มู่เฟิงย่างก้าวเข้าไปหากู้เทียนชื่ออย่างใจเย็น และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “พี่ใหญ่กู้ ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ร่างกายของกู้เทียนชื่อที่กำลังนอนกองอยู่บนพื้นได้รับาเ็สาหัส ตอนนี้เขาแทบจะไม่มีแรงต่อสู้แล้ว
เมื่อหันไปมองยังมู่เฟิงที่กำลังใกล้เข้ามา สีหน้าของเขาก็มีร่องรอยของความตื่นตระหนก แต่ไม่นานมันก็เปลี่ยนเป็รอยยิ้มขื่นๆ เขาพยายามกล่าวทั้งรอยยิ้มว่า “เข้าใจผิดแล้ว นี่เป็เื่เข้าใจผิด เมื่อครู่เป็เพียงแค่เื่เข้าใจผิดกันเท่านั้น น้องชาย เ้าจะสังหารข้าไม่ได้ บิดาข้าคือยอดฝีมือระดับหนิงกังเชียวนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็หัวเราะออกมาดังลั่น ยอดฝีมือระดับหนิงกัง?
คนอย่างมู่เฟิงจำเป็ต้องหวาดกลัวต่อเื้ัของเขาด้วยรึ? ในตระกูลของเขามีกระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตาน เพียงยอดฝีมือระดับหนิงกังไม่ควรค่าให้กล่าวถึงด้วยซ้ำ
“เข้าใจผิดงั้นหรือ เหตุใดตอนที่เ้าตามล่าพวกเราถึงไม่เห็นพูดแบบนี้บ้างเล่า”
เท้าของมู่เฟิงเหยียบลงบนหน้าอกของกู้เทียนชื่อ ทำให้อีกฝ่ายต้องร้องครางออกมาด้วยความเ็ป
“คนที่มันคิดจะทำร้ายข้า ข้าไม่เคยปล่อยมันไปแม้แต่คนเดียว!”
รังสีสังหารแล่นผ่านดวงตาของมู่เฟิงยิง ดรรชนีนิ้วของเด็กหนุ่มชี้ไปยังหว่างคิ้วของกู้เทียนชื่อ
ฉึก!
ดวงตาของกู้เทียนชื่อเบิกโพลง ปรากฏเป็รูขนาดเท่านิ้วมือขึ้นบนหว่างคิ้วของเขา และรูนี้ก็ได้เจาะผ่านกะโหลกของเขาไปทำให้เขาเสียชีวิตในทันที
แต่ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเขาจะหายไป แน่นอนว่าในห้วงความคิดเขาย่อมไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งหัวหน้ากลุ่มย่อยของกลุ่มทหารรับจ้างเพลิงโชนอย่างเขาจะมาตายด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง และจิตห้วงสุดท้ายของเขายังคงนึกถึงเพียงเื่คาวโลกีย์ของโลกใบนี้
“หัวหน้า!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ทหารรับจ้างอีกสองคนที่กำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับไป๋จื่อเยว่และมู่ขวงต่างก็ตกตะลึงทันที สีหน้าของพวกเขาพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก ในขณะที่ปากก็กรีดร้องออกมาอย่างโศกเศร้า
หยกเทพชูร่าทำการดูดซับพลังเืจากร่างไร้ิญญาอย่างรวดเร็ว โดยในระหว่างนั้นมู่เฟิงก็จ้องมองไปยังทหารรับจ้างที่เหลืออยู่อีกสองคน เขากล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “ไม่ต้องรีบร้อน อีกเดี๋ยวพวกเ้าก็จะได้ตามเขาไปแล้ว”
ทหารรับจ้างสองคนหันหลังชนกันด้วยใบหน้าสิ้นหวัง ตอนนี้พวกเขากำลังถูกล้อมรอบด้วยเด็กหนุ่มสามคน
“เ้าหนุ่ม เ้าเป็คนสังหารหัวหน้ากลุ่มย่อยของพวกเรา ทางกลุ่มทหารรับจ้างเพลิงโชนของเราจะไม่มีวันปล่อยเ้าไปแน่”
ทหารรับจ้างผู้นั้นกล่าวอย่างเ็า
“เพียงสังหารพวกเ้าทิ้ง เท่านี้ก็ไม่มีใครรู้แล้วว่าเป็ฝีมือของข้า”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย ก่อนจะดึงดาบออกมาจากด้านหลัง
“โฮก!”
ทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงคำรามของพยัคฆ์ดังขึ้นมาจากกลางป่า จากนั้นแรงสะกดข่มอันทรงพลังก็ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีพยัคฆ์ตัวหนึ่งกระโจนออกมา มันกำลังจ้องมองมาทางพวกมู่เฟิงในระยะที่ห่างออกไปราวยี่สิบเมตร
สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไปทันที ทหารรับจ้างคนหนึ่งอุทานออกมาด้วยความใว่า “พยัคฆ์เกล็ดเพลิง!”
สีหน้าของมู่เฟิงและเด็กหนุ่มอีกสองคนพลันเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่นานมันก็กลับมาราบเรียบเช่นเดิม
อสูรร้ายตัวนี้มีลำตัวยาวมากกว่าหนึ่งจั้ง รูปลักษณ์ของมันดูคล้ายกับเสือ แต่ทั่วทั้งร่างกลับถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีแดงเพลิง กรงเล็บของมันแหลมคมอย่างยิ่ง รอบตัวของมันถูกโอบล้อมไว้ด้วยคลื่นพลังปราณที่คล้ายกับเปลวเพลิงสีแดงจางๆ สิ่งนี้ยิ่งขลับให้ออร่าของมันดูน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นไปอีก
อสูรร้าย พยัคฆ์เกล็ดเพลิง!
ดวงตาสีแดงเข้มของพยัคฆ์เกล็ดเพลิงกำลังจ้องมองเหล่ามนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้า การต่อสู้เมื่อครู่ของพวกเขาดึงดูดให้มันมาปรากฏตัว
“โฮก!”
สิ้นเสียงคำราม พยัคฆ์เกล็ดเพลิงก็พุ่งกระโจนเข้าหามนุษย์ทั้งห้าคนตรงหน้าในทันที
“หนีเร็ว!”
มู่เฟิงตระโกนกร้าว จากนั้นคนทั้งสามก็วิ่งหนีเข้าป่าอย่างรวดเร็ว
ส่วนทหารรับจ้างอีกสองคนต่างก็หนีกระเจิงเช่นกัน
ความเร็วในการไล่ล่าของพยัคฆ์เกล็ดเพลิงนั้นเหนือกว่าการเคลื่อนไหวของมนุษย์มาก
“มารดามันเถอะ อสูรร้ายระดับหนิงกัง พี่เฟิง เราควรทำอย่างไรกันดี?"
มู่ขวงเอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังวิ่งหลบหนี
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ตอนนี้รีบหนีก่อนเถอะ วันนี้โชคไม่ดีเอาเสียเลย”
มู่เฟิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น หลังจากได้รับผลิญญาสีแดงก็เหมือนว่าชีวิตของเขาจะไม่สงบสุขอีกต่อไป
ในตอนที่มู่เฟิงหันกลับไปมองข้างหลัง เขาพบว่าทหารรับจ้างสองคนนั้นกำลังหลบหนีมาพร้อมกับพวกเขา ทันใดนั้นดวงตาของเด็กหนุ่มก็ฉายแววเ็าออกมาวูบหนึ่ง
การที่อีกฝ่ายวิ่งหนีตามหลังพวกเขามา เห็นได้ชัดว่า้าล่อพยัคฆ์เกล็ดเพลิงมาทางพวกเขา
“เช่นนั้นก็ใช้พวกเขาอุดปากพยัคฆ์ตัวนั้นไปก่อนแล้วกัน”
มุมปากของมู่เฟิงยกยิ้มขึ้นมาในทันที ฉับพลันนั้นเขาก็เอี้ยวตัวกลับมาอย่างกะทันหัน ในขณะที่เท้าของเขายังคงวิ่งไปข้างหน้า เด็กหนุ่มสะบัดดรรชนีนิ้วทั้งสองออกมากลางอากาศ ลำแสงสีทองพุ่งทะลวงออกจากปลายนิ้ว และมุ่งไปยังชายฉกรรจ์สองคนนั้นในทันที จากนั้นมู่เฟิงก็หันหน้ากลับมาและวิ่งต่อ
ฉึก! ฉึก!
ฉับพลันนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้น พวกเขาสองคนถูกลำแสงสีทองเจาะทะลวงเข้าที่ขา ส่งผลให้พวกเขาล้มคะมำลงบนพื้น
“โฮก!”
พยัคฆ์เกล็ดเพลิงพุ่งกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว เล็บเท้าอันแหลมคมของมันตะปบลงไปบนร่างของทหารรับจ้างผู้หนึ่งอย่างแรง
“อ๊าก…!
ทหารรับจ้างผู้นั้นถูกกรงเล็บตัดผ่าร่างจนขาดเป็สองส่วน เขากรีดร้องออกมาด้วยความทรมาน
“อ่า... อ๊าก”
ฉากที่เห็นนี้ทำให้ทหารรับจ้างอีกคนใกลัว เขา้าจะหลบหนี แต่พยัคฆ์เกล็ดเพลิงก็เหวี่ยงร่างของเขาลงกับพื้น จากนั้นคมเขี้ยวของมันก็ขย้ำกัดเข้าที่คอของเขาโดยตรง
หลังจากขย้ำร่างของชายสองคนนี้แล้ว พยัคฆ์เกล็ดเพลิงก็ไม่ได้สนใจที่จะกินร่างของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ดวงตาวาวโรจน์ของมันยังคงจับจ้องไปทางกลุ่มของมู่เฟิงที่หลบหนีไปไกลหลายร้อยเมตร จากนั้นมันก็วิ่งตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว นึกไม่ถึงว่าอสูรร้ายตัวนั้นจะไม่กินเหยื่อ มันกำลังไล่ตามพวกเรามา”
เมื่อไป๋จื่อเยว่หันกลับไปมองก็พบว่าพยัคฆ์เกล็ดเพลิงยังคงไล่ตามพวกเขามา ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงด้วยความตระหนก
เมื่อมู่เฟิงหันกลับไปมอง สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่ลงเช่นกัน จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นว่า “เสี่ยวขวง จื่อเยว่ พวกเราแยกกันหนี ข้าจะล่ออสูรร้ายตัวนั้นไปเอง”
เด็กหนุ่มทั้งสองต่างตกตะลึง มู่ขวงรีบค้านในทันที “ไม่มีทาง พี่เฟิง ข้าจะล่อมันเอง!”
“ไม่ ไม่ พวกท่านสองคนหนีไปเถอะ ข้าจะล่อมันไปเอง พี่เฟิง เสี่ยวขวง การที่ชีวิตของไป๋จื่อเยว่ผู้นี้ได้รู้จักพวกท่านก็นับว่าคุ้มค่ามากแล้ว”
ไป๋จื่อเยว่กล่าวด้วยความร้อนใจ
การล่ออสูรร้ายนั้นเป็เื่ยากที่จะเอาชีวิตรอดได้ เด็กหนุ่มทั้งสามคนล้วนไม่มีใครอยากตาย และยิ่งไม่้าให้พี่น้องของตัวเองต้องตาย
“กำลังพูดเื่เหลวไหลอะไรกัน ในเมื่อพวกเ้าต่างเรียกข้าว่าพี่เฟิง พวกเ้าต้องฟังข้า การเคลื่อนไหวของข้านั้นเร็วกว่าพวกเ้ามาก มีโอกาสหลบหนีได้มากกว่า พวกเ้าไปรอข้าที่เมืองของหุบเขาอัคคีเถอะ”
มู่เฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด จากนั้นฝ่ามือของเขาก็ผลักร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองออกไป ส่วนตัวเขานั้นก็วิ่งหนีไปอีกทาง และไม่ลืมที่จะกล่าวท้าทายพยัคฆ์เกล็ดเพลิง “เ้าอสูรร้าย ข้ารู้ว่าเ้าเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด หากเ้ามีความสามารถก็ไล่ตามข้ามาสิ”
มู่เฟิงโบกมือให้พยัคฆ์เกล็ดเพลิง พร้อมกับนำผลิญญาสีแดงออกมาเย้ยหยันอีกฝ่าย
แน่นอนว่าอสูรร้ายก็มีสติปัญญาเป็ของตัวเอง
พยัคฆ์เกล็ดเพลิงมองตามเด็กหนุ่มทั้งสามที่แยกกันหลบหนี มันหยุดชะงักลงไปชั่วขณะ แต่เมื่อมันหันไปทางมู่เฟิงและเห็นผลิญญาสีแดงในมือของอีกฝ่าย ในพริบตานั้นดวงตาของมันก็ลุกวาวขึ้นมาทันที จากนั้นมันก็มุ่งหน้าไปทางมู่เฟิงโดยไม่ลังเล
มู่เฟิงรีบเก็บผลิญญาสีแดงก่อนจะวิ่งหนีต่อไปอย่างสิ้นหวัง
“พี่เฟิง...!”
