นายท่านหนีนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วพูดเสียงเคร่งขรึม “เสี่ยวเอ๋อร์ ั้แ่หนีออกจากโรงเก็บฟืน เ้าก็หายไปเป็เดือน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เล่าให้ข้าฟังสิ!”
หนีจวิ้นหว่านเม้มปาก และมองไปยังน้องสาวต่างมารดาอย่างหวาดวิตก ด้วยเกรงว่าตนจะถูกเปิดโปง
หนีเจียเอ๋อร์รับรู้ได้ถึงสายตาของอีกฝ่าย แต่มิได้หันไปมอง เพียงโค้งคำนับก่อนตอบ “ท่านพ่อ ข้าหนีออกมาจากโรงเก็บฟืนเอง เพราะ้าสืบให้ได้ ว่าใครเป็คนใส่ชะมดเชียงลงในยาบำรุงครรภ์ของท่านแม่ วันต่อมาข้าจึงเดินทางไปที่ตลาดมืด แต่แล้วกลับถูกโจรลักพาตัว จับไปขายให้กับหอโคมเขียวในเมืองเหยียน”
เมื่อได้ฟังคำพูดของนาง หนีจวิ้นหว่านก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“อะไรนะ!” นายท่านหนีเบิกตากว้าง พลางผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้
หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้ว แล้วก้มหน้าลง “ท่านพ่ออย่าเพิ่งใ ชิงหวาไปช่วยข้าไว้ได้ทัน ก่อนที่เื่เลวร้ายจะเกิดขึ้น”
นายท่านหนีมองไปยังโจวชิงหวา เมื่อเห็นเขาผงกศีรษะยืนยัน ก็พอจะทำให้โทสะลดลงได้บ้าง แต่หากข่าวที่บุตรสาวถูกจับตัวไปขายให้กับหอร้อยบุปผา เล็ดลอดออกจากจวนเมื่อใด ต่อให้นางมิได้บุบสลาย ก็เกรงว่ายากที่จะรักษาชื่อเสียงเอาไว้ได้
“ดีแล้ว... กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว!” เขากล่าวเช่นนั้น แม้ว่าคิ้วจะขมวดเป็ปมด้วยความเคร่งเครียดก็ตาม
หนีเจียเอ๋อร์จึงเสริมว่า “ท่านพ่อ ลูกกลับมาได้สามวันแล้ว และในสามวันนี้ ลูกก็แอบสืบหาตัวคนที่ใส่ร้ายลูกมาตลอด”
พอเหลือบไปเห็นสวีซื่อกำลังยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ นายท่านหนีก็พอจะคาดเดาบางอย่างได้ เขาถึงกับกัดฟันกรอด ไม่อยากจะเชื่อ ว่าภรรยาของตนจะมีจิตใจคับแคบและโเี้เช่นนี้
จากนั้น เขาก็มองไปที่หนีเจียเอ๋อร์ “แล้วรู้หรือยัง ว่าเป็ฝีมือผู้ใด?”
สวีซื่อหนังตากระตุก ส่วนหนีจวิ้นหว่านก็ก้มหน้าลง กัดริมฝีปาก และซ่อนมือที่กำแน่นไว้ใต้แขนเสื้อ
หนีเจียเอ๋อร์จึงชี้มือไปยังสวีซื่อ “เป็นาง!”
อีกฝ่ายผุดลุกขึ้นทันที “ไร้สาระ!”
จากนั้น ก็เดินไปหานายท่านหนี หวังจะให้สามีออกหน้าให้ “นายท่านอย่าไปฟังวาจาไร้สาระของนาง นางใส่ร้ายข้า คืนนั้นข้าป่วยอยู่ จะไปรู้ได้อย่างไรว่านางจะหลบหนี”
โจวชิงหวาพยักหน้าส่งให้สัญญาณสือหวู่ ไปนำตัวหัวหน้ากลุ่มบุรุษสวมหน้ากากเข้ามา “นายท่านหนี เขาสารภาพทุกอย่างแล้ว หากไม่เชื่อก็สอบถามได้”
พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น เ้าบ้านสกุลหนีก็จำได้ทันที ว่าบุรุษผู้นี้ คือคนที่มาพบสวีซื่อในวัดซ่างชิงเมื่อวาน ความหวังสุดท้ายจึงแตกสลายไปพร้อมหัวใจอันร้าวราน
เขามองสวีซื่อด้วยความผิดหวัง “เ้าจะพูดอันใดอีก! จะโกหกข้าไปอีกนานเพียงใด?”
