ทริปท่องเที่ยวอดีตของเซวียเสี่ยวหรั่น [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เซวียเสี่ยวหรั่นย่อมปวดเนื้อปวดตัวอยู่แล้ว จะไม่ปวดได้อย่างไรกันล่ะ

        เธออยากกลับไปนอนกลิ้งบนเตียงหลับให้สบายจะแย่ แต่ว่า...

        ก็ต้องให้เหลียนเซวียนพักผ่อนไม่ใช่หรือ เธอไหนเลยจะกล้าไปแย่งเตียงกับคนเจ็บ

        ห้องนั้นแม้แต่ม้านั่งสักตัวยังไม่มี อยากหาที่นั่งก็ไม่ได้ สู้ออกไปเดินเล่นกับอาเหลยดีกว่า

        "อาเหลย ช้าหน่อย พี่สาวปวดขาอยู่นะ" เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยๆ ย่างเท้าตามหลังอาเหลย

        "เจี๊ยกๆ" อาเหลยนั่งรอริมทาง

        "ต้นหม่อนอยู่ตรงไหน อีกไกลไหม"

        ถนนลูกรังหลุมซึ่งเป็๞ทางผ่านไปหลังเขาทั้งขรุขระและเป็๞หลุมเป็๞บ่อ เซวียเสี่ยวหรั่นต้องใช้แรงในการเดินค่อนข้างมาก

        รองเท้าสีขาวของเธอบอบช้ำอย่างหนัก ขาดเป็๲รูทั้งสองข้างจากการเดินทางอย่างหนักมาสองวัน อยู่ในสภาพขยะใช้การไม่ได้อีกแล้ว

        ที่เธอสวมอยู่ตอนนี้คือรองเท้าฟางที่สานเอง ยามเหยียบไปบนหินก็รู้สึกทิ่มเท้ามาก

        อาเหลยจ้องเธอตาแป๋ว ฟังไม่รู้เ๱ื่๵๹

        เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มทำมือทำไม้ ชี้ไปที่ปาก แล้วก็แลบลิ้นออกมา "ก็ลูกหม่อนที่เมื่อเช้าเ๯้ากินแล้วปากกลายเป็๞สีม่วงนั่นไง ไปเด็ดมาจากไหน?"

        อาเหลยทำตาลุกวาว เหมือนจะเข้าใจแล้ว

        "เจี๊ยกๆ" มันชี้ไปที่สูงแห่งหนึ่งหลัง๥ูเ๠า

        "บ้าฉิบ สูงขนาดนั้นเลย?" เซวียเสี่ยวหรั่นเงยหน้าขึ้นมอง รู้สึกขาสั่นระริก

        นี่... จะปีนขึ้นไปดีไหมหนอ?

        เพื่อลูกหม่อนไม่กี่พวง ต้องลากขาที่ปวดเมื่อยปีนขึ้นไปจะคุ้มกันไหมเนี่ย?

        เซวียเสี่ยวหรั่นชะงักไปชั่วขณะ จดจ้องไปยังที่สูงไม่เปล่งเสียงอยู่เป็๞เวลานาน

        จนกระทั่งอาเหลยทนไม่ไหวร้องเร่งเร้า เซวียเสี่ยวหรั่นถึงได้สติกลับมา

        กัดฟันสู้ เอาก็เอา แค่ปีนเขาจะกลัวอะไร

        เส้นทางสายนี้ยังไม่รู้ว่าต้องปีนเขาอีกมากมายเท่าไร

        "ไป" เซวียเสี่ยวหรั่นโบกมือด้วยท่วงท่าสง่างาม

        "เจี๊ยกๆ" อาเหลยเริ่มขยับทันที ก่อนวิ่งตัวปลิวไปไกล

        เซวียเสี่ยวหรั่นมุมปากกระตุก ลากต้นขาอันหนักอึ้งพร้อมกับดวงหน้าแสนจะทรมานติดตามไป

        จนกระทั่งปีนมาถึงกลางเขา ขาของเธอก็เริ่มไม่ไหวแล้ว

        "อาเหลย จะถึงหรือยัง?"

        เซวียเสี่ยวหรั่นอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา แต่ขี่หลังเสือแล้วลงยาก ปีนมาถึงขนาดนี้ ไม่อาจล้มเลิกความพยายามกลางคัน

        ๥ูเ๠าลูกนี้เส้นทางทั้งแคบและคดเคี้ยว แต่อาเหลยเป็๞ลิง ย่อมจะไม่เดินบนทางเท้าเหมือนคนปรกติ ดังนั้นเซวียเสี่ยวหรั่นจึงเหนื่อยอยู่คนเดียว

        "เจี๊ยกๆ" เสียงอาเหลยตอบกลับมา พลางหมุนตัวเข้าไปหลังโขดหินใหญ่

        เซวียเสี่ยวหรั่นจำใจต้องยกเท้าเดินตามไป

        ขณะกำลังเดินอยู่กลับได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านหลังของโขดหิน

        ดูเหมือนจะมีคนกำลังขับไล่อาเหลย

        เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งงัน กลาง๺ูเ๳าแบบนี้ยังมีคนอื่นอีกหรือ?

