หมี่หลันเยว่บอกให้หลินต้าเผิงรีบกลับบ้านทันที เพื่อไปทำความเข้าใจกับแม่ให้ได้เสียก่อน เพราะนี่คือเื่สำคัญที่สุดในบรรดาทุกเื่ เธอเน้นย้ำว่าเขาต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ
"พี่เผิงเฟย เื่ราคามันไม่ใช่ปัญหาหรอก คุณป้าก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลอะไรขนาดนั้น กลับไปคุยกับคุณป้าดีๆ นะคะ"
หมี่หลันเยว่เป็เพื่อนร่วมชั้นกับเขามาหลายปี เคยไปบ้านพี่เผิงเฟยกับพี่ชายอยู่บ้าง ทำให้เธอคุ้นเคยกับแม่ของหลินต้าเผิงพอสมควร เธอเป็แม่บ้านที่ซื่อๆ ใจดี ไม่ได้ทำงานอะไร คอยดูแลเื่ต่างๆ ภายในบ้าน สำหรับครอบครัวที่พ่อหรือแม่ทำงานคนเดียวแบบนี้ ชีวิตคงไม่ได้สุขสบายนัก ดังนั้นหมี่หลันเยว่จึงค่อนข้างมั่นใจเื่การเช่าบ้าน
"เธอไม่ต้องห่วงหรอก แม่ฉันน่ะคุยง่ายจะตายไป บ้านเราก็ไม่ได้ใช้บ้านหลังนั้นอยู่แล้ว ปล่อยทิ้งไว้ก็เปล่าประโยชน์ ถ้ามันจะช่วยให้ครอบครัวเรามีรายได้ แม่ฉันต้องเห็นด้วยแน่นอน เธอรอฟังข่าวดีจากพี่ได้เลย"
พวกเขาทั้งหมดเดินออกมาจากบ้านของหลินต้าเผิง หลินต้าเผิงลงกลอนประตูประตูเสร็จก็รีบกลับบ้านไป เพื่อไปปรึกษาแม่ของเขาก่อน ส่วนหมี่หลันเยว่ก็พาพี่ชายไปที่บริษัทการค้า เพื่อให้ไปช่วยดูราคาสินค้าต่างๆ ให้เธอ เื่นี้แค่ต้องละเอียดรอบคอบหน่อย หมี่หลันเยว่เลยเขียนรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบให้พี่ชาย
หมี่หลันหยางอ่านอย่างละเอียดแล้วพยักหน้า
"เข้าใจแล้ว พี่สัญญาจะทำเื่นี้ให้เสร็จ แต่เื่ผ้าพี่คงช่วยได้แค่ดูคร่าวๆ เพราะพี่ไม่ค่อยคุ้นกับเนื้อผ้า พี่จะจดประเภทของผ้ากับราคามาให้นะ เธอจะได้พอรู้ข้อมูล"
หลันเยว่ก็รู้ว่าเื่ดูผ้านี่มันยากเกินไปสำหรับพี่ชาย แต่สิ่งที่เธอต้องทำ พี่ชายทำไม่ได้ เธอถึงมอบเื่ดูราคาให้พี่ชาย การสอบถามราคาจักรเย็บผ้าและด้ายคงไม่เท่าไหร่ แต่เื่สีสันและการเลือกผ้าคงต้องฝืนใจกันหน่อย
"พี่คะ ไม่เป็ไรหรอก เดี๋ยวพอร้านมันลงตัว ต้องซื้อของเข้าร้านจริงๆ ฉันก็ต้องไปเองอยู่แล้ว พี่แค่ไปสำรวจเส้นทางให้ฉันก่อน"
หลันเยว่มองให้กำลังใจพี่ชาย แล้วหันหลัง เตรียมเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับพี่ชาย
"แล้วฉันล่ะๆ?"
