บทที่ 147 ผนึกิญญา
วันนี้ ฉู่อวิ๋นออกไปยังตลาดแสนพลุกพล่านเพียงคนเดียว เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเผชิญครั้งต่อไปในลานประลองยุทธ์
เขาจะพยายามสร้างความวุ่นวายอย่างเต็มที่
ลานประลองยุทธ์เป็สถานที่ที่มีนักรบปะปนมากมาย หากอยากก่อความวุ่นวาย ต้องใช้กองกำลังมือที่สาม หรือไม่ก็ต้องมีสมบัติลับให้ทุกคนได้แย่งชิงกัน
แต่เงินทั้งหมดที่ฉู่อวิ๋นมีในตอนนี้คือหินิญญาเพียงหกถึงเจ็ดแสนก้อน ไม่ต้องพูดถึงสมบัติลับ เขาสามารถซื้ออาวุธลึกลับระดับสูงได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
แม้ว่าอาวุธลึกลับระดับสูงจะมีค่าไม่น้อย หลายคนต่างจ้องกันตาเป็มัน แต่หากอยากสร้างความวุ่นวาย นั่นยังนับว่าเป็ฝันกลางวัน
เพราะมีแค่ชิ้นเดียว แม้ว่าจะโยนมันออกไปให้แย่งกัน แต่ก็ถ่วงเวลาได้เพียงชั่วครู่
ดังนั้น ฉู่อวิ๋นจึงตัดสินใจไปที่เรือนสัตว์ปีศาจ และซื้อพวกมันกลับมาจำนวนมาก
ผ่านไปครึ่งวัน เขาใช้หินิญญาไปแล้วกว่าสี่แสนก้อนเพื่อซื้อสัตว์ปีศาจระดับกลางสองร้อยตัว รวมถึงม้วนผนึก ซึ่งแต่ละเล่มมีมูลค่าหินิญญาสองร้อยก้อน
กล่าวได้ว่า หินิญญาส่วนใหญ่สี่แสนก้อน ถูกใช้เพื่อซื้อม้วนผนึกสัตว์ปีศาจไปเสียส่วนมาก
“นักหลอมอาวุธที่ขายม้วนผนึกนี่มันผีดูดเื[1]จริงๆ!”
ฉู่อวิ๋นใส่ม้วนผนึกสองร้อยแผ่นเข้าไปในวงแหวนอวกาศ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เดิมทีเขาวางแผนที่จะซื้อม้วนผนึกเป็พันๆ แผ่น แต่ไม่คิดว่าม้วนผนึกจะแพงหูฉี่ขนาดนี้
“เอาเถอะ ถ้าข้าไม่ช่วยให้เ้ายิงธนูชนะ เ้าจะเอาหินิญญาหลายแหล่นั่นมาจากไหน? เ้าเด็กเวร!” โยวกู่จือกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ใช้เงินราวน้ำไหลเลย…” ฉู่อวิ๋นถอนหายใจ ในใจคิดว่าตนคงเป็เศรษฐีใหม่ แต่ไม่คิดเลยว่าถือไว้ยังไม่ทันหายร้อน หินิญญาก็แทบจะหมดแล้ว
แต่เพื่อช่วยฉู่ซินเหยาแล้ว เขายินดีใช้เงินเป็เทน้ำเทท่า
แน่นอนการที่ฉู่อวิ๋นซื้อสัตว์ปีศาจจำนวนมากจากตลาดต่างๆ ในเมือง หากพวกมันกระจุกตัวอยู่ในที่เดียวกัน ย่อมเป็จุดสนใจและต้องถูกจับไปสอบสวนอย่างแน่นอน
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็ไปซื้อเสื้อผ้าใหม่แบบธรรมดาๆ อีกสองชุด เขาวางแผนจะให้ตัวเองและฉู่ซินเหยาเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีและปลอมตัวเป็คนทั่วไปก่อนที่ความวุ่นวายในลานประลองจะจบลง
ด้วยวิธีนี้ จึงจะสามารถตกปลาในน้ำขุ่นและออกจากเมืองชุยเสวี่ยไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น
ฉู่อวิ๋นเดินมาเรื่อยๆ ถึงอีกตรอกหนึ่ง ก็พบกับโรงประดิษฐ์ ก่อนจะใช้หินิญญาสองแสนก้อนที่เหลือซื้ออาวุธลึกลับระดับต่ำ กระบี่หลี่หั่ว เผื่อใช้ในยามคับขัน
เพราะกระบี่หิมะย่ำรุ้งที่เขามีเป็เสวี่ยหรูเยียนที่มอบให้ หากนำเอามาใช้ก็คงถูกจำได้ทันที
มาถึงตอนนี้ หินิญญาก็ถูกใช้ไปเกือบหกแสนก้อนแล้ว...
