ตลอดสามวัน เย่เฟิงได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านอย่างผ่อนคลาย และคอยดูแลหลงหว่านเอ๋อร์เรียนรู้การใช้งานกำไลหยกิญญา ด้วยการแนะนำของเย่เฟิงที่อยู่ข้างกาย หลงหว่านเอ๋อร์จึงใช้งานเครื่องรางกันภัยอันนี้ได้โดยเร็ว
เธอคิดว่าการถูกพิษก่อนหน้านี้ทำให้เย่เฟิงต้องมีปัญหา ทำให้เธอตัดสินใจแน่วแน่ว่าตนจะไม่เป็ภาระของเขาแต่จะต้องเป็ผู้ช่วยของเย่เฟิงให้ได้
ตลอดสามวันที่ผ่านมา จื่อเจี้ยนหลานกับหญิงสาวทั้งสองและคุณน้าค่อยๆ สนิทสนมกัน หลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหานเห็นว่าเย่เฟิงและจื่อเจี้ยนหลานไม่ได้มีท่าทีน่าสงสัย จึงโล่งอกและปฏิบัติต่อจื่อเจี้ยนหลานเหมือนเป็น้องสาวคนเล็กของพวกเธอ
แท้จริงแล้วในพวกเธอสามคน ซูเมิ่งหานคือคนที่อายุน้อยที่สุดและห่างจากจื่อเจี้ยนหลานครึ่งปี แต่เพราะจื่อเจี้ยนหลานเรียกเย่เฟิงว่า ‘พี่ใหญ่เย่’ เพื่อให้เกียรติเหล่าแฟนสาวของเย่เฟิงแล้ว เธอทำได้เพียงเรียกพวกเธอว่าพี่สาวเท่านั้น
ในสามวันนี้ เย่เฟิงกับเหล่าหญิงสาวต่างปลอดภัย แน่นอนว่าตอนนี้ทั่วยุทธจักรปั่นป่วนไปหมด สาเหตุมาจากการทำลายล้างสำนักอิ่นเซียนซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานโดยเย่เฟิง ในคืนนั้น เย่เฟิงต่อสู้กับผู้าุโทั้งสี่คนอย่างดุเดือดและสังหารพวกเขา สุดท้ายยังสังหารเ้าสำนักอิ่นเซียนฉีหลินจืออย่างง่ายดายด้วยวิชากระบี่ลึกลับ ในที่สุดก็สร้างชื่อเสียงเลื่องลือ!
ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทุกที่ในยุทธจักร แต่คนของหน่วย NSA ยังคงติดตามคุ้มครองเย่เฟิง ตอนนี้เมืองหลินไห่ถูกล้อมและมีการตามหาเหล่าศิษย์ข้างนอกของสำนักอิ่นเซียนเพื่อนำมาลงโทษทั้งหมด
คนเหล่านี้ถูกฉีหลินจือและผู้าุโคุมกฏหลี่เทียนส่งมาเพื่อลอบสังหารเย่เฟิง ต่อมาด้วยเื่คืนนั้น สำนักอิ่นเซียนโฉมใหม่ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของผู้าุโเจี้ยนอี้เซิงก็เรียกตัวคนเหล่านี้กลับไป
พวกเขาไปรวมตัวกันทีู่เาคั่วชาง และพบว่าทางเข้ากลับถูกตัดขาด จึงรั้งอยู่ในเมืองหลินไห่ แต่คนของหน่วย NSA ก็มากวาดล้าง แน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่เหลือเวลามากพอจะทำอะไรเพื่อหนีโทษปะาชีวิต
ยุทธจักรต่างเรียกเหตุการณ์นี้ว่า ‘สำนักอิ่นเซียนพลิกโฉม’
เื่ที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนที่้ากำจัดเย่เฟิงล้วนต้องปิดปากในทันที เริ่มแรกคนทั้งหมดคิดว่าเย่เฟิงพึ่งพาตาเฒ่าเย่เวิ่นเทียนและหลงโม่หรานจากตระกูลหลง จนกระทั่งตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าตัวเย่เฟิงเองร้ายกาจเป็พิเศษ!
