การประกาศรางวัลจำเป็ต้องเขียนใบรางวัล จวินจิ่วเฉินไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเขาจึงให้กูเฟยเยี่ยนเป็คนเขียน กูเฟยเยี่ยนเสนอรางวัลสำหรับห่อผงยาของอู๋กงกงก่อน
นางเชื่อว่าภายในหุบเขาเสินหนงจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถแยกแยะผงยาได้ ทว่านางก็ไม่รับรองว่าผู้เชี่ยวชาญจะมารับรางวัลนี้หรือไม่ ดังนั้นนางจึงได้ให้หวางเป่าติงแยกแยะผงยาเหล่านี้ออกเป็ชุดเล็กๆ เก็บไว้ตั้งนานแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับอาจารย์แพทย์ในการวินิจฉัย
ในใจความประกาศรางวัล ได้เขียนเงื่อนไขเอาไว้ชัดเจนว่าอาจารย์แพทย์ต้องหาสมุนไพรที่เหมือนกับตัวอย่างที่นางจัดหามาให้ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็แหล่งที่มาของสมุนไพร ่อายุ และคุณสมบัติ นางครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกระซิบแ่เบา “เตี้ยนเซี่ย กำหนดเวลาไว้ที่ครึ่งวัน ดีหรือไม่? ”
หวางเป่าติงได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนและรู้แล้วว่าผงยาสมุนไพรเหล่านี้ล้วนมาจากหุบเขาเสินหนง ระยะเวลาครึ่งวันเพียงพอให้อาจารย์แพทย์จัดหารวบรวมและจัดเตรียมสมุนไพรแล้ว การกระทำของพวกเขาในครั้งนี้เป็เพราะ้าหยั่งเชิงปฏิกิริยาตอบสนองของอาจารย์แพทย์เท่านั้น
จวินจิ่วเฉินทราบถึงเจตนารมณ์ของกูเฟยเยี่ยน เขาพยักหน้าแล้วเขียนราคารางวัลด้วยตนเอง “สามหมื่นเหรียญทอง”
แม้ว่าภายในผงยานี้จะมีส่วนผสมของลิ่วตันซางลู่อยู่หนึ่งชุด แต่กูเฟยเยี่ยนก็รู้สึกว่าราคานี้มันสูงเกินไป ทว่าหากเราไม่เสนอราคาให้สูง มันก็จะไม่ดึงดูดอาจารย์แพทย์นี่นา! ต้องรู้ไว้ว่าต่อให้ประกาศรางวัลออกไปแล้วก็อาจไม่มีอาจารย์แพทย์คนไหนรับโดยทันที
หลังจากที่ดำเนินการชุดแรกเรียบร้อยแล้ว กูเฟยเยี่ยนก็ได้เขียนชุดที่สองต่อ
ชุดนี้คือลิ่วตันซางลู่ที่กูเฟยเยี่ยนกังวลมากที่สุด
นางได้คัดเลือกลิ่วตันซางลู่ที่สมบูรณ์ที่สุดจากของกลางมาหนึ่งต้นเพื่อใช้เป็ตัวอย่าง แล้วตั้งเงื่อนไขให้อาจารย์แพทย์ตามหาลิ่วตันซางลู่ที่มี่อายุและแหล่งที่มาเหมือนกันทุกประการ
นางถามหยั่งเชิงดู “เตี้ยนเซี่ย ระยะเวลา…กำหนดอย่างไรดี? ”
จวินจิ่วเฉินไม่รับรู้เกี่ยวกับความคิดเล็กน้อยของนาง เขาเพียงแค่เอ่ยว่า “เ้ากำหนดได้เลย”
กูเฟยเยี่ยนดีอกดีใจจากนั้นเขียนลงไป “หนึ่งปี”
ถ้าหากอาจารย์แพทย์ของหุบเขาเสินหนงทราบว่าลิ่วตันซางลู่มาจากใครมันจะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปีแน่นอน หากว่าอาจารย์แพทย์ของหุบเขาเสินหนงไม่ทราบว่าลิ่วตันซางลู่มาจากใคร การตามหาก็ไม่ง่ายดายนัก การให้ระยะเวลานาน ข้อมูลที่นางจะได้รับก็จะมากขึ้น
จวินจิ่วเฉินชำเลืองมองแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร สำหรับราคารางวัล เขาเขียนไว้ที่หกหมื่นเหรียญทอง
แน่นอนว่ากูเฟยเยี่ยนอยากจะให้เขาเสนอราคาไว้สูงๆ ทว่าเมื่อนางเห็นตัวเลข “หกหมื่นเหรียญทอง” นางก็ตกตะลึงทันที
นี่มันจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?