“ฟุ่มเฟือย” ฉู่อวิ๋นพ่นคำสองคำออกมาแล้วยกยิ้มเ้าเล่ห์ จากนั้นก็เดินไปตรวจสอบลานประลองยุทธ์อยู่สองสามรอบ หลังจากจำแผนผังอาคารและทางเข้าออกได้ เขาก็เดินกลับไปที่จวนตระกูลเสวี่ย
ทุกอย่างพร้อมแล้ว ขาดเพียงข่าวคราว
แต่ระหว่างทาง โยวกู่จือที่มักจะพูดไม่หยุดมาตลอดกลับเงียบงัน ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เมื่อกลับไปที่ปีกของจวนตระกูลเสวี่ย ฉู่อวิ๋นก็ะโขึ้นไปบนเตียงขนาดใหญ่ที่นุ่มสบาย ถอนหายใจยาวๆ นอนแผ่เป็ตัวอักษรใหญ่[2]มองขึ้นไปบนเพดาน
“เหนื่อยจังเลย…” ดวงตาของฉู่อวิ๋นปิดลง บ่นออกมาโดยไม่รู้ตัว
ในความเป็จริง ด้วยพลังยุทธ์ของเขา เดินทางหลายพันลี้ในหนึ่งวันไม่ใช่ปัญหา แต่ตอนนี้ฉู่ซินเหยายังถูกกักขังอยู่ เมืองชุยเสวี่ยก็มีการป้องกันอย่างแ่า ทั้งยังมีคนจากตระกูลฉู่ที่แข็งแกร่งไม่น้อยอยู่ด้วย การตั้งฐานมั่นอยู่ที่นี่ เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยอันตราย
ฉู่อวิ๋นเหนื่อยใจ ประการแรก เขาไม่สามารถให้คนอื่นรู้ถึงตัวตนของเขาได้ ประการที่สอง เขาต้องต่อสู้กับกองกำลังหลายฝ่ายเพียงลำพังเพื่อหาทางช่วยเหลือฉู่ซินเหยา
ตอนนี้ แม้ว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น และความหวังในการช่วยคนก็เพิ่มมากขึ้น แต่ฉู่อวิ๋นก็ยังรู้สึกอึดอัดและไม่กล้าที่จะผ่อนคลายแม้เพียงสักครู่
เพราะเมื่อผ่อนคลายแล้ว ไม่เพียงแต่พี่สาวแสนรักจะถูกบังคับให้แต่งงาน แต่เขายังอาจจะตกตายอยู่ที่นี่ด้วย
“ฉู่เจิ้นหนาน...เ้าสุนัขเฒ่า! ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะให้เ้าได้เห็นดี!” ฉู่อวิ๋นกำหมัดขวาขึ้นชกเตียงพลางกัดฟันกรอด
เมื่อคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็ฉู่เจิ้นหนานจิ้งจอกเฒ่าที่คิดหาประโยชน์ใส่ตน ฉู่อวิ๋นก็โกรธมาก
“ไอ้หนู”
ในยามนี้ โยวกู่จือก็พูดออกมา น้ำเสียงของเขาดูเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
“ผู้าุโ ทำไมหรือ?” ฉู่อวิ๋นถามพลางถอนหายใจ
“จริงๆ แล้ว... สาวน้อยคนนั้น... ไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของเ้ากระมัง?” ขณะนี้ โยวกู่จือกลายเป็จุดแสงเล็กๆ บินออกจากวงแหวนอวกาศ ลอยอยู่ตรงหน้าฉู่อวิ๋นและถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“ถูกต้อง พี่ซินเหยาไม่ได้เกิดจากท้องของท่านแม่ข้า ท่านพ่อข้าพานางกลับมาเมื่อสิบปีก่อน ตอนที่นางยังอายุเพียงเจ็ดขวบ” ฉู่อวิ๋นพูดพลางหลับตาราวกับนึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก
เขาจำวันนั้นได้ คราที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ สวมชุดสีขาวสะอาดตาเดินมาที่ลานด้านตะวันออกด้วยอาการสั่นกลัว
ในเวลานั้น แม้ว่าฉู่ซินเหยาจะยังเด็ก แต่นางก็เป็เด็กผู้หญิงที่อ่อนหวานและอ่อนโยน เป็คนงามที่ดึงดูดความสนใจของเด็กชายแสนซุกซนหลายคนในตระกูล
แต่ฉู่อวิ๋นที่เดิมทีก็เป็คนน่าเบื่อ คลั่งไคล้ในกระบี่ ไม่สนใจเื่ระหว่างชายหญิง และดูท่าคล้ายทึ่มทื่อ
หากในตอนนั้นไม่เกิดเื่เช่นนั้นขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉู่ซินเหยาในตอนนี้ คงไม่แน่นแฟ้นลึกซึ้งถึงเพียงนี้
“เ้าหนู ข้าไม่ได้จะว่าเ้านะ แต่เ้าต้องรู้ว่าเ้ากำลังทำอะไรอยู่ เพื่อพี่สาวที่ไม่ใช่ญาติทางสายเื เ้ากำลังต่อกรกับผู้แข็งแกร่ง ต่อต้านกองกำลังใหญ่ และต่อต้านโลกใบนี้”
“มันคุ้มหรือ?” โยวกู่จือถามด้วยเสียงแหบชรา ขัดจังหวะย้อนความทรงจำของฉู่อวิ๋น
“ไม่ว่าจะอย่างไร ตราบใดที่ข้าคือฉู่อวิ๋นและนางคือฉู่ซินเหยา มันก็คุ้ม!”