เฉียนหย่งจิ้นเห็นว่าเผิงเฟยกลับบ้านไปคุยกับแม่แล้ว หลันหยางก็ไปบริษัทการค้า หลันเยว่ก็คงมีเื่ต้องทำ แล้วเขาต้องทำอะไรล่ะ ทำไมหลันเยว่ถึงลืมเขาไปได้นะ
"พี่...ก็ลำบากหน่อย ไปช่วยฉันหาดูว่ามีผู้หญิงที่ทำงานเก่งๆ บ้างไหม เื่นี้มันอาจจะยากหน่อยนะคะ พยายามเข้าก็แล้วกัน ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่เป็ไร เดี๋ยวเราค่อยหาวิธี"
หลันเยว่คิดไว้ว่าจะให้เฉียนหย่งจิ้นช่วยดูแลร้านตอนที่เปิดร้านแล้ว แต่ตอนนี้มันยังไม่มีอะไรให้เขาทำจริงๆ
แต่พอเห็นสีหน้ากระวนกระวายที่อยากจะช่วยแต่ช่วยไม่ได้ของเขา หมี่หลันเยว่ก็นึกถึงเื่หนึ่งขึ้นมาได้ แต่ให้เด็กหนุ่มไปสืบเื่ผู้หญิงที่เย็บผ้าเก่งๆ มันก็คงลำบากเขาจริงๆ
"พี่ก็แค่ช่วยฉันสืบๆ ดูหน่อยก็พอ เอาคนที่ฝีมือดีๆ แต่ครอบครัวลำบากหน่อยยิ่งดี"
หมี่หลันเยว่ตบไหล่เฉียนหย่งจิ้น ทำท่าเหมือนเป็พี่เป็น้องกัน
"พี่หย่งจิ้น เื่นี้มันยากจริงๆ นะ ถ้าสืบได้ว่ามีใครที่ฝีมือดี อยู่บ้านเฉยๆ ก็บอกฉันมาได้เลยนะ ถ้าสืบไม่ได้ก็ไม่เป็ไร เดี๋ยวฉันจัดการเื่นี้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปหาคนเอง ยังไงก็ต้องหาคนที่เหมาะสมได้"
ตอนที่เฉียนหย่งจิ้นได้ยินว่าหมี่หลันเยว่มอบหมายเื่นี้ให้เขาจัดการ เขาก็รู้สึกว่ามันยากจริงๆ เขาเป็ผู้ชาย จะไปสืบเื่ของผู้หญิงพวกนั้นได้อย่างไร เขาไม่สนิทกับผู้หญิงสักหน่อย แต่พอได้ยินว่าหมี่หลันเยว่ไม่ได้หวังอะไรในตัวเขาเลย เขาก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
"หลันเยว่ เธอไม่ต้องห่วงหรอก พี่ต้องช่วยเธอหาคนได้แน่นอน พี่จะไม่ทำให้เื่ร้านต้องช้า"
เฉียนหย่งจิ้นให้สัญญาอย่างหนักแน่น หมี่หลันเยว่ไม่อยากให้เขากดดันตัวเองขนาดนั้น
"พี่หย่งจิ้น ฉันพูดจริงๆ นะ พยายามเข้าก็แล้วกัน ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่เป็ไร"
เธอเป็ห่วงว่าเฉียนหย่งจิ้นจะก่อเื่อะไรขึ้นมาเพราะอยากทำเื่นี้ให้สำเร็จ เธอไม่ได้อยากให้เขาช่วยหาช่างเย็บผ้าจริงๆ หรอก แต่เป็เพราะเฉียนหย่งจิ้นอยากจะช่วยอะไรสักอย่าง เธอเลยมอบหมายงานให้เขาทำไปอย่างนั้นเอง
มันเป็การตัดสินใจชั่ววูบ มอบหมายงานให้เขาทำ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่เหมาะกับงานนี้ แต่ไม่คิดว่าเขาจะตั้งใจรับงานไปขนาดนี้ หมี่หลันเยว่ไม่อยากให้เขากดดันตัวเองขนาดนั้น
"น้องเชื่อใจพี่เถอะ หลันเยว่ พี่เฉียนหย่งจิ้นต้องทำภารกิจให้สำเร็จ"
