ทว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในวันนี้แตกต่างจากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในยามปกติอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรก็ผ่านการปลุกเสกตลอดทั้งคืนของเยวี่ยเจาหรานแล้ว กลยุทธ์เปิดและปิดข้อแรก สำหรับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ไม่ได้มีอะไรยาก ความหมายนี้ไม่ได้จะบอกว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเริ่มมีสติปัญญาจนยกระดับความสามารถในบทประพันธ์แล้วหรอกนะ แต่หมายถึงโดนเยวี่ยเจาหรานให้ท่องจำโดยไม่ต้องใช้ความเข้าใจมาทั้งคืนแล้วต่างหาก ต่อให้จะใช้สมองได้ไม่ดี ก็น่าจะจำได้เจ็ดแปดส่วน
ดวงตาทั้งสองข้างของอาจารย์อวี้เผยนัยพินิจพิเคราะห์ออกมา ประจัญกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วโดยตรง ชั่วขณะที่แววตาของทั้งสองปะทะกัน ห้องทั้งห้องราวกับจะเกิดประกายไฟสาดกระเซ็นออกมา
แน่นอนว่าไม่ใช่ประกายไฟแห่งความรักอะไรเทือกนั้น แต่เป็ประกายไฟที่สามารถเผาไหม้ห้องนี้ได้เลยจริงๆ แบบที่แค่ััก็ลุกไหม้ เป็ไฟที่หากลุกไหม้ขึ้นมาก็จะไม่อาจควบคุมได้
เมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมและได้เตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้ว ในที่สุดความอดทนของอาจารย์อวี้ก็มาถึงขีดสุด เขาเคาะไม้บรรทัดในมือเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างไร้ปรานี “เริ่มได้”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกระแอมเบาๆ เริ่มการแสดงของตนอย่างเป็ขั้นเป็ตอน “ ‘กุ๋ยกู่จือ’ กลยุทธ์เปิดและปิดข้อที่หนึ่ง แต่กาลก่อนปราชญ์กำเนิดในโลกหล้า เป็ผู้นำทางแก่ปวงชน ทัศนาสรรพสิ่งทั้งดีชั่ว ประตูสู่การรู้วิถีเกิดดับ...” ท่องไปท่องมา เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็รู้ว่าครั้งนี้ตนคงจะชนะแล้ว เพราะเมื่อนางมองไปยังดวงตาที่ค่อยๆ เบิกกว้างของอาจารย์อวี้นั้น มันได้เผยความเหลือเชื่อออกมาเล็กน้อยอย่างยากจะปิดบัง
เมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นของอาจารย์อวี้ ในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ต้องพูดถึงว่าดีใจแค่ไหน แต่นางก็ยังไม่หยุดบอกกับตัวเองว่า อย่าลนลาน อย่าลำพองใจ ไม่เช่นนั้นจะท่องหลงไปอีกทาง ถึงตนท่องผิดก็ไม่ต้องกังวล อย่างมากก็ถูกตีครั้งสองครั้ง แต่หากเสียเวลานอนหลับของเยวี่ยเจาหรานไปทั้งคืนโดยเปล่าประโยชน์ มันจะเป็ความผิดบาปอันใหญ่หลวงของตน!
ไม่สิ ไม่สิ นี่ตนกำลังคิดเื่จุกจิกอะไรอยู่กัน? เหตุใดถึงต้องคิดไปถึงเ้าคนน่ารังเกียจนั่นขึ้นมาด้วย... เมื่อใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ท่อง ‘หาก้าเปิด’ กลายเป็ ‘หาก้าปิด’ ไปอย่างลื่นไหล โชคดีที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วชิงเปลี่ยนคำตอบของตนก่อนก้าวหนึ่ง ในระหว่างที่อาจารย์อวี้ไม่ทันตอบสนอง
เมื่อเห็นสายตาผิดหวังที่ถูกขัดจังหวะการแก้ไขความผิดพลาดของอาจารย์อวี้ ในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ยิ่งเบิกบาน ั้แ่นั้นนางก็รุดไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ จนสิ้นสุดการท่องเปิดตัวอันยอดเยี่ยมของตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
“อาจารย์อวี้ ข้าท่องเสร็จแล้วขอรับ กุ๋ยกู่จือ เปิดและปิดข้อที่หนึ่ง”
ว่าก็ว่าเถอะ เมื่อเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสามารถท่องกลยุทธ์เปิดและปิดข้อที่หนึ่งจนจบได้อย่างราบรื่น ในใจก็มีความรู้สึกปลอดโปร่งและภาคภูมิใจอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างไรความพยายามของตนและเยวี่ยเจาหรานก็ไม่ได้สูญเปล่า สำหรับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแล้วก็เป็ผลลัพธ์ที่ไม่เลวเลยทีเดียว
“โอ้...” อาจารย์อวี้นั้นอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์อาจารย์ของตน เขาจึงไม่ได้เผยสีหน้าประหลาดใจในความน่าอัศจรรย์นั้นของตนออกมามากนัก ทว่า การที่เขาขยับพัดในมือของตนไปมาอยู่ตลอด ก็ทำให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรับรู้ความคิดในใจของเขามาได้ไม่น้อยแล้ว คงจะกำลังลังเลว่าจะชมเชยตนอย่างไรอยู่ล่ะสิท่า!
