ตอนที่ 8
อืม.. ก็ไม่เลว
หลังจากวันนั้นเพียงสามวัน กองทัพของแม่ทัพหลงเยี่ยนก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง บริเวณลานกว้างหน้าจวนแม่ทัพเต็มไปด้วยเสียงเกราะและฝีเท้าม้าดังกึกก้อง เหล่าทหารหลายร้อยนายยืนเรียงแถวอย่างเป็ระเบียบ แม่ทัพหลงเยี่ยนในชุดเกราะดำขลับเต็มยศยืนตระหง่านอยู่หน้ากองทัพ ข้างกายเขาคือไป๋ลี่เซียนที่สวมชุดเกราะสตรีสีเข้มสะพายดาบเล่มหนึ่งไว้ข้างกาย
ฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองรวมถึงบิดาของหลงเยี่ยน ต่างพากันมายืนอยู่ที่ด้านข้างของขบวน พ่อของเขาพยักหน้าช้า ๆ ส่งให้ลูกชายและลูกสะใภ้ สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความภูมิใจและความเป็ห่วง
"จงนำชัยชนะกลับมา"
"ขอรับ"
หลงเยี่ยนโค้งคำนับบิดา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยคำลา ฮูหยินใหญ่ก็พาสตรีนางหนึ่งก้าวออกมาด้านหน้า สตรีผู้นี้แต่งกายเรียบร้อย หน้าตาหมดจด แววตาของนางช่างดูอ่อนโยนแต่ก็ซ่อนความหวังบางอย่างไว้ภายใน
"เยี่ยนเอ๋อร์ ก่อนจะออกศึกแม่อยากให้เ้ารับเสวี่ยเหยียนเป็อนุภรรยาของเ้า เ้าเพียงแค่รับปาก ทุกอย่างแม่จะจัดการให้เ้าทั้งหมด"
ฮูหยินใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแต่แฝงด้วยอำนาจ หลงเยี่ยนขมวดคิ้วแน่นทันที ส่วนลี่เซียนที่ยืนอยู่กลับยกยิ้มบาง ๆ ออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน นางกอดอกมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจเย็น
"ตอนนี้ใช่เวลาที่จะมาพูดเื่นี้หรือขอรับ"
แม่ทัพปีศาจเอ่ยเสียงเย็น แววตาของเขาดูแข็งกร้าวและไม่สบอารมณ์เอามาก ๆ จนแม้แต่ไป๋ลี่เซียนยังรู้สึกได้
"แน่นอนว่านี่ต้องเป็เวลาที่เหมาะสม.. สนามรบเป็สถานที่อันตราย แม่รู้ว่าเ้าเก่งกาจ แต่หากผิดพลาดแล้วเ้า.. เอ่อ.. นี่คือโอกาสที่แม่จะจัดการเื่ในจวนให้เ้า ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยก็ยังมีผู้สืบทอดสายเืของเ้า แม่คิดเพื่อเ้าทั้งนั้นนะเยี่ยนเอ๋อร์"
คำพูดของนางแม้อาจจะฟังดูมีเหตุผล แต่แท้จริงแล้วแฝงไปด้วยการบีบบังคับโดยสมบูรณ์แบบ
"ใช่เ้าค่ะแม่ทัพ"
เสวี่ยเหยียนคุกเข่าลงใบหน้าหวานก้มลงเล็กน้อยราวกับว่านางละทิ้งศักดิ์ศรี
"ข้าไม่้าสิทธิ์ใด ๆ ขอเพียงได้อยู่ข้างกายท่านแม่ทัพ"
ไป๋ลี่เซียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้าวไปด้านหน้าเล็กน้อย เธอเอื้อมมือไปรับเชือกจูงม้ามาจากองครักษ์ของแม่ทัพ แล้วหันไปหัวเราะเบา ๆ กับผู้ที่ได้ชื่อว่าสามีตนเอง
"ดูเหมือนว่าฮูหยินใหญ่จะส่งของขวัญชิ้นใหญ่ให้ท่านแม่ทัพก่อนออกศึกนะเ้าคะ เอ.. หรือบางทีนี่อาจเป็ลางร้ายกันแน่"
