หลังจากกลับบ้านเดิมไปแม่เฒ่าจางก็กลับมาที่หมู่บ้านตระกูลสือพร้อมกับชายวัยกลางคนในชุดนักพรตเต๋าท่าทางเคร่งขรึมของเขาดูน่าเลื่อมใสขึ้นมาก ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าจางให้จางซานเหนียงซื้อของกลับมาทำพิธีตามที่นักพรตสั่ง ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลสือที่ไม่ได้ออกไปทำงานต่างมามุงดูว่าคนตระกูลหลิวกำลังจะสร้างเื่อะไรอีก
หลังจากที่รู้ว่าแม่เฒ่าจางจ้างนักพรตมาปราบิญญาหลิวตงเฟิงบางคนก็ไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังคงมุงดูด้วยความสนุก เมื่อผู้ติดตามตั้งโต๊ะทำพิธีเสร็จแล้วนักพรตก็เริ่มสวดบริกรรมคาถาที่ไม่มีใครเข้าใจ
วันนี้หลิวตงจวิ้นเข้าเมืองไปขายสัตว์ป่า เจิ้งซูอี้จึงอยู่ที่บ้านเป็เพื่อนแม่นางหวัง ภรรยาของอู๋เซียนเว่ยมาะโเรียกพวกนางอยู่ที่หน้าเรือน
“มีอะไรหรือเ้าคะท่านอาสะใภ้อู๋”
เจิ้งซูอี้ถามนางอย่างสงสัย
“คนตระกูลหลิวจ้างนักพรตมาปราบิญญาของปู่เ้าตอนนี้กำลังทำพิธี รีบไปดูเร็ว”
เจิ้งซูอี้เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนกำลังดิ้นรนคิดหาทางออกให้ตัวเองสินะ ไม่ได้หรอกข้าไม่มีทางปล่อยพวกเ้าให้อยู่อย่างสงบสุขได้ง่ายๆ เจิ้งซูอี้ตามสะใภ้ตระกูลอู๋ไปดูเื่สนุกส่วนแม่นางหวังท่านแม่ของหลิวอันอันและหลิวซีฮันอยู่ที่เรือนไม่ได้ตามมาด้วย
เสียงสวดบริกรรมคาถายังดังไม่หยุด เมื่อชายวัยกลางคนในชุดนักพรตลืมตาขึ้น เขาก็หยิบกระบี่ไม้ร่ายรำไปมาด้านหน้าของเขามีหุ่นฟางตัวเล็กๆ วางอยู่ นักพรตใช้เืไก่เขียนยันต์ขึ้นมาจากนั้นจึงนำไปแปะที่หุ่นฟาง
ปากของเขาก็ยังบริกรรมคาถาวาดกระบี่ไปมาอยู่หน้าหุ่นฟางไม่หยุด เพียงไม่นานหุ่นฟางตัวเล็กก็มีไฟลุกท่วมชาวบ้านที่มามุงดูต่างใะโหนีคนละทาง
“เกิดอะไรขึ้น หรือว่านักพรตทำลายดวงิญญาของหลิวตงเฟิงได้จริงๆ”
ชาวบ้านต่างหันมาคุยกันถึงสิ่งที่พวกตนกำลังมองดูอยู่ เจิ้งซูอี้ยืนอยู่ด้านหลังของเหล่าชาวบ้านมองดูการกระทำของนักพรตลวงโลกแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ท่าทางแม่เฒ่าจางจะหมดสิ้นหนทางแล้วจริงๆ ถึงได้ยอมถูกนักพรตนั่นหลอกเช่นนี้
“ิญญาร้ายของหลิวตงเฟิงตอนนี้ได้ถูกข้าสะกดเอาไว้แล้ว”
นักพรตเอ่ยออกมาเสียงดัง จากนั้นเขาจึงหยิบข้าวสารในถ้วยที่ผู้ช่วยนำมาวางเอาไว้ด้านหน้าเขาสาดไปทั่วบริเวณรอบๆ เรือตระกูลหลิว
“ต่อจากนี้ไปหลิวตงเฟิงจะกลับมาก่อกวนคนตระกูลหลิวอีกไม่.....”
