หลิงมู่เอ๋อร์พิงอยู่บนเตียง ทั้งสมองเต็มไปด้วยฉากที่ซั่งกวนเซ่าเฉินจูบด้วยความหึงหวง นางพ่นหัวเราะออกมา ตบแก้มที่ร้อนขึ้นมาเบา ๆ พลิกตัวขึ้นมาจากเตียง
วันเวลาเช่นนี้คล้ายกับจะไม่ต่างกับเมื่อก่อน แต่ก็เหมือนกับจะมีความแตกต่างในจุดที่สำคัญ นางรู้สึกเพียงว่าในใจถูกเติมจนเต็มแล้ว ไม่ว่าจะยุ่งหรือเหนื่อยเพียงใด ในยามที่คิดถึงเขาขึ้นมานั้น ในใจก็รู้สึกอบอุ่น ไม่เหมือนเมื่อก่อน เหนื่อยแล้วก็ล้มตัวลงบนเตียง จากนั้นอะไรก็ไม่ต้องไปคิด จนกระทั่งพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว ก็กลับคืนสู่สภาพของเมื่อวานอีกครั้ง
“คุณหนู…” ซางจือเห็นใบหน้าของหลิงมู่เอ๋อร์ราวกับดอกท้อ ก็มองสบตาหัวเราะกับเจี้ยงเซียง
ทุกคนต่างก็รู้ว่า หลิงมู่เอ๋อร์และซั่งกวนเซ่าเฉินเป็คู่รักกัน เดิมคิดว่าซั่งกวนเซ่าเฉินไม่คู่ควรกับคุณหนูของพวกนาง แต่เห็นคุณหนูใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นนี้ พวกนางก็เปลี่ยนความคิดนี้
บัดนี้ เมื่อมองซั่งกวนเซ่าเฉินอีกครั้ง นอกจากใบหน้านั้นไม่หล่อเหลาแล้ว ด้านอื่นก็ล้วนดีมากทั้งนั้น
พวกนางมองซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ดี มิใช่เพราะว่าเขาหน้าตาไม่ดี ในยุคสมัยนี้ รูปโฉมของบุรุษมิได้มีความสำคัญ ที่สำคัญจริง ๆ คือลักษณะนิสัยของพวกเขา ซั่งกวนเซ่าเฉินมักจะปั้นสีหน้า เด็กบนท้องถนนเห็นเขาแล้วยังต้องถูกทำให้ใจนร้องไห้ พวกนางเพียงแต่เป็ห่วงว่าหลิงมู่เอ๋อร์จะถูกเขารังแก!
หลังจากการสังเกตใน่เวลาที่ผ่านมา ซั่งกวนเซ่าเฉินรักตามใจหลิงมู่เอ๋อร์ไปถึงหัวใจ แม้เขายังคงไม่ปรับสีหน้ากับผู้อื่น แต่กับหลิงมู่เอ๋อร์แล้วไม่เหมือนกันแม้แต่นิดเดียว การรับรู้นี้ทำให้พวกนางเข้าใจว่าความกังวลใน่ที่ผ่านมานั้นไร้ความจำเป็เพียงใด บัดนี้ในจวน ทั้งผู้ใหญ่หรือเด็กเล็กก็ล้วนแต่เคารพซั่งกวนเซ่าเฉิน
“วันนี้ข้าออกตรวจอาการ อีกครู่พวกเ้าไปตรวจอาการที่โรงหมอ โรคที่ไม่สามารถรักษาได้ก็เหลือไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าไปดู พวกอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้น พวกเ้าสามารถจัดการทั้งหมดได้เลย” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับคนทั้งสอง
“คุณหนูจะให้พวกเราสองคนไปตรวจคนไข้? พวกเราที่เป็ดั่งน้ำครึ่งถังนี้ กลัวว่าจะไม่เหมาะกระมังเ้าคะ?” เจี้ยงเซียงมีความไม่แน่ใจ
“ไม่มีอะไรไม่ได้” หลิงมู่เอ๋อร์ด้านหนึ่งแปรงผม อีกด้านกล่าวว่า “พวกเ้าเพียงทำตามที่ข้าพูดก็พอ ข้ามีความมั่นใจในวิชาแพทย์ของพวกเ้า”
“เช่นนั้น…คุณหนูเชื่อใจพวกเรา พวกเราก็ไม่อาจผิดต่อความเชื่อถือของคุณหนูได้”ซางจือหัวเราะเบา ๆ “ก็ฟังคุณหนูเถอะ! “พวกเราคงมิอาจเป็ผู้ช่วยของคุณหนูไปชั่วชีวิต ตลอดมา ที่คุณหนู้าไม่ใช่ผู้ช่วย แต่เป็ผู้ที่สามารถช่วยนางแบ่งเบาความรับผิดชอบได้”
“ดี พวกเราเชื่อฟังคุณหนู” เจี้ยงเซียงก็เชื่อฟังคำสั่งของซางจือ ซางจือพูดอย่างไร นางก็ทำเช่นนั้น
หลิงมู่เอ๋อร์มองผู้หญิงที่อยู่ในกระจก ผู้หญิงที่มีความรักหล่อเลี้ยงนั้น มักจะแผ่ความอบอุ่นและอ่อนโยนออกมา เมื่อวาน ซั่งกวนเซ่าเฉินใช่ขอนางแต่งงานหรือไม่นะ?