ฮูหยินใหญ่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมองหน้าพระชายาอย่างคนที่ไม่สบอารมณ์
"นี่เ้าหมายความว่าอย่างไร"
ลี่เซียนยิ้มตอบ ก่อนจะหันไปมองหลงเยี่ยนที่เขายืนอยู่ที่เดิม ดวงตาคมกริบนั้นมองหน้าพระชายานิ่ง ไม่ได้แสดงอาการใดออกมาเป็พิเศษ
"ท่านแม่ทัพ.. ข้าเพิ่งเข้าจวนมาได้ไม่นาน ยังไม่ทันได้ดูแลท่านให้ดีท่านจะรับอนุภรรยาเพิ่มแล้วหรือ"
หลงเยี่ยนยกยิ้มมุมปากก่อนจะหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับว่ากำลังประกาศกร้าว
"ข้ามีชายาเพียงคนเดียว"
เสวี่ยเหยียนหน้าซีดลงทันทีที่ได้ยินคำนั้น ทางด้านฮูหยินใหญ่เองก็กัดฟันแน่น ไม่คิดว่าลูกชายของเขาจะกล้าหักหน้าตนเองท่ามกลางผู้คนเช่นนี้
"เ้าไม่คิดถึงจวนตระกูลหลงบ้างเลยหรือ"
"จวนของข้าอยู่ได้เพราะข้าแข็งแกร่งพอ ไม่ใช่เพราะข้ามีอนุภรรยาหลายคน"
หลงเยี่ยนกล่าวเสียงเรียบก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ไป๋ลี่เซียน
"ไปกันเถอะ"
ลี่เซียนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินตามเขาไป ทิ้งให้ฮูหยินใหญ่ยืนกำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ เสวี่ยเหยียนก้มหน้าลงแววตาฉายประกายบางอย่าง
ขณะที่เสียงกลองศึกดังขึ้น เป็การประกาศการออกเดินทางของกองทัพแห่งแม่ทัพปีศาจ แต่สิ่งที่ไป๋ลี่เซียนรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากที่สุดเห็นจะเป็ขบวนทัพด้านหน้านี้ ปกติเคยเห็นแต่ในทีวีหรือเข้าไปแสดงฉากอันตรายเท่านั้น การเดินทัพที่แท้จริงเรียกว่ามหาโหดเลยก็ว่าได้ เธอเดินออกมาที่หน้าประตูเมือง พบว่ามีเหล่าทหารในชุดเกราะพร้อมรบอีกหลายหมื่นนายที่ยืนรออยู่
ถ้าจำไม่ผิดเท่าที่เรียนมาแล้วยังไม่คืนอาจารย์ ในแต่ละวันกองทัพและม้าเหล่านี้เดินทางได้เพียงไม่กี่สิบลี้ หากเป็สมัยปัจจุบันแค่ขับรถครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้ว นี่จึงเป็เื่ที่ลี่เซียนค่อนข้างไม่ถูกใจอยู่บ้างเล็กน้อย ในแต่ละวันคงทำได้แค่เดินทางและต้องคอยสังเกตและเก็บรายละเอียดการเดินทางเพื่อซึบซับบรรยากาศเท่านั้น
"แต่ว่านะ กองทัพปีศาจของสามีข้านี่ต้องอลังการขนาดนี้เลยเหรอ.. โอ้มายก็อด"
แต่จะให้มัวมาตื่นตาตื่นใจอยู่ก็ไม่ใช่เื่ที่ดีนัก สุดท้ายแล้วไป๋ลี่เซียนพระชายาของท่านแม่ทัพหลงเยี่ยนก็ต้องออกเดินทางจริง ๆ
หูฟังเสียงกลองศึกที่ดังสะท้อนก้องไปทั่วหน้าประตูแคว้น ดวงตามองแม่ทัพและเหล่าทหารนับหมื่นที่เรียงแถวเป็ระเบียบน่าเกรงขาม ชื่นชมธงประจำกองทัพโบกสะบัดเหนือศีรษะ เธอยืนอยู่ข้างรถม้ามองดูความยิ่งใหญ่ของกองทัพที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่หน้าประตูเมือง ในตอนที่เธอคิดว่ากำลังจะได้คุมบังเหียนขี่ม้าเหมือนในซีรีส์ที่แสดงเท่ ๆ แต่แล้ว..