ที่จริงแล้ว หมี่หลันเยว่ไม่ได้คิดจะรีบหาช่างเย็บผ้าขนาดนั้น เธอคิดว่าจะให้แม่ของหลินต้าเผิงช่วยหาคนให้หลังจากที่ตกลงเื่เช่าบ้านแล้ว เพราะแม่ของหลินต้าเผิงมีฝีมือในการตัดเสื้อผ้าที่ดีมาก เมื่อเธอเป็คนที่ทำเสื้อผ้าเป็ เธอก็น่าจะมีคนประเภทเดียวกันอยู่ใกล้ๆ ตัว เพราะคนเรามักจะคบหากับคนประเภทเดียวกัน
"ถ้างั้นพี่ก็ลองหาคนดู อย่าใจร้อนนะพี่หย่งจิ้น เรายังมีเวลา ช่างเย็บผ้าคือส่วนสำคัญของร้านเรา ต้องเป็คนที่ฝีมือดีมาก เื่นี้ห้ามประมาทเด็ดขาด ถ้าหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ก็อย่าฝืนตัวเอง รู้ไหม?"
"รู้แล้วๆ พี่จะช่วยน้องหาคนที่ดีที่สุดให้ได้ ไปแล้วนะ"
เฉียนหย่งจิ้นเริ่มคิดในหัว เขาคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้ เลยรีบวิ่งไปหาคนโดยไม่สนใจจะพูดอะไรกับหมี่หลันเยว่อีก
เธอมองตามเฉียนหย่งจิ้นที่วิ่งลิ่วไป หมี่หลันเยว่ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา เธอเป็ห่วงว่าเฉียนหย่งจิ้นจะรีบทำเื่นี้ให้สำเร็จจนก่อเื่อะไรขึ้นมา การไปคุยกับผู้หญิง โดยเฉพาะแม่บ้าน อาจมีเื่ที่ไม่แน่นอนเกิดขึ้นมากมาย อย่าให้ร้านของเธอต้องเปิดก่อน แล้วเธอต้องไปช่วยเขาแก้ต่างเื่ไร้สาระพวกนั้นเลย
แต่หมี่หลันเยว่ก็คิดอีกที ในอนาคตธุรกิจของเธอจะพึ่งพาแค่เธอคนเดียวไม่ได้ เธอต้องฝึกฝนคนที่มีความสามารถในการทำงานจริงจัง เฉียนหย่งจิ้นอาจจะปากมากไปหน่อย แต่เขาก็เป็คนที่ใส่ใจในเื่ต่างๆ พอคิดดูแล้ว ั้แ่รู้จักเขามา เขาก็ไม่เคยทำเื่ผิดพลาดอะไรเลยสักครั้ง
หมี่หลันเยว่พยักหน้าอย่างหนักแน่น งั้นครั้งนี้ก็ถือเป็การประเมินผลก่อนเข้าทำงานแล้วกัน ต้องปล่อยคนออกไปก่อน ถึงจะเห็นความสามารถของพวกเขาได้ ก่อนที่จะมีผลลัพธ์ออกมา ใครจะรู้ว่ามันจะสำเร็จหรือล้มเหลวล่ะ บางที เขาอาจจะสร้างความประหลาดใจให้เธอก็ได้
เมื่อมีความคิดแบบนี้ หมี่หลันเยว่ก็ไม่กังวลเื่เฉียนหย่งจิ้นอีก เธอไปที่สำนักงานทะเบียนธุรกิจก่อน เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ เธออายุยังน้อย ไม่รู้ว่าจะใช้ชื่อของเธอในการขอใบอนุญาตได้หรือไม่ แต่ผลปรากฏว่ามันไม่จำกัดอายุ แต่เพื่อป้องกันการสอบถามจากเ้าหน้าที่ เธอต้องคิดหาคำพูดไว้ล่วงหน้าด้วย
จากนั้น หมี่หลันเยว่ก็ไปที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของรัฐ ซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองซวงเฉิง นี่เป็โรงงานเสื้อผ้าที่เดียวในเมือง เธออยากจะสั่งทำป้ายเสื้อผ้าขนาดเล็กของตัวเองได้ที่นี่ คือป้ายยี่ห้อที่เย็บติดไว้ในเสื้อผ้า ตรงใต้คอเสื้อ
"เธอบอกว่าอยากสั่งทำป้ายเล็กๆ เหรอ?"
