เอ้อเอ้อร์และซันซานหลับไปั้แ่อยู่ระหว่างทาง เมื่อกลับถึงร้านเครื่องหอม เวินซีกับจ้าวต้านก็อุ้มพวกเขากลับไปที่ห้อง
ถันถั่นรู้สึกง่วงแล้วจึงตรงไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนทันที ส่วนสืออี หลังจากที่นำอหารไปให้หลานเยว่เฉิงก็กลับห้องไปเช่นกัน
ไฟในร้านค้าที่สว่างไสวหรี่ลงอย่างรวดเร็วกระทั่งอยู่ในความมืดในที่สุด
เวินซีแอบไปดูหลานเยว่เฉิง จุดธูปไว้อีกตำแหน่งหนึ่งแล้วกลับห้องไป
นางปวดไปทั้งตัว จึงล้มลงนอนบนเตียงทันทีและไม่อยากขยับร่างกาย นางหลับตาลงนอนราวกับศพ ส่วนจ้าวต้านก็ปูที่นอนพลันนอนลงข้างๆ
ค่ำคืนนี้เงียบสงบเป็อย่างยิ่ง ทั้งสองหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ในยามดึก จู่ๆ ในห้องก็มีเสียงขวดกระเบื้องตกแตก เวินซีตื่นขึ้นเพราะเสียงนั้น ในตอนที่นางลืมตาด้วยความรำคาญใจก็สบเข้ากับตาที่แดงก่ำของจ้าวต้าน
เขาฟาดแจกันดอกไม้ลงบนพื้น และเดินไปหานางด้วยสายตาที่ว่างเปล่า คมดาบในมือต้องกับแสงจันทร์สะท้อนออกมาเป็แสงที่เยือกเย็น
เวินซีใ หลังจากที่นางสงบสติได้แล้วก็หยิบถุงผ้าออกมาจากใต้หมอน เปิดถุง และหยิบเข็มเงินที่อยู่ด้านในออกมาจนหมด
นางเตรียมมันไว้เป็พิเศษเพื่อป้องกันมิให้จ้าวต้านเสียสติอีกในตอนกลางคืน ยามนี้ได้ใช้ประโยชน์จากมันเสียที
ขณะที่นางกำลังหยิบเข็มเงิน จ้าวต้านก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาใช้คมดาบฟันอย่างไร้ความปรานี
เวินซีหลบไปข้างๆ ผ้าห่มที่วางอยู่เมื่อครู่นั้นถูกฟันออกเป็สองส่วน
แววตาของนางเ็าขึ้น มือที่กำเข็มเงินไว้ยิ่งแน่นขึ้นกว่าเดิม
นางเริ่มโจมตีเขา แต่ทุกครั้งที่เข้าไปใกล้ เขาก็จะใช้ดาบฟันจนต้องถอยออกมา
ไร้หนทางแล้ว เวินซีเปลี่ยนเป็ผงพิษ ในขณะที่เขาพุ่งตรงเข้ามานางก็สาดผงพิษใส่หน้า
การเคลื่อนไหวของจ้าวต้านช้าลง เวินซีกำลังจะถือโอกาสนี้เพื่อเข้าไปใกล้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยิ่งบ้าคลั่งมากกว่าเดิม ฟาดฟันดาบออกมาอย่างรวดเร็ว
ความเร็วนั้นพอๆ กับเวินซี มีหลายครั้งที่นางเกือบจะถูกฟันจนาเ็
ผงพิษใช้งานมิได้ นางจึงต้องใช้ผงอ่อนกระดูกแทน แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะทำอันใดเขามิได้ เวลานี้จ้าวต้านราวกับเป็หุ่นเชิดที่ไม่รู้จักความเ็ป รู้เพียงแต่ว่าต้องฆ่า
ภายในเวลาสิบห้านาที สภาพห้องก็เละเทะไปหมด สถานการณ์ตอนนี้รับมือได้ยาก
เวินซีมองไปที่ผ้าม่านและวิ่งไปทางนั้น
จ้าวต้านตามติดมาข้างหลัง เนี่ยนหานกู่แผลงฤทธิ์ถึงขั้นสุด มันบีบให้เขาใช้พลังทั้งหมดออกมา เวินซีจึงถูกตามทันอย่างง่ายดาย
ดาบฟันเข้าที่ไหล่ของนางจนมีเืไหล จากนั้นก็ตามด้วยแผ่นหลัง เวินซีกัดฟันแล้วพยายามล่อจ้าวต้านให้ตามนางออกไป