“ถึงแม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็จะไม่เสียใจ!”
ทันใดนั้น ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เปล่งประกาย หัวใจของเขาสั่นไหว เขากำหมัดแน่นพลางพูด น้ำเสียงมีกลิ่นอายแข็งกร้าวจนสามารถทำลายน้ำแข็งตัดหิมะได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“เฮ้อ...” โยวกู่จือถอนหายใจยาวแล้วเอ่ยว่า “แม้ว่าพี่สาวของเ้าจะออกไปที่ลานประลองยุทธ์หาเ้าได้จริงๆ และเ้าก็โชคดีสร้างความปั่นป่วนที่นั่นได้จริงๆ แต่ผลที่เกิดขึ้น อาจไม่เป็อย่างที่ปรารถนา..”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “ผู้าุโ ท่านที่มั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด ไม่เคยยอมจำนนต่อโชคชะตา แต่ตอนนี้กลับมาพูดเช่นนี้กับเด็กน้อยเช่นข้า เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“เฮ้อ…”
โยวกู่จือถอนหายใจอีกครั้ง ลอยมาอยู่ตรงหน้าฉู่อวิ๋นและพูดว่า “เ้าไม่รู้หรอกว่าผู้แข็งแกร่งขั้นพื้นพิภพจะมีพลังขนาดไหน เื่ต่างๆ ไม่ง่ายอย่างที่เ้าคิด”
ฉู่อวินลุกขึ้นนั่ง ทำให้เตียงส่งเสียงดังเอี๊ยดออกมา “ในตอนนี้ นี่เป็วิธีเดียวที่ข้าสามารถทำได้ สนใจไปใยว่าจะขั้นพื้นพิภพหรือขั้นเทียมฟ้า ต่อให้พญายมราชมาเอง ข้าก็ไม่เปลี่ยนใจ”
ขณะที่พูด ฉู่อวิ๋นก็กำหมัดจนซีดขาว ดวงตาเข้มขึ้น
“ช่วยคนอายุสั้น คุ้มหรือ?”
ทันใดนั้น โยวกู่จือก็พูดอะไรบางอย่างออกมาอย่างสะท้อนใจ ทำให้ฉู่อวิ๋นเบิกตากว้างทันที “อายุสั้นหรือ? ผู้าุโท่านกำลังพูดถึงใคร? พี่สาวของข้าหรือ?”
เมื่อเห็นท่าทางเป็กังวลของฉู่อวิ๋น น้ำเสียงของโยวกู่จือก็เปลี่ยนไป แต่เขาเปลี่ยนเื่และพูดว่า “เ้าหนู เ้ารู้หรือไม่ว่าคำสาปผนึกิญญาคืออะไร?”
