จางชิงหยวนเดินนำลู่หยวนฮวาออกมาจากงานเลี้ยงที่แสนตึงเครียด พวกเขาเดินขนาบข้างกันอย่างเงียบๆ จนกระทั่งมาถึงริมลำธารเล็กแห่งหนึ่ง ที่มีเพียงเสียงน้ำไหลและเสียงลมที่พัดผ่าน เป็ที่ที่เงียบสงบจากความวุ่นวายทั้งหมด ความสงบนี้กลับยิ่งทำให้ความรู้สึกในใจของทั้งคู่ดังขึ้นเรื่อยๆ
ลู่หยวนฮวาเดินตามหลังจางชิงหยวน นางรู้สึกโล่งใจที่เขาพานางออกมาจากสถานการณ์กดดันที่ต้องเผชิญ แต่ขณะเดียวกันนางก็รู้สึกถึงความอึดอัดที่เกาะกินในหัวใจ
ความคิดวนเวียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงลงสู่ห้วงลึก หญิงสาวััได้ถึงความเปราะบางภายในตัวเอง และนั่นยิ่งทำให้รู้สึกสับสนเมื่ออยู่ต่อหน้าจางชิงหยวน ชายผู้ที่นางเคยคิดว่าเป็เพียงเ้านาย แต่บัดนี้ ความรู้สึกที่มากกว่าเดิมกำลังก่อตัวขึ้น
จางชิงหยวนหยุดเดินและหันมามองนาง แววตาของเขาเปลี่ยนไป ไม่ได้แสดงถึงความเ็าที่เช่นเคย แต่มันกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความเข้าใจและมันยังแฝงไปด้วยความสงสัย
"หยวนฮวา ทำไมเ้าถึงช่วยข้าไว้?" จางชิงหยวนถามขึ้น แม้คำถามจะดูเรียบง่าย แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบงันลงทันที
ลู่หยวนฮวาสะดุ้งเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นมองจางชิงหยวน ั์ตาของนางสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตาหลบ
"ข้าแค่เพียงทำตามหน้าที่ของข้า… ในฐานะผู้ติดตามของท่าน ข้าไม่อาจปล่อยให้ท่านแม่ทัพตกอยู่ในอันตรายได้เ้าค่ะ" นางตอบเสียงเบา
จางชิงหยวนหรี่ตามองนาง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่าคำตอบนั้นยังไม่ใช่ความจริงทั้งหมด การตอบกลับอย่างเรียบง่ายของนางไม่ได้ทำให้เขาพอใจ
"เ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำตอบนี้งั้นหรือ?"
ลู่หยวนฮวาเงียบ ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี นางก้มหน้าลง ความรู้สึกภายในของนางสับสนและหนักอึ้ง นางไม่สามารถเปิดเผยความลับเกี่ยวกับคำสาปได้ เพราะมันไม่ใช่เื่ที่ใครจะเข้าใจง่าย
จางชิงหยวนก้าวเข้ามาใกล้นางมากขึ้น ร่างสูงของเขาบดบังเงาของนางจากแสงจันทร์ที่ส่องลงมา เขาเอื้อมมือไปแตะแขนของนางเบาๆ ก่อนจะเชยคางนางขึ้นอย่างอ่อนโยน "ข้าอยากให้เ้ารู้ว่า...ข้าเชื่อใจเ้า ข้าเชื่อว่าในสักวันหนึ่ง เ้าจะบอกความจริงทุกอย่างกับข้า"
สายตาของเขาจับจ้องไปยังดวงตาของลู่หยวนฮวา ราวกับจะมองลึกเข้าไปในจิตใจของนาง เขาพูดต่อ
"และข้าหวังว่า เมื่อถึงวันนั้น เ้าจะบอกข้าด้วยใจจริง ที่ไม่ใช่ในฐานะนายกับบ่าว..."
คำพูดของจางชิงหยวนทำให้ลู่หยวนฮวารู้สึกเหมือนหัวใจของนางหยุดเต้นไปชั่วขณะ ดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง
ความรู้สึกบางอย่างที่นางไม่เคยรู้มาก่อนกำลังเบ่งบานอยู่ในใจของนาง แต่ความกลัวที่จะเปิดเผยความลับและคำสาปของตระกูลยังคงเป็เครื่องพันธนาการที่นางไม่อาจหลุดพ้น นางถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวเล็กๆ เพื่อลดระยะห่างระหว่างพวกเขา
"ท่านแม่ทัพ ข้ายังไม่พร้อมที่จะพูด..."
