หลงสุ่ยหลิวเห็นทั้งเฟิงจื่อและฮวาเฉ่าเล่นใหญ่อวดฝีมือกันออกไปแล้ว เขาก็ไม่รอช้าโคจรพลังปราณรบปล่อยออกมาภายนอกประสานเป็รูปฝ่ามือประคองกระปุกน้ำหอมที่มีชื่อว่า “น้ำหอมยาพิษ” ซึ่งเขาใช้เงินจำนวนมากซื้อมา จากนั้นเดินตรงเข้าไปหาเยว่ชิงเฉิง เพียงแค่หลงสุ่ยหลิวเริ่มทำการแสดงถึงกับทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในงานตกตะลึงไปตามๆ กัน ต้องเข้าใจว่าการปลดปล่อยพลังปราณรบออกมาสู่ภายนอกใช้ฆ่าคนหรือทำลายสิ่งต่างๆ นั้นง่ายดาย แต่ถ้าหากจะทำให้พลังปราณรบกลายเป็สสารที่เป็ของแข็งหรือเป็ฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมาจริงๆ ได้นั้น แม้จะแค่ประคองน้ำหอมกระปุกหนึ่งก็ต้องมีพลังฝีมือในระดับขอบเขตาาจักรพรรดิเป็อย่างต่ำ
น่าเสียดายที่วิชาฝ่ามือสยบัที่มีชื่อเสียงของท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครองเขายังฝึกฝนได้ไม่สำเร็จ วิชาฝ่ามือสยบัมีอานุภาพร้ายกาจเป็อย่างมาก อาศัยพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ของท่านหลงจ้าวแห่งเขตปกครองบวกกับวิชาฝ่ามือสยบั ยังไม่ต้องพูดไปถึงการจับอสูรศักดิ์สิทธิ์ัเขียว เอาแค่มารอสูรระดับแปดไทแรนโนซอรัสถ้าได้ถูกจับรับรองว่าไม่มีทางรอด สามารถจับโยนเล่นไปมาได้อย่างง่ายดาย
หลงสุ่ยหลิวที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับขั้นที่สองขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ ปล่อยพลังปราณรบออกมาภายนอกเพื่อฆ่าศัตรูนั้นไม่มีปัญหา แต่หากจะทำให้พลังปราณรบกลายเป็สสารของแข็งรูปฝ่ามือขึ้นมาจริงๆ พร้อมกับประคองกระปุกน้ำหอมขวดหนึ่งพุ่งไปข้างหน้าเป็ระยะทางยี่สิบกว่าเมตรนั้นค่อนข้างจะลำบากอยู่ ดังนั้นในขณะที่พุ่งทะยานไปข้างหน้า กระปุกน้ำหอมที่อยู่ในมือมีอาการขยับขึ้นๆ ลงๆ โอนเอนไปมาจนมีครั้งหนึ่งเกือบจะร่วงหล่นลงจากมือนั้น ทำเอาหลงสุ่ยหลิวเหงื่อเย็นไหลเป็ทางใบหน้าซีดเผือดก่อนที่จะนำกระปุกน้ำหอมส่งไปถึงเยว่ชิงเฉิง มองเห็นสายตาที่แฝงไปด้วยอาการหัวเราะของทุกคน หลงสุ่ยหลิวรู้ดีว่าครั้งนี้ตนเองอยากจะแสดงฝีมือให้เต็มที่แต่กลับกลายเป็ว่าปล่อยไก่ออกมาแทน