“คำสาปผนึกิญญา? ข้าไม่รู้...ผู้าุโ โปรดบอกข้า!” ฉู่อวิ๋นรู้สึกไม่สบายใจพิกล
โยวกู่จือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจ “คำสาปผนึกิญญาเป็ทักษะลับที่เก่าแก่มากทางพลังิญญา และยังเป็วิธียับยั้งที่ร้ายกาจและชั่วร้ายมากอีกด้วย"
“ขอเพียงมีคนถูกคำสาปผนึกนี้เข้า ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถปลุกิญญายุทธ์ได้ แต่ความสามารถทั้งหมดของพวกเขาจะถูกระงับ ร่างกายจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ ไม่เกินสามปี จิติญญาของคนผู้นั้นจะแตกซ่าน เหลือเพียงร่างศพเย็นชืด”
“ผู้... ผู้าุโ! ท่านหมายความว่าอย่างไร?…” ฉู่อวิ๋นเริ่มตื่นตระหนกขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ฟัง ดวงตาของเขาก็สั่นไหว หัวใจเต้นระรัว
“เฮ้อ... พี่สาวของเ้า... โดนคำสาปผนึกิญญา” โยวกู่จือถอนหายใจและพูดต่อ “แต่เห็นได้ชัดว่าเครื่องหมายคำสาปของพี่สาวเ้าถูกฝังอยู่ในิญญาั้แ่เมื่อสิบปีที่แล้ว ทว่ากลับมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ได้ นับว่าเป็ปาฏิหาริย์”
“แต่นี่ก็ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะจากที่ข้าสังเกต ตอนนี้ิญญาของนางอ่อนแอมาก คล้ายจะสลายหายไปเมื่อใดก็ได้ ภายในหนึ่งเดือน นางจะสิ้นลมอย่างแน่นอน”
“ไม่มีทาง... ไม่มีทาง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของโยวกู่จือ ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็ขุ่นมัวขึ้นมาทันที หมัดของเขาสั่นด้วยความตระหนก กัดริมฝีปากจนห้อเื
แม้ว่าปากจะปฏิเสธ แต่เขาก็รู้ดีว่าตาเฒ่าคนนี้ไม่มีทางหลอกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งหนึ่งเขาเคยป้อนยาเม็ดหิมะให้ฉู่ซินเหยา ในตอนนั้นเขาก็เห็นสายรัดคอสีดำสนิทรอบคอของนาง
เมื่อลองคิดดูดีๆ นั่นก็คือคำสาปผนึกิญญา
ในที่สุด ฉู่อวิ๋นก็เข้าใจแล้วว่าสาเหตุที่ฉู่ซินเหยามีอาการซึมเศร้า และอาการยังไม่ดีขึ้นแม้จะกินยาไปแล้ว ก็เพราะนางถูกสาปั้แ่ครั้งยังเด็ก
ใครกันแน่? ร้ายกาจเช่นนั้นเชียวหรือ?! แล้วฉู่ซานเหอพ่อของเขาพาฉู่ซินเหยามาจากที่ไหน?
เหตุใดพี่ซินเหยาจึงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตนเองตอนก่อนอายุแปดขวบ ราวกับว่าสูญเสียความทรงจำไป
“ทำไม... ทำไมกัน?!” ฉู่อวิ๋นเอามือกุมหัว กัดฟันและดูใมาก
เก็บความลับที่ถูกเปิดเผยไว้ก่อน ตอนนี้สิ่งที่ทำให้ฉู่อวิ๋นรู้สึกเศร้าและโกรธมากที่สุด คือฉู่ซินเหยาเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนเท่านั้น
“เ้าหนู สงบสติอารมณ์หน่อยเถอะ แม้ในยุครุ่งเรืองของข้า ข้าเองก็แก้คำสาปผนึกิญญานี้ไม่ได้”
“แม้ว่าเ้าจะโชคดีช่วยเหลือสาวน้อยคนนั้นได้จริง แต่นาง... นางก็จะอยู่ได้ไม่นาน”
“เห็นแก่ที่เ้าเคยช่วยข้าออกมาจากเสาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอเตือนเ้าว่าบางทีการยอมแพ้ในตอนนี้อาจจะเป็ทางเลือกที่ฉลาดกว่า และหากเ้าช่วยข้าหาตระกูลเจอได้ เมื่อข้าฟื้นคืนความแข็งแกร่ง ย่อมช่วยเ้าถล่มสถานที่แห่งนี้แน่นอน!”
“ไม่” ฉู่อวิ๋นส่ายหัวอย่างเด็ดเดี่ยว สายตาคมกริบ “ต่อให้พี่ซินเหยาจะมีชีวิตได้อีกเพียงวันเดียว ข้าก็ยังจะช่วยนาง! ข้ารู้ว่านางกำลังรอข้าอยู่ ข้าจะปล่อยให้นางทนทุกข์ทรมานไม่ได้!”
“ข้ารู้ว่าเด็กดื้ออย่างเ้าไม่มีทางฟังข้าหรอก”
โยวกู่จือยกยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “แต่ในเมื่อเ้าตัดสินใจช่วยพี่สาว เช่นนั้น... ข้าก็จะบ้าไปกับเ้า!"
ขณะที่พูด โยวกู่จือก็บินไปรอบๆ ห้องพร้อมแสงสว่าง ราวกับว่าเืของเขากำลังเดือด เขาดูตื่นเต้นมาก
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจ จากนั้นก็เผยแววตาแน่วแน่และพูดกับตัวเอง “พี่ซินเหยา ท่านต้องเชื่อข้า! รอข้านะ!"
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในวันต่อมา ฉู่อวิ๋นก็ได้รับข่าวว่าฉู่ซินเหยาจะเดินทางชมเมืองชุยเสวี่ยพร้อมกับพี่น้องตระกูลเสวี่ย!
“โอกาสมาถึงแล้ว!” ฉู่อวิ๋นหายใจเข้าลึกๆ เก็บอุปกรณ์ทั้งหมดแล้วติดตามเสวี่ยหรูเยียนออกไป
---------
[1] ขูดเืขูดเนื้อ
[2] 大 แปลว่า ใหญ่ มาก