เมื่อสวีซื่อมองเห็นชายผู้นั้น ก็ตระหนักได้ว่าตนคงไม่รอดแน่ จึงโพล่งขึ้นทันใด “ใช่... ข้าเป็คนทำเอง!”
นางชี้หน้าหนีเจียเอ๋อร์ ก่อนตะคอกใส่สามี “นายท่าน นางเป็บุตรสาวท่าน เช่นเดียวกับบุตรในท้องของข้า ต่างก็เป็เืเนื้อเชื้อไขของท่านเช่นกัน แต่เมื่อนางลงมือทำร้ายเขา ท่านกลับไม่ทวงความยุติธรรมให้ ในฐานะมารดาคนหนึ่ง เหตุใดข้าจะคืนความเป็ธรรมให้เขามิได้เล่า?”
นายท่านหนีอ้าปากพะงาบๆ ด้วยความโกรธ ทว่าไม่อาจหักล้างข้อกล่าวหาของสวีซื่อ ที่เอ่ยว่าเขามิได้ทวงความเป็ธรรมให้นาง ในตอนที่ถูกหนีเจียเอ๋อร์ทำร้ายได้
เขาพลันรู้สึกอ่อนล้า เหตุใดครอบครัวของตนจึงไม่อาจร่วมแบ่งปันทุกข์สุข และรักสามัคคีกันได้เช่นครอบครัวอื่น
หนีเจียเอ๋อร์หัวเราะ “สวีซื่อ นี่ก็เป็อีกเื่ที่ท่านต้องชดใช้”
“เอาละ... เช่นนั้น วันนี้เราก็มาสะสางทุกอย่างให้ชัดเจนกันเถิด!” สวีซื่อกล่าว
ขณะที่บ่าวรับใช้ของนางกลับขดตัวด้วยความหวาดหวั่น แม้จะแสร้งทำสีหน้าเรียบเฉย
หนีจวิ้นหว่านรู้สึกกังวลแทนมารดา นางทรุดตัวลงนั่ง พลางมองหนีเจียเอ๋อร์ด้วยสายตาขอร้อง “น้องหญิง...”
ก่อนที่คำขอร้องจะออกจากปาก โจวชิงหวาก็แทรกขึ้นมาว่า “นายท่าน โปรดส่งคนไปเรียกอาเย่ บ่าวรับใช้คนสนิทของนายหญิงมาด้วยขอรับ ที่ด้านนอกเอง ก็มีน้องชายของเสี่ยวเสวียนรออยู่ ซึ่งเขาก็เป็พยานของเราเช่นกัน”
จากนั้นก็ไม่รอให้นายท่านหนีเอ่ยปาก ชายหนุ่มะโบอกพ่อบ้านทันที “รบกวนท่านเรียกอาเย่มาสอบสวน และบอกให้หยวนเสี่ยวหลีที่รออยู่ข้างนอกเข้ามาด้วย”
พ่อบ้านรับคำ ก่อนเดินออกไป
ระหว่างนั้น โจวชิงหวาก็รับสมุดบัญชีจากมือสือหวู่ มาแสดงต่อหน้านายท่านหนี
เมื่อสวีซื่อเห็นสมุดเล่มนั้น ก็ตัวสั่นเทา ทั้งมือทั้งเท้าเย็นวาบ ครุ่นคิดหาวิธีแก้ตัวอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็นึกไม่ออก
หลังจากอ่านสมุดบัญชีแล้ว นายท่านหนีก็ปามันลงตรงหน้าสวีซื่ออย่างแรง นั่นยิ่งทำให้นางตัวสั่นสะท้าน ไม่อาจรักษาท่าทีสุขุมได้อีก
อาเย่และหยวนเสี่ยวหลี ถูกพาเข้ามาพร้อมกัน
หยวนเสี่ยวหลีกำลังจะวิ่งมาหา แต่เมื่อเห็นสวีซื่อ ใบหน้าของเด็กชายก็เปลี่ยนไปเป็เคียดแค้น พลางตะเบ็งเสียง “สตรีชั่ว ข้าจะฆ่าเ้า เพื่อล้างแค้นให้พี่สาว!”