หมี่หลันเยว่ตรงไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการโรงงาน โชคดีที่ผู้จัดการโรงงานในยุคนี้หาตัวง่ายมาก พวกเขาขยันขันแข็ง กำลังนั่งจิบชาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องทำงาน
"ค่ะคุณลุง หนูอยากสั่งทำป้ายเสื้อผ้าเล็กๆ จำนวนหนึ่ง ไม่ทราบว่าราคาเท่าไหร่คะ?"
เพราะป้ายเล็กๆ ต้องใช้เครื่องปักพิเศษ ตอนนี้หมี่หลันเยว่ยังไม่มีความสามารถที่จะซื้อเครื่องจักรแบบนั้นได้ เธอเลยต้องมาสั่งทำ
ผู้จัดการโรงงานมีท่าทีอ่อนโยน อาจเป็เพราะเด็กสาวตรงหน้าเขาน่ารักมาก
"หนูน้อย โรงงานของเราไม่รับงานนอก เราทำตามจำนวนที่ข้างบนสั่งมาเท่านั้น เห็นทีลุงจะช่วยอะไรหนูไม่ได้แล้วล่ะ"
หมี่หลันเยว่จะยอมแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน
"คุณลุงผู้จัดการ ตอนที่พวกคุณลุงว่างๆ ก็คงทำเสื้อผ้าให้ตัวเองใส่บ้างใช่ไหมคะ?"
คำถามนี้ทำให้สีหน้าของผู้จัดการโรงงานเย็นลงเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก
"ทำไม โรงงานของเราเอง ให้สวัสดิการแก่พนักงานไม่ได้หรือยังไง?"
หมี่หลันเยว่จะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าสีหน้าของผู้จัดการโรงงานไม่ดี เธอรีบยิ้มอย่างสดใส
"ก็ใช่น่ะสิคะ คุณลุงก็บอกเองว่าควรให้สวัสดิการแก่พนักงาน..."
"โรงงานของคุณลุงทำรูปป้ายเล็กๆ ให้หนู ก็ไม่ได้ทำให้งานของพวกคุณลุงล่าช้า แค่ช่วยทำตอนที่งานน้อยก็พอ แต่นี่คือรายได้นอกแผนนะ คุณลุงเอาเงินส่วนหนึ่งไปให้พนักงานเป็รายได้เสริมได้ พวกเขาจะยิ่งอยากทำงานให้โรงงาน ให้คุณลุงมากขึ้น แถมยังเหลือเงินอีกส่วนไว้ให้โรงงานใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินได้ด้วย"
คำพูดพวกนี้ไม่ต้องพูดให้ชัดเจนนัก เงินส่วนที่เหลือจะให้ผู้จัดการโรงงานใช้จ่ายอย่างไรก็แล้วแต่เขา แต่ไม่ว่าเขาจะใช้มันเพื่อส่วนรวมหรือส่วนตัว หมี่หลันเยว่ก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ อย่างน้อย เธอก็ได้ยื่นความจริงใจให้แล้ว หวังว่าคุณลุงผู้จัดการจะเปลี่ยนท่าที
"สวัสดิการเหรอ..."