หลังจากนั้นมีคุณชายบางท่านที่เห็นว่าพอมีโอกาสจึงขึ้นไปแสดงฝีมือบ้าง บรรยากาศภายในงานกลายเป็คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ภายในงานคนที่ยังไม่แสดงฝีมือยังมีอยู่สามคนคือ ถูเชียนจวินผู้ที่นั่งเทอโรซอร์มาจากนครแห่งเทพอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร เสว่อู๋เหินผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาอย่างเคารพนอบน้อม และเย่ชิงหานที่เพิ่งจัดการกับลูกหมูย่างเสร็จแล้วเริ่มหันไปกินผลไม้บนโต๊ะต่อ
ดูท่าว่าถูเชียนจวินจะลงมือแสดงเป็คนสุดท้ายเพื่อที่จะสยบทุกๆ คนก่อนที่ทำการแสดงไป เสว่อู๋เหินท่าทางราวกับสุนัขรับใช้นั่งอยู่ข้างถูเชียนจวินอย่างเคารพนอบน้อมโดยไม่มีทีท่าว่าจะลงมือแสดงแต่อย่างใด ส่วนเย่ชิงหานเองก็ดูท่าทางเหมือนไม่ได้มีความสนใจใดๆ ในงานนี้ ราวกับว่าสุดยอดสาวงามที่อยู่บนเวทีคนนั้นยังสู้ผลไม้เป็จานๆ ที่ว่างอยู่บนโต๊ะไม่ได้ฉะนั้น
“อู๋เหิน เ้าไม่ขึ้นไปยืดเส้นยืดสายสักหน่อยรึ?” ถูเชียนจวินกวาดตามองไปยังเย่ชิงหานที่ก้มหน้าก้มตากินผลไม้อย่างไม่สนใจใครเหมือนกับกินเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่ม เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดจะขึ้นไปแสดงอีกแล้วจึงเลิกคิ้วขึ้นทีหนี่งหันไปพูดกับเสว่อู๋เหินที่อยู่ข้างๆ
“คุณชายอยู่ที่นี่แล้ว อู๋เหินจะขึ้นไปทำไม? ขึ้นไปก็ขายหน้าเปล่าๆ” เสว่อู๋เหินส่ายหน้าพูดออกมาพลางหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงฟังดูเคารพนอบน้อม ประจบประแจงและดูต่ำต้อย
ถูเชียนจวินหัวเราะยาวออกมาครั้งหนึ่งแล้วลุกยืนขึ้นอย่างทระนง สายตากวาดมองไปรอบเวทีอย่างเ็า ใช้สายตามองลงมาจาก้าราวกับราชันย์ที่มองลงมายังฝูงมดปลวกอย่างไรอย่างนั้น เขากวาดสายตามองอยู่สักพัก ในขณะที่ทุกคนกำลังเริ่มจะหมดความอดทนอยู่นั้น เขาจึงพูดขึ้น “ฮ่าๆ...ถูกต้อง ถึงเ้าจะขึ้นไปก็ขายหน้าเปล่าๆ ในเมื่อพวกเขาแสดงความขายหน้ากันจบแล้วก็คงต้องถึงคราวที่ข้าต้องแสดงเศษเสี้ยวของฝีมือออกมาสักหน่อย เผื่อจะทำให้แม่นางชิงเฉิงรู้สึกมีความสนใจขึ้นมาบ้าง”
ครืน!
ถูเชียนจวินพูดจบ ผู้คนทั่วทั้งสนามนอกจากเสว่อู๋เหินและเย่ชิงหานแล้วล้วนหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกันและต่างร้องออกมาภายในใจ...ตบหน้า! เป็การตบหน้าอย่างโจ่งแจ้ง! อะไรคือแสดงความขายหน้าจบแล้ว? อะไรคือจะแสดงอะไรเศษเสี้ยวของฝีมือสักหน่อย?