หนีเจียเอ๋อร์กอดเด็กชายที่กำลังร่ำไห้ไว้แน่น “สตรีชั่ว คืนพี่สาวของข้ามา เอาพี่สาวของข้าคืนมานะ!”
สวีซื่อกัดฟันแน่น นึกเสียใจที่ตัวเองไม่ฆ่าลูกกระต่ายตัวนี้ั้แ่ทีแรก
หลังจากหนีเจียเอ๋อร์ปลอบโยนจนเสี่ยวหลีสงบลง โจวชิงหวาก็หยิบสมุดบัญชีขึ้นมา และเดินไปหาอาเย่
“ยามสามของวันที่ห้าเดือนที่แล้ว เ้าซื้อชะมดเชียงจากตลาดมืด ก่อนจะนำมาให้เสี่ยวเสวียนใช่หรือไม่? คำตอบของเ้า เกี่ยวข้องกับการตายอย่างไม่เป็ธรรมของนาง หากตอบไม่ชัดเจน ก็รอเข้าไปนอนในคุกได้เลย”
อาเย่ไม่กล้ามองหน้าโจวชิงหวา ทั้งยังก็ไม่กล้าสารภาพผิดต่อหน้าสวีซื่อเช่นกัน ร่างของนางสั่นเทาราวกับจะลูกกระต่าย แทบจะเป็ลมล้มพับไปได้ทุกเมื่อ
หลังเสี่ยวหลีสงบลง เด็กชายก็เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ซึ่งตนถูกจับมัดไว้ที่ห้องของสวีซื่อ
นายท่านหนีถามเสียงเศร้า “เ้าพูดออกมาปาวๆ ว่า้าทวงความเป็ธรรมให้ลูกในท้อง แต่เื่ทั้งหมดนี่ กลับเป็เพียงแผนการของเ้าอย่างนั้นหรือ?”
หนีจวิ้นหว่านมองสวีซื่อด้วยความพรั่นพรึง มารดาของนางโเี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? แม้กระทั่งเืเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ก็สามารถใช้เป็เครื่องมือทำร้ายผู้อื่นได้?
หญิงสาวละมือออกจากร่างมารดา แล้วผงะถอย สวีซื่อมองดวงตาผิดหวังของบุตรสาว พลางสะอื้นไห้ “หว่านเอ๋อร์ อย่ามองแม่แบบนี้ มันช่วยไม่ได้ หากแม่ไม่ทำเช่นนี้ จะไล่หนีเจียเอ๋อร์ออกจากตระกูลได้อย่างไร เ้าจะมีโอกาสแต่งงานกับเพ่ยหรานหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์ไม่อยากชมการแสดงของสวีซื่อแล้ว จึงบอกให้พ่อบ้านไปพาเว่ยอี๋เหนียงมา
สักพัก เว่ยอี๋เหนียงก็เดินมาด้วยน้ำตานองหน้า นางก้าวเข้าไปหาหนีเจียเอ๋อร์ และร่ำไห้เสียงดัง
แต่หนีเจียเอ๋อร์ไม่มีเวลาจะปลอบโยนมารดา เพียงดึงถุงหอมออกจากเอวของเว่ยอี๋เหนียง ก่อนเดินไปยังนายท่านหนี “ท่านพ่อ นี่เป็เครื่องหอมที่สวีซื่อมอบให้เว่ยอี๋เหนียง มันมีพิษเรื้อรังที่เป็อันตรายต่อการสูดดม ทั้งยังลดทอนอายุขัยด้วย”
เว่ยอี๋เหนียงเบิกตากว้างมองถุงหอมมีพิษด้วยความหวาดกลัว นางคุกเข่าลงและพูดเสียงเศร้า “นายท่าน ในชีวิตนี้ข้าไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด แต่ตอนนี้อยากจะร้องขอ ได้โปรดปล่อยพวกเราสองแม่ลูกออกจากตระกูลหนีเถอะ ข้าทนไม่ไหวแล้ว... ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!”
นายท่านหนีตกตะลึง จนเผลอตวาดเสียงเกรี้ยว “ข้าไม่อนุญาตให้เ้าไปไหนทั้งสิ้น สตรีชั่วสวีซื่อผู้นี้ต่างหาก ที่สมควรไป”
เขาสะบัดแขน และพูดเสียงเด็ดขาดว่า “พวกเ้า นำตัวสวีซื่อไปขังไว้ที่เรือนตะวันออก!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้