เพราะนี่นับได้ว่าเป็การใช้เื่ส่วนรวมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ภายในใจของกูเฟยเยี่ยนรู้สึกผิดเล็กน้อย
ใบประกาศรางวัลทั้งสองชุดถูกส่งออกไปโดยเด็กที่ดูแลยา จากนั้นผู้ดูแลกงก็ได้เชิญกูเฟยเยี่ยนและจวินจิ่วเฉินไปนั่งจิบน้ำชาที่ศาลาด้านข้างขณะที่คอยข่าวคราวอยู่
จวินจิ่วเฉินเป็คนที่ไม่ค่อยพูด ส่วนกูเฟยเยี่ยนก็กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง ผู้ดูแลกงจึงพยายามหาหัวข้อมาพูดคุยเพื่อขับไล่ความอึดอัด ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสนใจเขานัก
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนคิดว่ามันจะโชคดีมากหากก่อนฟ้ามืดสามารถแน่ใจได้ว่ามีคนรับรางวัลไปหรือไม่ ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่ใบรางวัลได้ส่งออกไปหนึ่งชั่วยามหัวหน้าผู้ดูแลของสนามรางวัลก็ได้มาตามหาพวกเขาด้วยตนเอง
สีหน้าของหัวหน้าผู้ดูแลไม่ค่อยดีนัก เขาเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านทั้งสองสามารถบอกกล่าวได้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงต้องประกาศรางวัลทั้งสองชุดนี้? เพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วนหรือว่า…”
ครั้นจวินจิ่วเฉินกับกูเฟยเยี่ยนเห็นท่าทีของหัวหน้าผู้ดูแล พวกเขาก็ล้วนเกิดความระแวดระวัง จวินจิ่วเฉินถามย้อนกลับไป “สนามรางวัลไม่มีกฎเกณฑ์ที่จะต้องอธิบายเหตุผลใช่หรือไม่? หัวหน้าผู้ดูแลถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ”
หัวหน้าผู้ดูแลลำบากใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “ไม่ปิดบังทั้งสองท่าน ลิ่วตันซางลู่ที่ทั้งสองท่านได้เสนอมาคือของสมุนไพรในหอกักเก็บยาของหุบเขาเสินหนง ไม่เคยเสนอขายที่ใดมาก่อน ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองได้สมุนไพรนี้มาอย่างไร? ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้กูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินต่างก็ใ ถ้าพูดให้ถูกต้องคือพวกเขาทั้งใทั้งดีใจ ตราบใดที่หุบเขาเสินหนงไม่ได้เป็พวกเดียวกันกับจิ้งจอกเฒ่า เื่นี้ก็จัดการได้ง่ายแล้ว!
แน่นอนว่าจวินจิ่วเฉินยังคงระวังตัวอยู่
เขาตอบกลับไปว่า “ของสิ่งนี้ไม่ได้ถูกขโมยมาอย่างแน่นอน เปิ่นกงจื่อ้าพบหัวหน้าาุโวี๋ชิงโจว โปรดแจ้งให้ทราบ”
ทว่าหัวหน้าผู้ดูแลกลับแจ้งว่า “หัวหน้าาุโ้าพบท่านชายเช่นกัน โปรดตามข้ามา”
กูเฟยเยี่ยนประหลาดใจมาก หัวหน้าาุโก็้าพบพวกเราหรือ?