แต่โชคร้ายนัก เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วคิดผิดไปเสียแล้ว
“ท่องได้ไม่เลว” อาจารย์อวี้เอ่ยอย่างเฉยเมย เขาพูดออกมาเพียงแค่นั้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลันรู้สึกราวกับถูกโยนทิ้งลงพื้น นางตะลึงอยู่ครู่ใหญ่โดยไร้การตอบสนอง กระนั้นก็ยังอดกลั้นคำถามอันกำกวม แล้วเพียงแค่แสร้งถ่อมตนเอ่ยตอบกลับไป “มิกล้า มิกล้า เพราะท่านอาจารย์สอนสั่งข้ามาอย่างดี”
หากจะบอกว่าอาจารย์อวี้สอนมาอย่างดี น่าจะบอกว่าเยวี่ยเจาหรานที่อดตาหลับขับตานอนฝืนทำการสอนอย่างมุ่งมั่นผู้นั้นต่างหากที่สอนมาอย่างดี! เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอดกลอกตาในใจไม่ได้ ในที่สุดนางก็นั่งลง โดยไม่เอ่ยอะไรอีก
“ใครให้เ้านั่งลง?” หว่างคิ้วของอาจารย์อวี้ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ในน้ำเสียงนั้นกลับแฝงความขุ่นเคืองเบาบาง ทั้งยังแฝงความคลุมเครือที่ยากจะมองออก ในมือของเขาเปิดปิดพัดไปมา แล้วเอ่ยถามเช่นนั้น
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วตะลึงไปครู่ใหญ่ แล้วจึงเอ่ยตอบอย่างไม่พอใจนัก “ท่านอาจารย์ให้ข้าท่องกลยุทธ์เปิดและปิดข้อที่หนึ่งของกุ๋ยกู่จือ ศิษย์ก็ท่องจบแล้ว ยังนั่งลงไม่ได้หรอกหรือ?”
หว่างคิ้วของอาจารย์อวี้ยังคงไม่คลายออก เขาเอ่ยอีกครั้ง “ท่องนั้นท่องจบแล้ว แต่อาจารย์ยังพูดไม่จบ เป็ศิษย์นั่งเองโดยไม่ขออนุญาตได้อย่างไร? เ้ารู้ได้อย่างไรว่าอาจารย์ไม่มีคำถามอื่นที่อยากจะถามเ้า?”
แม้จะขุ่นเคืองใจ ทว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็รู้ว่าตนเอาชนะอาจารย์อวี้ผู้นี้ไม่ได้ ไม่มีทางเลือก นางได้แต่ยืนขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ที่มุมปากนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ราวกับไม่มีทางจางหายไปได้หมดอย่างนั้น
“ศิษย์รู้ผิดแล้วขอรับ” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วค้อมตัวให้กับอาจารย์อวี้ ก่อนจะยกมือทั้งสองมาข้างหน้า กำหมัดคารวะแล้วเอ่ยเช่นนั้น แต่อารมณ์บนใบหน้ากลับยังคงบูดบึ้งไม่พอใจ
ทว่า เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในยามนี้ได้จับจุดสำคัญในการเรียนกับอาจารย์อวี้เอาไว้ได้แล้ว นั่นก็คืออย่าไปขัดขืน วางเฉยเข้าไว้ให้เขาเย้ยหยันไป ไม่เช่นนั้นไม่ว่าจะแพ้ก็โดนด่า ชนะก็โดนตี โชคดีที่ทักษะในการโต้แย้งด้วยตำราตีวัวกระทบคราดของอาจารย์อวี้ห่างชั้นกันเกินไปจริงๆ ซึ่งลำพังกำลังของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่มีความเป็ไปได้ที่จะชนะ และนั่นก็ช่วยลดโอกาสในการถูกตีของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วลงด้วยเช่นกัน ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าควรจะนับว่าเป็เื่ดีหรือว่าเื่ร้ายกันแน่
