ในปี 84 จักรยานยังคงเป็ยานพาหนะสำคัญของเหล่าสหายร่วมชาติทั้งหลาย
รถจักรยานยนต์ยังมีไม่มากด้วยซ้ำ ดังนั้นรถเก๋งที่วิ่งบนท้องถนนยิ่งน้อยกว่า ในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้นี้ยังถือว่าเยอะ รถเก๋งที่ปรากฏบนถนนหนทางในเมืองเล็กๆ คันไหนไม่ใช่รถยนต์ของหน่วยงานบ้าง รัฐบาลจัดสรรรถยนต์ให้เฉพาะข้าราชการบริหารระดับเขตเท่านั้นที่สามารถมีรถประจำตำแหน่งได้ ส่วนประเภทผู้อำนวยการสำนักงานต่างๆ ในเขต รถนั้นต้องใช้ร่วมกับคนอื่น จนอีกหลายปีหลังจากการปฏิรูปเศรษฐกิจ พื้นที่บางแห่งเริ่มส่งเสริมการลงทุน ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรรัฐบาลท้องถิ่นย่อมต้องจัดสรรรถยนต์ดีๆ ให้สักสองคัน มิเช่นนั้นจะรองรับนักลงทุนที่มาติดต่อธุรกิจอย่างไร? ด้วยการพัฒนาทางเศรษฐกิจนี้ รถเก๋งจึงแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดไม่ใช่แค่ถูกจัดสรรจากหน่วยงานแต่ละระดับ กระทั่งบุคคลทั่วไปก็สามารถมีรถส่วนตัวได้เช่นกัน
และมีเพียงเมืองชายฝั่งทางใต้ สถานที่ซึ่งคนกลุ่มเล็กเริ่มร่ำรวยก่อน จึงเป็เหตุให้มีรถยนต์ส่วนตัวเป็กลุ่มแรก
รถยนต์ธรรมดาหนึ่งคันราคาไม่กี่หมื่นหยวน ถ้าให้เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อตอนนี้ นำทรัพย์สินทั้งหมดออกมานับดูก็พอซื้อไหว แต่คนฉลาดหลักแหลมอย่างประธานเซี่ย เงินทุกเฟินที่หาได้ถูกวางแผนในการใช้ประโยชน์เกือบหมดแล้ว จะให้เธอนำเงินหลักหมื่นไปซื้อรถตอนนี้... คงเกิดอะไรขึ้นกับสมองของเธอเสียแล้ว
ทุกคนเขาขี่รถจักรยานกันทั้งนั้น ทำไมเธอจะขี่ไม่ได้?
อย่างไรเสียขี่จักรยานก็ดีกว่าเดินด้วยสองเท้าแน่นอน เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่พิจารณาที่จะซื้อรถ และนึกไม่ถึงด้วยว่าโจวเฉิงตั้งใจจะมอบรถหนึ่งคันให้เธอสำหรับวันเกิดด้วย
มาด่านศุลกากรเพื่อเลือกรถลักลอบนำเข้าที่ถูกยึด นี่ไม่ใช่การดูแคลนเซี่ยเสี่ยวหลานว่าเธอเหมาะจะใช้แค่รถเถื่อนอย่างแน่นอน ประเทศจีนในปี 84 ไม่มีทางพบสถานที่ซึ่งสามารถรวบรวมรถเถื่อนที่ศุลกากรยึดไว้หลายรุ่นหลายยี่ห้อมากมายขนาดนี้ได้—นี่คืองานแสดงรถยนต์อีกแบบหนึ่งของปี 84 ในรถจำนวนมากมายนี้ มีทั้งรถยนต์ธรรมดาและรถยนต์หรู กระทั่งรถยนต์หรูอย่างเบนซ์ที่ภายในประเทศเวลานี้ยังเห็นได้น้อยมาก ก็มีเช่นเดียวกัน!
โจวเฉิงจะให้เธอเลือกรถหนึ่งคันตามใจชอบจากด่านศุลกากร?