ในบางมุมยังแข็งแกร่งกว่าเย่เวิ่นเทียนอีกด้วย อย่างน้อยเย่เวิ่นเทียนก็ไม่สามารถทำลายล้างสำนักอิ่นเซียนโดยลำพัง แต่ทำได้แค่รอดชีวิตออกไปเท่านั้น มันจำเป็ต้องจัดการด้วยความระมัดระวังและมีไหวพริบ ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งเท่านั้น มิฉะนั้นด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนคงถูกสังหารตาย
เกี่ยวกับสาเหตุของความสำเร็จที่เย่เฟิงกระทำการนี้ ผู้คนทั้งหมดในยุทธจักรต่างพุ่งเป้าไปยังจื่อเจี้ยนหลาน
ฉีหลินจือประกาศเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยต่อศิษย์สำนักอิ่นเซียนล่วงหน้า หญิงผู้นั้นก็คือ จื่อเจี้ยนหลาน และตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่า ปัจจุบันเย่เฟิงมีสาวสวยไร้ที่เปรียบอยู่ข้างกาย
เื่การต่อสู้ของเย่เฟิงที่เฉินฮุยถูกต่อยกระเด็นในวันนั้นไม่ได้แพร่ออกไป
เฉินฮุยไม่ยอมเสียหน้าแน่ เห็นได้ชัดว่าเย่เฟิงอ่อนวัยกว่าเพียงห้าปี ระดับวรยุทธ์แค่สิบกว่าปีเท่านั้น แต่กลับรวดเร็วกว่ามาก เพียงพริบตาเขาก็ถูกต่อยกระเด็น หากเื่นี้แพร่ออกไป เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
เฉินฮุยสั่งให้สหายทั้งสี่คนในวันนั้นหุบปากให้สนิท ห้ามเปิดเผยเื่ในวันนั้นออกไป หลังจากกลับสำนักก็เล่าเื่นี้กับพ่อของตน พ่อของเขาคือเฉินเจี้ยนสยง อายุห้าสิบห้าปี อยู่ใน่รุ่งโรจน์ เป็ถึงหนึ่งในแปดผู้าุโของตำหนักไท่จี๋ สถานะเทียบเท่าตาเฒ่าหลี่เสวียน
เฉินเจี้ยนสยงได้ยินลูกชายบอกว่าถูกเย่เฟิงต่อยกระเด็นในการต่อสู้ตัวต่อตัวก็ไม่โกรธอะไร แต่ดูสงบนิ่ง เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับข่าวลือของเย่เฟิงถูกพิจารณาดูแล้ว ผลสรุปที่ได้คือเย่เฟิงมีโอกาสเป็ชายหนุ่มที่ยากจะจินตนาการได้ ตัวเฉินฮุยในปัจจุบันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
เฉินฮุยได้ยินเื่นี้ก็ค่อนข้างไม่พอใจ เฉินเจี้ยนสยงจึงฟาดลูกชายด้วยพัดในมือพลางตำหนิ “แกคิดว่าแกเก่งกาจที่สุดในโลกนี้แล้วหรือ?”
การฟาดด้วยพัดครั้งนี้คือการเตือนสติเฉินฮุย!
ได้ยินว่าหลี่เสวียนเฝ้ารอเย่เฟิงเพราะเื่ของหลิงเฉิน เฉินเจี้ยนสยงจึงหารือกับหลี่เสวียนตลอดทั้งคืน และตัดสินใจว่า่เวลานี้จะไม่ไปตอแยเย่เฟิง หลังจากสองเดือนเย่เฟิงจะต้องมาอธิบายเื่หลิงเฉิน
ตำหนักไท่จี๋จัดเตรียมกองกำลังอย่างเข้มงวดรวดเร็ว
สามวันต่อมา
หลินซือฉิงผู้รับผิดชอบการแสดงเครื่องประดับเปิด งานที่ศูนย์การแสดงสินค้านานาชาติ ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิง
งานแสดงสินค้าดำเนินการได้อย่างราบรื่น หลินซือฉิงจัดการทุกอย่างที่เกี่ยวข้องได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็สถานที่จัดงาน จำนวนผู้เข้าร่วม เอกสารการรับรอง ฯลฯ ทำให้เห็นถึงความสามารถของเธอที่ไม่เป็สองรองใคร
เริ่มแรกคนส่วนใหญ่คิดว่างานแสดงสินค้าคงไม่ดีนักเพราะไดมอนด์กรุ๊ปถอนตัวไป และบอกต่อกันไปตลอดสามวันที่ผ่านมา แต่กลับคึกคักร้อนแรงอีกครั้งเมื่อเทียบกับการโฆษณาก่อนหน้านี้เพียงเพราะ ‘เพชรจักรพรรดิ’
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินซือฉิงจะโฆษณาสินค้าชิ้นหนึ่งที่น่าเหลือเชื่อ ‘เพชรจักรพรรดิ!’