ใบหน้าของพวกผู้าุโก็ไม่แตกต่างกัน ตบหน้าลูกหลานของพวกเขาก็ไม่ต่างจากตบหน้าแก่ๆ ของพวกเขาด้วยเช่นกัน แม้เ้าจะมาจากนครแห่งเทพและพลังฝีมือสูงล้ำเกินธรรมดา แต่อย่างน้อยก็ควรไว้หน้าพวกคนแก่อย่างพวกข้าบ้าง
ได้ยินคำพูดโอหังอวดดีของถูเชียนจวิน เยว่ชิงเฉิงใบหน้าไม่ได้เปลี่ยนสีแต่อย่างใด นางมองไปยังเย่ชิงหานที่กินองุ่นอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน ใบหน้านางปรากฏอารมณ์บางอย่างขึ้นมา ดวงตาคู่ไข่มุกสีดดำมีประกายวาบผ่าน จากนั้นหัวเราะขึ้นพร้อมกับใช้น้ำเสียงอ่อนหวานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนพูดขึ้น “เชิญคุณชายถู ชิงเฉิงรอคอยด้วยความปรารถนาอย่างยิ่ง”
เฟิงจื่อ ฮวาเฉ่า รวมไปถึงหลงสุ่ยหลิวใบหน้าล้วนเปลี่ยนไปอย่างถึงที่สุด เปลี่ยนเป็เศร้าสลดไม่มีชีวิตชีวา วันเลือกคู่ครองของเยว่ชิงเฉิง งานเลี้ยงรอบกลางไฟคืนนี้พลังฝีมือ ภูมิหลัง และการแสดงต่างๆ เหล่านี้ล้วนจอมปลอม เพราะสำคัญที่สุดคือ...ท่าทีของเยว่ชิงเฉิง เพราะอำนาจตัดสินสุดท้ายอยู่ภายในกำมือของเยว่ชิงเฉิง ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาทำการแสดงเยว่ชิงเฉิงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่ตอนนี้ถูเชียนจวินยังไม่ทันที่จะเริ่มแสดงเยว่ชิงเฉิงก็มีท่าทีเช่นนี้แล้ว อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ทุกคนน่าจะเดาได้...
“ฮ่าๆ...ในเมื่อแม่นางชิงเฉิงอยากจะดู ข้าก็จะเลียนแบบพวกเขาแสดงกายกรรมลิงค่างให้เ้าดูสนุกๆ” ถูเชียนจวินมองดูใบหน้าที่ดำมืดราวกับถ่านของพวกเฟิงจื่อ เขายิ่งรู้สึกมีความสนุกสนานจึงได้พูดเยาะเย้ยออกไปอีก
คำพูดเพิ่งจบลง เหล่าผู้าุโที่นั่งอยู่้านอกจากเสว่เฟยแล้วทั้งหมดสีหน้าล้วนเปลี่ยนไปในทันที กายกรรมลิง? เคล็ดวิชาลับประจำตระกูลของตระกูลใหญ่ทั้งหลายกลายเป็กายกรรมลิงขึ้นมาั้แ่เมื่อไหร่? ผู้าุโสูงสุดของตระกูลเฟิงและตระกูลฮวาสีหน้าดูแย่ที่สุด ส่วนเย่ชิงหนิวและเยว่จีใบหน้าก็ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ตระกูลทั้งห้าเชื่อมต่อผูกพันธ์กันราวกับพี่น้อง เหยียดหยามตระกูลเดียวก็เท่ากับว่าเหยียดหยามหมดทั้งห้าตระกูล ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าถูเชียนจวินดูถูกเหยียดหยามทั้งหมด
“ฮึ! ตาแก่อย่างพวกข้าปรารถนาจะชมการแสดงของคุณชายถูด้วยใจจดจ่อเช่นกัน” ผู้าุโสูงสุดแห่งตระกูลเฟิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล
“เหอะๆ ผู้าุโเฟิงขออย่าเพิ่งมีโทสะ ข้าไม่ได้สงสัยวิชาบังคับกระบี่อันสูงส่งของตระกูลท่าน เพียงแต่รู้สึกว่าลูกหลานของตระกูลใช้วิชานี้ได้ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก พอดีกับที่ข้าก็เคยฝึกวิชาบังคับกระบี่มาบ้าง เรียนเชิญท่านผู้าุโช่วยวินิจฉัยดูสักหน่อย!”
