“ั้แ่เมื่อครู่เ้าก็เอาแต่จ้องคนผู้นั้น มีอะไรที่อยากพูดหรือไม่?”
จ้าวจือชิงมองดูเก้าอี้ที่ว่างเปล่า เฉินเจ๋อิหนีไปเร็วนัก
จางซานรู้ว่าตนเองไม่มีทางหลุดพ้นได้ จึงได้แต่หวังว่าจะสามารถลดโทษได้ “หากข้าน้อยบอกไป ท่านจะช่วยขอร้องใต้เท้าให้ลดโทษสถานเบาให้ได้หรือไม่?”
“เ้าลองพูดมาก่อน หากคำตอบเป็ที่พึงพอใจ ข้าจะเอาไปพิจารณา”
จางซานคิดว่าจ้าวจือชิงสามารถช่วยตนได้ จึงบอกการคาดเดาออกไป “นายท่านเฉินคนเมื่อครู่ ข้ารู้สึกว่าเสียงของเขาช่างคุ้นหูยิ่งนัก เพียงแต่ขนาดรูปร่างนั้นไม่ตรงกับคนที่มาจ้างข้า จากที่ข้าสังเกตดู ถึงพบว่า บ่าวรับใช้ข้างกายเขาเหมือนกับคนที่สั่งให้ข้าจับตัวลั่วชีเหนียงยิ่งนัก นอกจากนี้พวกเขายังบอกกับข้าอีกด้วยว่า ครอบครัวของลั่วชีเหนียงร่ำรวย พร้อมกับชี้แนะให้ข้าไปปล้นชิงทรัพย์”
คำพูดนี้ตอกย้ำการคาดเดาของจ้าวจือชิงก่อนหน้านี้ เขาแทบอยากจะพุ่งไปฆ่าเฉินเจ๋อิให้ได้เสียตอนนี้
“ท่านจอมยุทธ ข้าสารภาพหมดแล้ว ท่านต้องช่วยข้าขอความเมตตานะ! ต้องช่วยข้านะ!”
จางซานวิงวอนขณะที่ถูกมือปราบพาตัวไป ลั่วชีเหนียงกลับคิดว่าจ้าวจือชิงจะช่วยจางซานขอความเมตตาจริงๆ
“เ้าวางใจได้ ข้าไม่มีทางช่วยเขาแน่ คนอย่างพวกเขาไม่มีคนใดที่ไม่มีคดีติดตัว” เขาอ่านความคิดของลั่วชีเหนียงออก ดังนั้นไม่ทันรอให้นางได้ถาม ก็ชิงตอบก่อน
ชีเหนียงเหนื่อยมาหลายวัน ร่างกายเริ่มทนไม่ไหว จึงไม่ได้คิดว่าเหตุใดความคิดของตนจึงถูกอ่านออก นางเพียงแค่นั่งพักผ่อนอยู่อีกทาง
......
ทางด้านกุนซือเมื่อหาตัวหยางหนิงเจอ จึงมารายงานว่าในบรรดาหญิงสาวเ่าั้ มีคนหนึ่งที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ เพราะนางคือหลานไฉ่เตี๋ย ที่มีความเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมชานมยาพิษของสกุลลั่ว
หลานไฉ่เตี๋ยมองดูหญิงสาวแต่ละคนที่ถูกพาตัวไป นางก็ดีใจและคิดว่าตนสามารถจากไปได้เช่นกัน ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันได้ไปไหน กลับเห็นใต้เท้าหยางเดินมาจากด้านนอก
พอเข้ามาก็นำพาบรรยากาศกดดันมาให้นางด้วย นางรีบคุกเข่าลงอย่างไม่รู้ตัว
“ผู้น้อยหลานไฉ่เตี๋ย ขอคารวะใต้เท้า”
“เ้าคือหลานไฉ่เตี๋ยหรือ? เ้ารู้จักเว่ยอี้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินชื่อของเว่ยอี้ หัวใจของหลานไฉ่เตี๋ยก็หล่นลงไปอยู่บนตาตุ่ม “รู้จักเ้าค่ะ เขาคือพี่เขยของผู้น้อยเอง”
“เ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเสียชีวิตแล้ว?”
“อะไรนะ?” เดิมทีหลานไฉ่เตี๋ยยังไม่รู้เื่ที่เว่ยอี้เสียชีวิต ฉับพลันนางก็นั่งกองลงกับพื้น
ประจวบเหมาะกับชีเหนียงเข้ามาลาหยางหนิงพอดี เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง ถึงได้เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงรู้สึกว่าชื่อหลานไฉ่เตี๋ยนี้คุ้นหูยิ่งนัก ที่แท้นางก็คือหญิงสาวที่เดินเล่นกับเว่ยอี้และหายตัวไปในเวลาต่อมา
“เป็ไปไม่ได้!” หลานไฉ่เตี๋ยที่แข้งขาอ่อนลงกับพื้น ไม่อยากจะเชื่อข่าวที่เว่ยอี้เสียชีวิตแล้ว “นี่ต้องเป็เื่โกหกแน่ๆ เป็แค่การกลั่นแกล้งกัน…”
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง หยางหนิงก็รีบถาม “การกลั่นแกล้งอะไร?”