จางชิงหยวนถอนหายใจเบาๆ เขายกมือลูบศีรษะของนางก่อนจะหันไปมองลำธารที่ไหลเอื่อย
"ข้าจะรอ รอจนถึงวันนั้น"
จางชิงหยวนพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากจุดนั้น ปล่อยให้ลู่หยวนฮวามองตามเขาไป
ในความเงียบสงบนี้ หัวใจของลู่หยวนฮวายังคงสับสนระหว่างความกลัวและความรู้สึกที่นางเริ่มมีต่อจางชิงหยวน
เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างจางชิงหยวนและลู่หยวนฮวาค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว จางชิงหยวนที่เคยเป็แม่ทัพผู้เด็ดขาด กลับเริ่มหันมาพึ่งพาขอความช่วยเหลือลู่หยวนฮวาอยู่เสมอ
ทุกครั้งที่เขาได้รับาเ็เล็กน้อยจากการต่อสู้ หรือเวลาที่ลูกน้องของเขาล้มป่วย นางคือคนแรกที่เขานึกถึง เขาเฝ้ามองดูหญิงสาวตั้งใจทำงาน รอยยิ้มจางๆ พลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของแม่ทัพหนุ่ม
ลู่หยวนฮวาเองแม้จะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาที่จางชิงหยวนมองนาง นางก็ยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนอยู่เสมอ แต่ทุกครั้งที่สายตาของพวกเขาบังเอิญสบกัน ความรู้สึกบางอย่างที่นางไม่อยากจะยอมรับก็เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย
ในวันนี้จางชิงหยวนพาลู่หยวนฮวามายังนอกค่ายทหารเนื่องจากเหตุการณ์ที่คนทยอยล้มป่วยอย่างกะทันหันและหาสาเหตุไม่ได้ ทั้งตวนหลี่และจิ่งซื่อไม่มีใครอยู่ที่ค่ายเลยสักคนเพราะแม่ทัพหนุ่มให้พวกเขาตามล่าหาเบาะแสเกี่ยวกับแคว้นเสียนหู่ ขณะเดียวกันลู่หยวนฮวาก็กำลังวุ่นวายกับการจัดเตรียมสมุนไพรในมือของนาง
"ข้าต้องพึ่งพาเ้าแล้ว...เพราะไม่มีใครที่ข้าไว้ใจได้เท่าเ้าอีก หยวนฮวา" จางชิงหยวนเอ่ยขึ้น ขณะที่เขาช่วยคัดแยกสมุนไพรด้วยท่าทีที่รีบร้อน
ลู่หยวนฮวาไม่ได้ตอบกลับ นางไม่เคยเห็นเขาในสภาพที่เปราะบางเช่นนี้มาก่อน และมันทำให้นางรู้สึกห่วงใยเขาโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่จางชิงหยวนถกแขนเสื้อขึ้นเพื่อช่วยนางคัดแยกสมุนไพร สายตาของลู่หยวนฮวาพลันเหลือบไปเห็นบางอย่างบนแขนของเขา ร่องรอยปานดำที่ค่อยๆ ขยายตัวบนผิวของเขา ภาพนั้นทำให้หัวใจของนางแทบหยุดเต้น มือเรียวบางที่กำลังคัดสมุนไพรอยู่นั้นสั่นเล็กน้อย
ตามที่ปรากฏในม้วนตำราลับของตระกูลลู่นั้น ร่องรอยของคำสาปนั้นจะปรากฏบนร่างของคนที่มีจิตสัมพันธ์กับผู้ที่ต้องคำสาป มันไม่ใช่เพียงเื่เล่าขาน แต่หญิงสาวเชื่ออย่างหมดใจว่ามันคือเื่จริง
จางชิงหยวนจับสังเกตความเปลี่ยนแปลงในท่าทีของนางได้ทันที เขาหยุดมือและหันมามองนาง
"หยวนฮวา เ้าดูแปลกไป เ้ากำลังคิดอะไรอยู่?" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
"ข้า...ข้ากำลังกังวลเื่คนป่วยอยู่เ้าค่ะ" นางตอบ แต่เสียงของนางสั่นน้อยๆ ราวกับปิดบังบางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้
จางชิงหยวนไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเข้าใกล้นางอีกนิด ก่อนจะวางมือของเขาลงบนแขนของนางอย่างแ่เบา " มีอะไรที่ข้าควรต้องรู้หรือเปล่า?"
ลู่หยวนฮวาพยายามฝืนยิ้ม แต่ความกังวลใจทำให้นางไม่อาจปิดบังความสั่นคลอนภายในได้ ดวงตาของนางหลบสายตาของจางชิงหยวนอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาและราบเรียบ
"ไม่มีอะไรต้องเป็กังวลเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ"
“เวลาอยู่กับข้าสองคน เรียกข้าว่าชิงหยวนเถอะ ข้าอนุญาต”
จางชิงหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย "ถ้ามีอะไรที่เ้าคิดว่าข้าควรรู้ บอกข้าได้เสมอ ข้าเชื่อใจเ้ามากนะ ฮวาเอ๋อร์"
ความอ่อนโยนและความไว้ใจในน้ำเสียงของจางชิงหยวนทำให้ลู่หยวนฮวารู้สึกเ็ปยิ่งขึ้น นางรู้ว่าตนเองกำลังซ่อนความจริงที่สำคัญมากจากเขา แต่ในตอนนี้นางยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยความลับนั้น
"ชิงหยวน...ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อท่าน และทุกคนในค่ายแห่งนี้" นางตอบเสียงเบา
แม้เขาจะพยายามเข้าใจแต่ความรู้สึกไม่ไว้วางใจที่เคยจางหายไปกลับเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งในใจ จางชิงหยวนจึงตัดสินใจส่งจดหมายให้กับจิ่งซื่อที่สืบข่าวอยู่ข้างนอก
จิ่งซื่อเป็พลทหารหนุ่มผู้มากประสบการณ์ซึ่งเป็ดั่งเสมือนน้องชายที่แม่ทัพหนุ่มไว้ใจมากที่สุด เนื้อความในจดหมายคือให้ไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับลู่หยวนฮวาและตระกูลลู่
ความสงสัยค่อยๆ กัดกินหัวใจของแม่ทัพหนุ่ม เขา้ารู้ให้แน่ชัดว่าลู่หยวนฮวากำลังปิดบังอะไรจากเขากันแน่
ขณะที่จางชิงหยวนยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองออกไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังความว่างเปล่า ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดสับสนวุ่นวาย ความมืดภายนอกไม่อาจกลบเกลื่อนความกังวลในหัวใจของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ได้
ความจริงที่กำลังจะถูกเปิดเผยอาจจะทำให้เขาไม่อาจสงบใจได้อย่างที่เคย...