เหอะ! ผู้ชายที่ดื่มสุราจนเมาคนหนึ่ง นางย่อมไม่มีทางเชื่อแน่นอน! นอกจาก…วันนี้เขาจะขออีกครั้ง
หลิงมู่เอ๋อร์ถือกล่องยาขึ้นไปนั่งบนรถม้า รถม้าของหลิงไม่มีการทำเครื่องหมายพิเศษ แต่ว่าหลิงมู่เอ๋อร์ได้แขวนกระดิ่งสองใบไว้ที่ด้านหน้าของรถม้า คนในเมืองพบรถม้าของพวกนางเป็ประจำ ดังนั้นจึงสามารถจำได้ว่านั่นเป็ของครอบครัวนาง ขอเพียงรถม้าของสกุลหลิงเคลื่อนไหว ผู้คนโดยรอบก็จะกระจายตัวออกไปด้านข้าง
“หลีกทาง!” ด้านหน้ามีเสียงดังโหวกเหวกลอยมา “องค์ชายเจ็ดเสด็จ”
คนขับรถม้าะโอยู่ด้านนอก “คุณหนู ม้าของพวกเราวันนี้ดูผิดปกติ ตอนนี้ควบคุมไม่ได้ขอรับ”
หลิงมู่เอ๋อร์เลิกม่านออก เห็นด้านหน้ามีม้าพุ่งเข้ามาตัวหนึ่ง คนบนหลังม้ามีรูปร่างแข็งแรงและปราดเปรียว ดูคล่องแคล่วเป็อย่างมาก
นางรู้สึกเพียงว่าเงาร่างนั้นดูคุ้นเคยอย่างมาก ยังไม่ทันที่นางจะได้มองชัด คนบนม้าตัวนั้นก็พุ่งเข้ามา และตอนนี้ ม้าของสกุลหลิงได้รับความตื่นตระหนก ยิ่งควบคุมได้ยากขึ้นไปอีกแล้ว
“คุณหนู…ท่านะโลงจากรถเถิดขอรับ!” คนขับรถม้าร้องอย่างตื่นตระหนกอยู่ด้านนอก “ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้วขอรับ”
หลิงมู่เอ๋อร์มองไปรอบ ๆ วันนี้เป็วันจ่ายตลาด ทุกที่บนถนนล้วนมีคนสัญจรเต็มไปหมด หากนางะโลงจากรถแล้ว ม้าสูญเสียการควบคุม จะต้องทำร้ายถูกผู้ที่เดินอยู่ข้างทางเป็แน่
“คนขับรถ เ้ามุ่งหน้าไปบริเวณที่ห่างไกล ทางนั้นมิใช่มีตรอกตันหรือ? มุ่งไปทางนั้น บริเวณนั้นมีคนน้อย” หลิงมู่เอ๋อร์สั่งการอย่างมีสติ
“คุณหนูขอรับ….ในสถานการณ์เช่นนี้แล้วท่านยังคิดถึงคนอื่นอีก” คนขับรถม้าร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา “บ่าวชรานับถือท่าน บ่าวชราผู้นี้แม้ต้องเสี่ยงชีวิตก็จะขอปกป้องคุณหนูให้ได้”
ชาวบ้านบนท้องถนนเห็นฉากที่โกลาหลนี้ แต่ละคนต่างก็หลบหลีกอย่างตื่นตระหนก มีคนจำได้ว่านั่นคือรถม้าของสกุลหลิง และก็เห็นหลิงมู่เอ๋อร์
“นั่นไม่ใช่เซียนแพทย์หรือ? ม้าของนางได้รับความตื่นตระหนกแล้ว ทุกคนรีบช่วยนางเร็วเข้า” มีคนร้องขึ้นมาด้วยความใ “มีคนไปช่วยแม่นางเซียนแพทย์ของเราหรือไม่?”