"เ้าขึ้นไปนั่งในรถม้าเสีย"
หลงเยี่ยนออกคำสั่งเสียงเรียบขณะที่ควบม้าเข้ามาใกล้ ไป๋ลี่เซียนหน้าเหวอและหันไปมองเขาก่อนจะขมวดคิ้วไม่พอใจ
"ข้าไม่ได้ขาเจ็บทำไมต้องนั่งรถม้าด้วย"
"เพราะเ้าเป็ภรรยาข้และข้าไม่อยากให้เ้ามาถ่วงทัพ"
ทหารรอบข้างที่ได้ยินคำพูดนั้นถึงกับกลั้นหายใจ แม้จะรู้ว่าแม่ทัพกับพระชายาไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ แต่การพูดจาเชือดเฉือนเช่นนี้ก็เป็เื่ที่เกินความคาดหมายของพวกเขาไปสักหน่อย
แต่แล้วอย่างไรเล่า คำพูดของเขาเธอไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ไป๋ลี่เซียนขบกรามแน่นพร้อมทั้งหันไปมองเขาอย่างท้าทาย ก่อนที่นางจะะโขึ้นหลังม้าของตัวเองโดยไม่รอคำอนุญาต
"อย่าคิดว่าข้าเป็สตรีแล้วท่านจะมาข่มเหงข้าได้ ข้าจะขี่เ้านี่ไปเองไม่นั่งรถม้า!"
หลงเยี่ยนมองเธอนิ่ง ๆ อย่างหมดคำจะพูด เขาไม่คิดเลยว่าสตรีผู้นี้จะดื้อดึงถึงเพียงนี้
"ตามใจเ้า แล้วอย่าหาว่าข้าใจร้าย"
เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะควบม้านำหน้าเธอออกไป ลี่เซียนกระตุกบังเหียนขี่เคียงคู่กับเขาไปโดยไม่สนใจสายตาทหารรอบข้างที่ลอบมองกันเป็แถว
'คนกำลังจะทำเท่ทำไมต้องมาขวางด้วยไม่ทราบ ใครจะไปยอมกัน!'