ถูเชียนจวินยิ้มออกมาเล็กน้อยราวกับว่าไม่ได้มองเห็นใบหน้าของเฟิงจื่อที่เปลี่ยนเป็สีม่วงอย่างแท้จริง รวมไปถึงมัดกล้ามเนื้อที่กระตุกไปมาอย่างโกรธแค้น เพียงแต่ยื่นมือออกมาทำท่าแบบเดียวกับที่เฟิงจื่อทำ
เมื่อเริ่มประสานท่ามือขึ้น มีดหั่นเนื้อที่อยู่ด้านหน้าของเขาสั่นขึ้นอย่างแปลกประหลาด จากนั้นมันพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน มีดเริ่มล่องลอยร่ายรำบนอากาศอย่างสวยงาม สุดท้ายเลียนแบบท่าของเฟิงจื่อพุ่งตรงลงมาแทงเอาลูกหมูย่างตัวหนึ่งบินไปบนอากาศเหนือเยว่ชิงเฉิง พอถึง้ามีดหั่นเนื้อพลันเร่งความเร็วขึ้นกลายเป็เงาเลือนรางหลายสายแทงทะลุไปมายังตัวลูกหมูย่าง สุดท้ายลูกหมูย่างตกลงบนจานพร้อมกับมีดที่เสียบคาอยู่บนตัวลูกหมู
“หืม?”
ทุกคนมองดูลูกหมูย่างที่บางอยู่บนโต๊ะที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ไม่แตกต่างจากของเดิม และมีดหั่นเนื้อที่เสียบอยู่ แม้จะรู้สึกตกตะลึงที่ถูเชียนจวินสามารถใช้วิชาบังคับกระบี่ของตระกูลเฟิงได้และใช้ได้อย่างสวยงาม แต่ภายในใจก็ยังมีความสงสัยอยู่ ไม่ใช่พูดว่าเฟิงจื่อใช้วิชาบังคับกระบี่ได้ไม่ค่อยดีมิใช่รึ? แต่อย่างน้อยเขาก็ใช้กระบี่ใหญ่หั่นลูกหมูย่างออกเป็เจ็ดแปดส่วน แต่เ้าบังคับอยู่ครึ่งวันลูกหมูย่างยังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์?
“วิชาบังคับกระบี่ของคุณชายถูล้ำเลิศอย่างแท้จริง ข้าเฟิงจื่อยอมรับนับถือด้วยน้ำใสใจจริง” ในขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงไม่เข้าใจอยู่นั้น เฟิงจื่อลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าไร้ชีวิตชีวาแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เพียะ!
เฟิงจื่อพูดจบ มีดที่เสียบอยู่บนตัวลูกหมูย่างหยุดการสั่นไหว ส่วนตัวลูกหมูย่างราวกับดอกไม้ที่กำลังแย้มบาน ตรงกลางเริ่มแยกออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างเท่าๆ กันจนนับไม่ถ้วน วางนิ่งอยู่บนโต๊ะ
“คุณชายฝีมือเฉียบขาดล้ำเลิศ อู๋เหินเลื่อมใส!” เสว่อู๋เหินยืนขึ้นประสานมือทั้งสองข้างพูดออกมาอย่างเคารพนอบน้อม
มองดูลูกหมูย่างที่วางอยู่ในจานถูกหั่นออกมาอย่างประณีตเท่าๆ กันหลายสิบชิ้น ได้ยินเฟิงจื่อพูดยอมรับออกมาอย่างเลื่อมใส มองดูเสว่อู๋เหินโค้งคำนับอย่างเคารพนอบน้อม เหล่าคุณชายทั้งหลายต้องตกตะลึงไปอีกครั้ง!
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ตกตะลึงในวันนี้มีมากเกินไป เหล่าคุณชายทั้งหลายจึงรู้สึกชินชาไปเสียแล้ว ทั้งการแสดงของพวกเฟิงจื่อและถูเชียนจวินทำให้จิตใจของพวกเขารู้สึกอ่อนแรงและพ่ายแพ้ แม้กระทั่งว่าถูเชียนจวินหายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกคนต่างไม่ทันได้รู้ตัว
พวกเขาไม่ได้สังเกตแต่ว่าเย่ชิงหานและพวกเฟิงจื่อฮวาเฉ่ารับรู้ได้ด้วยััที่รวดเร็ว พวกเขาต่างมองตากัน ภายในดวงตาล้วนปรากฏอาการตกตะลึงและความไม่อยากที่จะเชื่อขึ้นมา
นี่มันหมายความว่าอย่างไร? ขนาดวิชาอำพรางกายของตระกูลฮวา ถูเชียนจวินก็สามารถใช้ออกมาได้? ตระกูลฮวาลูกหลานของเทพนักฆ่า มีสายเืของเทพนักฆ่าอยู่ภายในกายถึงสามารถฝึกฝนวิชาอำพรางกายได้ เมื่อสักครู่ถูเชียนจวินเพิ่งจะใช้สุดยอดวิชาของตระกูลเฟิงไป ตกลงว่าสุดยอดเคล็ดวิชาของทั้งห้าตระกูลกลายเป็ของเกลื่อนตลาดไปั้แ่เมื่อไหร่? ใครๆ ก็สามารถฝึกฝนได้อย่างนั้นรึ?