ในเวลานั้นเอง ผู้ที่พุ่งเข้ามาทางพวกเขา ทั้งร่างก็ลอยขึ้นมากลางอากาศ จากนั้นก็โผพุ่งไปยังรถม้าสกุลหลิงที่อยู่ไม่ไกล
คนขับรถม้าเห็นผู้ที่ร่อนลงมาจากฟ้า ใบหน้าชราเต็มไปด้วยความสงสัย ในระหว่างที่กำลังสงสัยอยู่นั้น เขาก็ถูกผู้ที่ร่อนลงมาจากฟ้าผู้นั้นพาลงจากรถม้าไป จากนั้น อีกเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา นั่งอยู่บนตำแหน่งที่คนขับรถม้านั่งเมื่อครู่และควบคุมรถม้าไว้แทน
“ไม่ต้องตระหนก ข้าไม่มีทางให้เ้าเกิดเื่” เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอก
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินเสียง ก็เปิดม่านรถขึ้นอีกครั้ง นางเห็นเพียงแผ่นหลังแผ่นหนึ่ง ทว่าแผ่นหลังนี้ก็ทำให้นางวางใจไม่น้อย
รถม้าสั่นไหวอย่างรุนแรง หลิงมู่เอ๋อร์อยู่ในรถม้าแกว่งไปมาจนหน้ามืดตาลาย นางจับเสาที่อยู่ด้านข้างไว้แน่น จึงได้ไม่ทำให้ตนเองกระเด็นออกไป
ปัง! รถม้าชนเข้ากับทางตันที่ด้านข้าง รถม้าแตกกระจาย ม้าร้องเสียงโหยหวนขึ้นมา ส่วนหลิงมู่เอ๋อร์ถูกชายผู้นั้นโอบกอดไว้แล้วเหาะขึ้นไป ร่อนลงบนหลังคาบ้าน
หัวใจของหลิงมู่เอ๋อร์ได้รับความใอย่างรุนแรง นางมองม้าที่ล้มอยู่บนพื้น ม้าตัวนั้นดวงตามีเืออก สีหน้าเ็ปเป็อย่างมาก ดูจากลักษณะของมันน่าจะป่วยแล้ว นางดึงผู้ชายที่อยู่ข้างกาย กล่าวว่า “พาข้าลงไปเถอะ! บางทีอาจจะยังช่วยมันได้”
“มันเกือบจะทำร้ายเ้า เ้าเดียรัจฉานเช่นนี้ไม่อาจเก็บไว้แล้ว” ชายหนุ่ม หรือก็คือโจวฉี่เยี่ยนที่ได้พบหน้ากันอีกครั้งพูดอย่างไม่พอใจ “เ้ามักจะมองชีวิตของผู้อื่นสำคัญกว่าทุกสิ่ง ชีวิตของเดรัจฉานตัวหนึ่ง หรือยังสำคัญกว่าชีวิตของเ้าอีก?”
“ข้ารู้จักหนักเบา อย่าพูดราวกับข้าเป็คนโง่ได้หรือไม่” หลิงมู่เอ๋อร์พูดกระแทกเขาโดยสัญชาตญาณหนึ่ง เห็นเขาไม่พอใจ นางก็หัวเราะแหะ ๆ “ข้ารู้ว่าเ้าเป็ห่วงข้า ขอบคุณความเป็ห่วงของเ้า แต่ว่าเ้าสัตว์ตัวนี้มันก็ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายข้า แต่เป็เพราะป่วยแล้ว ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ตอนที่เ้าเจ็บป่วยก็ไม่เคยสูญเสียการควบคุมตนเองหรือ?”