นักพรตยังไม่ทันพูดจบบางอย่างก็พุ่งตรงมาที่หน้าผากของเขา ก้อนหินขนาดเท่าหัวแม่มืออีกหลายก้อนพุ่งไปที่นักพรตและผู้ช่วย จากนั้นก็มีลมพัดหอบใหญ่พุ่งไปที่โต๊ะทำพิธีสิ่งของที่วางเอาไว้ล้มระเนระนาด
จากนั้นไม่นานโต๊ะตัวใหญ่ก็ะเิแยกออกจากกันเป็สองเสี่ยง ชาวบ้านต่างตกตะลึงในสิ่งที่พวกเขากำลังเห็น หลังจากที่ได้สติกลับมาความโกลาหลก็เกิดขึ้น พวกเขารีบวิ่งหนีตายออกไปจากเรือนตระกูลหลิวเพราะกลัวว่าิญญาของหลิวตงเฟิงจะมาแก้แค้นพวกตน
นักพรตและผู้ช่วยเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ทั้งสองคนไม่แม้แต่จะเก็บของรีบหอบชุดวิ่งหนีออกจากหมู่บ้านตระกูลสือไป
“เดี๋ยวก่อนท่านนักพรตอย่าพึ่งไปกลับมาทำพิธีให้เสร็จก่อน”
แม่เฒ่าจางวิ่งตามนักพรตและผู้ช่วยไป นางจะปล่อยให้พวกเขาหนีไปเช่นนี้ไม่ได้ นางจ่ายไปตั้งห้าตำลึงเชียวนะถึงอย่างไรนักพรตก็ต้องทำพิธีต่อให้เสร็จ
“แม่เฒ่าข้าทำพิธีต่อไม่ไหวจริงๆ ิญญาอาฆาตรุนแรงมากพวกเ้าไปทำสิ่งไม่ดีต่อเขาเอาไว้ใช่หรือไม่”
แม่เฒ่าจางดึงชุดนักพรตเอาไว้ไม่ปล่อย นักพรตก็พยายามดึงมันกลับมาทั้งสองยื้อแย่งกันอยู่เช่นนั้น
“จะได้อย่างไรท่านรับเงินจากข้าไปแล้วนะ”
แม่เฒ่าจางไม่ยอมยังคงพยายามยื้อยุดเขาอยู่อย่างนั้น นักพรตถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ เขาหลอกลวงคนมาหลายปีไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน หากว่ามีิญญาอาฆาตจริงเช่นนั้นเขาเองก็ไม่อยากยุ่งด้วย เงินเพียงห้าตำลึงแลกกับชีวิตของเขามันไม่คุ้มเอาเสียเลย นักพรตหยิบถุงเงินออกจากแขนเสื้อจากนั้นจึงโยนให้แม่เฒ่าจาง แม้แต่ชุดนักพรตเขาก็ไม่เอาถอดให้นางไปเลยจางนั้นจึงรีบออกจากหมู่บ้านตระกูลสือไป
แม่เฒ่าจางมองถุงเงินและชุดนักพรตในมือของตนนางได้แต่ยืนตะลึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป เจิ้งซูอี้เดินผิวปากกลับมาที่เรือนของตนอย่างอารมณ์ดี แม่นางหวังที่เป็ห่วงก็สอบถามเื่ราวกับนาง เจิ้งซูอี้เล่าให้ฟังแบบไม่ตกหล่นเหมือนแม่นางหวังยืนมองดูเหตุการณ์ด้วยตนเอง
“ทำเช่นนี้ได้อย่างไร ถึงอย่างไรท่านพ่อก็เป็หนึ่งในคนตระกูลหลิวพานักพรตมาปราบเช่นนี้ก็เหมือนพยายามทำลายวงศ์ตระกูลของตนเองมิใช่หรือ”
แม่นางหวังเอ่ยออกมาอย่างไม่สบายใจ
“แล้วิญญาของท่านพ่อตอนนี้จะเป็อย่างไรบ้าง คงจะอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้เพราะคนเ่าั้ไปก่อกวนเป็แน่ ไม่ได้ละเราต้องทำอะไรสักอย่าง”
เจิ้งซูอี้ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ จะเป็อย่างไรเล่าก็คงยังสุขสบายอยู่นั่นแหละเพราะเื่ทั้งหมดเป็นางที่สร้างสถานการณ์ขึ้นมาเอง แม่นางหวังกลับเข้าไปในห้องเตรียมธูปและกระดาษเงินกระดาษทองที่เหลือมาจากครั้งที่แล้วตั้งโต๊ะจุดธูปไหว้และเผากระดาษเงินกระดาษทองส่งให้หลิวตงเฟิงอีกครั้ง
“ฮัดเช้ย!!”