จำเป็ต้องรู้ว่าเครื่องเพชรชุดนี้หายากมาก คนรวยก็ซื้อไม่ได้ มันไม่มีแหล่งหาซื้อเลย เื่นี้ดึงดูดเหล่าชนชั้นสูงของเยี่ยนจิงและเหล่าคนดังแห่งปีหรือลูกหลานของเศรษฐีทั้งหมด ทำให้พวกเขาตัดสินใจมาดูด้วยตาตัวเองเมื่องานแสดงสินค้าเริ่มขึ้น
แม้จะไม่สามารถเพชรจักรพรรดิได้ แต่สามารถยลโฉมเพชรที่สวยงามนั้นได้ก็พอ!
เนื่องจากเพชรนี้ เหล่าคนมีอำนาจคงมารวมตัวกันที่นี่ ทุกคนต่าง้าทำความรู้จักกันเพื่อต่อยอดธุรกิจ ดังนั้นตอนเช้าวันนี้ ทางเข้าศูนย์แสดงสินค้าจึงเต็มไปด้วยรถหรูหรา ภาพฝูงชนคึกคัก
อย่างไรก็ตามหลังจากผู้คนมากมายเข้าไปแล้ว แต่กลับพบว่างานแสดงไม่เป็ดังคำโฆษณา บางบูธแทบว่างเปล่าจนทำให้พวกเขาเกิดความสงสัย
หลังจากทุกคนแลกเปลี่ยนความเห็นกัน พลันรู้ว่าสาเหตุเริ่มแรกเป็เพราะผู้รับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยทำให้พวกบริษัทค้าอัญมณีหลายรายเข้าร่วมน้อยลง แต่โชคดียิ่งนัก พวกคนมีอำนาจทางราชการที่มาร่วมงานต่างไม่สนใจพวกเพชรธรรมดา สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือเพชรจักรพรรดิ
หลินซือฉิงมองบูธที่ค่อนข้างว่าง คิ้วงามขมวดเล็กน้อย ความจริงเธอทำงานการกุศล แต่เพราะเย่เฟิงควบคุมอำนาจการรักษาความปลอดภัย ร่วมกับการขัดขวางโดยหลายคนจากตระกูลหลิน ทำให้บริษัทค้าอัญมณีหลายแห่งถอนตัวจากงานแสดงสินค้าเกินครึ่ง เกินกว่าการคาดการณ์ของหลินซือฉิง เื่เหล่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะการเล่นสกปรกโดยคนของหลินเหรินเทียน หลินซือฉิงไม่เชื่อเด็ดขาด
ถึงโฆษณาเช่นนี้แล้วแต่งานแสดงสินค้าก็ยังมีผู้เข้าร่วมน้อยลง เนื่องจากเพชรจักรพรรดิดึงดูดผู้คนมากมายแต่ผลสุดท้ายก็คงออกมาไม่ดีนัก
งานแสดงสินค้าเริ่มต้นอย่างเป็ทางการ หลินซือฉิงยืนอยู่ใกล้บูธแสดงสินค้า และเห็นกลุ่มประธานไดมอนด์กรุ๊ปจูอี้ฉวินพูดคุยกันอยู่ ทั้งสองฝ่ายต่างมีท่าทางไม่พอใจ
หลินซือฉิงใส่เสื้อเชิ้ตคอวีและกระโปรงสีดำ ทำให้เต็มไปด้วยความเซ็กซี่แบบสาวใหญ่ ร่างงดงามดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย แต่ตอนนี้คิ้วเข้มของเธอขมวดแน่นพลางจ้องจูอี้ฉวินซึ่งกำลังยิ้ม คนคนนี้จะไม่หน้าด้านเกินไปหน่อยเหรอ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้