เมื่อเ้าของแผงลอยเห็นว่า จุนห่าวกำลังถือลูกบอลทมิฬอยู่ เขาจึงคิดว่า ความคิดความอ่านของจุนห่าวนั้นแย่เสียจริง เขามีของดีตั้งมากมาย แต่กลับเลือกของสองสิ่งที่ด้อยค่าที่สุดในบรรดาของทั้งหมด จะบอกว่า เป็เพราะความสามารถก็มิได้ เพราะหลังจากที่เห็นจุนห่าวซื้อหญ้าต้นนั้น เขาก็เก็บกิ่งไม้นั้นมา ส่วนลูกบอลทมิฬ เขาก็จำไม่ได้ว่า ได้มาจากที่ไหน เมื่อใด แต่อย่างไรก็ตามแต่เขามิได้เสียเงินซื้อมันมาอยู่ดี
พ่อค้าเห็นจุนห่าวกำลังสนใจลูกบอลทมิฬ เขาก็กลอกตาอยู่ครู่หนึ่ง พลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาเอ่ยขึ้นพลางยิ้มให้จุนห่าวว่า “สหาย ลูกบอลทมิฬในมือท่านก็มิใช่วัตถุธรรมดา มันคือ.......”
“เฮ้อ ท่านไม่ต้องพูดหรอก ข้ารู้อยู่แล้ว มันต้องมาจากวังเซียนอวี้เจินแน่ วังที่มีสัตว์อสูรพิทักษ์คอยคุ้มกันอยู่ และจะต้องมีบรรพบุรุษของใครสักคนที่เสี่ยงชีวิต เพื่อไปเอามันมาจากวังเซียนนั่นอีกแน่” จุนห่าวพูดขัดจังหวะเ้าของแผงลอย เขากล่าวเสริมในส่วนที่พ่อค้าไม่ได้พูด และพูดตามแนวทางของเขาอย่างสมบูรณ์ บัดนี้จุนห่าวเริ่มอยากรู้เกี่ยวกับลูกบอลทมิฬลูกนี้ เขาไม่มีเวลามาฟังเื่ไร้สาระจากเ้าของแผงลอยหรอก
พอได้ฟังคำพูดของจุนห่าว พ่อค้าก็ยิ้มแก้เก้อและพูดชมเชยเขาว่า “ไม่ว่าข้าจะพูดอย่างไร ท่านก็เป็คนที่มีความสามารถและมองการณ์ไกลได้ดียิ่ง แม้ว่าข้าจะยังกล่าวไม่จบ ท่านก็รู้แล้วว่า ข้าจะกล่าวอะไร ท่านมีสายตาที่กว้างไกลนัก ท่านสามารถเลือกของสองสิ่งที่ดีที่สุดในแผงของข้าได้ ช่างเก่งกาจเสียจริง”
จุนห่าวไม่คิดว่า เ้าของแผงลอยยังจะโกหกเขาจนถึงตอนนี้ เขาบอกได้เลยว่า เ้าของร้านคนนี้ช่างเก่งกาจเสียจริง “พอได้แล้ว ท่านเลิกโกหกเถิด ของสองสิ่งในมือข้าดูไร้ค่าที่สุดในแผงขายของท่านแล้ว ข้าไม่รู้ว่า ท่านเก็บมันจากที่ใด ท่านก็มีความสามารถดีนะ ที่สามารถพูดให้วัตถุธรรมดา ๆ กลายเป็สมบัติล้ำค่าจากวังเซียนไปได้น่ะ ข้าขอชื่นชมท่านก็แล้วกัน แต่ท่านอย่าเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาอีกเลย ต่อให้ท่านเล่าประวัติของมันให้ดูสูงส่งเพียงใด อย่างไรวัตถุธรรมดาก็คือวัตถุธรรมดา ข้าไม่อยากจะมาเล่นสนุกกับท่านหรอก”