หลานไฉ่เตี๋ยปาดน้ำตาสองที “นับั้แ่เด็ก ผู้น้อยเป็คนเลือกมาก ไม่ว่าสิ่งใดก็ต้องดีที่สุดเสมอ แม้พี่สาวจะแต่งกับเว่ยอี้ แต่ผู้น้อยรูปโฉมงดงามกว่าพี่สาวมากนัก ทุกครั้งที่เว่ยอี้มาที่บ้านก็มักจะเอาแต่จ้องแล้วชมผู้น้อยว่างามนักงานหนา ต่อมามีคนมาหาผู้น้อยและ้าให้ผู้น้อยชวนเว่ยอี้ออกไปดื่มชานม”
ขณะพูดนางก็ยื่นมือออกมา “หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ของประดับที่สวยงามเช่นนี้ ผู้น้อยคงไม่มีทางสนใจคนเสเพลเช่นเว่ยอี้เป็แน่ ผู้น้อยต้องเสียสละความงามมากมายเพียงใดถึงนัดเขาออกมาได้”
ข้อมือที่หลานไฉ่เตี๋ยยื่นออกมานั้นมีกำไลหยกที่มีมูลค่าไม่ธรรมดาหนึ่งอันประดับไว้ ด้วยความมีไหวพริบของนาง ตลอดทางนางแอบปิดบังกำไลชิ้นนี้ไว้ในแขนเสื้อเพราะกลัวจะเสียหาย ไม่เช่นนั้น ของล้ำค่าเช่นนี้คงถูกพวกจางซานยึดไปแน่
“ผู้ใดมาหาเ้า? เหตุใดจึงทำเช่นนี้?”
หลานไฉ่เตี๋ยไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนตอบ “คนผู้นั้นเป็ชายร่างผอมสูง ดูมีสง่าราศี ฟังจากที่เขาพูด น่าจะเป็ขุนนางในเมืองหลวง ส่วนที่ว่าเหตุใดต้องให้ผู้น้อยไปหาเว่ยอี้ ผู้น้อยเองก็ไม่ทราบเช่นกัน เพียงแต่เขาบอกว่า ขอแค่ผู้น้อยนัดเว่ยอี้ออกมาได้และพาเขาไปซื้อชานม จากนั้นให้ใช้มือััแก้วชานมเพียงหนึ่งครั้งก็พอเ้าค่ะ”
แน่นอนว่าสิ่งที่หลานไฉ่เตี๋ยไม่ได้บอกหยางหนิงก็คือ คนผู้นั้นรับปากว่าหลังจากเื่ราวสำเร็จก็จะพาตนเองไปใช้ชีวิตหรูหราสุขสบายในเมืองหลวง เพียงแต่หลังจากที่ตนเองนัดเว่ยอี้ออกไปตามที่ตกลงกันเรียบร้อยกลับหาคนผู้นั้นไม่เจอ ทำให้หลานไฉ่เตี๋ยไม่พอใจเป็อย่างมาก จึงได้แต่หอบสัมภาระและคิดจะไปตามหาคนผู้นั้นที่เมืองหลวง ขอเพียงตามหาผู้ที่จ้างวานเจอ จากกำไลบนข้อมือของนางและงานที่คนผู้นั้นมอบให้นางทำ อย่างไรเสียคนผู้นั้นก็ต้องให้นางอยู่ที่เมืองหลวง
“เช่นนั้นเ้ารู้หรือไม่ว่าเป็เพราะมือของเ้าที่ัักับแก้วชานม เว่ยอี้ถึงเสียชีวิต!”