สมมติว่าเธอต้องหารเลือกรถราคาแพงที่สุดเล่า? ราคาของรถยนต์เถื่อนที่ด่านศุลกากรขายเลหลังต่ำกว่าราคาตลาด แต่มันคงเป็ไปไม่ได้ที่จะขายรถเบนซ์ในราคาถูกเท่ารถจี๊ป 212 หรอก!
เซี่ยเสี่ยวหลานทั้งซาบซึ้งใจและพูดไม่ออก เธอไม่้าให้โจวเฉิงมอบของขวัญราคาแพงเกินสมควร ทว่าโจวเฉิงไม่ได้เก็บคำนี้ไปใส่ใจเลย
หลังจากเห็นอาการตกตะลึงชั่วครู่ของเซี่ยเสี่ยวหลาน สายตาเบนไปยังรถเบนซ์ที่ถูกยึดหลายหน คังเหว่ยก็รู้สึกหวั่นใจเล็กน้อยไม่แพ้กัน
นี่พี่เฉิงจื่ออวดเก่งเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ?
ถ้าว่าที่พี่สะใภ้ถูกใจคันที่แพงที่สุด จะซื้อหรือว่าไม่ซื้อกันเล่า?
คังเหว่ยปรารถนาจะมีรถเก๋งเป็ของตัวเองบ้าง เขาจึงรู้สึกอิจฉาพานซานเหลือเกินที่มีรถเป็ของตัวเอง
และ ณ ขณะนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “บอกมาเถอะ โจวเฉิงให้งบเธอเท่าไร?”
คังเหว่ยชูสองนิ้วมือ “พี่เฉิงจื่อสั่งไว้ ถ้าน้อยกว่าจำนวนนี้ให้ฉันจ่ายเงินทันที ถ้าเกินงบนี้ค่อยบอกเขาอีกที”
สองนิ้วมือไม่ได้แปลว่า 2 หมื่นหยวนแน่นอน เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าการขายบุหรี่เก็งกำไรนั้นเงินดีมาก โจวเฉิงคงไม่ไร้เหตุผลถึงขั้นจะนำทรัพย์สินทั้งหมดมาซื้อรถให้เธอหรอกนะ? เซี่ยเสี่ยวหลานไม่กล้ารับรถนี่ไว้อยู่แล้ว เธอแค่คิดว่าโจวเฉิงมีเงินมากพอตัวทีเดียว
แม้ชาติก่อนเธอจะเคยเห็นเงินจำนวนมากกว่านี้ ทว่านั่นเป็เพราะยุคสมัยแตกต่างกันไม่ใช่หรือ เงินสองแสนในปี 84 ใช้ซื้อบ้านในปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ได้โดยไม่ต้องคิด สิ่งนี้น่าใกว่ากำลังซื้อ 20 ล้านของปี 2017 เสียอีก
ไม่นับพวกเ้าพ่อที่ปกปิดตัวตนมิดชิดเ่าั้ ในปี 1984 จะมีสักกี่คนที่มีสินทรัพย์ต่อหัวถึงสองแสน! ถ้าโจวเฉิงกล้านำเงินมากขนาดนี้ออกมา ข้อหา ‘ค้ากำไรเกินควร’ ก็ไม่หนีไปไหนแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สบอารมณ์เพราะความไม่ได้ดั่งใจ เธอมองค้อนคังเหว่ยอย่างแรง “ความคิดนี้ใครเป็คนเสนอให้โจวเฉิง พวกเธอสองคนเบื่อที่ชีวิตของตัวเองสงบสุขเกินไปแล้วใช่ไหม?”