เ้าของแผงลอยคิด ...... อย่าบอกนะว่า เ้านี่ใช้เวลาตั้งนาน เพื่อแค่จะเล่นสนุกกับข้า ล้อข้าเล่นเช่นนี้สนุกนักรึ? ข้าต้องมาพูดเปลืองน้ำลายไปตั้งมาก จนตอนนี้คอจะแห้งไปหมดแล้ว
พอเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของพ่อค้า จุนห่าวก็แอบขำอยู่ในใจ เขาคิดในใจว่า ‘พวกชั้นต่ำ กล้ามาหลอกลวงข้าก่อน ข้าเกลียดจริง ๆ พวกขายของปลอมนี่’
“ข้าเห็นแก่ที่ท่านทำให้ข้าเพลิดเพลิน ข้าจะซื้อของเหล่านี้ในราคา 10 ตำลึงเงินก็แล้วกัน” จุนห่าวเอ่ยกับเ้าของแผงลอยพร้อมถือของสองสิ่งที่้า
“10 ตำลึงเงินอย่างนั้นรึ เ้าว่ามันไม่น้อยไปหน่อยหรือ เมื่อครู่นี้เ้ายังใช้เงินตั้ง 2,000 ตำลึงเงิน เพื่อซื้อหญ้าหนึ่งต้นอยู่เลยนี่” เ้าของแผงกล่าวอย่างผิดหวัง พลางคิดในใจ ราคาแตกต่างกันถึงเพียงนี้เลยรึ ในเมื่อเป็ของปลอมเหมือนกันแท้ ๆ ทำไมจู่ ๆ ชายผู้นี้กลับเฉลียวฉลาดขึ้นมาได้กัน
“โอ้ ข้ารู้แล้วว่า ทำไมเ้าถึงเชื้อเชิญข้าให้มาดูสินค้าในร้านเ้า อย่าบอกนะว่า เ้าเห็นข้าใช้เงิน 2,000 ตำลึงเงิน เพื่อซื้อหญ้าหนึ่งต้น เลยคิดว่า ข้าเป็คนหลอกง่ายสินะ เพราะเ้าไตร่ตรองมาก่อนแล้วนี่เอง คนอย่างเ้านี่ช่างไม่เที่ยงตรงเอาเสียเลย เ้าอย่าอิจฉาไปเลย หญ้าต้นนั้นเป็สิ่งที่ภรรยาของข้า้า ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ ข้าก็ยินดีจ่าย แต่ของสองอย่างนี้ของเ้า ภรรยาของข้าไม่แม้แต่จะชายตามอง ข้าจ่าย 10 ตำลึงเงิน ก็ยังเกรงว่า พอตกค่ำภรรยาของข้าจะไม่ให้ข้าขึ้นเตียงด้วยเสียด้วยซ้ำ” จุนห่าวพูดกับเ้าของแผงลอย
“ก็ได้ 10 ตำลึงเงินก็ได้” เ้าของแผงลอยกล่าวอย่างฝืนใจ อย่างไรเสีย 10 ตำลึงเงินนี้ก็ถือว่าเป็เงิน ทว่าการแสดงนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเล่นให้จบ
พอเห็นท่าทางกล้ำกลืนของเ้าของแผงลอย จุนห่าวก็หมดคำพูด เขาคิดในใจว่า พอเ้าของแผงลอยไม่ล่อลวงเขาต่อแล้ว ก็กลายเป็คนใบ้ไปเลยเสียอย่างนั้น
จุนห่าวจ่ายเงินพลางรับของมา ในใจของเขายังคงคิดเื่ลูกบอลทมิฬที่ดูลึกลับนั่นอยู่ เขาไม่คิดที่จะเดินเล่นต่อแล้ว เมื่อเดินต่อไปอีกไม่นาน จุนห่าวก็พาหานรุ่ยและลูก ๆ กลับโรงเตี๊ยม