เมื่อนางเข้าไปใต้ผ้าม่าน ในตอนที่เขาใช้ดาบพุ่งเข้ามา นางก็ใช้แรงทั้งหมดดึงผ้าม่านลงมาคลุมร่างของเขา
จ้าวต้านดิ้นอยู่ข้างใต้นั้น เวินซีจึงใช้โอกาสนี้รีบคว้าดาบในมือของเขาไว้ ในตอนที่เขายื่นมือออกมานางก็รีบจับมัด
เขาเปล่งเสียงคำรามอยู่ในคอ ใบหน้าดุร้ายยิ่งนัก แววตาที่มองดูเวินซีราวกับจะกลืนกินนางทั้งเป็
เมื่อนางใช้เข็มเงินปักลงบนร่าง เขาก็ค่อยๆ หลับตาแล้วล้มลงมาด้านหน้า เวินซียื่นมือไปรับตัวไว้ ก่อนจะพยุงเขาไปนอนที่เตียง
จากนั้นนางก็จับชีพจรให้เขา
เนี่ยนหานกู่ที่อยู่ในร่างกายยังคงแผลงฤทธิ์แม้ว่าเขาจะสลบไปแล้ว ชีพจรจึงเต้นเร็วกว่าคนทั่วไป
เวินซีลุกขึ้นแล้วรีบไปหยิบยาที่โถงใหญ่ แต่ไม่คิดเลยว่าตอนที่กลับมาจ้าวต้านจะอาการหนักขึ้น
ร่างกายของเขามีความเย็นแผ่ออกมา บนผ้าห่มมีเกล็ดน้ำแข็งเกิดขึ้นเป็ชั้นบางๆ เวินซีขมวดคิ้ว ยื่นมือออกไปััเขาเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกเจ็บเพราะความเย็น
เมื่อััได้ว่าเขาหายใจช้าลง นางก็ไม่คิดอันใดทั้งนั้น ใช้มีดของเขากรีดแขนตนเองทันที
ในตอนที่เืหยดลงมา น้ำแข็งที่อยู่บนเตียงก็ละลายอย่างรวดเร็ว
เวินซีเม้มริมฝีปากแล้วหยดเืเข้าไปในปากของจ้าวต้าน แม้จะช่วยให้ความเย็นหายไปบ้าง แต่เขาก็หนาวจนสั่น
นางปักเข็มเงินลงบนชีพจรของเขา แต่ก็ทำให้เขาที่สลบไม่ได้สติอยู่นั้นจู่ๆ ก็เบิกตาขึ้นทันใด ปลดพันธนาการที่มือออกอย่างง่ายดาย และยื่นมือไปจับคอของนาง
เวินซีหายใจลำบาก สายตาของนางจับจ้องไปที่เข็มเงินเล่มนั้น เพราะกลัวว่าเขาจะขยับตัวแรงจนมีอันตรายถึงชีวิต นางจึงพยายามเอื้อมมือไปหยิบมันออก
แรงบีบที่มือของจ้าวต้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เวินซีหายใจลำบากจนหน้าแดง
นางยกมือที่ถือเข็มเงินอยู่แล้วปักลงบนแขนของเขา แต่ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกอันใด สายตายังคงจับจ้องมาที่นาง
เขากำมือแน่นขึ้น เวินซีรู้สึกว่าสติของตนเริ่มเลือนราง จึงใช้มือคลำไปบนเตียง แล้วหยิบมีดที่ใช้เมื่อครู่ขึ้นมาแทงเข้าไปตรงๆ
ในที่สุดเขาก็หมดแรงและล้มลงกับพื้น แต่ความอาฆาตยังคงไม่หายไป ดวงตาสีดำที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายยังคงมองนางนิ่ง
เวินซีกลัวว่าเขาจะคุ้มคลั่งขึ้นมาอีก จึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ นางคอยสังเกตเขาด้วยความเหนื่อยหอบและวางใจไม่ลง
เดิมทีเขาก็เป็ดั่งตะเกียงที่ไร้น้ำมัน การแผลงฤทธิ์ครานี้เกรงว่าจะส่งผลร้ายถึงชีวิตเลยทีเดียว หากมิใช่เพราะเนี่ยนหานกู่ เขาจะอยู่รอดมาถึงตอนนี้ได้เช่นไร
ทันใดนั้น เืสีแดงเข้มก็พ่นออกมาจากปากของจ้าวต้าน เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งด้วยความเ็ป