คังเหว่ยรู้สึกผิดนิดๆ
อันที่จริงโจวเฉิงอยากให้บ้านเป็ของขวัญ อีกไม่นานเซี่ยเสี่ยวหลานจะมาเรียนในปักกิ่งแล้วไม่ใช่หรือ หอพักในปัจจุบันระบบดูแลเข้มงวดกวดขันมาก นอกจากนักศึกษาในพื้นที่ปักกิ่ง คนอื่นต้องอาศัยหอพักทั้งหมด เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน โจวเฉิงคำนึงถึงว่าตอนเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เข้าเรียนในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจ้ามีพื้นที่ของตนเอง บ้านไม่จำเป็ต้องใหญ่โตมากมาย ไม่ต้องแออัดกันหลายคนในห้องเดียว เผื่อหลิวเฟินจะตามมาปักกิ่ง เธอก็มีสถานที่สำหรับพักอาศัยเสมอ
ความคิดที่จะให้บ้านเป็ของขวัญนี้ ยังไม่ทันเอ่ยออกจากปาก ก็ถูกเซี่ยเสี่ยวหลานตัดทิ้งั้แ่ระยะแตกหน่อแล้ว
สมุนอย่างคังเหว่ยคนนี้จึงเสนอความคิดเห็น ไม่ให้บ้านก็ให้รถได้ไม่ใช่รึ พี่สะใภ้ออกไปทำธุระข้างนอกก็สะดวก ปกติสามารถหาที่สำหรับจอดไว้ได้ พอมีรถแล้ว เดินทางไปหน่วยงานของโจวเฉิงใน่สุดสัปดาห์จะสะดวกขนาดไหน?
บ้านยังไม่รับด้วยซ้ำ อีกทั้งราคารถยนต์ก็ต่างกันไม่มากนี่นา
รถบางรุ่นแพงกว่าซื้อบ้านในปักกิ่งเสียอีก การที่คำแนะนำอันไม่น่าเชื่อถือของคังเหว่ยถูกโจวเฉิงรับมาปฏิบัติตามได้ เป็เพราะคังเหว่ยเสนอคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างหนึ่งมากกว่า รถยนต์สามารถจดทะเบียนภายใต้นามของคนอื่นได้ ทว่าผู้ใช้ยังคงเป็เซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ดี เช่นนี้ก็ไม่ถือว่าเป็ของขวัญราคาแพงแล้วน่ะสิ
โดยปกติโจวเฉิงจะสำรวมพฤติกรรมการใช้เงินมาก เขาหาเงินได้ไม่น้อย นอกจากซื้อนาฬิกาข้อมือไม่กี่เรือน เขาก็ไม่เคยใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย
ขนาดคังเหว่ยอยากซื้อรถ โจวเฉิงยังรู้สึกว่าดูโอ้อวดเกินพอดีด้วยซ้ำ เขาจึงไม่อนุญาตให้คังเหว่ยซื้อ
แต่ไม่ว่าเื่ใดที่เกี่ยวข้องกับเซี่ยเสี่ยวหลาน โจวเฉิงคิดว่าสามารถแหกกฎได้ทั้งสิ้น ขี้อวดหน่อยก็ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย เงินที่เขาหามาได้ย่อมยินดีให้ภรรยาของตนเองใช้ เซี่ยเสี่ยวหลานมีรถไว้เข้าออก และหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเสเพลเข้ามาเกาะแกะด้วย สำหรับผู้หญิงที่ตนชอบ ผู้ชายมักอดไม่ได้ที่จะซื้อดะ เซี่ยเสี่ยวหลานเอื้อเฟื้อต่อเขา โจวเฉิงก็ยินยอมพร้อมใจปรนเปรอเป็ร้อยเท่าพันเท่า
ส่วนของอย่างวิจารณญาณนี้เอาไว้ควบคุมตัวของเขาเอง ผู้ชายคือกำลังสนับสนุนของครอบครัว ต้องดูแลภรรยาและลูกในบ้าน หากไม่ตักเตือนตนเองเป็นิจจะเดินผิดทางได้ง่าย
ส่วนผู้หญิงไม่ควรจะพะวงหน้าพะวงหลัง ควรใช้จ่ายเงินอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ให้เขาเป็ผู้รับผิดชอบทุกอย่างดีกว่า
เกิดวันใดแบกรับไม่ไหวแล้วจะทำอย่างไร?