ไป๋จื่อเยว่และมู่ขวงที่หลบหนีไปอีกทาง เมื่อพวกเขาเห็นมู่เฟิงนำผลิญญาสีแดงออกมาหลอกล่อพยัคฆ์เกล็ดเพลิง ดวงตาของพวกเขาก็พลันแดงก่ำจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
“รีบหนีเร็วเข้า พี่เฟิงจะต้องหนีออกมาได้อย่างแน่นอน เราจะต้องไปรอพี่เฟิงที่เมืองหุบเขาอัคคี”
มู่ขวงกลั้นน้ำตาและลากไป๋จื่อเยว่ออกไปอย่างรวดเร็ว
ในบริเวณป่าที่เกิดการต่อสู้ขึ้นเมื่อครู่ เมื่อทหารรับจ้างหลายคนตรวจพบศพของกู้เทียนชื่อ สีหน้าของพวกเขาก็พลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียดไม่น่ามอง
“หะ หัวหน้า!”
เมื่อเห็นร่างกายอันแห้งเหี่ยวของกู้เทียนชื่อ ทหารรับจ้างเหล่านี้ต่างก็หน้าซีดด้วยความใ
“หัวหน้าตายแล้ว ชะ เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรกันดี?”
ทหารรับจ้างหลายคนต่างก็ตื่นตระหนก
"ไปกันเถอะ รีบกลับไปรายงานหัวหน้าใหญ่กัน เ้าเด็กพวกนั้นมันต้องชดใช้ด้วยชีวิต!"
ทหารรับจ้างผู้หนึ่งกล่าวอย่างเ็า
จากนั้นพวกเขาก็อุ้มร่างอันแห้งเหี่ยวของกู้เทียนชื่อออกจากป่า
มู่เฟิงหลบหนีออกมาจากเขตของป่าสนสีเหลือง เขากระโจนวิ่งไปตามโขดหิน ในระยะที่ไกลออกไปมีูเาไฟกำลังพ่นควันดำออกมา
ด้านพยัคฆ์เกล็ดเพลิงยังคงไล่ตามมู่เฟิงมาอย่างไม่ลดละ
ในระหว่างหลบหนี มู่เฟิงได้ขว้างแผ่นยันต์ออกไปเป็ครั้งคราวเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพยัคฆ์เกล็ดเพลิงและเพิ่มโอกาสในการหลบหนีให้ตัวเอง
หากว่าไม่มีแผ่นยันต์คอยขวางพยัคฆ์เกล็ดเพลิงแล้ว เกรงว่ามันคงไล่ตามมู่เฟิงมาถึงนานแล้ว
มู่เฟิงถูกไล่ล่าจนต้องหลบหนีเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาอัคคี ในพื้นที่ตรงนี้ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มควันสีขาว พื้นดินร้อนจัดและมีไอสีขาวพ่นออกมาจากรอยแยกของดิน
ไอควันสีขาวนี้คือไอน้ำที่มีอุณหภูมิสูง ซึ่งอุณหภูมิของมันสูงมากจนไม่มีใครสามารถแตะต้องได้
มู่เฟิงโยนแผ่นยันต์แผ่นสุดท้ายออกไป เมื่อหลบหนีเข้ามายังพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยไอร้อน ความสิ้นหวังก็ปรากฏขึ้นภายในใจของเขา
พยัคฆ์เกล็ดเพลิงมองเข้ามายังพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยไอร้อน แววตาของมันมีร่องรอยของความกลัวปรากฏขึ้น มันหยุดฝีเท้าลงและไม่ได้ไล่ตามมู่เฟิงต่อ