยุทธ์เทวะ เช่นนั้นก็อย่าคิดที่จะขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งผู้าุโ
ส่วนใหญ่ผู้าุโเหล่านี้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะระดับสูง ศักยภาพของพวกเขาจึงน่าทึ่งเป็อย่างมาก
หญิงสาวในเทียนเซียงหลินมีชื่อเสียงในด้านความงาม วรยุทธ์ที่พวกนางฝึกฝนยังมีส่วนช่วยในการชะลอความชรา อาจกล่าวได้ว่าผู้าุโระดับสูงของเทียนเซียงหลินเหล่านี้แม้มีอายุประมาณ 20 ปี แต่อายุจริง ๆ อาจเกิน 50 ปีแล้ว
“น่าสนใจ!” จู่ ๆ เทียนเซียงก็อุทานขึ้น ซึ่งเสียงนั้นราวกับเป็หญิงสาววัย 18-19 ปีก็ไม่ปาน
“มีอะไรหรือท่านเ้าสำนัก?” ผู้าุโเทียนเซียงหลินผู้หนึ่งเอ่ยถามเทียนเซียง
“ชายผู้นี้บุกด่านได้น่าสนใจมาก”
เทียนเซียงปรายตามองผู้าุโคนนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นนิ้วเรียวชี้ไปยังเงาร่างหนึ่งบนม่านแสง เงาร่างนั้นก็คือเย่เฟิง
“ก็แค่ผู้เยาว์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 เท่านั้น ท่านเ้าสำนักจะสนใจไปไย ข้าว่าอัจฉริยะที่มาบุกด่านครั้งนี้มีจำนวนไม่น้อย ศิษย์เทียนเซียงหลินคงถูกพาตัวไปหลายคนเป็แน่”
ผู้าุโคนนั้นปรายตามองเย่เฟิงด้วยท่าทีเฉยชา ซึ่งตบะของเย่เฟิงถือว่าต่ำที่สุดในบรรดาผู้บุกด่าน ดังนั้นผู้าุโคนนั้นจึงจำเย่เฟิงไว้ แต่นางกลับไม่สนใจมากเท่าไร คนที่นางสนใจคืออัจฉริยะมากฝีมือจากกองกำลังชั้นยอดแห่งจักรวรรดิจิ่วโยวเ่าั้
อย่างเช่นซวนหยวนจวิ้น เขาได้รับความสนใจจากผู้าุโหลายคนของเทียนเซียงหลิน คนผู้นี้ไม่เพียงแต่มีฐานะสูงส่ง แต่พร์หรือศักยภาพก็ล้วนยอดเยี่ยม ถือเป็คนที่เหมาะสมกับศิษย์เทียนเซียงหลินมากที่สุด
“ท่านเ้าสำนักจะสนใจคนนั้นไปไย ข้าว่าซวนหยวนจวิ้นดูไม่เลว ครั้งนี้เขาต้องบุกด่านทั้งสามและทำคะแนนได้ดีเป็แน่ ถึงเวลานั้นนังหนูหนิงเซียงคงได้แต่งกับเขา เช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเทียนเซียงหลินและสำนักซวนหยวนก็จะยกระดับไปอีกขั้น” ผู้าุโหญิงในชุดสีขาวกล่าวขึ้น ในขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น ดวงตาคู่งามของนางก็ยังสังเกตซวนหยวนจวิ้นในม่านแสงตลอด
เมื่อผู้าุโหลาย ๆ คนเห็นซวนหยวนจวิ้นเอาชนะศัตรูและอุปสรรคในค่ายกลปริศนาป่าไผ่ต่างก็มองเขาในแง่ดี ซึ่งเป็ไปตามที่ผู้าุโคนนั้นกล่าวไว้ ซวนหยวนจวิ้นมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังอยู่ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด เขาสามารถขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ในค่ายกลนั้นได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ซวนหยวนจวิ้นยังแตกต่างจากเย่เฟิง ซวนหยวนจวิ้นเดินอยู่ท่ามกลางค่ายกลลวงตาและเปิดการเข่นฆ่าตลอดทาง โดยพึ่งพาพลังต่อสู้ที่แกร่งกล้าของตัวเขา