หรือว่าผู้คนในนครแห่งเทพก็เป็ลูกหลานของเทพาเช่นเดียวกัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีสายเืทั้งห้าของเทพาควบรวมอยู่ในกาย? ดวงตาของเย่ชิงหานปรากฏประกายวาบผ่านคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก สุดท้ายใช้สายตามองไปยังเย่ชิงหนิวที่อยู่้า ส่วนเฟิงจื่อและฮวาเฉ่าก็ใช้สายตามองไปยังผู้าุโสูงสุดของตระกูลตนเองเช่นเดียวกัน
“ไม่ต้องประหลาดใจ ผู้คนในนครแห่งเทพล้วนเป็ลูกหลานของเทพา เื่ราวโดยรวมเดี๋ยวค่อยเล่าให้เ้าฟังทีหลัง สุดยอดเคล็ดวิชาของทั้งห้าตระกูลที่พวกเขาใช้ล้วนเป็ของลอกเลียนแบบ อานุภาพระดับแรกๆ ดูไม่เลว แต่พอฝึกถึง่หลังๆ อานุภาพในการทำลายล้างแตกต่างกันอย่างมหาศาล!”
เย่ชิงหนิวและเหล่าผู้าุโสูงสุดทั้งหลายต่างส่งกระแสเสียงตอบข้อสงสัยของพวกเขา แต่เมื่อเห็นถูเชียนจวินใช้สุดยอดเคล็ดวิชาลับของตระกูลตนเองมาตบหน้าตนเอง แน่นอนว่าพวกเขาล้วนรู้สึกไม่ชอบใจนัก ใบหน้ามีอาการดำคล้ำขึ้นมาบ้าง
“เอ๊ะ! คุณชายถูหายไปไหนแล้ว?”
ถึงในตอนนี้ทุกคนถึงได้พบว่าถูเชียนจวินได้หายตัวไปแล้ว ต่างส่งสายตามองหาไปทั่วทั้งสี่ทิศ ใบหน้ามีแววของความสงสัยและยากที่จะเชื่อ แม้พลังฝีมือของพวกเขาจะอยู่ในระดับที่ต่ำต้อยมากก็ตาม แต่ถูเชียนจวินสามารถหายตัวไปภายใต้สายตาของพวกเขาที่จ้องมองดูอยู่เช่นนี้ก็น่ากลัวจนเกินไปเหมือนกัน
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดถูเชียนจวินก็ปรากฏกายขึ้น ในมือถือช่อดอกกุหลาบสีแดงที่ใหญ่กว่าของฮวาเฉ่าหลายเท่าตัวเดินอยู่บนเวที วิชาอำพรางกายเหมือนกัน วิชาเงาแยกร่างเหมือนกัน แต่การอำพรางกายแเีกว่าฮวาเฉ่าอยู่หน่อย เงาที่แยกออกมามีระยะห่างถึงสิบกว่าเมตร และจำนวนเงาร่างที่แยกออกมามีจำนวนมากกว่าของฮวาเฉ่าถึงหนึ่งเท่าตัว
“แม่นางชิงเฉิง ข้าคิดว่ากุหลาบสีแดงน่าจะสื่อความหมายแห่งรักได้ดีกว่า! มิใช่หรือ?” ถูเชียนจวินยืนอย่างสุภาพอยู่เบื้องหน้าเยว่ชิงเฉิง มือถือกุหลาบแดงช่อใหญ่ ร่างกายโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความเชื่อมั่นและความภาคภูมิใจ
“ขอบคุณคุณชายถูเป็อย่างมาก!” เยว่ชิงเฉิงยื่นมือออกไปรับกุหลาบสีแดง พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันมองดูเย่ชิงหานที่ไม่รู้ว่าก้มหน้าครุ่นคิดสิ่งใดอยู่
ถูเชียนจวินกวาดตามองไปยังเหล่าคุณชายทั้งหลายอย่างพออกพอใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการตกตะลึงและพ่ายแพ้ที่แสดงออกมา จากนั้นยกมือขึ้นโบกไปมาอย่างสง่างามแล้วพูดขึ้น “เหอะๆ ก็แค่การแสดงกลเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง ในเมื่อแม่นางชิงเฉิงชอบข้าก็จะขอแสดงอีกครั้ง จะขอมอบของขวัญชิ้นพิเศษให้หวังว่าแม่นางชิงเฉิงจะชอบ”
การแสดงกลเล็กๆ น้อยๆ?