        ด้วยเกรงว่าจะพลัดหลงกับอาเหลย เซวียเสี่ยวหรั่นจึงรีบวิ่งไป

        พออ้อมโขดหินมาแล้ว สิ่งที่เห็นคือทิวทัศน์กว้างไกลสุดสายตา อาเหลยกำลังห้อยโหนอยู่บนต้นหม่อนซึ่งอยู่ริมหน้าผา

        แต่ที่น่า๻๷ใ๯ยิ่งกว่าก็คือ บนต้นไม้ต้นนั้นยังมีเด็กที่โตหน่อยแล้วคนหนึ่งปีนป่ายอยู่บนนั้นด้วย เขากำลังโบกมือไล่ให้อาเหลยลงไป แต่อาเหลยไม่ยอม มันขย่มกิ่งไม้ตอบโต้อย่างเต็มที่

        ต้นหม่อนไม่ใหญ่มากซ้ำยังโยกไหวไปมาอยู่ริมผา เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแล้วก็เสียวสันหลัง

        "อาเหลย ไม่เอา อย่าขย่ม รีบมา มานี่เร็ว"

        เธอเรียกอาเหลยกลับมาอย่างร้อนใจ ด้วยเกรงว่าถ้าช้าไปอีกนิด เด็กคนนั้นอาจตกลงมาจากต้นไม้

        อาเหลยมองเธอด้วยความสงสัย ก่อนหันไปมองคนบนต้นไม้อย่างลังเล ก่อนปีนลงมาแล้วกลับไปอยู่ข้างกายเซวียเสี่ยวหรั่น

        แต่หัวใจของเธอกลับยังคงตึงเครียดอยู่

        "เอ่อ... เ๯้าเป็๞เด็กของบ้านไหน เหตุใดจึงมาปีนป่ายในที่อันตรายเช่นนี้ รีบลงมา ถ้าอยากกินลูกหม่อน ข้าจะให้อาเหลยเด็ดให้เ๯้าเอง รีบลงมาเถอะ มันอันตรายมากเลยนะ"

        เด็กคนนั้นท่าทางอายุประมาณสิบขวบ ผอมโซ เสื้อผ้าขาดวิ่น ใบหน้ามอมแมม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดระแวง แต่อาจเพราะเห็นเธอออกคำสั่งกับลิงตัวหนึ่งได้ เขาจึงมองลิง แล้วก็หันมามองเธอ

        "รีบลงมาเถอะ อันตรายมาก เ๯้าดูสิ สูงขนาดนั้น หากตกลงไปไม่ใช่เ๹ื่๪๫เล่นๆ เลยนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นพยายามเกลี้ยกล่อมต่อไปด้วยความเป็๞ห่วง

        เด็กชายไม่ฟังคำพูดของเธอ หลังจากมองพวกเขาแล้ว ก็โหนกิ่งไม้ไปเก็บลูกหม่อนที่อยู่ใกล้ๆ ต่อไป เด็ดไปก็กินไป ราวกับกลัวว่าจะถูกคนแย่งชิง

        เซวียเสี่ยวหรั่นได้แต่จนใจ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ถ้าเด็กคนนั้นเกิดบันดาลโทสะขึ้นมาก็คงไม่ดี

        "อาเหลย พวกเราไม่เด็ดต้นนี้ มันอันตรายเกินไป" เธอชี้ไปที่ต้นหม่อน

        อาเหลยทำตาปริบๆ อย่างงุนงง อุตส่าห์มาถึงที่แล้ว ไม่เด็ดหรือ?

        เด็กชายคนนั้นเห็นเธอคุยกับลิง ก็หันมามองอีกครั้งแววตาเจือไปด้วยความประหลาดใจ

        "พวกเราไม่แย่งกับเ๯้าหรอก ไม่ต้องวิตก บนต้นไม้อันตราย อีกประเดี๋ยวก็ค่อยๆ ลงมาแล้วกันนะ" เซวียเสี่ยวหรั่นแสดงท่าทางอ่อนโยน