ส่วนสิ่งที่เย่เฟิงพึ่งพาคือวิถีแห่งลวดลายเทวะ ซึ่งเขาไม่เคยลงมือั้แ่เข้าสู่ค่ายกลลวงตา แต่เมื่ออันตรายมาเยือน เขาใช้เพียงสายตาก็เปลี่ยนกฎและขจัดปัญหาได้แล้ว แต่อาจเป็เพราะเย่เฟิงมีตบะต่ำต้อย ไร้ซึ่งฐานะสูงส่ง ดังนั้นเขาจึงไม่เป็ที่สนใจของใครหลาย ๆ คน แต่เ้าสำนักเทียนเซียงหลินกลับสังเกตเห็นเย่เฟิงโดยไม่ได้ตั้งใจ
เทียนเซียงได้ยินเช่นนั้นก็กะพริบตาปริบ ๆ พลางระบายยิ้มจาง ๆ ก่อนกล่าวว่า “ซวนหยวนจวิ้นมีพลังแก่กล้าก็จริง แต่พวกเ้าไม่สังเกตเห็นหรือว่าเด็กคนนี้เดินฝ่าท่ามกลางค่ายกลลวงตาได้อย่างไร”
ผู้าุโหญิงเ่าั้ได้ยินคำพูดของเทียนเซียงต่างก็เผยสีหน้าไม่เข้าใจ พวกนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเ้าสำนักถึงสนใจชายไร้นามที่อยู่เพียงขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 แต่ในเมื่อเ้าสำนักเป็คนพูด พวกนางก็ย่อมไม่กังขาแต่อย่างใด
ตอนนี้เย่เฟิงยังคงเดินอยู่ท่ามกลางป่าไผ่อย่างผ่อนคลาย ความเร็วของเขาก็ไม่ช้าจนเกินไป แต่ขณะนั้นมีพืชกินคนปรากฏที่ข้างหน้าพร้อมกับมีเถาวัลย์หลายเถาพุ่งเข้าหาเย่เฟิง หมายพันธนาการร่างของเขา
เย่เฟิงระบายยิ้มอ่อน ๆ ั้แ่ต้นจนตอนนี้ เขาเพียงมองก็มีลำแสงพุ่งออกมาปกคลุมพืชเ่าั้ในพริบตา จากนั้นอักษรโบราณแห่งลวดลายเทวะโคจรบนตัวพืชเ่าั้ และเปลี่ยนกฎของพวกมัน ทำให้พืชเ่าั้ดิ้นทุรนทุราย จนกระทั่งร่างของพวกมันหายไปในที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นภายในสี่ถึงห้าลมหายใจ จากนั้นเย่เฟิงออกไปจากที่นี่ ส่วนพืชเ่าั้สูญสลายโดยถูกเย่เฟิงเปลี่ยนกฎในค่ายกลลวงตา
ในขณะนั้นฉากเช่นเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นที่ไหนสักแห่งในป่าไผ่ มีพืชกินคนปรากฏในบริเวณที่ซวนหยวนจวิ้นอยู่ และยังจู่โจมซวนหยวนจวิ้นอย่างบ้าคลั่ง แต่เขานำดาบของตนออกมาต่อกรอย่างยากลำบาก แม้ทลายการพันธนาการของพืชเ่าั้ ทว่าก็ได้รับาเ็พอสมควร ด้วยเหตุนี้เขาย่อมไม่มีทางเปรียบเทียบกับเย่เฟิงได้
พวกนางสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง เย่เฟิงพบเจอกับอันตรายหลายครั้งหลายครา มองเพียงปราดเดียวก็ขจัดอันตรายนั้นได้อย่างง่ายดาย อาจกล่าวได้ว่าค่ายกลลวงตานี้เปรียบเสมือนปอกกล้วยเข้าปากที่สามารถผ่านได้อย่างราบรื่น
“นี่...”