เมื่อเห็นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ‘ความภาคภูมิใจ’ ที่เหมือนเด็กๆ ของอาจารย์อวี้จึงราวกับได้รับการเติมเต็ม เขาเก็บพัดในมืออย่างมีความสุข พลางเอ่ยขึ้นเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “่นี้เ้าก้าวหน้าไม่น้อย แม้แต่บทประพันธ์ที่มีความยากเช่นกลยุทธ์เปิดและปิด ก็ยังท่องได้ไม่เลวทีเดียว”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกำลังข่มความโกรธเคืองเอาไว้ในใจ จึงไม่รับฟังคำชมเชยที่อาจารย์อวี้มอบให้ตนในยามนี้ได้ นางเอาแต่หมกมุ่นอยู่ในความโมโหและเหนื่อยหน่าย กระนั้นอาจารย์อวี้ก็ยังไม่ได้คิดถือสา เมื่อเห็นว่านางไม่ต่อคำ ก็พูดต่อไปอย่างไม่ได้สนใจ “หากแต่ การท่องบทประพันธ์ปากเปล่าเช่นนี้ เป็เพียงสิ่งตื้นเขินอย่างที่สุด”
“ในเมื่อเ้าศึกษาสิ่งเหล่านี้จนเข้าใจปรุโปร่งแล้ว เช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะถามเ้าในสิ่งที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไป”
พูดพร่ำอยู่นาน ในที่สุดเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็เข้าใจทั้งหมดได้เสียที อาจารย์อวี้ผู้นี้ช่างเป็คนฉลาดมากสามารถเสียจริง ทุกสิ่งทุกอย่างเขาล้วนคิดคำนวณเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว นี่กำลังขุดหลุมรอให้ตนะโลงไปอย่างนั้นสินะ! แต่น่าเสียดายที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในฐานะลูกศิษย์นั้น ตกตะลึงจนแยกแยะอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงยอมให้อาจารย์อวี้ออกคำสั่งอีกครั้ง
“อาจารย์ฟังเ้าท่องกลยุทธ์เปิดและปิดได้ไม่เลว เช่นนั้นก็มาคุยกันว่าบทประพันธ์นี้มีความหมายเช่นไร เ้าว่าอย่างไร?” ใบหน้าของอาจารย์อวี้เผยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย ราวกับคิดไว้อย่างชัดแจ้งแล้วว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะตอบไม่ได้
ทว่าปัญหานี้ ประจวบเหมาะตรงกับความในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพอดี ช่างบังเอิญนัก เมื่อคืนนี้เยวี่ยเจาหรานได้พูดกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว บอกว่ากุ๋ยกู่จือ เป็ผู้ที่กล้าหาญและมีไหวพริบมากที่สุดในศาสตร์ด้านกลยุทธ์ ผลงานนับร้อย ล้วนเป็ผลงานชั้นยอดในวาทศิลป์ยุทธศาสตร์ทางการเมือง
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเงยหน้าขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ดวงตาที่มองไปยังอาจารย์อวี้เองก็ส่องประกายไปด้วยเช่นกัน “ศิษย์รู้ขอรับ”
“หืม? เ้ารู้จริงหรือ?” สีหน้าอาจารย์อวี้พลันเคร่งขรึม ในแววตานั้นกลับไม่รู้ว่าเป็ความชื่นชมหรือความประหลาดใจมากกว่ากัน สรุปได้ว่าเป็ท่าทางที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
“ศิษย์ไม่กล้าโกหกท่าน” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสำรวมสีหน้าอาการ เอ่ยอย่างช้าๆ “ในบทกลยุทธ์เปิดและปิดข้อที่หนึ่งนั้น กล่าวไว้ว่า ในฐานะผู้ใช้วาทศิลป์ ย่อมต้องมีบางเวลาสามารถเอ่ยได้ บางเวลาควรสงบคำนิ่งเงียบ ความผ่อนปรนอารีและความเข้มงวดกวดขันควรควบคู่กันไป พลิกแพลงอย่างชาญฉลาด”
เมื่อคำพูดนั้นเอ่ยออกมา อารมณ์บนใบหน้าของอาจารย์อวี้ก็ยิ่งแตกต่างออกไป สีหน้าของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเผยความภาคภูมิใจเล็กน้อย ในที่สุดนางก็พิชิตชัยต่อหน้าอาจารย์อวี้มาได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้