“เป็ไปไม่ได้!” หลานไฉ่เตี๋ยคัดค้านเสียงดัง “คนผู้นั้นบอกกับผู้น้อยว่า เขาทายาสลบบนเล็บของผู้น้อย เพียงแค่้าให้เว่ยอี้หมดสติกลางถนนและทำให้เขาเสียหน้า คนผู้นั้นมาหาผู้น้อยก็เพราะรู้ว่าผู้น้อยรูปโฉมงดงามและสืบรู้มาว่าเว่ยอี้ชอบพอผู้น้อยอยู่”
จนถึงตอนนี้ หลานไฉ่เตี๋ยยังคงเชื่อมั่นกับคำพูดของคนผู้นั้นอย่างหัวปักหัวปำ ดังนั้นจึงไม่มีทางยอมรับว่าตนเองทำให้เว่ยอี้เสียชีวิต
อันที่จริงสิ่งที่หลานไฉ่เตี๋ยไม่รู้ก็คือ หลังจากที่นางทำงานสำเร็จ ผู้จ้างวานคนนั้นคิดฆ่านางปิดปาก หากแต่ใครจะรู้ว่าหลานไฉ่เตี๋ยคิดอยากจะนำผลงานไปรายงานเสียเอง คนทั้งสองจึงได้คลาดกัน ต่อมาหลานไฉ่เตี๋ยคิดวู่วามจึงตัดสินใจหอบผ้าหอบผ่อนออกไปตามหาผู้จ้างวานที่เมืองหลวง
แต่ที่น่าขันคือ เฉินเจ๋อิกลับคิดเอาเองว่าเว่ยอี้ทำงานให้กับตน โดยไม่รู้ว่า เว่ยอี้ผู้นี้ได้รับข่าวจากจ้าวเฉียงมาแต่แรกแล้ว และคิดมาตลอดว่าจะได้เงินก้อนนี้มาได้อย่างไร หลังจากได้เงินแล้ว จะหนีตามกันกับหลานไฉ่เตี๋ยไปอย่างไร กลับไม่รู้เลยว่าเื่นี้มีผู้อื่นเข้ามาแทรกแซง
“ดังนั้นจึงไม่มีทางเป็ไปได้!” หลานไฉ่เตี๋ยไม่ยอมรับ “แม้ว่าปกติผู้น้อยจะเอาแต่ใจ แต่ไม่กล้าฆ่าคนแน่! อีกอย่าง นี่ก็แค่เื่ล้อกันเล่น ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร ท่านเป็ถึงขุนนางใหญ่โต แล้วไยจึงได้ใส่ร้ายสตรีตัวเล็กๆ แบบผู้น้อยด้วย”
ชีเหนียงส่ายหน้า มิน่าหลานไฉ่เตี๋ยจึงถูกคนหลอกใช้ ดูได้จากนิสัยที่ไม่มีอะไรมาห้ามปากของนางไว้ได้
“ใต้เท้าหยางพูดความจริง” ชีเหนียงบอกเล่าเื่ราวทั้งหมดให้แก่นาง หลานไฉ่เตี๋ยถึงเริ่มเชื่อบ้าง สำหรับคำพูดของลั่วชีเหนียง นางย่อมเชื่ออยู่แล้ว คงเพราะความใกล้ชิดในหลายวันมานี้ ลางสังหรณ์บอกกับนางว่าชีเหนียงไม่มีทางหลอกนางแน่
แม้ว่าหลานไฉ่เตี๋ยจะกระทำการโดยไม่ตั้งใจ แต่สุดท้ายคนก็ตายด้วยน้ำมือของนางเอง โทษตายเลี่ยงได้ แต่โทษเป็ยากจะหนีพ้น หยางหนิงตัดสินโทษจำคุกนางหนึ่งปีตามกฎหมาย เพียงแต่ชีเหนียงกลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากนี้ หลานไฉ่เตี๋ยจะหวังพึ่งพิงนาง แน่นอนว่านี่เป็เื่ราวหลังจากนั้น
......
ชีเหนียงกลับบ้านอย่างปลอดภัย เดิมทีร่างกายของลั่วจิ่งเฉินก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น จ้าวจือชิงยอมรับความผิดของตนเองกับลั่วชีเหนียง อีกทั้งยอมเปิดเผยสิ่งที่ปกปิดไว้กับชีเหนียงตามตรง
“ข้าประมาทเอง เดิมทีคิดว่าทำเช่นนี้จะดีต่อเ้า แต่กลับไม่รู้ว่าเป็การทำร้ายเ้าทางอ้อม”
นอกจากชีเหนียงจะรับรู้เื่ทั้งหมดแล้วยังได้เข้าใจเหตุผลที่จ้าวจือชิงจึงคิดปิดบังตนอีกด้วย เพียงแต่นางเองก็ไม่รู้ว่าควรรู้สึกดีใจหรือไม่อย่างไร
“เฮ้อ วันหลังห้ามปิดบังข้าก็แล้วกัน” ชีเหนียงลองเปลี่ยนมุมวิเคราะห์ หากเป็ตนเองก็คงตัดสินใจเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้คนข้างกายเป็ห่วง หวังว่าพวกเขาจะมีชีวิตที่สงบสุขร่มเย็น
“เพียงแต่ เ้าบอกว่าเื่เหล่านี้เป็ฝีมือของเฉินเจ๋อิหรือ เพราะเหตุใดกัน?” ชีเหนียงไตร่ตรอง นับั้แ่แรก นอกจากตอนที่ลั่วจิ่งซีถูกหลอกไปยืมเงินจากโรงพนันสือวาน ตนเองช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์และเกิดความบาดหมางกับโรงพนันสือวานแล้ว ก็เหมือนไม่เคยมีประเด็นอื่นกับผู้ใดอีก
-----