หลายวันมานี้แม่ทัพใหญ่เอาแต่จามติดต่อกันไม่หยุด ดูเหมือนคนเหล็กก็มีวันที่ป่วยเหมือนคนธรรมดาเช่นกันนะ เหล่าทหารใต้บังคับบัญชามองมาที่เขาเป็ตาเดียว
หลิวตงจวิ้นกลับมาที่เรือนได้ฟังเื่ที่แม่นางหวังเล่าให้ฟังเขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“นี่ต้องทำกันถึงขั้นนี้เชียวหรือ ท่านพ่อของข้าตายไปแล้วเหตุใดไม่ปล่อยให้ท่านอยู่อย่าสงบสุข พวกเขานี่มันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ แม้แต่คนตายก็ไม่ละเว้น”
หลิวตงจวิ้นสบถออกมาด้วยความหัวเสีย เจิ้งซูอี้ฟังทั้งสองคนคุยกันอยู่ห่างๆ ตอนที่นางไปที่เรือสกุลหลิวนางเห็นหลิวฟู่เฉิงผ่านทางหน้าต่างเขากำลังยืนอยู่ในห้องเฝ้ามองนักพรตทำพิธี คนที่เป็ตัวการครั้งนี้คงจะเป็เขาเองสินะเช่นนั้นคืนนี้นางคงต้องไปเยี่ยมเขาสักหน่อย เจิ้งซูอี้วางแผนเล่นงานหลิวฟู่เฉิงในใจ
กลางดึกหลังจากที่ทุกคนนอนหลับไปจนหมดแล้วเจิ้งซูอี้ก็พุ่งไปที่เรือนสกุลหลิว นางจุดกำยานยาสลบที่แอบซื้อเก็บเอาไว้ตอนเข้าเมืองที่หน้าต่างห้องของหลิวฟู่เฉิงนางนั่งรอสักพักให้ยาออกฤทธิ์จึงเ้าไปในห้อง
เจิ้งซูอี้ใช้แสงจันทร์ด้านนอกที่ส่องมาทางหน้าต่างทำให้มองเห็นภายในห้องได้ดี ห้องที่ดูสะอาดสะอ้านถูกจัดเอาไว้อย่างดีมีตู้เสื้อผ้าโต๊ะเขียนหนังสือ แตกต่างจากห้องเล็กๆ ที่หลิวอันอันและครอบครัวต้องนอนรวมกันตอนอยู่ที่ตระกูลหลิว ที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ไม่ต่างจากห้องเก็บฟืนเลย ทั้งชื้นและเย็นตลอดทั้งปีไม่มีแดดส่องผ่าน เจิ้งซูอี้กระชากหลิวฟู่เฉิงที่นอนหลับไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ของกำยานยาสลบ
นางประเคนกำปั้นไปที่เบ้าตาของเขาทั้งสองข้างทั้งยังตัดผมเขาจนแหว่งไปหลายที่จากนั้นจึงแบกเขามาทิ้งเอาไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางหมู่บ้านแล้วจับเขาถอดเสื้อผ้าออกจนเปลือยล่อนจ้อน
เช้าวันต่อมาคนแรกที่เห็นหลิวฟู่เฉิงคือหญิงวัยกลางคนที่กำลังเปิดประตูหน้าเรือน
“กรี๊ด!!!ผะ..ผี!!ชีเปลือย”
นางกรีดร้องออกมาเสียงดังจนคนในบ้านต้องรีบวิ่งออกมาดู
“เกิดอะไรขึ้นเหตุใดถึงได้ร้องเสียงดังเช่นนี้”
นางชี้นิ้วอันสั่นเทาไปที่ร่างเปลือยเปล่านอนแผ่หราอยู่ไม่ไกล สามีของนางจึงหยิบไม้ไผ่ที่พิงอยู่ข้างรั้วค่อยๆ เดินเข้าไปดู เขาใช้ไม้ไผ่สะกิดร่างเปลือยเปล่าเบาๆ
หลิวฟู่เฉิงที่ไม่ได้ใส่อะไรเอาไว้เลยนอนแผ่หราอยู่กลางหมู่บ้านจึงค่อยๆ ได้สติกลับมา หลายคนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงวัยกลางคนก็รีบวิ่งเข้ามาดูเช่นเดียวกัน ไม่มีใครจำได้ว่าเขาเป็ใครเพราะใบหน้าที่บวมช้ำเหมือนหัวหมูของเขา