จะทำอย่างไรได้เล่า ภรรยามาจากการตัดสินใจเลือกของตนเอง แม้จะทนไม่ไหวก็ต้องทนอยู่ดี!
เซี่ยเสี่ยวหลานอาจไม่ได้เข้าใจความคิดพวกนี้ของโจวเฉิงอย่างเต็มที่ ทว่าพอคังเหว่ยเล่า เธอก็พอคาดเดาได้บ้างแม้จะไม่ชัดเจนก็ตาม
“ไปเถอะ”
คังเหว่ยทำหน้าเสียดาย “พี่สะใภ้ พวกเราไม่เลือกรถแล้วรึ? มาแล้วทั้งที เลือกสักคันเถอะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานจะฉลองวันเกิด คังเหว่ยมิอาจแย่งโจวเฉิงให้ของขวัญเอาหน้า เขาจะให้อย่างอื่นเล็กๆ น้อยๆ แทนแน่นอน
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เลือกรถ นั่นก็หมายความว่าไม่ยอมรับของขวัญวันเกิดข้ามแดนของโจวเฉิง เมื่อคังเหว่ยไม่สามารถจัดการธุระนี้ให้สำเร็จได้ เขาจึงร้อนรนเสียยิ่งกว่าอะไร!
“ไม่เลือกแล้ว นี่มันไม่เหมาะจะเป็ของขวัญวันเกิด เธอก็อย่าทำหน้าเศร้าโศกไปเลย โจวเฉิงไม่โทษเธอหรอก ของขวัญของฉัน... แน่นอนว่าต้องไปขอจากโจวเฉิงด้วยตัวเอง!”
เธอทั้งซาบซึ้ง และอยากจะคำรามใส่หน้าโจวเฉิงเสียหน่อย อายุตั้ง 21 ปีเข้าไปแล้ว ถึงขั้นถูกเรียกว่าหัวหน้าในหน่วยงาน ช่วยเป็ผู้ใหญ่กว่านี้ได้หรือไม่? กะอีแค่มีแฟน ค่อยเป็ค่อยไปไม่ได้หรือ จะต้องะเืฟ้าสะท้านดินให้ได้เพื่ออะไรกัน
คังเหว่ยไม่เข้าใจ วันนี้เป็วันที่ 23 แล้ว พรุ่งนี้ก็คือวันเกิดของเธอ นี่มันจะทันขอด้วยตัวเองที่ไหน?
เซี่ยเสี่ยวหลานหันกลับมา “ต้องขอให้เธอช่วยแล้วล่ะ ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ฉันใบหนึ่งที ฉันจะไปปักกิ่ง”
จะอธิบายเฝือกบนข้อมือกับโจวเฉิงอย่างไร? จะบอกว่าล้มเอง หรือว่าถอดเฝือกออกไปเสียเลย อาการาเ็ผ่านมาครึ่งเดือนกว่าแล้ว ตราบใดที่ไม่ใช่มือขวาถือของหนัก แค่เจอกับโจวเฉิงเท่านั้น น่าจะปกปิดเื่กระดูกร้าวไปได้สินะ
สำหรับธุระนี้ คังเหว่ยต้องช่วยอยู่แล้ว!
ขอเพียงพี่สะใภ้เสี่ยวหลานไปปักกิ่ง พี่เฉิงจื่อก็ไม่คิดถึงหลักการอะไรแล้ว นั่นเพราะว่าพี่สะใภ้เสี่ยวหลาน้าอย่างไรถือเป็ที่สุดไม่ใช่หรือ
คังเหว่ยลอบมองเซี่ยเสี่ยวหลาน เขาควรเตือนพี่สะใภ้หน่อยดีหรือไม่ ไปปักกิ่งหนนี้ น่าจะใกล้พบผู้ใหญ่แล้ว
ไม่เอาน่า ปากโป้งไปเพื่ออะไรกัน อย่างพี่สะใภ้ของเขานี่ ยังจะโดนจับผิดหาข้อบกพร่องขณะเข้าพบผู้ใหญ่ได้อีกหรือ?!