ผู้าุโหญิงเทียนเซียงหลินเ่าั้เห็นฉากนี้ต่างก็ประหลาดใจ วิธีรับมือของเย่เฟิงช่างน่ามหัศจรรย์มาก พวกนางเองก็มิอาจดูออกว่าเกิดอะไรขึ้นใน่เวลาสั้น ๆ
จากนั้นผู้าุโคนหนึ่งที่รู้จักวิถีแห่งลวดลายเทวะกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนกล่าวว่า “ไม่คิดว่าในบรรดาผู้บุกด่านครั้งนี้จะมีผู้ชำนาญลวดลายเทวะเช่นนี้อยู่ด้วย หากข้าดูไม่ผิด ความสำเร็จด้านลวดลายเทวะของเขาอยู่เหนือระดับปรมาจารย์ทั่วไปแล้ว ซึ่งสามารถเปลี่ยนกฎในหนึ่งความคิด วิธีเช่นนี้น่ามหัศจรรย์มาก ทั้งจังหวะเวลาและความแม่นยำก็ล้วนประจวบเหมาะ ไม่เหมือนสิ่งที่ชายหนุ่มอายุประมาณ 17 ปีจะทำได้ แม้แต่ฝีมือข้าก็สู้เด็กคนนี้ไม่ได้ เด็กรุ่นหลังนำหน้าคนรุ่นก่อนเสียแล้ว!”
เสียงของผู้าุโหญิงผู้นั้นสั่นเล็กน้อยในดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินนางต่างก็ตะลึงไปชั่วขณะ
ผู้ชำนาญลวดลายเทวะบุกด่านอย่างนั้นหรือ?
“ผู้าุโเถียนเซียง เ้าพูดจริงจังไปหรือเปล่า เด็กคนนี้เพิ่งอายุเท่าไรเอง เขาจะชำนาญลวดลายเทวะมากกว่าเ้าได้อย่างไร?”
จู่ ๆ ผู้าุโหญิงผู้หนึ่งเอ่ยถามผู้าุโเถียนเซียงที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญลวดลายเทวะด้วยความสงสัย
“ข้าพูดความจริง ระดับสร้างค่ายกลได้ด้วยหนึ่งความคิด ต่อให้ข้าศึกษานานหลายปีก็ไม่มีทางถึงระดับนี้” เถียนเซียงกล่าว
“เป็เช่นนี้นี่เอง ค่ายกลลวงตาวิวัฒนาการมาจากลวดลายเทวะ เด็กคนนี้ชำนาญลวดลายเทวะถึงผ่านได้อย่างง่ายดาย ด้วยตบะขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ของเขา เกรงว่าจะไม่ง่ายดายเยี่ยงนี้” เมื่อผู้าุโหญิงผู้หนึ่งกล่าวเช่นนั้น คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย แม้เย่เฟิงชำนาญลวดลายเทวะ แต่ในด้านวรยุทธ์ก็ยังไม่ได้อยู่ดี
“อัจฉริยะแห่งลวดลายเทวะ ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มาจากกองกำลังไหน?” เทียนเซียงกล่าวขณะมองเงาร่างนั้นในม่านแสงไม่ละสายตา การกระทำของเย่เฟิงทำให้นางใเป็อย่างมาก แม้วรยุทธ์ของเย่เฟิงจะไม่ดีมากนัก แต่ด้วยฐานะอัจฉริยะแห่งลวดลายเทวะ มันก็เพียงพอจะดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้แล้ว
ขณะนั้นเย่เฟิงยังคงเดินผ่านป่าไผ่ โดยไม่รู้เื่ในเทียนเซียงหลินที่ว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจับตาดูเขา
เย่เฟิงนั้นทิ้งผู้บุกด่านคนอื่น ๆ ไว้เื้ั โดยตัวเขาเดินลึกเข้าไปในป่าไผ่ไม่หยุด อันตรายที่พบเจอก็เปลี่ยนไปรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่ทั้งหมดนี้กลับทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้ ด้วยความรู้ที่เขามีต่อวิถีแห่งลวดลายเทวะ จึงขจัดอุปสรรคและอันตรายได้อย่างง่ายดาย
ั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้ เย่เฟิงไม่เคยลงมือจริง ๆ จัง ๆ สักครั้งเดียว นี่ทำให้เหล่าผู้าุโเทียนเซียงหลินที่สังเกตการณ์เขาตลอดต่างต้องใเพราะเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