แต่ความเท่ที่เธอกำลังได้รับ กำลังทำร้ายสตรีร่างบางเช่นเธอไปทีละนิด กองทัพเดินทางสลับกับหยุดระหว่างทางเป็ระยะ ทำให้เธอรู้สึกน่าเบื่ออยู่บ้าง ไม่มีความตื่นเต้น ไม่มีความน่าสนใจ มีแต่ต้นไม้ที่ปกคลุมไปตามเส้นทางในป่า
"ปวดหลังแฮะ"
แต่เพื่อรักษาหน้าและความปากดีเอาไว้ หญิงสาวก็ยังเดินทางไปได้เป็อย่างดี กองทัพปีศาจที่ผู้คนร่ำลือได้เดินทางมาจนถึง่ก่อนค่ำ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินกองทัพก็หยุดตั้งค่ายพักแรมในป่าลึก กองไฟถูกจุดขึ้นรอบ ๆ ค่าย เสียงทหารพูดคุยกันดังระงม บางส่วนจัดการเตรียมอาหาร บางส่วนดูแลอาวุธและเสบียง
"พระชายา เชิญลองชิมอาหารของกองทัพขอรับ"
ทหารคนหนึ่งยื่นถ้วยไม้มาให้ลี่เซียน เธอมองมันด้วยสายตากังขาก่อนจะยื่นมือรับแล้วลองตักเข้าปาก ทันทีที่รสชาติแผ่ซ่านไปทั่วลิ้นเธอถึงกับเบ้หน้า
"นี่มันอะไรกัน โจ๊กผสมน้ำล้างจานรึ"
เสียงหัวเราะของทหารดังขึ้นรอบ ๆ กับท่าทางของนาง หลงเยี่ยนที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักยกมุมปากเล็กน้อยอย่างคนที่สะใจ
"การเดินทัพก็เป็เช่นนี้ จะให้อาหารเลิศรสเหมือนอยู่ในจวนก็คงไม่ได้ หากไม่อยากกินก็อด.. เ้าเลือกเอา"
ไป๋ลี่เซียนหันไปมองหน้าของคนที่ขึ้นชื่อว่าสามี ก่อนจะจ้องมองอาหารในถ้วยด้วยสายตาหวาดกลัว เมื่อคิดได้ว่ายังมีทางออกที่เธอสามารถทำได้จึงลุกขึ้นแล้วเดินไปหาพ่อครัวทหารพร้อมกับพับแขนเสื้อขึ้น
"ขอครัวพวกเ้าหน่อย หากพวกเ้ายังทานอาหารเช่นนี้จะเอาแรงที่ไหนไปออกรบ กว่าจะเดินทางถึงขาดสารอาหารตายกันก่อนพอดี ข้าจะทำให้ดูว่าอาหารกองทัพที่ดีเป็อย่างไร"
ไม่นานนักกลิ่นหอมของข้าวผัดไข่กับเนื้อแห้งก็ลอยฟุ้งไปทั่วค่าย ทหารหลายคนลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
"ฝากเ้านำไปแจกจ่ายให้เหล่าทหารด้วย"
ไป๋ลี่เซียนบอกกับพ่อครัวสนาม ก่อนจะตักแยกออกมาสองถ้วย นางเดินไปที่พักของตนเองแล้วยื่นถ้วยหนึ่งให้หลงเยี่ยน เขามองถ้วยนั้นนิ่ง ๆ ไม่ได้เอื้อมมือมารับแต่อย่างใด นางจึงไม่สนใจแล้ววางถ้วยนั้นเอาไว้ก่อนจะหันไปสนใจถ้วยของตนเองด้วยสีหน้าพอใจ ก่อนจะหันไปสบตาหลงเยี่ยนอย่างท้าทาย
"อื้ม~ อร่อยจริง ๆ หอมมาก~"
แม่ทัพหลงเยี่ยนลอบกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย ก่อนจะปรายตาไปมองถ้วยที่นางวางเอาไว้ ในจังหวะที่พระชายาลี่เซียนกำลังตักส่วนของตัวเองเขาปาก เขาได้เอื้อมมือไปคว้าถ้วยข้าวนั้นมาลองกินคำหนึ่งแล้วเงียบไปสักครู่
ความรู้สึกที่ละมุนลิ้น หอมกลิ่นเนื้อแห้งนี่มันช่างลงตัวเสียจริง รสชาติก็ไม่เหมือนที่พ่อครัวในจวนทำมาก่อน นอกจากนั้นแม้แต่ในงานเลี้ยงต่าง ๆ ยังไม่เคยได้กินรสชาติเช่นนี้มาก่อน
ผ่านไปเพียงพริบตาที่เขาไม่สามารถห้ามตนเองได้ ชายหนุ่มได้ตักอาหารในถ้วยนั้นเข้าปากจนหมด ไม่เหลือแม้แต่ข้าวสวยสักเม็ด
"อ.. อืม รสชาติก็.. ไม่.. ไม่เลว"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้