เ้าสำนักหุบเขาเสินหนงไม่เคยเปิดเผยตัวตน และไม่ค่อยดูแลกิจการภายในหุบเขาสักเท่าไหร่ ดังนั้นผู้บริหารหุบเขาเสินหนงที่แท้จริงก็คือหัวหน้าาุโอวี๋ชิงโจว
การที่จวินจิ่วเฉิน้าพบหัวหน้าาุโเป็เพราะสงสัยว่าจิ้งจอกเฒ่าเป็หัวขโมยภายในหุบเขาเสินหนง อีกทั้งเขาไม่้าให้เื่นี้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นแล้วก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็ตามมา
แต่เหตุใดหัวหน้าาุโจึงได้ให้ความสำคัญและ้าพบพวกเขาด้วยตนเองกัน? แม้ว่าลิ่วตันซางลู่จะเป็สมุนไพรที่พบเจอได้ยากแต่ก็ไม่ถึงกับต้องให้หัวหน้าาุโมาให้ความสำคัญเช่นนี้ เว้นแต่หัวหน้าาุโจะรับรู้แล้วว่าลิ่วตันซางลู่เหล่านี้แตกต่างจากลิ่วตันซางลู่อื่นๆ? หรือเป็เพราะหัวหน้าาุโทราบว่าลิ่วตันซางลู่เหล่านี้มาจากปิงไห่ทางใต้? หัวหน้าาุโรับรู้เื่ราวเกี่ยวกับปิงไห่และปิงไห่ทางใต้มากน้อยแค่ไหนกัน?
กูเฟยเยี่ยนยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้นจนทำให้ใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ไม่นานหัวหน้าผู้ดูแลก็ได้พาพวกเขาไปที่หอคอยด้านหลังสนามรางวัล ครั้นเมื่อขึ้นไปบนหอคอยแล้วก้าวเข้าไปในห้องหนังสือพวกเขาก็ได้พบกับชายชราผมขาวท่านหนึ่งกำลังตรวจสอบสมุนไพรด้วยความระมัดระวังอยู่ข้างโต๊ะยาว และสมุนไพรเ่าั้ก็คือผงยากับลิ่วตันซางลู่ที่พวกเขาเสนอไป
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็หัวหน้าาุโอวี๋ชิงโจวแห่งหุบเขาเสินหนง
เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาหัวหน้าาุโก็ได้วางสมุนไพรลงแล้วมาต้อนรับทันที แม้ว่าเส้นผมของเขาจะขาวทั้งหมด ทว่าท่าทีกลับเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า ใบหน้าแช่มชื่นไม่บ่งบอกถึงความชรา เขาไม่มีท่าทีวางมาดตำแหน่งสูงเลยสักนิด อีกทั้งยังไม่อาศัยว่าตนเองอายุมากจึงทำตัวเป็ผู้าุโอีกด้วย เขาได้หันไปโค้งคำนับจวินจิ่วเฉินด้วยความสุภาพนอบน้อม
จวินจิ่วเฉินทักทายกลับด้วยความสุภาพเช่นกัน “ผู้น้อยจวินจิ่วเฉินแห่งราชวงศ์เทียนเหยียน คารวะท่านหัวหน้า”
หัวหน้าาุโประหลาดใจในตัวตนของจวินจิ่วเฉินอย่างเห็นได้ชัด เขาเจียมเนื้อเจียมตัวมากขึ้น “ที่แท้ก็คือจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ดีใจที่ได้พบ! เชิญนั่งลง”
กูเฟยเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยที่เสด็จกลับมายังเมืองจิ้นหยางได้เพียงสามปีจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ที่แม้แต่ผู้ควบคุมดูแลของหุบเขาเสินหนงยังทราบดี! ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอีกครั้ง นางถอยไปอยู่ข้างจวินจิ่วเฉินอย่างเงียบๆ ภายในใจคิดว่าผู้าุโมีความอ่อนโยนและสง่างามเพียงนี้คงพูดคุยได้ง่ายใช่หรือไม่? นางจะคอยฟังก่อน อีกสักครู่ค่อยหาโอกาสแทรกแล้วหยั่งเชิงเขา
ทันทีที่หัวหน้าาุโอธิบายถึงสถานการณ์ จวินจิ่วเฉินกับกูเฟยเยี่ยนก็ได้รับรู้ว่าราคารางวัลของพวกเขาสูงเกินไปจนทำให้อาจารย์แพทย์ทั้งหมดเกิดการแย่งชิงกัน เพียงแต่ว่าท้ายที่สุดกลับไม่มีอาจารย์แพทย์ท่านไหนสามารถวินิจฉัยถึงแหล่งที่มาของลิ่วตันซางลู่ได้ สนามรางวัลจึงทำได้เพียงนำสมุนไพรส่งมาให้เขาช่วยวินิจฉัยแล้วใช้วิธีการจับฉลากส่งมอบไปให้อาจารย์แพทย์
แต่ทันทีที่เขาวินิจฉัยเขาก็พบว่าลิ่วตันซางลู่นี้เป็สมุนไพรของหุบเขาเสินหนงที่ไม่ทำการค้าขาย เขาได้ส่งคนไปตรวจสอบที่หอกักเก็บยาสมุนไพรทันที หลังจากที่ตรวจสอบจึงพบว่าลิ่วตันซางลู่ในหอกักเก็บยาหายไป
หัวหน้าาุโซักถาม “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ในมือท่าน ไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่งต้นใช่หรือไม่? ”
แม้ว่าจวินจิ่วเฉินจะให้ความเคารพต่อหัวหน้าาุโ แต่เขาก็ไม่ได้ละทิ้งความสงสัยทั้งหมด “จากคำพูดของท่านหมายความว่าอย่างไรกัน? ”
หัวหน้าาุโไม่ได้ปิดบัง เขาตอบไปว่า “ลิ่วตันซางลู่ที่ผสมอยู่ในผงยาเป็สมุนไพรของหุบเขาเสินหนงที่ไม่ได้ทำการค้าขายภายนอก ตัวอย่างของท่านสมบูรณ์ไร้ความเสียหาย แน่นอนว่าในมือท่านต้องไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่งต้นเท่านั้น และสมุนไพรภายในหอกักเก็บยาที่หายไปไม่ได้มีแค่หนึ่งต้น แต่หายไปถึงสี่ต้น! ”
สี่ต้น!
ของกลางสามต้น ผงยาหนึ่งต้น ตรงกันกับของคนร้ายพอดี!
จวินจิ่วเฉินพยักหน้าขึ้นลงแล้วพูดความจริงออกมาทั้งหมด
หัวหน้าาุโเกิดความประหลาดใจแล้วค่อยๆเกิดโทสะขึ้นมา “เกิดเื่แบบนี้ได้อย่างไรกัน! เกิดเื่แบบนี้ได้อย่างไรกัน! กล้าดียังไงมาลักขโมยสมุนไพรของหุบเขาเสินหนงแล้วไปวางแผนทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้ เหล่าฟู [1] จะต้องตามจับคนที่ขโมยสมุนไพรไปแล้วลงโทษอย่างเฉียบขาดเพื่อเป็เยี่ยงอย่างให้ได้! ”
จวินจิ่วเฉินได้ตั้งข้อสงสัยในทันที “ท่านหัวหน้า จากการป้องกันของหุบเขาเสินหนง…เกรงว่าหัวขโมยจะเป็คนใน? ”
——————-
เชิงอรรถ
[1] เหล่าฟู หมายถึง คำที่ชายชราใช้เรียกตนเอง