เมื่อเห็นเช่นนั้น เวินซีก็เดินเข้าไปทันทีโดยไม่สนใจเื่อื่นใด
“จ้าวต้าน มีสติหน่อยเ้าค่ะ” นางพูดเสียงดัง ขอเพียงให้เขาฟังคำของนาง
จ้าวต้านเงยหน้าขึ้น นางก็ชกเข้าไปที่ใบหน้าของเขาทันทีจนเืไหลออกจากปาก เขาหยุดนิ่งและพ่นเืลงบนพื้น
“เวิน...เวินซี” ทันใดนั้น จ้าวต้านก็เอ่ยชื่อของนางออกมา
เมื่อเห็นว่าเขาได้สติแล้ว เวินซีที่ระแวดระวังตัวอยู่ตลอดก็นั่งลง นำเข็มเงินปักลงบนร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว
จ้าวต้านมองนางอย่างอ่อนแรง เขายิ้มและอยากจะพูดออกมา แต่สิ่งที่ออกจากปากมีเพียงเืสดๆ
“เวิน...เวินซี...แค่ก...แค่กแค่ก...แค่ก...” เขาเริ่มไอต่อเนื่อง ราวกับอวัยวะทั้งหมดจะหลุดออกมา
“ไม่ต้องพูด” เวินซีรีบกำชับแล้วพยุงเขาให้ขึ้นไปนอนบนเตียง
จ้าวต้านรู้สึกว่าความตายใกล้เข้ามาแล้ว เขาจะยังฟังคำพูดของนางได้เช่นไร
“เ้ายังจำคำฝากฝังที่ข้าพูดได้หรือไม่?” เขาเอื้อมมือไปคว้าเสื้อผ้าของเวินซี
“ผู้ใดจะอยากจำเื่นั้นกัน ปล่อยมือแล้วนอนลงเ้าค่ะ ข้าบอกว่าท่านจะไม่ตายก็ไม่ตายสิ แม้จะเหลือเพียงลมหายใจเดียวข้าก็จะช่วยท่านให้ฟื้นกลับมาให้ได้”
เวินซีพูดอย่างเ็า แล้วใช้เข็มเงินปักลงบนตำแหน่งต่างๆ
“แขนของเ้า ข้าเป็คนทำหรือ?” สายตาของจ้าวต้านมองไปที่แขนของนางที่มีเืออก พลันเอ่ยปากโทษตนเอง
“มิใช่เ้าค่ะ ไม่ต้องพูดอันใดแล้ว หากยังพูดอีกข้าจะออกไปทันที อีกหนึ่งชั่วยามถึงจะกลับมาจัดการท่าน” เวินซีโกรธมาก จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
แม้จ้าวต้านอยากจะพูด แต่ก็ถูกนางถลึงตามองจนพูดอันใดไม่ออก
“นอนลง อย่าขยับนะเ้าคะ ข้าจะไปเตรียมยาอาบ”
หลังจากที่ปักเข็มเงินเสร็จ เวินซีก็รีบลุกออกไปข้างนอก ต้มน้ำร้อนเสร็จอย่างรวดเร็วและใส่สมุนไพรลงไปทันที
นางไม่กลัวที่จะถูกเขาเห็นอีกต่อไป ก่อนจะกรีดแขนตนเองอีกแผล นำเืหยดลงยาอาบ
“เ้าทำอันใดน่ะ?” จ้าวต้านอยากจะลุกขึ้นแต่ไม่มีแรง เขาทำได้เพียงมองนางด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ข้าทำอันใด? ก็ต้องช่วยท่านน่ะสิ มิเช่นนั้นท่านจะมีชีวิตถึงรุ่งสางได้เช่นไร”
เวินซีคนยาอาบ หลังจากที่เืของนางละลายหมดแล้วก็เดินไปยังเบื้องหน้าของเขา ดึงเข็มเงินทั้งหมดออกและพยุงเขาไปที่อ่างอาบน้ำ
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยถามเื่วิธีทำยาอาบมาก่อน แต่ยามนี้ได้เห็นกับตา เขาจึงมองนางด้วยความสั่นเทา
หากเป็ไปได้ เขาก็อยากจะพาเวินซีกลับไปแล้วปกป้องนางให้ดี จะมิให้นางได้รับาเ็แม้แต่น้อย ให้นางเป็ของเขาเพียงผู้เดียว แต่แท้จริงแล้วเป็เขาต่างหากที่ติดค้างนางเสียจนมิอาจจะชดใช้ด้วยชีวิตได้