เมื่อหลิวฟู่เฉิงฟื้นคืนสติเห็นสภาพของตนเองเขาก็ร้องโหยหวนออกมาดั่งหมูถูกเชือด ชาวบ้านบางคนที่อาศัยอยู่ใกล้เรือนสกุลหลิวจำเสียงของเขาได้จึงรีบไปตามให้คนสกุลหลิวมาดูเขาสักหน่อย
“แม่เฒ่าจางหลานชายของเ้านอนเปลือยกายอยู่กลางหมู่บ้านแน่ะ รีบไปดูเขาเร็วเข้า”
แม่เฒ่าจางที่พึ่งตื่นก็รีบวิ่งตามคนข้างบ้านของนางไปทันที เมื่อไปถึงเขาก็เห็นหลานชายคนโปรดนั่งขดตัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางหมู่บ้าน สภาพของเขาดูอเนจอนาถยิ่งนักนางรีบถอดชุดคลุมของตนออกมาห่มให้เขาทันที
“พวกเ้ามุงดูอะไรกันแยกย้ายไปให้หมด”
แม่เฒ่าจางตวาดเสียงกร้าว ชาวบ้านที่มาดูเื่สนุกแต่เช้าได้แต่ถอยห่างให้นางพาหลานชายกลับเรือนของพวกเขาไป
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่เฉิงเอ๋อเหตุใดหลานถึงได้ไปนอนเปลือยกายอยู่ที่นั่น”
เมื่อกลับเข้ามาในเรือนแม่เฒ่าจางก็ซักถามหลิวฟู่เฉิงทันที
“ข้าไม่รู้”
หลิวฟู่เฉิงเอ่ยเสียงเบา เขาไม่รู้สึกตัวจริงๆ ว่าไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็นอนเปลือยกายอยู่ที่นั่นแล้ว อีกทั้งใบหน้าของเขาที่รู้สึกเจ็บนั่นอีก แม่เฒ่าจางมองใบหน้าที่บวมปูดของหลานชายแล้วได้แต่นึกสงสาร นางให้จางซานเหนียงต้มไข่มาประคบให้เขาหลังจากที่หลิวฟู่เฉิงกลับเข้าห้องไป
“ท่านแม่คงไม่ใช่ว่าิญญานั่นเล่นงานเฉิงเอ๋อเพราะเขาออกความคิดเื่พานักพรตมาที่นี่หรอกนะเ้าคะ”
จางซานเหนียงถามแม่เฒ่าจางอย่างกล้าๆ กลัวๆ หลังจากออกมาจากห้องของหลิวฟู่เฉิงเพื่อนำไข่ต้มไปประคบลดบวมให้เขา
“อย่าพูดจาเหลวไหล”
แม่เฒ่าจางกลอกตามองไปรอบๆ ทั้งยังเอ็ดสะใภ้ใหญ่ของตน แม่สามีลูกสะใภ้กำลังคุยกันอยู่ในห้องครัวก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากห้องของหลิวฟู่เฉิง พวกนางรีบพุ่งไปที่นั่นทันที
“เฉิงเอ๋อเกิดอะไรขึ้น”
แม่เฒ่าจางไปถึงที่นั่นคนแรก มองหลิวฟู่เฉิงที่ดวงตาดำเป็หมีแพนด้าทั้งสองข้างกำลังจับผมของตนเองอยู่
“ท่านย่าผมของข้า”
แม่เฒ่าจางถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ เื่นี้นางเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาได้อย่างไรเช่นกัน หลังจากที่เกิดเื่กับหลิวฟู่เฉิงข่าวลือที่ิญญาของหลิวตงเฟิงเฮี๊ยนมากขนาดไหนก็แพร่สะพัดออกไปถึงหมู่บ้านข้างเคียงเพราะนักพรตและผู้ช่วยของเขา เื่นี้ไม่มีผลกระทบกับครอบครัวของหลิวตงจวิ้นเพราะพวกเขากำลังมุ่งเก็บเงินเพื่อสร้างเรือนหลังใหม่ให้เสร็จก่อนที่ฤดูเหมันต์จะมาเยือน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้