“เ้า…” โจวฉี่เยี่ยนราวยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “นำข้าไปเทียบกับม้าตัวหนึ่ง?”
หลิงมู่เอ๋อร์กะพริบตา ราวกับข้าไม่รู้เ้ากำลังพูดอะไร
โจวฉี่เยี่ยนก็ไม่ได้จะเอาเื่กับนางจริง ๆ เขามองสำรวจนาง เห็นนางมิได้รับาเ็ จึงพานางลงสู่พื้น
หลิงมู่เอ๋อร์วิ่งมาถึงหน้ารถม้า ดูเปลือกตาของมันก่อน จากนั้นก็ตรวจสอบจุดอื่น ในยามที่คลำไปถึงท้องของมันนั้น นางก็ขมวดคิ้ว
“จากที่ดูป่วยแล้วจริง ๆ ในท้องนี้ไม่รู้ว่าไปกินอะไรมา บวมถึงขนาดนี้” หลิงมู่เอ๋อร์สั่งการ นำกล่องยาของข้ามา
ชายฉกรรจ์ที่ช่วยคนขับรถม้าเมื่อครู่ได้ยินคำพูดของหลิงมู่เอ๋อร์ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็แย่อย่างมาก ที่หลิงมู่เอ๋อร์สั่งการคือโจวฉี่เยี่ยน ในสายตาของชายฉกรรจ์ผู้นั้น คือความไม่อยากเชื่อ ในโลกนี้ ถึงกับมีสตรีมาออกคำสั่งบงการเ้านายของเขา เ้านายยังมีท่าทีอย่างไรก็ได้เช่นนี้อีก หญิงสาวผู้นี้ที่แท้เป็ใครกันแน่?
ในระหว่างที่ชายฉกรรจ์กำลังตื่นตะลึงนั้น โจวฉี่เยี่ยนก็ได้แบกกล่องยากลับมาแล้ว เขาเปิดกล่องยาออกอย่างคุ้นเคย นำของที่อยู่ภายในออกมา ดูแล้วมีความชำนาญเป็อย่างมาก ฉากนี้ทำเอาชายฉกรรจ์ผู้นั้นใจนอ้าปากค้าง
“เข็มเงิน” โจวฉี่เยี่ยนส่งเข็มเงินให้หลิงมู่เอ๋อร์
เห็นหลิงมู่เอ๋อร์รับไป รอจนนางฝังเข็มเสร็จแล้ว ก็ส่งเครื่องมืออื่นให้ คนทั้งสองร่วมมือกันอย่างกลมกลืน ราวกับรู้จักกันมานับพันนับหมื่นปี
คุณชายสูงศักดิ์ในอาภรณ์หรูหราผู้หนึ่ง สาวน้อยในชุดสีชมพูพลิ้วไสวนางหนึ่ง คนทั้งสองมีรูปโฉมงดงามอย่างมาก ฉากนี้ก็ราวกับกุมารทองกุมารีหยกกระนั้น
“นี่มิใช่แม่นางเซียนแพทย์หรือ? แม่นางเซียนแพทย์แม้แต่ม้าของตนก็ดีด้วยถึงเพียงนี้ นี่เป็หญิงสาวจิตใจเมตตาที่สุดในโลกแล้ว” ท่านป้าผู้หนึ่งกล่าวอย่างสะทกสะท้อน
คนที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างไม่พอใจว่า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจสิ่งเหล่านี้ หรือเ้าไม่สงสัยว่าชายที่อยู่ด้านข้างเป็ใครหรือ? ได้ยินว่าแม่นางเซียนแพทย์นั้นมีชายในดวงใจแล้ว มิใช่บอกว่านางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้บัญชาการองครักษ์หลวงหรือ? แต่คุณชายผู้นี้ดูแล้วก็ไม่ใช่คนธรรมดานี่ หรือจะเป็ผู้ที่ชื่นชอบแม่นางเซียนแพทย์กัน”
หูของโจวฉี่เยี่ยนดีมาก การพูดคุยพวกนั้นลอยมาเข้าหูเขา
เขามองหญิงสาวรูปโฉมงามสง่าที่อยู่เบื้องหน้า ในดวงตาวาบลึก