สำหรับคำพูดดูถูกเหยียดหยามของถูเชียนจวิน เฟิงจื่อและฮวาเฉ่าต่างก้มหน้านิ่งเงียบไม่พูดไม่จา แม้เหล่าผู้าุโของตระกูลจะอธิบายให้พวกเขาฟังแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะยอมรับได้ เคล็ดวิชาลับที่ตนเองฝึกฝนมาอย่างภูมิอกภูมิใจกลับต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่คนนอกเช่นนี้
หลงสุ่ยหลิวสีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังดีกว่าทั้งสองคนนั้น หรืออาจจะพูดได้ว่ากระหยิ่มยิ้มย่องเล็กน้อย เพราะว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ถูกตบหน้า
เพียงแต่วินาทีต่อมา ใบหน้าที่กระหยิ่มยิ้มย่องของเขาพลันต้องเศร้าสลดไร้ชีวิตชีวาขึ้นมาเช่นกัน เขามองเห็นมือข้างหนึ่ง มือใหญ่ั์ข้างหนึ่ง
มือใหญ่ั์ที่ประสานขึ้นด้วยพลังปราณรบที่ถูกปลดปล่อยออกมาภายนอก มันพุ่งลอยออกไปยังภายนอกสนามหญ้า จากนั้นจับเทอโรซอร์ที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าโยนเข้ามาภายในที่โล่งกลางสนามหญ้า
ฝ่ามือสยบั!
ถูเชียนจวินขนาดวิชาฝ่ามือสยบัยังสามารถใช้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูจากลักษณะแล้วยังใช้ได้ดีอีกด้วย แม้ว่าเทอโรซอร์จะไม่ต่อต้านผู้เป็เ้านาย แต่ระยะทางไกลขนาดนี้ เทอโรซอร์ที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ กลับถูกเขาจับมาวางไว้กลางสนามหญ้าได้อย่างง่ายดาย
อีกคนประสานฝ่ามือพลังปราณรบเล็กๆ ประคองกระปุกน้ำหอมในระยะทางใกล้แค่นี้ยังสั่นไหวโอนเอนไปมา ส่วนอีกคนจับเทอโรซอร์อย่างรวดเร็วและมั่นคง แม้แต่คนตาบอดก็ยังมองออกว่าฝ่ามือสยบัของทั้งสองคนต่างกันราวฟ้ากับดิน ไม่สามารถที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย เมื่อเทียบกับเฟิงจื่อและฮวาเฉ่าที่ถูกตบหน้าไปก่อน ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าหน้าของหลงสุ่ยหลิวถูกตบแรงกว่าและหนักกว่ามาก
“เ้าสัตว์นี้ไม่ได้มีประโยชน์ใช้สอยอะไรพิเศษมากมาย เพียงแค่สามารถพาคนให้บินได้เท่านั้น ข้าขอมอบให้แม่นางชิงเฉิง หากเบื่อไม่มีอะไรทำก็พามันออกไปบินเล่นได้” ถูเชียนจวินเก็บฝ่ามือสยบักลับมา จากนั้นไขว้มือไปด้านหลังแล้วพูดออกมาอย่างไม่ยี่หระ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้