ผู้จัดการโรงงานเริ่มคิด เขาคิดว่าสิ่งนี้จะนำมาซึ่งผลกำไรมากแค่ไหน จะนำประโยชน์มาสู่พนักงานมากแค่ไหน มันจะนำปัญหาอะไรมาสู่โรงงานหรือไม่ หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว เขาก็รู้สึกว่ามันเป็ธุรกิจที่น่าทำจริงๆ
"ข้อเสนอของหนูก็เป็ไปได้ ป้ายเล็กๆ ไม่ใช่สินค้าใหญ่โตอะไร ไม่เปลืองแรง แถมยังมีประโยชน์กับพนักงานด้วย ตอนนี้การเลี้ยงดูครอบครัวมันไม่ง่ายเลย แต่ลุงต้องไปปรึกษากับลูกน้องดูก่อน ลุงจะตัดสินใจเองโดยไม่ถามความคิดเห็นของทุกคนไม่ได้"
ดูเหมือนว่าผู้จัดการโรงงานคนนี้จะเป็ผู้จัดการโรงงานที่เหมาะสมจริงๆ ในเมื่อเขาจะเปิดประชุมปรึกษาหารือกับลูกน้อง โดยที่ไม่ได้พูดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวกับเธอเลย เขาคงไม่มีความคิดที่จะโกง หมี่หลันเยว่ประทับใจในตัวเขามากขึ้น ผู้จัดการคนนี้น่าจะเป็คนที่สามารถร่วมงานกันได้ในระยะยาว เธอต้องรักษาสัมพันธ์ที่ดีกับเขา
"คุณลุง หนูชื่อหมี่หลันเยว่ คุณลุงชื่ออะไรคะ?"
ตอนที่หมี่หลันเยว่คุยเื่ธุรกิจ เธอลืมไปเลยว่าตัวเองอายุแค่สิบขวบ ระหว่างที่คุยกัน มือเล็กๆ ข้างหนึ่งก็ยื่นออกไปแล้ว ผู้จัดการโรงงานมองมือเล็กๆ นั้น แล้วก็ยิ้ม ยื่นมือใหญ่ๆ จับมือเล็กๆ ของหมี่หลันเยว่ไว้
"ลุงชื่อหลัว หลัวมั่นชาง หนูเรียกลุงว่าลุงหลัวก็ได้"
หลัวมั่นชางชอบเด็กสาวคนนี้มาก เธอเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย
"ข้อเสนอของหนู ลุงจะเอาไปพิจารณาดู น่าจะไม่มีปัญหาอะไร อีกสองวันให้ผู้ใหญ่ที่บ้านหนูมาพบลุงนะ"
ถึงแม้ว่าเขาจะชื่นชมเด็กสาวคนนี้มากแค่ไหน เขาก็ไม่ได้คิดว่าเธอเป็คนตัดสินใจ เขานึกว่าผู้ใหญ่ที่บ้านยุ่งมาก เลยให้เธอมาหยั่งเชิงดูก่อน
"ค่ะคุณลุงหลัว อีกสองวันหนูจะมาอีก ขอบคุณคุณลุงล่วงหน้านะคะ หวังว่าเราจะร่วมงานกันสำเร็จนะคะ"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของเขา แค่รับรองว่าเธอจะมาอีก
"ถ้างั้นเราก็ตกลงกันแล้วนะ สหายหมี่หลันเยว่ อีกสองวันเวลานี้ ลุงจะรอพวกหนูอยู่ในห้องทำงาน"
หลัวมั่นชางหยอกล้อหมี่หลันเยว่ เรียกเธอว่าสหาย แต่หมี่หลันเยว่ไม่ได้ใส่ใจ ตราบใดที่เขาสามารถตกลงเื่นี้ได้ก็พอ
"งั้นคุณลุงหลัวเจอกันใหม่ค่ะ"
"เจอกันใหม่!"
หมี่หลันเยว่เดินออกจากประตูโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของรัฐ พอเลี้ยวเข้าไปในถนนใหญ่ คนในโรงงานมองไม่เห็นเธอแล้ว หมี่หลันเยว่ก็ะโขึ้น ชูกำปั้นขึ้นอย่างแรง