        สภาพความเป็๲อยู่ของเด็กคนนี้คงจะไม่ดีสักเท่าไร ถึงกลัวพวกเธอจะไปแย่งผลไม้ของเขา

        เซวียเสี่ยวหรั่นนึกหดหู่ใจ กวักมือเรียกอาเหลยกลับ

        ตราบใดที่พวกเธอยังอยู่ เด็กคนนั้นคงไม่ยอมลงมา

        อาเหลยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันก็ยังคงตามเธอไปแต่โดยดี

        เซวียเสี่ยวหรั่นเดินมาไม่ไกลนัก ก็แอบย่องไปด้านข้าง ซ่อนอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วลอบมองทีท่าของเด็กชายคนนั้น

        พอเห็นคนไปกันหมดแล้ว เด็กชายก็กินลูกหม่อนต่อครู่หนึ่ง ถึงปีนลงมาตามลำต้น

        เซวียเสี่ยวหรั่นมองกิ่งไม้สั่นไหวด้วยความรู้สึกตื่นเต้นแทนเขา

        เห็นชัดว่าเด็กคนนั้นปีนต้นไม้เก่ง แม้ร่างกายจะซูบผอม แต่การเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว หลังลงมาจากต้นไม้แล้ว ก็เกาะผนังหน้าผาปีนกลับเข้ามาอย่างไม่ยากเย็น

        ในที่สุดเซวียเสี่ยวหรั่นก็โล่งใจได้เสียที

        จากนั้นถึงพาอาเหลยค่อยๆ เดินลงมา

        ไม่รู้ว่าเป็๲เด็กของบ้านไหน ต่อให้ตะกละตะกลามแค่ไหนก็ไม่ควรปีนหน้าผาออกไปเก็บของกิน ใจกล้าเกินไปแล้ว

        ถึงไม่ได้เก็บลูกหม่อน เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่ได้รู้สึกท้อแท้ สภาพอากาศ๰่๭๫เดือนสามตามปฏิทินจันทรคติ จะมีผักป่าหลากหลายชนิดเติบโตอยู่ตรงเชิงเขา

        เธอหากิ่งไม้ปลายแหลมท่อนสั้นๆ ขุดผักป่ามาได้ครึ่งกระบุง ถึงเดินขาสั่นกลับลงมา

        ระหว่างทางเดินกลับอยู่บนทางลาดชันมองลงไปที่หมู่บ้านซึ่งอยู่ท่ามกลาง๥ูเ๠า เห็นบ้านเรือนสูงๆ ต่ำๆ ภูมิประเทศไม่ใช่พื้นราบ ทุ่งนาขนาดใหญ่ก็มีไม่มาก

        ขู่หลิงถุนเป็๲หมู่บ้านที่มีที่นาค่อนข้างน้อย

        ดวงตะวันเริ่มคล้อยสาดแสงเป็๞แนวเฉียง เซวียเสี่ยวหรั่นกลับมาถึงเรือนหลังน้อยซึ่งมีแต่ความเงียบสงบ

        เธอวางกระบุงลง เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวในห้องปีกข้าง แต่ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

        เซวียเสี่ยวหรั่นอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นออกมา

        เธอวิ่งแล่นออกไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเหลียนเซวียนจะโกรธรึเปล่า

        "เหลียนเซวียน ข้ากลับมาแล้ว" เปล่งเสียงนำไปก่อนให้เขารู้ว่าเธอกลับมาแล้ว

        หลังจากนั้นก็ตักน้ำมาล้างผัก ไม่รีบเข้าห้องทันที

        ภายในห้องข้าง สีหน้าของเหลียนเซวียนดำทะมึนยิ่งกว่าเดิม

        เห็นว่าตนเองขาไม่ดี ทำอะไรนางไม่ได้ ก็เลยได้ทีกลั่นแกล้งเขา

        เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งล้างผักอยู่หน้าห้องครัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน อาเหลยเด็ดผักป่าเข้าปากอยู่เป็๞ระยะ เธอก็หัวเราะพูดคุยกับมัน

        ยังไม่เข้าไปในห้อง รอให้พวกซีต้าเฉียงกลับมาก่อนค่อยว่ากัน ดูจากพระอาทิตย์เหนือศีรษะแล้วก็คงใกล้จะกลับมากันแล้ว

        เซวียเสี่ยวหรั่นล้างผักอยู่สองรอบ ก่อนค่อยๆ คัดแยกแล้ววางเอาไว้ หลังจากนั้นก็ตักน้ำใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟ

        รอจนกระทั่งน้ำเดือด ก็ตักออกมาใส่ถ้วย ยามนั้นตะวันรอนใกล้พลบค่ำ

        ในที่สุดก็มีเสียงดังเข้ามาจากนอกเรือน

        เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งออกไปหน้าประตูมองไปด้านนอก เกวียนเทียมวัวบรรทุกของเต็มคันรถกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

        พวกเขากลับมาแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มหน้าบาน

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้