เขาไม่ได้ถามนาง ว่าบุรุษผู้นั้นเป็ใคร เขาที่พึ่งมาถึงเมืองหลวงยังมิได้ปักหลักอย่างมั่นคง ก็ไม่สะดวกที่จะรู้มากเกินไป วันหลัง เขาย่อมสามารถตรวจสอบออกมาได้แน่
เรียบร้อยแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์เห็นม้าลมหายใจสงบราบเรียบ “ให้มันพักผ่อนสักครู่ก็ดีแล้ว”
“เวลานี้เ้าจะไปที่ใดกัน? ข้าส่งเ้าไป” โจวฉี่เยี่ยนมองนางอย่างอ่อนโยน
“ที่จริงก็ไม่ไกลแล้ว ดังนั้นไม่ต้องให้เ้าส่งแล้ว เ้ายังมีเื่ที่ต้องทำใช่หรือไม่? ว่างแล้วค่อยคุยกัน” หลิงมู่เอ๋อร์หิ้วกล่องยาลุกขึ้นมา
โจวฉี่เยี่ยนมองเงาร่างของหลิงมู่เอ๋อร์หายไป ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากเตือนว่า “นายท่าน ฐานะของท่านไม่เหมาะให้คนรู้มากเกินไป”
“ข้ารู้” โจวฉี่เยี่ยนกล่าวอย่างราบเรียบ “องค์ชายเจ็ดล่ะ? เขาก่อเื่ใหญ่ขนาดนี้ หรือว่าแม้แต่ถามก็มิถามสักคำ?”
“องค์ชายเจ็ดน่าจะเข้าวังแล้วขอรับ! พวกพระญาติพระวงศ์ล้วนมักเป็เช่นนี้ ชีวิตคนในสายตาของพวกเขาเดิมก็ไร้ค่า” ชายฉกรรจ์ยิ้มเย็น
“ในเมื่อองค์ชายเจ็ดไม่สนใจของเช่นชีวิตคน เช่นนั้นพวกเราก็ส่งของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาเถอะ! หวังว่าเขาจะรักษาบุคลิกเช่นนี้ไว้ตลอดไป” โจวฉี่เยี่ยนพูดอย่างเ็า “ข้าจะให้เขาเข้าใจว่า ชีวิตที่เขาคิดว่าไร้ค่าพวกนั้น สูงค่ากว่าชีวิตองค์ชายของเขามากนัก”
ชายฉกรรจ์ไม่กล้าพูดอะไรอีก เขามองออก เ้านายของเขาโกรธแล้วจริง ๆ ผลลัพธ์ร้ายแรงอย่างมาก
ทุกสิ่งนี้ มีคนผู้หนึ่งเห็นอย่างชัดเจน
คนผู้นั้นยืนอยู่ที่หน้าต่างของร้านอาหาร มองเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ั้แ่ประสบอันตรายจนถึงภายหลังที่ได้รับการช่วยเหลือ ในตอนนั้นเขาเกือบจะลงมือแล้ว แต่สุดท้ายก็อดทนไว้ได้
“จวิ้นอ๋อง แม่นางหลิงท่านนี้ช่างออกจากประตูก็พบผู้สูงศักดิ์จริง ๆ หากมิใช่นางพบคนผู้นี้ นางไม่ตายก็ต้องาเ็สาหัส” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา แต่งกายคล้ายกุนซือในกองทัพ “องค์ชายเจ็ดกลับเมืองหลวง ดูแล้วราชสำนักก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว จวนจวิ้นอ๋องตัดสินใจแล้วหรือไม่ ซูเหล่าฟูเหรินน่าจะอยากให้จวิ้นอ๋องยืนอยู่ข้างตำหนักบูรพากระมัง เพราะอย่างไรไท่จื่อของตำหนักบูรพาก็มีสิทธิ์อันชอบธรรม และหวางโฮ่วแห่งตำหนักกลางยิ่งเป็มารดาผู้ให้กำเนิดของไท่จื่อ ไท่จื่อได้ครองตำแหน่งบุตรภริยาเอกไว้”